12 ตอน บทที่ 10 ชอบไป ๆ โรงเรียน
โดย ChaoSera
บทที่ 10 ชอบไป ๆ โรงเรียน
“คัลลัค ชากอล” ถึงตาคัลลัคเข้าไปทำบัตรนักเรียนแล้ว
ภายในห้องดูเรียบง่าย มีโต๊ะวงรีหนึ่งกับเก้าอี้สอง ครูมาลินี่นั่งตรงข้ามกับคัลลัคและตอกปึกกระดาษให้เท่า ๆ กัน
“กรอกเอกสารนี่นะจ๊ะ” ครูยื่นปากกาขนนกกับกระดาษแบบฟอร์มเปล่าให้คัลลัค
“เอ่อคือหนู... ยังสะกดไม่แม่นน่ะค่ะ” คัลลัคบอก เธอไม่เคยเรียนเขียนอ่าน พอจะรู้อักษรที่ใช้บ่อยอย่างตัวเลขกับคำบางคำ แต่ไม่มากพอจะกรอกเอกสารสำคัญ
“งั้นครูจะอ่านให้ฟัง เจ้าตอบ แล้วครูเขียนให้” ครูมาลินี่ดึงกระดาษกลับไป “ชื่อสกุลคัลลัค ชากอล วันเดือนปีเกิดล่ะ? ”
“เอ่อ... ” คัลลัคไม่เคยถามลอร์ดโรแวง แต่เคยอ่านเจอในห้องสมุด วันเกิดของทารกแวนธีสผู้สาบสูญในปราสาทไหม้เพลิง “วันที่ 5 เดือนมารค่ะ ปี 5389”
ครูมาลินี่สะดุดไปเล็กน้อย
“น่าสงสารจริง” ครูกล่าวอย่างเห็นใจ เพราะเดือนมารเป็นเดือนอัปมงคลก่อนขึ้นปีใหม่ที่มีแค่ 5 วัน เด็กที่เกิดเดือนนี้จึงมักจะมีร่างกายไม่แข็งแรง เพราะไม่ได้รับคำอวยพรจากเหล่าทวยเทพ “เผ่าพันธุ์กับสัญชาติ”
“โก... ม..มนุษย์” คัลลัคตอบ “สัญชาติกาเมซันค่ะ”
ครูมาลินี่เงยหน้าขึ้นมา
“ดูไม่เหมือนชาวเหมันต์เลยนะ” มันเป็นคำเรียกที่คนเมืองอื่นใช้เรียกชาวกาเมซัน “แล้วศาสนากับเทพที่รับคำอวยพร”
“ศาสนาเทรเซน... ส่วนเทพ คือข้า... เกิดเดือนมาร” คัลลัคเกาท้ายทอยตามความเคยชิน คนที่เกิดในเดือนปกติจะได้รับคำอวยพรจากเทพองค์ใดองค์หนึ่ง แต่สำหรับคนที่เกิดเดือนมารแล้ว พวกเธอจะได้รับการคุ้มครองจากมารแทน
“มารก็ได้ บอกมาเถอะ” ครูมาลินี่ตอบ เพราะโรงเรียนนี้เป็นแหล่งรวมความหลากหลาย “ปี 1 มีนักเรียนบางคนเหมือนกันที่บูชามาร ตราบใดที่ไม่มาทำพิธีบูชายัญในโรงเรียน ครูก็ไม่ยุ่งกับความเชื่อของนักเรียนหรอก”
“ไม่มีค่ะ” คัลลัคตอบ “ข้าไม่เคย... เห็นสักครั้ง”
“แต่ก็ยังนับถือศาสนาเทรเซนรึ” ครูมาลินี่แปลกใจ “จะให้ข้ากรอกเป็นศาสนาเธลธอฮ์แบบฮันนิบาลไหม”
เธลธอฮ์คือศาสนาซึ่งก่อกำเนิดจากมนุษย์ ไม่นับถือเทพหรือมารตนใด ยึดอัตตาของตนเป็นที่ตั้ง ตัดสินผิดชอบชั่วดีจากจิตสำนึกของตัวเอง แทนที่จะอิงตามระเบียบคัมภีร์แบบศาสนาอื่น แต่ศาสนาอื่นมักเรียกคนในศาสนาเธลธอฮ์ว่าคนไร้ศาสนา
“ไม่ค่ะ ศาสนาเทรเซน” คัลลัคยืนกราน เพราะในเสี้ยวความหวังเล็ก ๆ เธอยังอยากได้รับคำอวยพรจากเทพสักองค์หรือมารสักตน เพื่อให้หลุดพ้นจากหลุมที่เรียกว่าโชคร้าย
