3 ตอน บทที่ 1 หนูท่อกับอีกา
โดย ChaoSera
บทที่ 1 หนูท่อกับอีกา
4 ปีต่อมา ปีเทรเซนศักราช 5404
ที่นี่คือสเตลลาคาร์ต เมืองหลวงเก่าซึ่งขึ้นชื่อเรื่องห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดในอาณาจักร ทั้งประวัติศาสตร์ ปรัชญา วิชาการ รวมไปถึงบทประพันธ์ ซึ่งจารึกตำนานเล่าขานมายาวนานกว่าสองพันปี คลาคล่ำไปด้วยนักปราชญ์ นักแสดง วณิพก คณะละครเร่และที่โดดเด่นที่สุดก็คือ... นักมายากล
เวทมนตร์นั้นคือสิ่งอัศจรรย์ ดลบันดาลความฝันให้เป็นจริง ทว่าปุถุชนคนธรรมดามิอาจเอื้อมถึง พลังอันทรงอำนาจซึ่งสามารถพลิกฟ้าทลายแผ่นดิน ในขณะที่ผู้มีเวทมนตร์เองก็เหมือนตัวตนอันสูงศักดิ์ ไม่ลงมาคลุกคลีกับผู้คนทั่วไป ทางเดียวที่จะได้รับความบันเทิงจากสิ่งอัศจรรย์จึงมีเพียงศาสตร์แห่งกลลวง สร้างการแสดงขึ้นเพื่อจำลองเหตุการณ์ให้ใกล้เคียงเวทมนตร์ที่สุด
“ท่านพ่อ พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่” เด็กสาวผู้มีผมสีเทาประบ่าและดวงตาสีน้ำเงินเข้มเอ่ยถาม
สัตว์พาหนะของเธอคือสุนัขพันธุ์ธุลีเผือก มันเป็นสัตว์ขี่และหมาล่าเนื้อ ขนเกรียนขาวจุดเทาด่างพร้อย มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับควายไบซัน ทำเอาชาวเมืองพากันถอยห่างด้วยความหวาดผวาและม้าเทียมรถทั้งหลายพากันตื่นกลัว แต่ก็ไม่มีทหารคนใดกล้าห้ามพวกเขาไม่ให้เข้าเมือง มิใช่เพราะกลัวหมา แต่เพราะกลัวชายผู้ขี่หลังม้าสีเทามากกว่า
“ไล่ตามข่าวลือ” ชายผู้เป็นพ่อเอ่ยตอบ เขามีดวงตาและผมสีเดียวกับลูกสาว ไว้เคราเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถบดบังรอยแผลเป็น ซึ่งลากจากหน้าผากผ่านดวงตาซ้ายที่มืดบอดลงไปถึงแก้มและคางได้ “ได้แต่หวังว่าจะมาถูกทาง”
“เพราะจดหมายนั่นรึ” เด็กสาวถาม พลางมองไปรอบ ๆ พวกเธอกำลังข้ามฝั่งจากเขตเมืองชนชั้นสูงมายังถนนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยการแสดงข้างถนน “ที่นี่มีแต่มายากล ท่านหาตัวนางจากการแสดงเวทมนตร์ปาหี่พวกนี้ไม่ได้หรอก”
“เดธิเลีย” ผู้เป็นพ่อดุเธอ “ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่”
“ตามใจท่านเถอะ” เดธิเลียพ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ เธอเข้าใจว่าทำไมพ่อของเธอถึงมาที่นี่ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมเธอต้องโดนลากมาด้วย ใครก็ตามที่พ่อของเธอกำลังตามหา อีกฝ่ายต้องไม่ใช่คนที่เธอจะญาติดีด้วยแน่ ๆ “ข้าจะไปหาอะไรกิน”
“ได้ แล้วกลับไปเจอกันที่โรงแรม...” ผู้เป็นพ่อเอ่ย แต่เดธิเลียก็ควบหมาออกไปโดยไม่รอฟังให้จบ เขาจึงต้องตะโกนตามหลังไป “แล้วอย่ากลับช้ากว่าตะวันตกดินล่ะ!”
