8 ตอน บทที่ 6 โรงเรียนของเราน่าอยู่
โดย ChaoSera
บทที่ 6 โรงเรียนของเราน่าอยู่
คัลลัคโดนวีวี่สวดทันทีที่กลับมาถึงที่พัก แต่เขาก็ทำได้แค่นั้น ไม่สามารถตามจู้จี้เธอเข้าไปถึงในโรงเรียนได้ เมื่อวันเปิดเทอมมาถึง เด็กรับใช้ก็ได้แต่มอบมีดเวทมนตร์ที่คัลลัคสั่งทำไว้ให้ และอวยพร... ขอให้เธอไม่เจอหน้าพี่ชายตลอดปี
เอิร์กร่า มหาพฤกษาสีขาวบริสุทธิ์เป็นดั่งจุดศูนย์กลางเวทมนตร์ของทวีป ทุกอณูของมันคือสื่อกลางเวทมนตร์ชั้นเยี่ยม มีราก ลำต้นและกิ่งที่ไม่มีวันหักโค่น แม้แต่เปลือกไม้ก็นำไปสร้างอาวุธเวทชั้นดีได้ ทว่าต้องมีเครื่องมือที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้า มันจึงยากที่จะถลุงวัตถุดิบชั้นดีนี้ออกมาใช้ แทนที่จะเป็นอย่างนั้น โรงเรียนเอเวนไฮด์จึงถูกสร้างขึ้นที่นี่ เพื่อให้เหล่านักเรียนได้ซึมซับกระแสพลังส่วนเกินที่กระจายออกมาจากมหาพฤกษาตลอดเวลาแทน
ในปีการศึกษา 5404 โรงเรียนเอเวนไฮด์ได้รับนักเรียนปี 1 เข้ามาใหม่ทั้งหมด 54 คน แยกเป็นนักเรียนรับเชิญ 2 คน คือ คัลลัคและซาร์ธีน แม้ว่าเจ้าหญิงจะพยายามเข้าเรียนด้วยการสอบ แต่โรงเรียนก็ยังนับเธอเป็นนักเรียนรับเชิญอยู่ดี เพื่อไม่ให้ไปกันที่สำหรับนักเรียนที่สอบเข้าตามปกติ ซึ่งจะกำหนดตายตัว 16 คนเท่ากันทุกปี แบ่งออกเป็น 4 บ้านพัก ดังนี้...
บ้านหอกราตรี มี ฮันนิบาล ชิน พีธาน และ ดอน
บ้านหัวใจสิงห์ มี แฟเรล เพิร์ล วาริน และ โรส
บ้านมณีเลือด มี เดธิเลีย เพโลวี พิช และ ไทเตส
บ้านบุหงาดำ มี ร็อต ไฮโอ เมเซล และ ดัฟเฟต
และสุดท้ายนักเรียนพิเศษ ทั้งที่รับมาด้วยเส้นสาย ชื่อเสียง เงินทองและทุกวิถีทางที่ไม่ใช่การสอบปกติ กลับมีจำนวนมากที่สุด รวมกันได้ 36 คน
การจัดบ้านให้นักเรียนกลุ่มสอบนั้นอิงตามคะแนนสอบ ให้เฉลี่ยกันไปในแต่ละบ้าน ในขณะที่นักเรียนพิเศษจะถูกสุ่มเข้าบ้านด้วยการจับฉลากโดยครูคุมบ้าน
ส่วนนักเรียนรับเชิญ... จะเลือกบ้านไหนก็ตามใจเลย
ซาร์ธีนเลือกอยู่บ้านหัวใจสิงห์กับพวกแฟเรลที่น่าจะสนิทสนมกันมาตั้งแต่ก่อนเข้าเรียน ทำให้บ้านนี้เหมือนกลายเป็นคลับสาว ๆ ล้วนไปเลย แต่พอคัลลัคว่าจะเลือกตามก็โดนแฟเรลแยกเขี้ยวใส่ พอหันไปดูบ้านหอกราตรีก็ดูจะเป็นบ้านชายฉกรรจ์เหลือเกิน เพราะขนาดพวกที่จับฉลากยังจับได้ผู้ชายล้วน ด้วยความน่าจะเป็นที่สุดจะเหลือเชื่อ และแน่นอนว่าคัลลัคไม่เสนอหน้าไปอยู่บ้านมณีเลือดกับเดธิเลียแน่ เธอจึงเลือกบ้านบุหงาดำ... ซึ่งดูไปดูมา เหมือนจะมีแต่เผ่าพันธุ์ที่ไม่ใช่มนุษย์ทั้งนั้น ตั้งแต่ร็อตซึ่งเป็นกอริลลาปีกแมลง ไฮโอที่ดูคล้ายอสูรบาบูนสีฟ้าครามในผ้าคลุมโม่ง เมเซลที่ผิวขาวซีดดวงตาแดงก่ำเหมือนผีดิบ และดัฟเฟตที่เป็นยักษีกล้ามล่ำสูงสามเมตร
