11 ตอน บทที่ 9 พวกเราทุกคนชอบไปโรงเรียน
โดย ChaoSera
บทที่ 9 พวกเราทุกคนชอบไปโรงเรียน
เพโลวีมีรอยฟกช้ำมาตั้งแต่เช้าแล้ว เธอก็เหมือนกับอิล ถูกลงโทษในการรับน้องที่จัดขึ้นเพื่อความสนุกของรุ่นพี่ ดูเหมือนจะมีบ้านหัวใจสิงห์กับบ้านบุหงาดำที่รอดจากวังวนเน่าเฟะนั้น เพราะบ้านหัวใจสิงห์มีรุ่นพี่ที่นิสัยดี ส่วนบ้านบุหงาดำไม่มีรุ่นพี่ บ้านมณีเลือดต่างออกไปตรงที่รุ่นพี่จะไม่หาเรื่องกับคนที่แข็งแกร่งกว่าอย่างพวกยักษ์ และคนที่บรรดาศักดิ์สูงกว่าอย่างเดธิเลีย ในขณะที่บ้านหอกราตรีกดหัวรุ่นน้องทุกคน
“ข้าได้ยินว่าเจ้าอยากทำอาหาร” เพโลวีเปลี่ยนกลับเป็นร่างจำแลงมนุษย์ ก่อนจะส่งหม้อสำหรับต้มซุปให้คัลลัค
“มาทำไม” คัลลัคถามกลับอย่างเย็นชา
“คือข้าคิดว่า บางทีเจ้าอาจจะอยากได้คนช่วย... ” เพโลวีเสนอตัวช่วยด้วยท่าทางบิดไปมาขัดกับกล้ามล่ำ ๆ พวกนั้น แต่คัลลัคกลับปัดหม้อในมืออีกฝ่ายลงพื้น
“แน่นอน ข้าต้องการให้ช่วย ข้าต้องการให้ช่วยในตอนที่ถูกเดธิเลียซ้อมในวันสอบ ข้าต้องการให้ช่วยตอนที่ถูกไทเตสโยนเข้าไปในโพรงมืด” คัลลัคสั่นหัว “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ามาช่วยทำอาหาร”
เพโลวีก้มหน้ามองพื้น ลูบแขนอย่างรู้สึกผิด
“กลับไปก่อนที่เจ้านายจะเรียกหาเถอะ” คัลลัคหมายถึงเดธิเลีย ไม่ว่ามองยังไงก็รู้ว่าเพโลวีจะฟังหัวโจกตัวเองมากกว่าเพื่อนที่พึ่งรู้จัก บางทีอาจจะเพื่อเอาตัวรอดในบ้านมณีเลือด แต่คัลลัคก็ไม่กล้ามองโลกในแง่ดีขนาดนั้น
เพโลวีคืนร่างเสือและกระโดดข้ามกำแพงดินกลับไป โดยไม่ได้คาบเอาหม้อต้มซุปกลับไปด้วย ทั้งที่ดูแล้วอีกฝ่ายน่าจะขโมยมาจากห้องครัวบ้านนั้น
“เฮ้อ” คัลลัคถอนหายใจ เธอก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับเพโลวีอยู่ ถ้าหากอีกฝ่ายยอมรับเธอได้ แม้จะรู้เรื่องตาเงิน แต่มันเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่เพโลวีอยู่ใต้อำนาจเดธิเลีย “เอาน่ะ ไหน ๆ ก็ต้องต้มยาอยู่แล้ว”
คัลลัคตัดสินใจเก็บหญ้าตามพื้นมาเป็นสองเท่าจากที่ตั้งใจ ในสายตาคนอื่น หญ้าพวกนี้คือวัชพืช แต่คัลลัครู้ว่ามันคือสมุนไพรและพืชเวทมนตร์หลายชนิด ไม่ใช่ว่าเคยอ่านเจอ แต่เพราะเมื่อเธอเปิดผ้าปิดตาออกและมองด้วยตาเงิน เธอจะเห็นกระแสพลังเวทในอากาศและผืนดิน เห็นละอองเวทมนตร์ในสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าคน สัตว์หรือพืช