“ชิ” เดธิเลียไม่อยากได้ยินเลยสักนิด พ่อของเธอจู้จี้ยิ่งกว่าแม่นมของเธอเสียอีก ได้แต่นึกอิจฉาพี่ชายที่สอบเข้าโรงเรียนเอเวนไฮด์ ซึ่งเป็นโรงเรียนกินนอนได้ เขาจึงรอดจากการบ่นของพ่อไปได้สองปีแล้ว
ในพื้นที่อยู่อาศัยของชนชั้นกลางนั้น แม้จะไม่งดงามหรือสะอาดเอี่ยมเท่าเขตชนชั้นสูง แต่ด้วยจำนวนประชากรที่เยอะ ทำให้ร้านค้าอัดแน่นอยู่ทุกมุมถนน ร้านอาหารส่งกลิ่นตลบอบอวลออกมาแบบไม่เกรงใจคนเดินผ่าน และเสียงโหวกเหวกคึกคักดังเป็นกิจวัตรในโรงเบียร์ยามค่ำ
เดธิเลียเลือกเข้าไปในร้านอาหารแกล้มเหล้าแห่งหนึ่ง โดยปล่อยให้สัตว์เลี้ยงนั่งรออยู่นอกร้าน แม้เจ้าของร้านจะดูไม่พอใจที่หมายักษ์ทำลูกค้าตื่นกลัวไม่กล้าเดินเข้า แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าเนื้อดีเฉกเช่นชนชั้นสูง รวมทั้งเกราะหนังและอาวุธของเดธิเลีย ก็ได้แต่ต้องกลืนคำบ่นลงคอไป
“เนื้อแจ๊คคาโลปย่าง ขนมอบ ผลไม้แห้ง แล้วก็นมแก้วหนึ่ง” เดธิเลียสั่งอาหารเสร็จก็ไปนั่งหลบมุม เพราะรู้สึกได้ถึงสายตาไม่ต้อนรับจากลูกค้าคนอื่น
ชาวสเตลลาคาร์ตมีผมสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงดำเสียส่วนใหญ่ ดวงตาสีเขียวบ้างสีอื่นบ้าง แต่ไม่มีสีน้ำเงิน ภาพลักษณ์ภายนอกของเดธิเลียนั้นแสดงออกชัดเจนว่าเป็นคนต่างถิ่น อีกทั้งด้วยอายุเพียง 15 ปี เธอยังไม่ควรเข้าร้านที่ผู้ใหญ่มานั่งดื่มกัน
แต่ก็เป็นอีกครั้งที่เสื้อผ้าเธอทำให้คนอื่นไม่กล้ายุ่ง
ภายในร้านอาหารนี้ไม่ได้เอะอะเท่าโรงเบียร์ เพราะมีมุมเวทีเล็ก ๆ ซึ่งทุกคนจะพยายามไม่เสียงดังเพื่อจะฟังลำนำเพลงของเหล่าวณิพกรับจ้างให้ชัด ๆ
“เมื่อสิ้นลมสิ้นใจสิ้นวิญญาณ ฝังเสี้ยวปณิธานใต้ดินดง
ฝังพระแสงคู่พร้อมร่างระหง ราชวงศ์เก่าสิ้นชื่อสลาลาย... ”
ในตอนแรกนั้นมีเพียงนักกวีกำลังขับขานเรื่องราวแห่งวีรชน ผู้รวบรวมทุกอาณาจักรที่แตกแยกบนทวีปแห่งสงครามให้หลอมรวมเป็นปึกแผ่น ก่อนจะนำมาสู่การกำเนิดของราชวงศ์ใหม่ ซึ่งปกครองหลังจากนั้นมายาวนานกว่าพันห้าร้อยปี
เรื่องราวเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันคือตำนานจารึกที่เล่ากันปากต่อปาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดที่แม้แต่คนไม่สนใจฟังก็ท่องจำได้ขึ้นใจ เรื่องของราชินีทรราช ราชินีปีศาจและราชินีอสูร ความยิ่งใหญ่และบุญคุณอันสุดจะหยั่งของผู้กอบกู้แผ่นดินซึ่งนำพาสันติสุขมาสู่ทวีปจวบจนปัจจุบัน
นักกวีร่ายยาวไปจนจบ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงขลุ่ยจากนักดนตรีสาวใต้เงาฮู้ด เดธิเลียถอนหายใจ เพราะในที่สุดก็ไม่ต้องอุดหูทนฟังการลำเลิกบุญคุณแผ่นดินจากนักกวีแล้ว เธอหันไปมองนักดนตรีผู้เข้ามาเปลี่ยนตัวระหว่างที่ตนเริ่มรับประทานอาหาร
นักดนตรีคนนี้หลบซ่อนใบหน้าใต้เงาฮู้ดสีเทาหม่นหมอง ทว่าท่วงทำนองจังหวะบรรเลงนั้นกลับสนุกสนาน จนทำให้ทุกคนมองข้ามสภาพเสื้อผ้าเก่ามอซอของเธอไป ทั้งจังหวะการสลับเท้าเต้นไปรอบ ๆ ร้านและกระทืบเท้าแทนจังหวะกลอง ลูกค้าทั้งหลายต่างสนุกสนานไปกับมันและปรบมือ เมื่อเสียงดนตรีสิ้นสุดลง นักดนตรีมาหยุดเต้นอยู่ที่ข้างโต๊ะของเดธิเลีย แล้วก็โค้งให้ทุกคน