“ไหงเลือกบ้านนั้นล่ะ” อิลเดินเข้ามาถาม เพราะเขาถูกจับฉลากได้บ้านชายฉกรรจ์ และอยู่คนละบ้านกับคัลลัค มันจึงลำบากที่จะนัดเจอกัน “เออช่างเหอะ จะว่าไปมันก็ไม่ใช่ปัญหาข้า”
คัลลัคทำเป็นไม่สนใจอิลอย่างเต็มที่ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อถูกกระโจนกอดจากด้านหลัง
“ข้านึกแล้ว! พวกเรานี่ดวงสมพงษ์กันจริง ๆ ข้าก็จับฉลากได้บ้านบุหงาดำเหมือนกันเลย” ริสต้า สาวเสิร์ฟผมสีแครอทจากร้านเมื่อคืนกระโดดดี๊ด๊าดีใจ จนคัลลัคเกือบจะผลักเธอออกด้วยความรำคาญ “จริงสิ เจ้ารู้จักไฮโอรึยัง เขาก็เป็นลูกครูในเอเวนไฮด์เหมือนกัน แต่พอดีเขาสอบติดก็เลยมีชื่อในส่วนนักเรียนปกติน่ะ”
คัลลัคยิ้มตอบ พลางนึกถามในใจว่า ฉิบหายแหล่ว
ริสต้าพาเพื่อนสนิทของตัวเอง ซึ่งเป็นลิงบาบูนสีฟ้าที่มี 2 แขน 4 ขามาเจอคัลลัค แน่นอนว่าถึงเธอจะปิดตาเอาไว้ แต่คนที่สอบผ่านทุกคนย่อมรู้เรื่องความโกลาหลในการสอบปีนี้และต้องมีไม่น้อยที่ทันเห็นว่าตาขวาของคัลลัคคือตาเงิน
“อ้อ นางนี่เอง” ไฮโอทักทายอย่างเฉยชาไร้ความเป็นมิตรใด ๆ ก่อนจะพยายามยิ้มฝืนเพื่อให้ริสต้าไม่ผิดหวัง “สวัสดี ข้า ไฮโอ... ไฮโอ เกอารี ลูกชายของครูดูโค เกอารี”
“คนที่สอนวิชาปรุงยาสินะ” คัลลัคไม่รู้จะออกไปจากบรรยากาศอึมครึมตรงนี้อย่างไรดี เหมือนว่าการหาเพื่อนใหม่ในโรงเรียนเวทมนตร์จะดำเนินไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าไรนัก
แต่แล้วเงาทะมึนก็พาดผ่านจนคู่เพื่อนใหม่พากันถอยหนี
“เฮ้ย” ร็อตพ่นลมหายใจรดหัวคัลลัค เขาคือนักเรียนที่ได้คะแนนท็อปจากการสอบข้อเขียน เป็นกอริลลาสีเขียวแซมน้ำตาล เหมือนตะไคร่มอสขึ้นบนขอนไม้ผุ ปีกแมลงปอสีใสบนหลังของเขาที่ไม่น่าจะพาร่างอันใหญ่เทอะทะนั่นขึ้นจากพื้นได้เกินคืบนั้น น่าจะเป็นเพียงแค่ปีกประดับ
“จริงสิ ข้าขอไปห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา” ริสต้าหน้าซีดเพราะใบหน้าถมึงทึงน่ากลัวของกอริลลาร็อต ก่อนจะรีบลากไฮโอหลบฉากออกไป
“อ่า... เฮ้” คัลลัคหันไปยิ้มแหย ๆ โบกมือทักทายเจ้ากอริลลาตัวเบิ้ม