สีสันแสนสวยงามเหล่านี้ คัลลัคเคยนึกว่าทุกคนที่ใช้เวทมนตร์ได้จะเห็นมันเป็นปกติสามัญ แต่เมื่อฟังเรื่องพ่อของริสต้า ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความสามารถที่ติดมากับตาเงินมากกว่า
คัลลัคพยายามก่อกองไฟเพื่อต้มยากลางดึก ทุกคนในบ้านดับไฟนอนกันไปแล้ว ยกเว้นร็อตที่ติวหนังสืออยู่ทุกคืน
“เอาไม้ขีดไหม” ร็อตชะโงกหน้าออกมาถาม คงเพราะได้กลิ่นควันจากฟืนที่คัลลัคพยายามเป่า แต่ไฟไม่ติดเสียที
“อ..เอ้อ ขอบคุณ สวัสดีตอนดึกนะร็อต” แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนร่วมบ้าน แต่คัลลัคแทบไม่ได้คุยกับกอริลลาเขียวปีกแมลงตนนี้เลย เพราะรู้สึกว่าอีกฝ่ายฉลาดเกินไป
“ทำต้มจับฉ่ายรึ” แม้แต่ร็อตก็นึกว่าคัลลัคจะต้มซุป เพราะเขาไม่รู้จักสูตรยาจากสมุนไพรที่เก็บมั่ว ๆ แบบนี้
“เปล่า ข้าว่าจะต้มยาน่ะ” คัลลัคตอบ เลี่ยงไม่พูดถึงอิล “ยารักษาแผลฟกช้ำให้เพโลวี”
“แต่เจ้าเก็บสมุนไพรสำหรับทำยาพิษมาด้วย” ร็อตทัก ทำเอาคัลลัคหันขวับ “ใบนี้ไง”
“มันมีพิษรึ” คัลลัคถาม ร็อตพยักหน้า ดูเหมือนว่าถ้าเป็นเรื่องยา ร็อตจะช่างคุยกว่าปกตินิดหน่อย “แต่ข้ากินได้นะ”
“ไม่ มนุษย์กินใบนี้ไม่ได้ กินแล้วตาย” ร็อตว่า
“แต่... ข้ากินได้นะ” คัลลัคหยิบมาเคี้ยว ๆ แล้วกลืนให้ดู ทำให้ร็อตชะงักในท่ายกมือห้าม แต่จากท่าทางที่ยังไม่น้ำลายฟูมปากตาย เขาก็เริ่มเชื่อแล้วว่าคัลลัคกินได้
“ท้องเจ้าทำมาจากอะไรกัน” ร็อตถาม เขาแน่ใจว่ามันมีพิษ แล้วก็เคยเห็นยาพิษที่ทำจากพืชนี้ด้วย
“ก็กินไปมั่ว ๆ เพราะไม่มีเงินจะซื้อกินน่ะ” คัลลัคตอบ “ข้าเคยคิดว่าตัวเองถูกสร้างจากดิน กินพิษก็ไม่ตายหรอก จริง ๆ ก็เคยท้องเสียอยู่บ้าง แต่มันก็แค่นั้น”
“ซื่อบื้อจริง” ร็อตถอนหายใจ เขาหยิบเอาหนังสือออกมานั่งเป็นเพื่อนคัลลัคที่ระเบียงไม้ อาจจะเพราะแสงจากกองไฟสว่างกว่าเทียนเล่มเดียวในห้อง แต่คัลลัคก็รู้สึกดีที่มีเพื่อนคุย
แม้ว่าพักต่อมาจะเกิดอาการเดดแอร์ก็ตาม
“แล้ว... เจ้าเห็นอะไรในโพรงมืด” คัลลัคถามเพื่อทำลายความเงียบ
“คิดหัวข้อสนทนาเองไม่เก่งสินะ” ร็อตตอกกลับ โดยไม่ยอมตอบคำถาม “เป็นข้าจะไม่ยุ่งเรื่องคนอื่นให้มากนัก”
คัลลัคต้มยาต่อไปอย่างเงียบเชียบ รู้สึกเหมือนโดนหลอกด่าว่าเผือก แต่ก็โต้กลับไม่ได้ เพราะร็อตยังช่วยแนะนำสมุนไพรที่คนปกติกินแล้วไม่ตายให้เธออยู่
สุดท้ายก็ได้รับยากินกับยาทามาอย่างละ 4 ขวด
+++
คาบเรียนที่ 5 วิชาสังคมศึกษา ::: ห้องเรียนปี 1