“เอาล่ะ สุดท้ายแล้ว ขอชื่อคนติดต่อในเวลาฉุกเฉิน ผู้ปกครองหรือเพื่อนสนิทก็ได้” ครูมาลินี่ถาม
คัลลัคนิ่งเงียบ จะตอบลอร์ดโรแวงก็ไม่ได้ เพราะนามสกุลของเธอตอนนี้เป็นชากอล จะตอบลุงกันตินี่ก็ไม่ดี ถ้ามีคนรู้จักชื่อพ่อมดชั่วร้ายล่ะเป็นเรื่องเลย
“เรสเทลค่ะ” คัลลัคนึกอะไรไม่ออกแล้วจริง ๆ
“นามสกุล” ครูมาลินี่เอ่ย
“ครอมส์ค่ะ” คัลลัคตอบ เธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ทั้งเธอและโรเดนต่างมีนามสกุลชากอล แต่เรสเทลนั้นมีนามสกุลต่างออกไป “เรสเทล ครอมส์”
คัลลัคนึกว่าชื่อเพื่อนสนิทเป็นตัวเลือกที่ดีแล้ว แต่เธอกลับถูกครูมาลินี่จ้องมองอย่างน่าสะพรึง
“ครูมาลินี่...คะ?” คัลลัคเอียงคอไม่เข้าใจ
“ม..มีชื่ออื่นไหม” ครูมาลินี่ถาม มือที่จับปากกาขนนกกำลังสั่นอยู่ “เพื่อนในเอเวนไฮด์ก็ได้”
คัลลัคถอนหายใจ นึกหาชื่อที่เกี่ยวข้องที่สุด แล้วก็เป็นคนที่จะติดต่อลอร์ดโรแวงได้ ถ้ามันฉุกเฉินจริง ๆ
“เดธิเลีย แวนธีสค่ะ”
หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่ฆ่าเธอที่บอกชื่อนี้
+++
“ข้าพบมันแล้ว” เสียงหนึ่งเอ่ยกล่าว
“ใครกัน”
“พ่อมด...?”
“โลหิตทอง...?”
“เด็กต้องสาป...?” และอีกหลายเสียงที่ตามมา
“ไม่ใช่” เสียงแรกเอ่ย “เจ้าหญิงแห่งดินแดนคนตาย”
“งั้น... ไปเอาตัวนางมา”
+++
สัปดาห์เรียนที่ 2 วิชาพลศึกษา ::: สนามเวทมนตร์
มีจดหมายส่งมาถึงเดธิเลียในระหว่างคาบเรียน และมันทำให้พี่สาวที่น่ารักดูจะเกลียดชังน้องสาวมากยิ่งขึ้นไปอีก
“รู้ไหมว่าจดหมายนั่นเขียนอะไรมา” คัลลัคกระซิบถามกับเพโลวี เธอรู้แล้วว่าอีกฝ่ายเข้าข้างเธออยู่บ้าง
“ข่าวร้าย” เพโลวีตอบ
“มีอะไรร้ายไปกว่านี้อีกเหรอ” คัลลัคถาม เธอถูกจับคู่ซ้อมกับเดธิเลียอีกแล้ว
“ลอร์ดโรแวงติดเชื้อคำสาปจากอาวุธของพวกคนตายที่ตามล่าเจ้า เลยโดนกักตัวอยู่แต่ในหมู่บ้านแกรนด์สโตน ลูกธนูพวกนั้นต้องสาป...” กลับเป็นเดธิเลียที่ตอบคำถามคัลลัค พลางยกดาบชี้หน้า แม้ว่าลอร์ดโรแวงจะเป็นถึงดยุก แต่วิธีปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อคำสาปก็ไม่ต่างกัน กักตัว รักษาหรือกำจัด “แล้วทำไม... ทำไมเจ้าถึงไม่เป็นอะไรเลย”
“ข้าไม่รู้” คัลลัคตอบ บางทีอาจเพราะตัวเธอมีคำสาปที่รุนแรงกว่านั้นอยู่แล้วก็ได้ คำสาปตาเงินน่ะ
คัลลัคพยายามเพ่งมองอาวุธของเดธิเลีย มันเร็วสำหรับการโจมตีของเด็กวัยรุ่นก็จริง แต่ไม่เร็วเกินกว่าจะหลบ ครูกินรายังไม่เริ่มสอนการเสริมพลังเวทให้อาวุธ นับเป็นข่าวดีสำหรับคัลลัคในตอนนี้