“ถ้าไม่ชอบท่าทางของเจ้าพวกนั้นก็บอกไปสิ ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาอยู่คนเดียว” ร็อตเอ่ยบอก เขาเดินสี่ขามาเพื่อแกล้งทำวงแตกโดยเฉพาะ เมื่อภารกิจสำเร็จก็เดินกลับไปเข้าแถวของตัวเองเงียบ ๆ
“เอ่อ... ขอบใจ” คัลลัคเอ่ยเสียงแผ่ว เธอรู้ดีอยู่ว่าสิ่งที่ตัวเองควรจะทำคืออะไร แต่ปัญหาก็คือไม่กล้าต่างหาก
ในบ้านพักแต่ละหลังจะเป็นที่อยู่ชั่วคราวของพวกนักเรียนไร้กิลด์ สมาชิกแทบทั้งหมดในบ้านจึงเป็นเด็กปี 1 และอาจจะมีปี 2 หลงอยู่บางคน ส่วนรุ่นพี่ที่มีกิลด์แล้วจะพักในบ้านกิลด์ของตัวเองกัน เช่น กิลด์ช่างตีเหล็กจะตั้งอยู่ในเขตฉนวนกันไฟเป็นบ้านกึ่งโรงหลอม กิลด์ส่งสารจะเป็นบ้านต้นไม้อยู่บนกิ่งสูงเพื่อให้อยู่ใกล้รังนกหลากหลายชนิด ส่วนกิลด์อื่น ๆ จะสร้างบ้านอยู่ในพื้นที่รอบนอกของโรงเรียน รูปร่างบ้านก็แตกต่างไปตามประโยชน์ใช้สอยของกิลด์นั้น ๆ
ในปีนี้ ครูที่ปรึกษาของรุ่นก็คือครูกินรา หญิงสาวผิวขาวหิมะและมีดวงตาสีแดง ครูจะชอบสวมชุดที่นักเรียนชอบเรียกกันว่ากระโปรงสุ่มไก่สีครีมกับรองเท้าบูตหนังน้ำตาลและถุงมือหนังสีดำ ยาวบรรจบกับแขนเสื้อจนไม่เห็นผิวหนังเลย ไม่รู้ว่ากลัวแดดหรือเคร่งศาสนาจัดกันแน่
ในบางทีคัลลัคก็นึกสงสัย ว่าเมเซลที่เป็นเพื่อนร่วมบ้านใหม่ของเธอกับครูกินราเป็นเผ่าเดียวกันไหม แต่สีผมเมเซลเป็นสีดำสนิทและผิวซีดกว่า
นอกจากนี้ ครูกินรายังเป็นผู้นำทางสำหรับการปฐมนิเทศครั้งนี้ด้วย หลังจากการคัดเลือกเข้าบ้าน เธอก็พานักเรียนใหม่ทั้งหมดไปยังโรงอาหาร ซึ่งเป็นโดมครึ่งทรงกลมขนาดใหญ่พอ ๆ กับโรงละคร ผนังและเพดานสีขาวทั้งหมดล้วนเกิดจากการเติบโตของกิ่งเอิร์กร่าที่สานเข้าด้วยกันอย่างน่ามหัศจรรย์ ราวกับกำลังปกป้องอะไรบางอย่าง ลมเย็นสามารถพัดผ่านร่องรูทั้งหลายระหว่างกิ่งเหล่านั้นได้ กลายเป็นอาคารที่ลมโปร่งที่สุดหลังหนึ่ง ส่วนประตูนั้นถูกสร้างขึ้นโดยการเลื่อยกิ่งพวกนั้นออกและแทนที่ด้วยประตูไม้วงกลมแกะสลักบานประตูเป็นรูปเทพพิทักษ์และเถาวัลย์
คัลลัคนึกว่าอาหารที่ได้เห็นในวันสอบจะเป็นมื้อที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเห็นแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้เมื่อนักเรียนทั้งหมดของเอเวนไฮด์มารวมตัวกันรับประทานมื้อกลางวันในโดมโรงอาหาร อาหารทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการออก ถูกวางเรียงตกแต่งอย่างดีเอาไว้บนโต๊ะโค้งรอบเวทีกลมตรงกลาง เมื่ออาหารในจานถูกตักหมด ถาดอาหารนั้นก็จะเติมตัวเองในทันที เหมือนกับว่าสามารถกินเท่าไรก็ได้ไม่มีวันหมด
โต๊ะในโรงอาหารทุกตัวเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่หันหัวโต๊ะเข้าหาเวทีตรงกลาง มีการแบ่งเขตนั่งระหว่างนักเรียนไร้กิลด์กับพวกที่สังกัดกิลด์ต่าง ๆ หากสังเกตให้ดีจะเห็นได้ทันทีถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างกิลด์พ่อค้ากับกิลด์นักล่า ได้แต่ต้องถอยออกมาจากเขตนั้น ถ้าไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย
“ในโรงอาหารจะมีมื้ออาหารฟรีสำหรับนักเรียนเฉพาะช่วงก่อนเริ่มเรียน ช่วงพักเที่ยง ช่วงหลังเลิกเรียนและช่วงเที่ยงคืน ช่วงละหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และห้ามนำอาหารออกไปนอกโดม ไม่เช่นนั้นจะถูกห้ามเข้าโรงอาหารในมื้อถัดไป กรุณารักษาเวลาและกฎระเบียบด้วย นอกเหนือจากช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่มีอะไรให้นอกจากโต๊ะเก้าอี้” ครูกินราเรียกนักเรียนใหม่มารวมตัวที่ประตูโดมทิศใต้หลังมื้อเที่ยง ก่อนจะประกาศให้ทั่วกัน
โดมโรงอาหารนั้นตั้งอยู่ตรงกลางใต้ลานอำพันเวทลอยฟ้าพอดี ทางทิศใต้จะเป็นบ้านพักทั้งสี่ของนักเรียนไร้กิลด์ บ้านพักของเหล่าคณาจารย์และโรงอาบน้ำ ทางตะวันตกจะเป็นสนามเวทมนตร์ ซึ่งใช้เรียนวิชาเวทมนตร์ทั้งหมดที่อาจจะก่อความเสียหาย เครือข่ายเวทมนตร์รอบ ๆ ก็จะดูดซับพลังเหล่านั้นให้หายไปแทน ทางตะวันออกเป็นพื้นที่อาคารเรียนทั้งหมดของนักเรียนปี 1 ไปจนถึงปี 3 และทางเหนือเป็นสถาบันวิจัยแยกสำหรับวิชาขั้นสูงที่จะมีสอนในปีสุดท้าย
“หืม” คัลลัคสะดุดตาเข้ากับอะไรบางอย่างระหว่างทางจากโดมโรงอาหารไปยังอาคารเรียนตะวันออก มันคือหอคอยหินสีดำสนิทตัดกับหอคอยงาช้างข้าง ๆ และอาคารเรียนอื่น ๆ ที่เป็นสีขาวล้วน
“หออัปยศน่ะ” ริสต้าพูดขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาคัลลัคสะดุ้งเฮือก ไฮโอเองก็อยู่กับริสต้าด้วย เขาดูจะไม่ค่อยชอบคัลลัค แต่ก็ไม่เท่านักเรียนสอบปกติบางคนที่มองเธออย่างรังเกียจเดียดฉันท์ หรือไม่ไฮโอก็อาจจะแค่ยังไม่เห็นตาเงินของคัลลัคกับตา แม้จะอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน “ส่วนสีขาวนั่นคือหอเกียรติยศ”