ยาที่สร้างได้นั้น ชุดแรกคัลลัคทาให้ตัวเองก่อนเลย ในขณะที่อาการอื่น ๆ ที่ยังไม่หาย ตั้งแต่หวัดลงคอ รอยฟันเงือก โรคกระเพาะและข้อเท้าพลิกนั้น ร็อตเป็นคนช่วยทำแผลให้โดยอ้างว่าเป็นการทบทวนบทเรียน จนคัลลัคเริ่มคิดแล้วว่ากอริลลาหน้าโหดตนนี้อาจจะเรียนจบไปเป็นฮีลเลอร์ก็ได้
วิชาสังคมคือวิชาเหมารวม ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ศาสนา หน้าที่พลเมือง ไปยันกฎหมายทั้งของฝั่งคนปกติและฝั่งผู้ใช้เวทมนตร์ เรียกได้ว่าเหม่อเมื่อไหร่ก็ตามไม่ทันเมื่อนั้น แต่ก็ไม่รู้เป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ครูสอนวิชานี้คือครูแคล
นักเรียนทั้งชั้นจึงต้องวนมาทบทวนหัวข้อศาสนาเป็นรอบที่ 4 ของวัน เพราะมีนักเรียนต่างศาสนายืนเถียงกัน
คนหนึ่งคือไฮโอ ไม่น่าแปลกใจ เขานับถือศาสนาบริสุทธิ์ แถมมีพ่อเป็นพวกเคร่งจัดอีกต่างหาก
ส่วนอีกคนหนึ่งคือฮันนิบาล เขาไม่นับถือศาสนา
หัวข้อที่เถียง ก็คือ การรักเพศเดียวกันเป็นสิ่งถูกรึผิด
คัลลัคที่นับถือศาสนาเทรเซน ซึ่งเป็นศาสนาหลักของโลก เช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่น พากันเอือมระอากับสงครามน้ำลายของเด็กหนุ่มคู่นี้
วิชานี้เพโลวีนั่งอยู่กับเดธิเลียที่ท้ายห้อง ส่วนคัลลัคนั่งอยู่ข้างสงครามน้ำลาย เธอจึงยังไม่มีโอกาสคืนหม้อแถมยาให้อีกฝ่ายไป เพราะมันคงไม่ดีแน่ ถ้าเดธิเลียรู้ว่าเพโลวีช่วยเธอ
+++
คาบเรียนที่ 6 วิชาพลศึกษา ::: สนามเวทมนตร์
คัลลัคเกลียดวิชานี้
มันคือวิชาออกกำลังกายด้วยอาวุธเวทมนตร์ นักเรียนส่วนใหญ่จะใช้ดาบเป็นอาวุธ รวมทั้งเดธิเลียด้วย ในขณะที่อาวุธของคัลลัคเป็นแค่มีดราคาถูก ส่วนอาวุธที่แพงที่สุดก็คงหนีไม่พ้นของเจ้าหญิงซาร์ธีน ซึ่งเป็นศาสตราเวทประจำราชวงศ์ มันคือมงกุฎซึ่งทำจากวัสดุเวทมนตร์แพงหูฉี่ทั้งหมด
วิชาพลศึกษาสอนโดยครูกินรา ประเดิมคาบเรียนแรกด้วยการให้จับคู่ประลอง เพื่อแสดงพื้นฐานให้ครูเห็น
โชคร้าย คัลลัคหนีเดธิเลียไม่พ้นในวิชานี้
เมื่อจบวัน บาดแผลที่ยังไม่หายจึงยับเยินเข้าไปอีกพร้อมกับแผลใหม่ แม้ว่าจะสวมผ้าคลุมเวทป้องกันไว้แล้ว ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเล็งผิวหนังที่ไร้การป้องกันของเธอ เช่น หลังมือ ใบหน้าและข้อเท้า
“แล้วเจอกันใหม่สัปดาห์หน้า” เดธิเลียพูดทิ้งท้ายเอาไว้กับสภาพคู่ต่อสู้ที่พยายามห้ามเลือดบนหลังมือ “เจ้าตายแน่”
นี่เป็นการต่อสู้จริง ดาบพวกนั้นมีคมจริง มีอาการบาดเจ็บและเลือดออก เพียงอย่างเดียวที่ไม่จริงคือการต่อสู้นี้ไม่ถึงตาย แต่ก็ไม่แน่...