หมับ! แต่นั่นก็เหมือนเป็นจังหวะประจวบเหมาะที่จะมีคนแกล้งจับก้นเธอตอนโค้งคำนับด้วย นักดนตรีสะดุ้งโหยงยืนตรง ก่อนจะหันขวับกลับมา
“มองอะไร” เด็กหนุ่มถาม เพราะนักดนตรีจ้องเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกัน “โดนแต๊ะอั๋งรึไง”
นักดนตรีไม่ตอบ เธอมองไม่ทันว่าเขาเป็นคนทำหรือไม่ เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้อง ลูกค้าคนอื่นก็ไม่สนใจด้วย
“ก็เจ้าไม่ใช่รึที่จับก้นนาง” เดธิเลียถาม พลางจิ้มเนื้อชิ้นสุดท้ายเข้าปากเคี้ยว “เจ้าควรขอโทษนาง”
“เห้ย!” ปึง! เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาทุบโต๊ะของเดธิเลียจนนมในแก้วเกือบกระฉอกหก “คิดจะใส่ร้ายกันรึไง?! ”
“พูดความจริงไม่เรียกใส่ร้าย” เดธิเลียตอบ เอื้อมมือไปหยิบแก้วนม แต่กลับถูกอีกฝ่ายคว้าไปเสียก่อน
แล้วก็เทลงมาใส่เสื้อผ้าอย่างดีของเดธิเลีย
“ไม่มีหลักฐานก็คือใส่ร้ายนั่นแหละ อย่ามายุ่งดีกว่าน่าคนสวย ถอยไปก่อนจะมีใครต้องเจ็บ... ” ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะพูดจนจบ ฝ่ามือของเดธิเลียก็ตะครุบผมแสนรุงรังของเขา แล้วกระชากหัวอีกฝ่ายลงมากระแทกโต๊ะ
โครม! “โอ๊ย! นี่เจ้า...!” เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นกุมจมูกตัวเอง แต่ก็โดนชกท้องและดึงหัวลงมากระแทกโต๊ะอีกรอบจนสลบเหมือด ไหลลงไปนอนกับพื้น
“มีคนเจ็บแล้วสิ” เดธิเลียเอ่ย ก่อนจะหยิบเหรียญแก้วคริสตัลจากถุงข้างเข็มขัดเหรียญหนึ่งมาวางบนโต๊ะแทนค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วจึงเดินข้ามหัวเด็กหนุ่มที่นอนน็อกออกจากร้านไป โดยไม่รอเงินทอน
“ด..เดี๋ยวก่อนค่ะ!” นักดนตรีรีบรับค่าจ้างจากเจ้าของร้าน แล้ววิ่งตามเดธิเลียออกมา “คือว่า... ”
“ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า” เดธิเลียพูดดักเอาไว้ พลางปีนขึ้นขี่หลังหมาธุลีเผือกคู่ใจ “แค่เห็นคนอย่างมันแล้วขัดลูกตา”
“อย่างน้อยให้ข้าตอบแทนเถอะค่ะ!” นักดนตรีขยับเข้ามาขวางทาง ก่อนจะโดนหมายักษ์ขู่ใส่
“ชู่ น้ำแข็งไส ไม่เป็นไร” เดธิเลียลูบหัวหมายักษ์ พร้อมเรียกมันด้วยชื่อที่ขัดกับหน้าตาตอนแยกเขี้ยวสุด ๆ
“พอดีมีโรงอาบน้ำอยู่ห่างไปไม่ไกล ให้ข้าช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าให้ท่านเถอะค่ะ” นักดนตรียืนกรานจะทดแทนบุญคุณให้ได้ ขวางทางแบบไม่กลัวว่าจะโดนกัดเลย
เดธิเลียก้มมองคราบนมบนเสื้อผ้าตัวเองที่ยังเหนอะหนะอยู่เลย ก่อนจะยอมพยักหน้าให้นักดนตรีนำทางไป
โรงอาบน้ำนับเป็นหนึ่งในสิ่งหรูหรา แม้จะมีบางแห่งตั้งอยู่ในเขตชนชั้นกลาง แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะจ่ายกับสถานที่ฟุ่มเฟือยนี้ ในเมื่อไปอาบน้ำในแม่น้ำกันก็ได้ โรงอาบน้ำที่มีระบบต้มน้ำอุ่นจึงจะคึกคักเฉพาะในฤดูหนาว