เพราะไม่อย่างนั้น ดาบของเดธิเลียจะฟันผ่านวงเวทป้องกันที่ครูดูโคสอนคัลลัคเข้ามาได้
เคร้ง! เป็นครั้งแรกที่คัลลัครับดาบเดธิเลียด้วยมีดได้ แต่ยังไม่มีโอกาสให้ดีใจ เธอก็ถูกอีกฝ่ายพลิกดาบกลับ แล้วฟาดหัวด้วยด้ามดาบแทน
ส่วนที่เหลือก็คือโดนซ้อมไปตามระเบียบ
+++
สัปดาห์เรียนที่ 3 วิชาเวทมนตร์พื้นฐาน ::: ห้องเรียนปี 1
“เดธิเลีย ครูใหญ่ธารีสได้ยื่นเรื่องเปลี่ยนวิชาเรียนให้เจ้า มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้านะ” ครูมาลินี่เอ่ยขึ้นในช่วงท้ายคาบเรียน สร้างความงุนงงให้กับนักเรียนหลายคน
“ทำไมมีแค่ข้าล่ะ” เดธิเลียถาม
“เพราะในวันสอบ อำพันเวทวัดพลังของเจ้าออกมาเป็นสายมนต์ดำ ปกติแล้วผู้ใช้มนต์ดำจะถูกปฏิเสธจากพลังเวทมนตร์เหมือนเป็นขั้วตรงข้ามที่ไม่มีทางบรรจบกัน การเรียนเวทมนตร์พื้นฐานจึงไร้ประโยชน์สำหรับเจ้า” ครูมาลินี่อธิบาย “เพราะฉะนั้นสัปดาห์หน้าขอให้ไปเรียนวิชามนต์ดำและคำสาปร่วมกับรุ่นพี่ปีโตนะ เพราะมันเป็นวิชาเลือกที่ไม่มีในปี 1”
เดธิเลียพยักหน้ารับ
“แต่พวกที่ไม่ขยันฝึกแล้วใช้พลังไม่ได้น่ะ อย่ามามโนว่าตัวเองเป็นผู้ใช้มนต์ดำเชียว ถ้าใช่จริง ป่านนี้อำพันเวทแตกละเอียดไปหมดแล้ว” ครูมาลินี่พูดดักคอขึ้นมาทันที พวกนักเรียนในกลุ่มฮันนิบาลที่เตรียมอ้าปากจึงได้แต่หัวเราะคิกคักกันเองเพราะโดนครูรู้ทัน
คัลลัคมองเดธิเลีย อย่างน้อยให้เธอรอดจากการเจอหน้าพี่สาวสุดที่รักไปได้สักวิชาหนึ่งก็ยังดี
+++
“เอ้านี่” อิลเอาจดหมายฉบับหนึ่งมายื่นให้คัลลัคในคืนวันไฟ ก่อนวันหยุดของสัปดาห์ที่ 3
“ใช้เวลานานไปไหม กว่าจะตอบกลับ” คัลลัคถาม
“โทษลุงเจ้าเถอะ อย่ามาโทษข้า” อิลตอบอย่างไม่ใส่ใจ เขาแค่นำจดหมายคำถามจากคัลลัคไปส่งและรับจดหมายคำตอบจากกันติเนลกลับมา โดยไม่ให้ถูกโรงเรียนตรวจสอบ “แล้วไง ได้คำตอบที่ต้องการไหม”
“ไม่ ลุงกลัวว่าจดหมายนี้จะเป็นหลักฐานมัดตัวว่าใครเกี่ยวโยงกับเขาบ้าง” คัลลัคตอบ “เขาจะตอบคำถามข้าเมื่อเจอกัน”
“และ... งานก็มาตกที่ข้า” อิลทาย “มีอะไรมาแลกล่ะคราวนี้ เจ้ายังไม่เคยรับภารกิจ แปลว่าไม่มีอำพันจ่ายสินะ”
“สภาพแบบนี้จะให้ไปรับภารกิจอะไรล่ะ” คัลลัคผายมือให้ดูว่าใต้ชุดนักเรียนของเธอเต็มไปด้วยผ้าพันแผลเยอะขนาดไหน “เจ้ารับค่าจ้างจากฝั่งลุงกันตินี่ไม่ได้จริง ๆ รึ ถ้าสกุลเงินข้างนอกใช้ไม่ได้ เจ้าก็รับเป็นสิ่งของเอาก็ได้นี่”
“อะไรที่มีค่าที่สุดบนตัวเจ้าตอนนี้” อิลถาม ไม่ยอมรับค่าจ้างจากปลายทางอีกฝั่ง