“ใช้เก็บถ้วยรางวัลรึ” คัลลัคถาม
“ก็... ” ริสต้ากับไฮโอมองหน้ากัน “ประมาณนั้น”
“แล้วก็เก็บรูปสลักของบุคคลสำคัญผู้ใช้เวทมนตร์ ทั้งในทางที่ดี...” ไฮโอพูดเสริม ผายมือไปทางหอคอยงาช้าง ก่อนจะขยับไปทางหอคอยศิลาดำ “และในทางที่เลวร้าย”
“เดี๋ยวหลังจากแนะนำอาคารเรียนเสร็จ ครูกินราจะปล่อยให้เก็บของในบ้านพัก จนถึงมื้อเย็น ถ้าเก็บของเสร็จเร็วก็มีเวลาพักเยอะ ระหว่างนั้นข้าพาเที่ยวได้นะ เดี๋ยวจะนำชมหอเกียรติยศเอง” ริสต้าอาสาพลางตบบ่าตัวเองอย่างมุ่งมั่น
“แต่ข้าว่า... ” คัลลัครู้สึกอยากพักมากกว่า หลังจากเดินมาราธอนมาทั้งวัน แล้วทางเดินบนต้นเอิร์กร่าก็ใช่ว่าจะเป็นทางเรียบ มีทั้งขึ้นบันได ทั้งลงทางลาด หรือแม้แต่ต้องปีนบันไดลิง เรียกได้ว่าถ้าไม่มีเวทมนตร์สำหรับเหาะเหินเดินอากาศก็ต้องมีกล้ามแขนกล้ามขากันแน่ ๆ
“ในหออัปยศไม่ได้มีแค่รูปสลักทรราชหรอกนะ บางคนก็เป็นนักเรียนเอเวนไฮด์ด้วยกันนี่แหละ” ไฮโอเอ่ย “เป็นพวกที่ไม่กระตือรือร้นพอที่จะเอาตัวรอดในโรงเรียนนี้”
“ไฮโอ” ริสต้าส่งเสียงดุ “พวกเราไม่ควรพูดเรื่องนั้น”
คัลลัคยิ้มแหย ๆ เห็นได้ชัดว่าไฮโอกำลังหลอกด่าเธอว่าขี้เกียจตัวเป็นขน และมีแววจะได้ติดชื่อในหออัปยศด้วย
“ไปเที่ยวสักหน่อยคงไม่เสียหาย” คัลลัคว่า
+++
บ้านของผู้ไร้กิลด์ทั้งสี่นั้นแตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง
บ้านหอกราตรีเป็นปราสาทสูง 4 ชั้น ทำจากหินสีเทาเข้ม ประตูหน้าเป็นประตูไม้สีดำบานเดี่ยวเสริมเหล็กกล้า ประดับรูปสลักการ์กอยตามหลังคา ล้อมบ้านด้วยแนวรั้วโลหะสีดำแทงปลายขึ้นเหมือนหัวหอกและมีธงสัญลักษณ์เป็นโพดำ
บ้านหัวใจสิงห์เป็นคฤหาสน์ 3 ชั้น ทำจากอิฐเผาสีแดง ล้อมบ้านด้วยรั้วพุ่มดอกกุหลาบหนามสีแดงสด มีเรือนกระจกที่ข้างในเป็นห้องดนตรียื่นออกมาจากหลังบ้าน ส่วนประตูหน้าทำจากไม้มะฮอกกานีสีแดง มีหัวสิงโตทองเหลืองเป็นที่เคาะประจำประตู 2 บานและมีธงสัญลักษณ์เป็นโพแดง
บ้านมณีเลือดเป็นบ้าน 2 ชั้น ทำจากไม้มะฮอกกานีสีแดง ล้อมบ้านด้วยกำแพงไม้เนื้อเดียวกันแกะสลักสัญลักษณ์บ้านเป็นรูปข้าวหลามตัด มีสวนหินสวยงามกับต้นบลัดวู้ดขนาดใหญ่ตรงกลางบ้าน และมีต้นผลไม้หลายพันธุ์ที่ริมกำแพง พวกมันเติบโตได้โดยการทำตัวเป็นกาฝากของมหาพฤกษา