มันอาจจะมีสักครั้งก็ได้ที่ครูกินราไม่ห้ามพวกเธอ
+++
“ข้าจะไปจัดการเรื่องติดต่อให้ภายในวันเงานี้ แต่แค่...! แค่ติดต่อนะ” อิลบอก หลังจากที่คัลลัคให้ยากับเขาไป “ข้าจะไม่พาเขามาหาเจ้า จนกว่าเจ้าจะให้อะไรที่มีมูลค่ากว่านี้”
“นี่” คัลลัคเรียกเขา แต่กลับมองไปทางบ้านมณีเลือด ซึ่งเพโลวีกำลังหาวิธีเอาหม้อกลับเข้าไปเก็บโดยไม่ให้โดนจับได้ คัลลัคให้ยาอีกฝ่ายไปแล้ว แต่เพโลวีไม่ยอมรับไปเพราะเห็นคัลลัคสภาพยับเยินกว่ามาก จนต้องบอกว่ามียาสำรองอีกถึงจะยอม “เจ้าว่าคนเป็นเพื่อนกันต้องช่วยเหลือกันตลอดเวลาไหม”
“เห้ย ๆ ข้าไม่ใช่ที่ปรึกษาปัญหาชีวิตนะ” อิลทำหน้าอี๋ใส่ “ที่แน่ ๆ ข้ากับเจ้าไม่ใช่เพื่อนกัน จำไว้ให้ดีล่ะ”
“อืม” คัลลัคขานรับอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนในหัวเริ่มคิดว่าถ้าเธอกับเพโลวีผ่านพ้นช่วงปีหนึ่งและสมัครกิลด์ที่ไม่มีเดธิเลียมาคอยกดหัว ความสัมพันธ์ของพวกเธอจะดีขึ้นกว่านี้ไหม
แต่ก็ทำใจ เพราะโชคดีไม่เคยจะอยู่ข้างเธอ
+++
คาบเรียนที่ 7 วิชาศิลปศึกษา ::: ห้องจิตรกรรม
คัลลัคชอบวิชานี้
แต่ครูประจำวิชาอาจจะไม่ชอบเธอ
ครูดูโคเป็นครูสอนวิชาศิลปะร่วมกับวิชาปรุงยา เขาสอนได้ละเอียดตั้งแต่การบดสีทำหมึกเวทมนตร์ เพื่อจะสร้างภาพเขียน สัญลักษณ์เวท ไปจนถึงวงเวท น่าเสียดายที่คัลลัคต้องไม่ทำตัวเด่น เพราะเขาเป็นเหมือนริสต้า เกลียดกลัวพวกตาเงิน แต่ยังแสดงท่าทีปกติแค่เพราะยังไม่รู้ว่าคัลลัคเป็น
มันก็แค่ระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง
“วาดสวยนี่” ไฮโอชะโงกมองงานวงเวทขนาดเล็กของคัลลัคในกระดาษ เขาอาจจะเป็นเพื่อนคัลลัคในสายตาริสต้า แต่ในสายตาคัลลัคแล้ว เธอกลัวว่าเขาจะแฉเรื่องเธอกับริสต้าหรือพ่อของเขาตลอดเวลาจนไม่กล้าชวนคุย “ไม่โชว์ครูหน่อยรึ”
คัลลัครีบคว่ำกระดาษปิด
แต่มือเจ้ากรรมนายเวรของเธอดันไปปัดโดนขวดหมึกเวทมนตร์เข้าจนร่วงแตกกระจายไปบนพื้น ทำให้เกิดระเบิดควันสีม่วงรูปเห็ดขึ้นมาในห้อง