“นี่มั้ง” คัลลัคยกย่ามเน่าของตัวเองขึ้นมา ส่วนอิลทำหน้าเหยเกเมื่อเห็นสภาพกระเป๋าและส่ายหัว “ไว้ข้าจะ... ลองหาอะไรที่มันดูแวววาวกว่านี้ก็แล้วกัน”
แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่เมื่อแยกกันกลับ คัลลัคก็เดินจ้ำอย่างหัวเสียทันที เธอไม่รู้จะเอาอะไรมาประเคนเจ้ามิจฉาชีพหน้าเลือดคนนี้ดี เผลอ ๆ เธอแอบย่องออกจากโรงเรียนเองยังจะง่ายกว่าพึ่งพาเด็กหนุ่มหัวทองแดงนั่น
“ฟังดูน่าเหนื่อยนะนั่น” เพโลวีเอ่ย
คัลลัคคบกับเพโลวีเป็นเพื่อนอย่างลับ ๆ เมื่อไร้ผู้คนที่รู้จักในยามราตรีเงียบสงัด เพโลวีจะหนีออกจากบ้านมณีเลือดมาขออาศัยห้องว่างในบ้านบุหงาดำนอน เพื่อเลี่ยงการเจอหน้ารุ่นพี่ที่ทำร้ายเธอ ส่วนคัลลัคก็ระบายความอัดอั้นหลาย ๆ อย่างให้เพโลวีฟัง เพราะแม้สมิงสาวจะปากมาก แต่ถ้าบอกว่ามันคือความลับ มันก็จะเป็นความลับ ไม่เหมือนริสต้าที่เก็บความลับไม่เคยอยู่
“แล้วเจ้าคิดถึงลุงอะไรขนาดนั้นเลยรึ” เพโลวีถาม คัลลัคไม่ได้เล่าว่าลุงของเธอคือใคร เล่าแค่อยากพบหน้าญาติผู้ห่างหายไปนาน แต่มีคนในโรงเรียนเกลียดเขาเป็นการส่วนตัวเท่านั้น
“มากเสียยิ่งกว่าอะไร” คัลลัคตอบ
หมับ... เพโลวีจับต้นแขนทั้งสองของคัลลัค
“เจ้าปรึกษาได้ถูกคนแล้วเพื่อนเอ๋ย” เพโลวียิ้ม
แต่ไม่รู้ทำไม คัลลัคสังหรณ์ใจไม่ดีเลย
+++
คิไตลัน ลัตช์ รุ่นพี่ผู้ครองแชมป์ด้านความห่วยแตก นิสัยแหกคอก และเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เรียนซ้ำชั้น เขาโดดเด่นในวิชาสายศิลปะวงเวทและชนะเลิศการแข่งขันกัวปาน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่โรงเรียนต้องการจากนักเรียนจริง ๆ ก็แค่จัดการแข่งพอให้เป็นชื่อเสียงแข่งกับทวีปอื่นได้
“แล้วพี่คิตตี้รัน... ” คัลลัคเผลอกัดลิ้นตัวเอง
“คิไตลัน” พี่ชายของเพโลวีทำหน้าเข้ม ดูจะจริงจังกับการเรียกชื่อให้ถูกเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าไม่เข้าใจ” คัลลัคหันไปกระซิบเพโลวี อีกฝ่ายพาเธอมาหาคิไตลันในวันหยุดของสัปดาห์ที่ 4 ของการเรียนการสอน “พี่ของเจ้าจะช่วยข้าได้ยังไง”
“เพราะข้ามันอัจฉริยะไงล่ะ” คิไตลันอวยตัวเองอย่างมั่นหน้า “น่าเสียดายที่พวกครูไม่เห็นความฉลาดล้ำของข้า”
“โฮ่... ” คัลลัคทำหน้าเอือมระอา “หนูว่าวันแรกที่เราเจอกัน พี่ไม่ได้หลงตัวเองขนาดนี้นะคะ”
“เงียบเลย” คิไตลันยิ้มแยกเขี้ยว “จะไปไม่ไป”