บ้านบุหงาดำเป็นเรือนชั้นเดียว ทำจากไม้มะเกลือสีดำแซมขาว เรียงตัวเป็นรูปเกือกม้าล้อมสวนสมุนไพรกับบ่อน้ำเวทมนตร์ไว้ตรงกลาง ล้อมบ้านด้วยกำแพงดินซึ่งปกคลุมด้วยพืชเถาเขียวขจีและดอกไม้งามสะพรั่ง ตกแต่งพุ่มโคลเวอร์เป็นสัญลักษณ์รูปดอกจิก
คัลลัคเข้ามาจับจองห้องมุมหลังของบ้านบุหงาดำทั้งห้องไปคนเดียว ปกติแล้วแต่ละบ้านจะมีรุ่นพี่ไร้กิลด์อาศัยรวมอยู่ด้วย ไม่มากก็น้อย แต่ในบ้านบุหงาดำกลับไม่มีรุ่นพี่อยู่เลย ซึ่งริสต้าอธิบายว่าเพราะบ้านนี้เต็มไปด้วยวัชพืชปกคลุมทางเดิน ไม่ว่าตัดเท่าไรก็จะงอกกลับขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังมีบ่อน้ำนิ่ง มันจึงเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงและสัตว์มีพิษจึงไม่มีใครอยากอาศัยอยู่ที่นี่นานนัก หากไม่หากิลด์ให้ได้เร็ว ๆ ก็จะยื่นเรื่องขอย้ายไปบ้านอื่นแทน
“แล้วทำไมเจ้าดูดีใจที่ได้อยู่บ้านนี้นัก” คัลลัคถาม
“ก็เพราะมันว่างไงล่ะ” ริสต้ายิ้มร่า เธอยึดห้องข้าง ๆ ห้องคัลลัคไปและกำลังเกลือกกลิ้งไปมาอย่างสบายใจ “ก็ดีมิใช่รึ ไม่ต้องเจอการรับน้อง ไม่ต้องมีรุ่นพี่มาคอยควบคุม”
คัลลัคพยักหน้า ก่อนจะเอะใจ
“การรับน้อง...? ” คัลลัคทวนคำ
“เดี๋ยวหลังมื้อเย็นก็รู้เองแหละ” ริสต้าทิ้งไว้ให้เป็นปริศนา
+++
หอคอยงาช้าง หอเกียรติยศ
หอคอยรูปสลักทั้งสองนี้เปิดต้อนรับทุกคนตลอดทุกเวลา หน้าประตูทางเข้าจะมีชุดเกราะอัศวินขนาดยักษ์ ตั้งตระหง่านอยู่สองข้างทางและไขว้หอกกันตรงกลางเป็นประตูสามเหลี่ยมหน้าจั่วเหมือนกัน ทั้งสองหอคอยมีขนาดใหญ่กว่าอาคารอื่น ๆ มาก ภายในมีบันไดเวียนทอดตัวขึ้นไปถึง 6 ชั้น ซึ่งดาดฟ้าชั้นบนสุดจะอยู่ต่ำกว่าลานอำพันเวทประมาณชั้นครึ่ง หอเกียรติยศจะมีรูปสลักเทพีแห่งตัวตน ลาเวีย ตั้งอยู่ตรงกลางดาดฟ้าและมันติคอร์คำรามที่ขอบระเบียงทั้ง 8 ทิศ ในขณะที่ฝั่งหออัปยศจะมีรูปสลักมารแห่งก้นบึ้ง กราเอล กับมังกรกางปีกแทน
คัลลัคไม่ค่อยรู้สึกถึงความสูงนักระหว่างที่เดินขึ้นบันไดวน เพราะผนังรอบนอกแทบไม่มีหน้าต่างและปิดทับด้วยธงตรา หมวกเกราะ เขามังกร และทุกอย่างเท่าที่จะเก็บมาเป็นที่ระลึกของเกียรติยศได้ โดยมีแผ่นทองเหลืองตอกชื่อเจ้าของติดไว้ข้างใต้ ส่วนช่องตรงกลางถูกปิดทึบด้วยห้องที่เต็มไปด้วยหน้าต่างกระจกสี ภายในห้องเต็มไปด้วยรูปสลักวีรชนจากเผ่าต่าง ๆ
“พวกนี้คือ...? ” คัลลัคถาม เมื่อเห็นถ้วยรางวัลตามชั้นตู้โชว์รอบนอก
รางวัลชนะเลิศการแข่งขันกัวปาน
ปีเทรเซน...