ซึ่งไม่ใช่ช่วงเวลานี้ของปี ปัจจุบันมันจึงแทบร้างผู้คน
“สระน้ำอุ่นเป็นแบบแยกชายหญิง ท่านถอดเสื้อผ้าที่ห้องนี้ได้ ข้าจะนำมันไปทำความสะอาดให้” นักดนตรีนำทางเดธิเลียเข้ามาในโรงอาบน้ำ ขณะที่เจ้าน้ำแข็งไสต้องนอนรออยู่ข้างนอก... อีกแล้ว และถัดจากโรงอาบน้ำก็มีโรงซักล้างอยู่ สำหรับให้ชาวเมืองมาใช้ซักผ้า และอบผ้าให้แห้งในเตาอบ เนื่องจากนครสเตลลาคาร์ตแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องฝน ไม่ว่าฤดูไหนก็มีโอกาสฝนตกตลอด จนหากไม่ตากผ้าในที่ร่มก็ต้องอบให้แห้งไปเลย
“อืม” เดธิเลียขานรับ ก่อนจะถอดเสื้อนอกที่เลอะนมส่งให้นักดนตรี “จะว่าไปตัวเจ้าก็ใช่ว่าจะสะอาดนะ”
นักดนตรีก้มหน้างุด รู้สึกเหมือนโดนด่า
“มาอาบน้ำด้วยกันก่อนสิ เป็นนักดนตรีทั้งที ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้สกปรกได้ยังไงกัน” เดธิเลียเอ่ยชวน สำหรับโรงอาบน้ำสาธารณะแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่จะเห็นผู้อื่นเปลือยกายและเปลือยกายให้ผู้อื่นเห็น แม้จะเป็นคนแปลกหน้าก็ตาม
“ค..คือข้า... ไม่มีเงินจ่าย” นักดนตรีเอ่ยอ้าง
เดธิเลียจึงเดินออกไปวางเหรียญคริสตัลให้พนักงานต้อนรับเพิ่มอีกเหรียญจากเดิมที่จ่ายของตัวเองไปแล้ว นักดนตรีได้แต่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ใต้ฮู้ด เธอไม่รู้ว่าสกุลเงินที่อีกฝ่ายใช้มันคือเท่าไหร่ แต่ดู ๆ แล้วน่าจะแพงกว่าเงินสกุลปกติมาก
“ข้าจ่ายแล้ว” เดธิเลียเอ่ย นักดนตรีจึงต้องยอมเข้าไปในโรงอาบน้ำพร้อมกับอีกฝ่าย
เดธิเลียเป็นชาวต่างถิ่น ผิวของเธอสีขาวราวกับหิมะ แต่กลับด่างพร้อยไปด้วยรอยแผลเป็น ร่างกายสูงเกินอายุและกำยำด้วยกล้ามเนื้อที่ได้รับการฝึกมา แสดงให้เห็นถึงประสบการณ์โชกโชนจากการต่อสู้
ในขณะที่นักดนตรีแกล้งทำเป็นปลดเสื้อผ้าไม่เสร็จเสียที
“มานี่ ข้าช่วย” เดธิเลียกระชากทีเดียว ผ้าคลุมฮู้ดที่กลัดติดเสื้อเอาไว้นิดเดียวก็หลุดออก เผยให้เห็นผิวสีน้ำผึ้งกับผมสีดำสนิทเช่นชาวสเตลลาคาร์ตทั่วไป แต่สีของดวงตากลับแปลกประหลาดอย่างเห็นได้ชัด ข้างซ้ายเป็นสีอำพันสวย ในขณะที่ข้างขวาเป็นสีเงินซีด ดูไร้ชีวิตชีวา
นักดนตรีรีบยกมือขึ้นปิดตาข้างขวาทันที
“ข้าไม่เชื่อโชคลาง” เดธิเลียเอ่ย เธอเริ่มจะเดาได้ว่าทำไมอีกฝ่ายต้องปกปิดขนาดนั้น เพราะผู้คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าตาสีเงินเป็นดวงตาที่นำพามาซึ่งโชคร้าย เป็นดวงตาของแม่มดผู้บูชามารเพื่อนำพลังอันชั่วร้ายมาใช้ทำร้ายผู้อื่น การให้ใครเห็นดวงตาสีนี้แบบผิดที่ผิดทางก็อาจนำมาซึ่งการล่าแม่มดได้
นักดนตรียังคงยืนนิ่ง เดธิเลียจึงเลิกจ้องเธอและเดินเข้าโรงอาบน้ำไป สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากหินอ่อน เสาถูกแกะสลักเป็นลวดลายคลื่นโค้งและสัตว์น้ำ ใต้น้ำมีท่อไหลเวียนน้ำซึ่งสับเปลี่ยนระหว่างน้ำในสระกับห้องต้มน้ำ