ปุ้ง! มีภาพวาดและตัวเพื่อนร่วมห้องโดนลูกหลงกันไปหลายคน แต่คนที่โดนหนักสุดจนเปื้อนคราบหมึกระเบิดไปหมดก็คือเจ้าหญิงซาร์ธีนที่เดินผ่านเพื่อจะเอางานไปให้ครูดูโคช่วยแนะนำ ส่วนงานในมือก็เละเทะไปเรียบร้อย
“ชากอล” ครูดูโคพูดเสียงต่ำ “ข้าเตือนว่ายังไง เรื่องพลังเวทที่บรรจุในน้ำหมึก”
คัลลัคกลืนน้ำลาย ตั้งใจจะหยิบผ้าเช็ดหน้าให้ซาร์ธีน แต่อีกฝ่ายเดินกลับไปเช็ดหน้าที่โต๊ะตัวเองแล้ว
อยู่ดีไม่ว่าดี คัลลัคก็ทำให้คนเกลียดตนเพิ่มเสียอย่างนั้น
“หลังเลิกเรียนอยู่คุยกับครูด้วย” ครูดูโคเอ่ย
คัลลัคหน้าซีด ริสต้ายิ้มแหย ๆ พลางส่งผ้าเช็ดหน้าให้เพื่อน ส่วนไฮโอยกนิ้วนวดขมับไว้อาลัยคนดวงซวย
+++
“รู้ไหมว่าทำไมหมึกถึงระเบิด” ครูดูโคถาม หลังจากคนอื่นกลับกันไปหมดแล้ว ส่วนริสต้ากับไฮโอรอคัลลัคที่หน้าห้อง
“เพราะข้าชนขวดตกแตก” คัลลัคตอบ
“เพราะเจ้าใส่ผงกำมะถันมากเกินไป” ครูดูโคเฉลย “ริสต้าบอกข้าว่าเจ้าเข้าไปในห้องปรุงยา เพื่อจะเอาหม้อไปต้มยาให้เพื่อน ความจริงเจ้ายืมใช้ได้ ตราบใดที่ไม่เอาไปต้มซุป”
คัลลัคยิ้มแหย ๆ ก็ตอนนั้นเธอตกใจอยู่จนไม่รู้จะพูดอะไรออกไป อีกทั้งกำลังหิวอยู่พอดีในจังหวะนั้น
“ขอดูยาที่เจ้าทำหน่อย” ครูดูโคแบมือ คัลลัคจึงรีบหยิบยาออกมาจากย่ามเน่า ๆ ที่พกติดตัวตลอดเวลา มันเป็นยาสำรองที่ยังไม่ได้ใช้ แต่คัลลัคพกทุกอย่างติดตัวเหมือนคนบ้าหอบฟางอยู่แล้ว “เจ้าน่าจะไปซื้อกระเป๋าใหม่ได้แล้วนะ”
“ใบนี้มีคนให้มาค่ะ” คัลลัคกอดย่ามเน่าของตัวเองแน่น มันอาจจะมีสภาพดูไม่ได้ แต่มันก็มีดีในแบบที่ต่างออกไป
มันคือกระเป๋าไร้ก้น ลุงกันตินี่เป็นคนเย็บให้กับมือ
“บาดแผลพวกนั้น” ครูดูโคเอ่ยทั้งที่แกว่งขวดยาดูสีของมันอยู่ “ไปโดนอะไรมา”
“วิชาพลศึกษาค่ะ” คัลลัคเลี่ยงที่จะตอบชื่อบุคคล
“แปลว่าจะโดนทุกสัปดาห์สินะ” ครูดูโคทาย ก่อนจะเขียนอะไรบางอย่างใส่กระดาษส่งให้คัลลัค “อันนี้ดีกว่า”
มันคือสูตร แต่ไม่ใช่ยารักษา