“ไปค่ะ” คัลลัคตอบ รุ่นพี่ผู้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคิวแคนก็ยิ้มตาหยีจนหน้าออกมาพิมพ์เดียวกัน ก่อนจะนำทางรุ่นน้องทั้งสองไปยังหลังตึกเรียนเก่าที่ปล่อยทิ้งร้าง
อาคารเรียนของเอเวนไฮด์มีมากมายหลายหลัง พวกมันทับซ้อนกันเหมือนเขาวงกตในส่วนที่ไม่มีใครเข้าไปใช้แล้ว หากดูไกล ๆ ก็อาจจะเห็นหลังคาแค่ไม่กี่ตึก แต่ข้างในนี้เป็นเหมือนดินแดนพิศวงที่เส้นทางภายในขยายการรับรู้ออกไปอีก
“อาณาเขตเวทมนตร์...?” คัลลัคทาย “ทำไมพวกเขาถึงออกแบบเขาวงกตเอาไว้ในโรงเรียนล่ะ”
“ไม่ใช่พวกเขา” คิไตลันยิ้มตอบ “ข้าต่างหาก”
“พี่ข้าชอบโดดเรียน ผลการเรียนห่วยแตก” เพโลวีพูดได้อย่างไม่อายปาก “แต่ผลงานชิ้นโบแดงอลังการกว่าใคร”
คิไตลันเป็นนักเรียนที่ไม่เหมาะกับหลักสูตร เขาเรียนวิชาอื่นนอกจากศิลปะไม่รอด สิ่งเดียวที่เขาถนัดคือการเขียนวงเวทอักขระ สร้างเวทมนตร์อาณาเขต วิชาอื่นจึงกดคะแนนเขาร่วง
“รู้สึกว่ามีคนตามเรามารึเปล่า...? ” คัลลัคถามขึ้น
“เดี๋ยวก็สลัดหลุด” คิไตลันบอก
ภายในเขาวงกตห้องเรียนยังมีวงเวทอีกมากมายที่ซ่อนเอาไว้ ถูกสลักด้วยสิ่วบ้างเขียนด้วยหมึกบ้าง บางอันทำให้คัลลัคเดินหน้ากระแทกอากาศ ก่อนที่คิไตลันต้องไปแก้ใส่ชื่อเธอในวงเวทเพื่อให้ผ่านได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครจะแอบตามพวกเธอมา พวกนั้นจะต้องติดอยู่ที่กำแพงชั้นนี้ เป็นระบบป้องกันผู้บุกรุกไม่ให้เข้ามาเจอสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างใน
วงเวทที่ผิดกฎโรงเรียนข้อที่ 1
“สวยใช่ไหม” คิไตลันถาม “ไม่มีใครสอนเราในวิชาเรียนหรอกว่าวงเวทเคลื่อนย้ายมันเขียนยังไง มันเป็นของผิดกฎหมายถ้าไม่ได้ลงทะเบียนกับอาณาจักร ถ้าพวกเจ้าเรียนสังคมแล้วก็น่าจะรู้ แต่ข้าไม่ชอบอยู่ในโรงเรียน มันคับแคบไปสำหรับข้า”
สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเธอคือวงเวทเคลื่อนย้ายขนาดเท่าห้องเรียน มีรายละเอียดมากมายกระจายทุกพื้นที่ แต่ละตัวอักษรห่างกันประมาณฝ่ามือ ถูกสลักลงบนดินเหนียวอย่างดีและเผาจนแข็ง เดินเหยียบได้ไม่แตก
“ข้าไปนั่งอ่านวงเวทหลังประตูทองเหลืองมาเป็นปีเลยล่ะกว่าจะเข้าใจวิธีเขียน” คิไตลันเริ่มจะอวยตัวเองอีกครั้ง “บอกแล้วว่าข้ามันอัจฉริยะ”
“ต้องใช้เวลาตั้งปีเลยรึ” คัลลัคถาม เธอมองวงเวทที่แสนซับซ้อนนั้น เดาว่าภาพวงเวทคงซ่อนหลังประตู เวลาผ่านไปมา เธอจึงไม่เห็น ส่วนด้านหน้าเป็นแค่ภาพประดับใช้พรางวงเวทจริง