หลังจากเดธิเลียลงแช่น้ำอุ่นไปสักพัก นักดนตรีก็ตามเข้ามาด้วยสีหน้าที่ดูดีขึ้น ร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอเองก็มีแผลเป็น แต่จากที่แขนขาผอมกะหร่องไม่มีกล้ามเนื้อ จึงเดาว่าเธอไม่ใช่นักสู้ หากแต่ถูกทำร้ายจนเกิดแผลเหล่านั้นมากกว่า
หรือไม่ก็แค่... โชคร้าย
แม้ปากจะพูดว่าไม่เชื่อโชคลาง แต่เดธิเลียก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าบาดแผลพวกนั้นเกิดจากอะไร
“เจ้าชื่ออะไร” เดธิเลียถามขึ้น
“มิใช่ว่า... ก่อนจะถามชื่อใคร ก็ควรจะแนะนำตัวก่อนรึ” นักดนตรีถามกลับ แต่ก็นึกได้ว่าไม่ควรถามย้อนกับคนที่อัดผู้ชายสลบได้ในไม่กี่ที “เรียกข้าว่าชากอล”
“ชื่อคุ้น ๆ นะ” เดธิเลียว่า
“ข้าไม่คิดว่าพวกเราเคยพบกันหรอก” ชากอลเอ่ยตอบ “แล้วชื่อของท่านเล่า ข้าขอเดา... ท่านมีเชื้อสายขุนนาง”
“เดธิเลีย แวนธีส บุตรีของลอร์ดโรแวง แวนธีส เอิร์ลแห่งกาเมซัน” เดธิเลียตอบ เธอไม่คาดคั้นนามสกุลจากอีกฝ่าย เพราะชนชั้นกลางประมาณครึ่งเท่านั้นที่มีนามสกุล ส่วนชนชั้นล่างไม่มีเลย ถ้าหากไม่อยากถูกเหยียดไปว่าเป็นชนชั้นล่างก็ควรจะบอกนามสกุลโดยไม่ต้องถาม
“กาเมซันรึ ท่านมาไกลเหมือนกันนะ” ชากอลเอ่ยทัก พลางแหวกว่ายจากมุมสระเข้ามาหาเดธิเลียที่นอนแช่อยู่เฉย ๆ “อะไรทำให้ลูกสาวขุนนางจากดินแดนน้ำแข็งเดินทางมาเยือนนครน้ำหลากอย่างสเตลลาคาร์ตได้เล่า”
“พวกเรามาตามหา... ” เดธิเลียพูด ก่อนจะเว้นช่วงเล็กน้อย เมื่อนักดนตรีสาวลากนิ้วมาบนรอยแผลเป็นบนตำแหน่งกระดูกไหปลาร้า “...ใครบางคน”
“เป็นบุรุษรึ” ชากอลทาย
“เป็นอิสตรี” เดธิเลียตอบ
“เป็นผู้ใหญ่รึ” ชากอลถามต่อ
“เด็กกว่าข้าไม่มาก” เดธิเลียตอบ
“นางมีหน้าตาเช่นไร” ชากอลถาม
“ไม่รู้สิ ข้าไม่เคยพบนาง” เดธิเลียตอบ
“แล้วท่านจะตามหาคนที่ไม่เคยพบหน้าไปทำไมกัน” ชากอลยังคงถามต่อ
“เจ้านี่มีคำถามออกมาไม่หยุดหย่อนเลยนะ” เดธิเลียว่า
“แต่...” ชากอลไล้มือลงมาตามรอยแผลเป็น ซึ่งลากยาวลงมา น่าหวาดเสียวว่าจะเคยเกือบตายเพราะเข้าใกล้หัวใจ “ท่านก็ตอบข้าทุกคำถามอยู่ดีนี่”
ดวงตาของทั้งสองต่างสบประสานกันและดวงตาสีเงินของนักดนตรีสาวก็คล้ายจะทอประกายอย่างประหลาด
“ข้าจะไปซักเสื้อผ้าให้ท่านก่อน คงใช้เวลาสักพัก ถ้าเสร็จแล้วข้าจะกลับมาเรียกเอง” ชากอลชิงหลบสายตา ก่อนจะปีนขึ้นจากสระ แล้วเดินออกไป ทิ้งเดธิเลียเอาไว้กับความงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อครู่ตัวเองถึงปากพล่อยได้ขนาดนั้น
ได้แต่โล่งอกที่อีกฝ่ายหยุดถามเธอเสียที ที่เหลือก็แค่รอให้เสื้อผ้าของเธอซักอบเสร็จก็จะได้แยกย้ายกันไป
แต่ไม่ว่ารอเท่าไหร่... นักดนตรีสาวก็ไม่กลับมา
เดธิเลียรีบลุกพรวดขึ้นจากสระ เมื่อรู้สึกว่ามันนานเกินไป แต่ภายในห้องแต่งตัว ซึ่งควรจะมีเสื้อผ้าอื่น ๆ ที่ไม่เปื้อนวางอยู่ มันกลับไม่เหลืออะไรอยู่เลย รวมทั้งถุงเหรียญ ไม่เว้นแม้แต่ชุดชั้นใน
สิ่งเดียวที่เหลือคือเศษผ้าขาดจากผ้าคลุมของหัวขโมยที่เธอกระชากมันก่อนหน้านี้
“ยัยหนูท่อขี้ขโมย...” เดธิเลียกัดฟันกรอด “แกตายแน่!”