“วงเวทป้องกันพื้นฐาน...? ” คัลลัคอ่านชื่อภาพตัวอย่างที่ครูเขียนให้ ก่อนจะขยับกระดาษและพบว่ามันเหนียวขึ้นเหมือนว่ากลายเป็นหนังสัตว์คุณภาพดี
“ถ้าใช้ให้ถูกเวลา มันก็อาจช่วยชีวิตเจ้าได้” ครูดูโคเอ่ย ความจริงแล้วเขาเรียกเธอเอาไว้ ไม่ใช่เพราะก่อเรื่อง แต่เพราะคัลลัคมีผ้าพันแผลเต็มตัวจนสะดุดตา เมื่อหมึกระเบิดจึงถือโอกาสเรียกตัวเอาไว้เลย “แล้วระวัง อย่าทำขวดหมึกแตกอีกล่ะ วัตถุดิบพวกนี้ พวกเจ้าใช้เรียนฟรี แต่ความจริงมันแพงมาก”
“ขอบคุณค่ะ” คัลลัครีบขอบคุณครูในทันที เธอมีอคติกับเขาในทีแรกเพราะคิดว่าเขาจะเกลียดเธอ แต่ก็ไม่... “เอ่อ ครูดูโคคิดยังไงกับพวกตาเงินเหรอคะ”
“เกลียด” คำตอบที่ได้นั้นกลับมาเร็วทันควัน สายตาใจดีของครูแปรเปลี่ยนเป็นเกลียดชัง “ถามทำไม”
“อ..เอ่อ ก็แค่... ข้าไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน แล้วริสต้าก็ไม่ชอบพวกเขามาก ๆ เลย ข้าก็เลยอยากรู้ว่าทำไมน่ะค่ะ” คัลลัคแถไปเรื่อย
“เพราะพวกมันเลือกเส้นทางที่จะเดินไปหานครแห่งความตายและได้รับคำสาปมา เป็นพวกนอกรีตในศาสนาบริสุทธิ์” ครูดูโคเอ่ยตอบ อย่างที่ไฮโอว่า พ่อของเขาเป็นพวกเคร่ง
“แล้วคนที่เกิดมาก็มีตาเงินเลยล่ะคะ” คัลลัคถามต่อ
“เด็กผู้โชคร้ายพวกนั้น... ” ครูดูโคถอนหายใจ “พวกเขาเกิดมากับคำสาป อายุไม่ยืนนักหรอก”
คัลลัคยิ้มแหย ๆ ขอตัวไปกินข้าวเพราะหมดธุระแล้ว แต่จนหมดเวลาพักแล้วก็ยังอดสงสัยไม่ได้
เธอจะอายุไม่ยืนเพราะคำสาปในดวงตางั้นรึ
+++
คาบเรียนที่ 8 วิชาการงานอาชีพ ::: บ้านกิลด์โรงเรียน
บ้านกิลด์มีหลายหลัง แต่หลังที่ใหญ่ที่สุดก็คือบ้านกิลด์โรงเรียน ซึ่งมีพื้นที่ชั้นล่างเป็นเหมือนโรงเตี๊ยมที่มีพื้นที่โล่ง เคาท์เตอร์สำหรับติดต่อสอบถาม และกระดานแสดงอันดับรายชื่อและคะแนนภารกิจของนักเรียนทุกชั้นปี
“ได้ยินว่าเพื่อความกระตือรือร้นของนักเรียน... ” ริสต้ามองกระดานนั้นอย่างเป็นกังวล “เมื่อขึ้นปี 2 จะมีการจัดอันดับที่เข้มงวดในชั้นปี และนักเรียนที่คะแนนแย่ที่สุด 5 อันดับจากปี 1 จะได้รับภารกิจเป็นข้ารับใช้ของนักเรียนที่คะแนนสูงที่สุด 5 อันดับไปตลอดทั้งปี”