“แน่นอน ของแบบนี้ทำไม่ได้ในข้ามคืนหรอก” คิไตลันว่า ทำเอาคัลลัคไม่กล้าบอกเขาเลยว่าเธอจดจำรูปแบบของวงเวทได้แล้ว แม้จะยังไม่เข้าใจหลักการของเวทมนตร์ในนั้น แต่ความจำด้านรูปภาพของเธอเรียกได้ว่ายอดเยี่ยมกว่าใคร “เอาล่ะ เจ้าอยากจะไปที่ไหนล่ะ ข้าแอบหนีออกไปข้างนอกบ่อย เพราะงั้นข้าเลยไปแอบวาดวงเวทเคลื่อนย้ายไว้ที่อื่นอีกหลายเมือง ขากลับจะได้กลับมาได้ง่าย ๆ”
คัลลัคไม่รู้ เพราะกันติเนลยังไม่บอกสถานที่นัดพบมา แต่เธอแค่อยากมาลองให้แน่ใจก่อนว่าวิธีที่เพโลวีบอกจะได้ผล
“หมู่บ้านแกรนด์สโตน” คัลลัคตอบ “ข้าอยากพบลอร์ดโรแวง ได้ยินว่าถูกกักตัวอยู่ที่นั่น”
“พ่อของเดธิเลียคือลุงที่เจ้าพูดถึงรึ” เพโลวีถาม
“ปล่า..ว” คัลลัคเริ่มแถ “แต่เขารู้ว่าลุงข้าอยู่ที่ไหน”
แน่นอนว่าโกหก เขาไม่รู้ ไม่งั้นคงมีศึกกันไปแล้ว
+++
ปึง! เดธิเลียเดินชนกำแพงอากาศเข้าอย่างจัง ก่อนจะเซถอยไปยืนมึนข้างหลังผู้บุกรุกอีกคน เธอตั้งใจจะลากคัลลัคไปแกล้งหลังเลิกเรียน แต่บังเอิญเจออีกฝ่ายอยู่กับรุ่นพี่และลูกน้องทรยศของเธอแทน เธอจึงแอบเดินตามพวกเขามา โดยให้พวกยักษ์ยืนเฝ้าอยู่ที่ปากทาง เพราะภายในอาคารเก่าเตี้ยเกินไปสำหรับพวกนั้น
แน่นอนว่าการที่ยักษ์ยืนเฝ้าทางเข้าเก่า ๆ ย่อมสะดุดตาคนที่เดินผ่าน แต่มีคนเดียวเท่านั้นที่กล้าพอจะเดินฝ่าพวกยักษ์ตามเดธิเลียเข้ามา โดยที่พวกยักษ์ก็ไม่กล้าหือด้วย
“คึก...” ซาร์ธีนกลั้นขำ
“ไม่ตลกเลยนะ ” เดธิเลียพึมพำ แต่เธอก็ไม่กล้ามีเรื่องกับอีกฝ่ายจริง ๆ เพราะเจ้าหญิงอยู่สูงกว่าเธอทั้งในเรื่องบรรดาศักดิ์และความสามารถ “แล้วทำไมเจ้าต้องตามข้ามาด้วยเนี่ย”
“น่าสนุก” ซาร์ธีนตอบสั้น ๆ ขณะเงยมองวงเวททั้งหลายบนเพดาน เธอพิจารณาความละเอียดอ่อนของมันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้วงเวทวงหนึ่ง “อันนี้ใช้ควบคุมกำแพงล่องหน”
ครืด...! ทันทีที่ได้รู้ เดธิเลียก็ชักดาบออกมาขูดเพดานที่มีวงเวทจนถลอก ทำให้มันหยุดทำงานลงอย่างง่ายดาย
“เสียดายของ” ซาร์ธีนนิ่วหน้า “เจ้าน่าจะแก้ตรงส่วน... ”
“เสียดายเวลา” เดธิเลียตัดบทและวิ่งลึกเข้าไป เธอต้องการจะไล่ตามคัลลัค ไม่ใช่เที่ยวชมสถานที่แบบซาร์ธีน
“ไร้มารยาทเสียจริง” เจ้าหญิงบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เธอไม่เคยเจอใครไร้ความเกรงใจต่อราชนิกุลเท่าเดธิเลียมาก่อน แต่ก็รีบตามอีกฝ่ายไป เพราะตนก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรที่สุดทาง
ทว่าสิ่งที่รออยู่ข้างในนั้น...
หากได้รู้ก่อน พวกเธอคงเลือกที่จะไม่เดินเข้ามา
Comments (0)