ปีเทรเซน 5396 ::: ปี...
ปีเทรเซน 5399 ::: ปี 3 บอสติน อันทรอสตริกช์
ปีเทรเซน 5402 ::: ปี 1 คิไตลัน ลัตช์
“อ๋อ ถ้วยรางวัลกัวปาน การแข่งขันเวทมนตร์เพื่อความสวยงามน่ะ จัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี” ริสต้าตอบ
คัลลัคตามเพื่อนใหม่ทั้งสองขึ้นมาจนถึงดาดฟ้าและสัมผัสได้ถึงเค้าลางความฉิบหายในทันที เพราะระเบียงดาดฟ้าของหอเกียรติยศมีสะพานเชื่อมไปถึงหออัปยศด้วย และมัคคุเทศก์ทั้งสองก็คงไม่อยากเดินลงหอนี้เพื่อไปขึ้นหอนั้นใหม่
ริสต้าเดินนำข้ามสะพานไปก่อนใคร ตามด้วยไฮโอ ส่วนคัลลัคได้แต่เงยมองลานอำพันเหนือหัวเพื่อทำใจ เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่ามองลงไปจากขอบระเบียง
โครม! เพราะคัลลัคเดินแบบแหงนหน้ามองฟ้า เธอจึงชนเข้ากับไฮโอที่หยุดยืนหน้าบันไดลง ส่งอีกฝ่ายเสียหลักจนกลิ้งตกลงไปตามบันไดไม้พันกิ่งก้าน
“โอ๊ย โอ๊ย เอ๊า โอ๊ย” ไฮโอร้องตลอดทางที่กลิ้งลงไป จนถึงชั้นจัดแสดงของฝั่งหออัปยศ
“ไฮโอ! ” ริสต้าร้องลั่น รีบวิ่งตามเพื่อนสนิทลงไป
“อูย” คัลลัคเห็นแล้วเจ็บแทน “ขอโทษที”
“เดินดูทางบ้างจะตายรึไง! ” ไฮโอตวาดลั่น ก่อนจะหน้าซีดเผือด เมื่อเห็นของจัดแสดงที่ตกลงมาบนตักตัวเอง
มันคือหัวกะโหลกของสิ่งที่น่าจะเป็นหนูยักษ์
“แว๊ก! ” ไฮโอรีบลุกพรวดพราด ถอยออกมาถึงได้เห็นว่าสิ่งที่เขากลิ้งมาชนคือโครงกระดูกหนูขนาด 2 เมตร ซึ่งจัดแสดงคู่กับรูปสลักของผู้ใช้เวทมนตร์ประเภทหมอผี ให้บรรยากาศชวนขนลุก เช่นเดียวกับรูปสลักผู้อัปยศที่เหลือในชั้นนี้
“ไม่เป็นไร ๆ มันไม่ได้หัก ไม่ต้องตกใจ” ริสต้าพยายามพูดให้ใจเย็น แต่ฟังดูเหมือนเธอบอกตัวเองมากกว่า “น..นี่ไง ประกอบกลับเข้าที่ได้แล้ว”
“คนพวกนี้เป็นใครกัน” คัลลัคถาม ในหอเกียรติยศนั้น เธอเคยรู้จักวีรชนหลายชื่อในนั้น แต่ในหออัปยศนี้ไม่ได้มีแค่รูปสลักทรราชหรือจอมเวทผู้ชั่วร้าย ยังมีจอมเวทผู้น่าอดสู ผู้พ่ายแพ้และสิ้นหวัง ซึ่งหลงเหลือไว้เพียงของดูต่างหน้า หลายคนไม่มีรูปสลัก ไม่มีแม้กระทั่งชื่อกำกับใต้สิ่งของ