+++
โรงละครร้างหลังตรอกอุโมงค์ เขตสลัม
“เจ้ามันใจร้ายเป็นบ้า” เด็กสาวผู้กำลังปฐมพยาบาลเด็กหนุ่มดั้งหักร้องบ่น “อีกฝ่ายเป็นถึงลูกสาวขุนนางเลยนะ”
“ถือว่าเป็นค่ารักษาให้โรเดนมันไปด้วยเลยไง” นักดนตรีสาวเอ่ยตอบ ก่อนจะเทเหรียญคริสตัลทั้งหมดลงบนพื้นเวทีเก่า “งานเจ้ามีแค่กันคนเข้าโรงอาบน้ำ ไม่ได้ไปเสี่ยงแบบพวกข้าก็อย่าบ่นน่า”
“พูดมาได้ว่าไม่เสี่ยง นรกเถอะ! ” เด็กสาวเคาะหัวหน้าแก๊งของตัวเองด้วยสากไม้สำหรับบดยาดัง ป๊อก!
“โอ๊ย! เรสเทล! มันเจ็บนะ! ” ชากอลยกมือขึ้นกุมหัว
“ถ้าคนพวกนั้นจะเอาเรื่องละก็... ตัวข้าที่ทำงานประจำยังจะโดนตามตัวง่ายกว่าอีก” เรสเทลชี้สากเตือน
“แล้วดูสิ มีตราอยู่บนเสื้อด้วย” โรเดนทักขึ้นบ้าง “อย่างกับเป้าชี้ตัวให้พวกนั้นรู้ว่า มาจับข้าสิ ๆ ข้าอยู่ตรงนี้! ”
ตอนนี้ชากอลไม่ได้สวมเสื้อผ้าเก่า ๆ แล้ว แต่แทนด้วยเสื้อผ้าที่ขโมยจากเดธิเลียมา แม้มันจะหลวมไปสักหน่อย เธอลูบรอยด้ายสีดำบนอกซ้ายของเสื้อขนสัตว์สีขาว มันปักเป็นรูปอีกาและเด่นหรามากถ้าไม่สวมเกราะหนังทับ
“เจ้าน่าจะขโมยมาแค่เงิน ปกติพวกเราก็ขโมยแค่นั้นมิใช่รึ แต่เจ้ากลับทำให้ฝ่ายนั้นต้องอับอาย ไม่มีเงินไม่มีเสื้อผ้า นี่ถ้านางเดินทางมาคนเดียว ข้าไม่รู้ว่านางจะเอาหน้าที่ไหนเดินออกจากโรงอาบน้ำ” เรสเทลกระแทกกล่องยาปิด
“เจ้าทำให้พวกเราซวย” โรเดนผสมโรงไปกับเขาด้วย
“เจ้าแค่แกล้งโดนอัด เจ้าก็พูดได้ ข้าสิโดนนางลากลงไปอาบน้ำด้วย ไม่รู้หวังอะไรอยู่” ชากอลทำท่าขนลุกขนพอง
ในขณะที่เด็กหนุ่มชี้หน้าตัวเอง คล้ายจะถามว่าแผลแบบนี้มันดูเป็นการแกล้งทำตรงไหนมิทราบ นี่ถ้าเขาไม่แกล้งสลบคงโดนซัดจนต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปแล้วแน่ ๆ คู่ต่อสู้ก็ไม่รู้ว่าเอาแรงควายมาจากไหนมากมาย
“แต่เจ้าก็เล่นไปตามน้ำมิใช่รึ” เรสเทลถาม
“ถึงได้ต้องคิดแพงหน่อยไง” ชากอลยักไหล่ “พวกเราก็แค่... บริการให้เหล่า‘คนดี’ได้สำเร็จความใคร่ทางศีลธรรม แล้วก็เก็บค่าบริการ แต่ถ้าจะเอามากกว่านั้น ข้าก็ต้องเก็บทิปเพิ่ม”
“พูดซะเหมือนเชื่อว่าตัวเองเป็นคนดี” เรสเทลแขวะ
“ข้าไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นหรอกน่า” ชากอลค้าน
“ปัญหาต่อไปคือเราจะแลกเหรียญแก้วพวกนี้กับเหรียญปกติยังไง” โรเดนกุมแผลตัวเอง “ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นเงินสกุลอะไร แต่ถ้าเราเอาไปปล่อยทีเดียวต้องโดนจับได้แน่”