“ก็แค่ระวังไม่ให้ติด 5 อันดับสุดท้ายใช่ไหม” คัลลัคถาม ราวกับว่านั่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล
“ครูกินราบอกว่ามีระบบนี้เพื่อให้นักเรียนระดับหัวกะทิช่วยเหลือนักเรียนที่รั้งท้าย แต่เอาจริงจังเลยนะคัลลัค” ไฮโอเองก็ไม่อยากที่จะมองกระดานนั้น “พ่อข้าบอกว่าจะกี่ปีผ่านไปก็ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก นักเรียนรั้งท้ายมีแต่จะโดนกดให้ติดอยู่กับอันดับพวกนั้นต่อไปจนกว่าจะเรียนจบ”
ความจริงโหดร้ายเสมอ แม้แต่ในโรงเรียนแห่งนี้
“เอาล่ะ ครูเรียกชื่อใครก็ให้ตามครูมานะ” ครูมาลินี่เป็นคนดูแลในวิชานี้ ในคาบแรกทุกคนจะได้ทำบัตรนักเรียนของตัวเองที่ห้องหลังเคาท์เตอร์
คัลลัคยืนสำรวจรายชื่อบนกระดานจัดอันดับไประหว่างรอคนอื่นทำบัตรนักเรียน เธอเห็นชื่อซาร์ธีนอยู่ด้านบนสุดของปี 1 ส่วนด้านล่างสุดก็คือพวกยักษ์หัวทึบกับชื่อใครไม่รู้ที่เธอยังไม่เคยทำความรู้จัก
ปี 2 อันดับรั้งท้าย... คิไตลัน ลัตช์
ปี 3 อันดับ 2... คิวแคน ลัตช์
“นี่ เพโลวี” คัลลัคหันไปถาม เมื่อเดธิเลียเข้าไปทำบัตรนักเรียนแล้ว เธอจำชื่อคิวแคนได้ รุ่นพี่ที่เธอเจอในห้องสมุด เธอกับเมอดอร์เป็นพวกหัวกะทิของปี 3 แต่คัลลัคก็จำได้ด้วยว่าคิวแคนมีฝาแฝดชาย “เจ้ามีพี่ชายพี่สาวฝาแฝดรึเปล่า”
“พี่คิวแคนกับพี่คิไตลันรึ” เพโลวีตอบ “ใช่”
“ฝาแฝดเรียนอยู่คนละปีเหรอ” คัลลัคแปลกใจ
“เข้าปีเดียวกัน” เพโลวีตอบ “แต่พี่คิไตลันโดนซ้ำชั้น ต้องมาเรียนปี 2 ใหม่อีกรอบ”
“แย่ขนาดนั้นเชียว” คัลลัครู้สึกเห็นใจนิด ๆ เท่าที่ได้คุยในวันแรก คิไตลันก็ดูเป็นคนนิสัยเฮฮาดี
“เป็นโอกาสครั้งที่ 2” เพโลวีตอบ
“แล้วก็เป็นโอกาสสุดท้าย” ไฮโอเอ่ย
“ไฮโอ” ริสต้าทำเสียงดุ ราวกับว่ามันจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด เพราะนักเรียนที่ไม่ใช่ลูกครูจะไม่รู้ แต่ไฮโอไม่ฟังคำห้าม
“ถ้ายังไม่ผ่านอีก... เขาจะมีชื่อในหออัปยศ”
Comments (0)