“พวกที่วิ่งหนี” ไฮโอเอ่ยตอบ “ในสงครามระหว่างคนเป็นกับคนตายเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทหารหนีทัพมีโทษประหาร จะถูกสลักชื่อเอาไว้ย้ำเตือนลูกหลานของพวกเขา แต่คนที่หนีทหารแล้วจับมาประหารไม่ได้จะไม่มีชื่อ เพราะไม่มีใครรู้ว่าบางทีคนพวกนั้นอาจจะตายในสงครามโดยไม่ได้วิ่งหนีก็ได้”
คัลลัคเริ่มเดินสำรวจลงมาเรื่อย ๆ ชั้นที่ 6 ลงมาถึงชั้น 4 เป็นชั้นของทรราช จอมเวทผู้ชั่วร้ายและพวกมีชื่อเสียในประวัติศาสตร์ ส่วนชั้นที่ 3 ลงมาถึงชั้น 1 เป็นชั้นของพวกหนีทัพในสงคราม มีตั้งแต่รูปสลักที่สมบูรณ์ รูปสลักแตกหักไม่ได้รับการดูแล บางทีก็เหลือแค่ชิ้นส่วนรูปสลักแขนขา และบางทีก็มาเป็นโครงกระดูก ส่วนชั้นจัดแสดงนั้นเต็มไปด้วยอาวุธต้องสาป เพราะอย่างนั้นหออัปยศนี้จึงไม่ต้องกลัวว่าของจะหาย หรือถึงหาย ฝ่ายที่น่าสงสารก็คงจะเป็นพวกที่ขโมยไปมากกว่า
“เอาล่ะ จบการนำเที่ยว” ไฮโอพูดทันทีที่เดินไปถึงประตูทางออก ราวกับยินดีที่จะได้แยกจากกันไว ๆ
กึก ๆ โครม! คัลลัคกำลังจะเดินตามไป แต่ก็สะดุดเข้ากับรอยสลักบนพื้นจนหน้าคะมำ
“โธ่เอ๊ย อะไรอีกล่ะ” ไฮโอโอดครวญ
“โอย ๆ นี่มันอะไรเนี่ย” คัลลัคลุกขึ้นมานั่งกุมเข่าที่ถลอกของตัวเอง แผลเก่ายังไม่หายก็ได้แผลใหม่มาอีกแล้ว
หออัปยศชั้นล่างสุดนี้มีการออกแบบที่ต่างไปจากชั้นอื่นอย่างสิ้นเชิง พื้นที่วงกลมรัศมี 2 เมตรตรงกลางนั้นถูกเว้นเอาไว้ ไม่มีรูปสลักวางเด่นหราแบบหอเกียรติยศ มันถูกสลักอักษรเอลธันคา ซึ่งเป็นภาษาพื้นฐานสำหรับบทเวทมนตร์เอาไว้
“มันดูเหมือน... วงเวท” คัลลัคว่า
“มันก็แค่พื้น” ไฮโอตอบ
“มันเป็นแค่การตกแต่งน่ะคัลลัค” ริสต้าพูดเสริม เธอสบตากับไฮโอพลางพยักพเยิดไปยังประตูทางออกด้วยสายตาเคร่งเครียด แต่เมื่อคัลลัคหันไปมอง ริสต้าก็หันกลับมายิ้มตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รีบกลับบ้านก่อนครูกินราจะเรียกรวมตัวอีกรอบเถอะ” ไฮโอรีบพูด รีบเดินนำออกจากหออัปยศไปโดยไม่รอ
ทุกอย่างควรจะกลับไปเป็นปกติ
ถ้าไม่ใช่ว่า... การที่คัลลัคหันไปมองหน้าริสต้านั้น ก็เพราะเห็นใบหน้าไม่สู้ดีของอีกฝ่ายสะท้อนจากโล่โลหะที่อยู่บนชั้นจัดแสดง เธอเห็นแล้วและรู้ได้ทันทีว่าเพื่อนใหม่ทั้งสองพยายามซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้
อะไรบางอย่าง...
ซึ่งคงไม่พ้นวงเวทสลักถาวรบนพื้นหออัปยศ
Comments (0)