“อย่าตื่นตูมไปน่า โรเดน” ชากอลตบบ่าเขา “นางตามหาพวกเราไม่เจอหรอก เมืองนี้ออกจะกว้าง”
โรเดนพยักหน้ารับ แต่ยังไม่หายกังวล
สามนักต้มตุ๋นไม่ได้ทำแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็เล็งเฉพาะนักเดินทาง เพราะอย่างนั้นลูกค้าประจำกับเจ้าของร้านจึงไม่รู้ว่าพวกเธอทำเรื่องแบบนี้ใต้จมูกพวกเขา
“ก็หวังให้เป็นแบบนั้น” เรสเทลว่า แต่ไม่รู้ทำไม...
เวลาพวกเธออยู่กับชากอลแล้วไม่เคยโชคดีเลยสักครั้ง
+++
โรงอาบน้ำ เขตชนชั้นกลาง
“ท่านลอร์ด! ฝั่งนั้นเข้าไปไม่ได้นะคะ! ” เสียงร้องห้ามของพนักงานที่มาเปลี่ยนกะกับเรสเทลในช่วงหัวค่ำดังขึ้น แต่ก็หยุดยั้งลอร์ดโรแวงผู้เป็นพ่อไม่ได้
ปึง! “เดธิเลีย!” บานประตูห้องแต่งตัวถูกเปิดออก ก่อนที่ก้อนสบู่จะลอยเข้ากระแทกหน้าผู้เป็นบิดาอย่างเต็มรัก นั่นเพราะช่วงเวลานี้ไม่ได้มีเดธิเลียเป็นลูกค้าคนเดียวในห้องแต่งตัว ท่านเอิร์ลผู้สูงศักดิ์จึงต้องรีบถอยออกไป แล้วจ้างพนักงานไปหาเสื้อผ้าสำรองมาให้เดธิเลียสวม
ส่วนลูกสาวได้แต่ปิดหน้าเพราะอับอายแทนพ่อ
ลอร์ดโรแวงตามหาเดธิเลียจนพบ เพราะเธอส่งสัตว์เลี้ยงตัวเบิ้มของตนไปเรียกพ่อมา แต่เพราะมันเลยเวลานัดช่วงตะวันตกดินมานานแล้ว ลอร์ดโรแวงจึงเป็นห่วงมากจนทำเรื่องงามไส้อย่างการบุกห้องแต่งตัวสตรีเสียได้
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่นึกเลยนะว่าลูกพ่อจะเสียท่าให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ” เสียงหัวเราะทำให้เดธิเลียเริ่มสงสัยว่ามันถูกแล้วเหรอที่ผู้เป็นพ่อจะมาหัวเราะเยาะลูกสาวแบบนี้
พวกเธอกำลังกลับโรงแรม เดธิเลียขี่น้ำแข็งไสตามเดิม เพิ่มเติมคือเปลี่ยนท่าไปนั่งหันข้าง เพราะชุดใหม่ที่โดนยัดเยียดให้ใส่เป็นชุดกระโปรง ส่วนลอร์ดโรแวงก็ขี่ม้าสีฝุ่นคู่ใจ
“ไม่เป็นไรหรอกลูกรัก เงินสกุลเกมิซไม่ใช่เงินที่ลูกชาวนาที่ไหนจะเอามาผลาญทีละเยอะ ๆ เดี๋ยวพวกทหารยามก็หาหัวขโมยพวกนั้นเจอเองนั่นแหละ” ลอร์ดโรแวงเอ่ยปลอบ
“แล้วให้ข้าใส่เสื้อผ้าพวกนี้รอน่ะรึ” เดธิเลียผายมือให้พ่อดูชุดผ้าฝ้ายที่แสนจะเป็นกุลสตรี ต่างกับชุดเดิมที่เป็นชุดเกราะหนังกับเสื้อกางเกงขนสัตว์แบบคนละขั้ว “ข้าจะไปล่ามันด้วยตัวเอง ชากอล... ยัยหนูท่อขี้ขโมยนั่น”
“เจ้าว่ายังไงนะ” ลอร์ดโรแวงหันมาถาม ขณะดึงบังเหียนให้ม้าหยุดลง น้ำแข็งไสจึงหยุดตาม
“ข้าบอกว่าข้าจะไปล่ายัยหนูหนูขี้ขโมยนั่นเอง” เดธิเลียตอบ ทำเสียงขัดใจ เมื่อคิดว่าพ่อจะไม่อนุญาต
“ไม่ ๆ พ่อหมายถึงชื่อของเด็กคนนั้นน่ะ” ลอร์ดโรแวงถามให้ชัดเจนลงไปอีกหน่อย
“ชากอล นางบอกว่านางชื่อชากอล” เดธิเลียเอ่ยตอบ ก่อนจะขมวดคิ้ว “ท่านจะสนใจทำไม ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องถูกตัดมือโยนเข้าคุกข้อหาขโมยอยู่ดี”
“อืม... ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว” ลอร์ดโรแวงล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม ก่อนจะควานเอาจดหมายออกมา จดหมายเชิญสีดำประดับครั่งสีทองตรามหาพฤกษาเอิร์กร่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโรงเรียนเอเวนไฮด์
มันคือเหตุผลที่ทั้งคู่ต้องมาที่นี่ เพื่อตามหาผู้ถูกเชิญ
“พวกเรามาตามหาคัลลัค แวนธีสมิใช่รึ” เดธิเลียเอ่ยถาม หลังจากอ่านจดหมาย เธอรู้ตั้งแต่เห็นจดหมายแล้วว่าชื่อของใครคนนี้จะต้องเป็นคนที่ทั้งเธอและพี่ชายเกลียดอย่างเข้าไส้ แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวอะไรกัน
“คัลลัค แวนธีส... คัลลัค ชากอล” ลอร์ดโรแวงทำเสียงไม่สบอารมณ์ เพราะเด็กสาวผู้ที่เขาตามหากลับเลือกใช้นามสกุลอื่น “หน้าตาของนางเป็นเช่นไร เจ้าจำได้ไหม”
“ผมดำ คิ้วเข้ม เป็นพวกผิวเหลือง แต่ดวงตาของนาง... ” เดธิเลียกำลังจะอธิบายให้จบ แต่ก็ถูกผู้เป็นพ่อพูดดัก
“ดวงตาของนาง... แปลกใช่ไหมล่ะ ตาซ้ายสีอำพัน ตาขวาสีฟ้าซีด หรือที่เรียกกันว่าตาเงิน” ลอร์ดโรแวงพูดได้ถูกเผงราวกับเคยเห็นมากับตา
เดธิเลียพยักหน้ารับ
“ท่านพ่อเคยพบนางรึ” เธอถาม
“เคยสิ เมื่อครั้งนานมาแล้ว” ลอร์ดโรแวงตอบ “ก่อนที่ไอ้พ่อมดชั่วนั่นจะมาพรากน้องสาวของเจ้าไป”
“ข้าไม่นับนางเป็นน้องสาวข้าหรอกนะ” เดธิเลียแปลกใจเล็กน้อยที่เธอเจอคนในจดหมายก่อนพ่อผู้ตั้งใจตามหา แต่เรื่องที่เธอไม่ถูกชะตากับน้องสาวคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง “ยิ่งหลังจากเรื่องบ้าบอนี่ ข้าก็ยิ่งอยากจะฆ่านาง”
“ไม่ได้” ลอร์ดโรแวงยื่นคำขาด “แล้วเจ้าคิดว่าจะหานางพบงั้นรึ เท่าที่ฟังมา นางก็ดูแสบใช่ย่อย หรือพวกเราต้องไปรอให้นางมาเล่นดนตรีที่ร้านอาหารนั่นอีก”
“ไม่จำเป็นหรอกท่านพ่อ... ” เดธิเลียหยิบเศษผ้าโง่ ๆ ขึ้นมาโบกให้น้ำแข็งไสดม
แม้จะดูเหมือนขยะ แต่เพียงแค่กลิ่นบางเบาจากเจ้าของผ้าคลุมเน่า ๆ ก็ใช้ได้แล้วกับจมูกของหมาล่าเนื้อพันธุ์ดี
“ข้าจะลากคอนางออกมาคืนนี้เลย”
Comments (0)