8 ตอน ใครอะ
โดย พิมพ์ลภัส
“อื้ม ซ…เซียน”
แฮ่ก
ม..ไม่ไหวแล้ว
ตัวของอิงฟ้าสั่นระริกราวกับจับไข้เมื่อสัมผัสร้อนของอีกฝ่ายยังคงเอาแต่รุกเร้ากลืนกินปากเธอไม่เว้นจังหวะอยู่อย่างนั้น เซียนแทบจะไม่ปล่อยให้เธอหายใจเลยด้วยซ้ำ เดี๋ยวจูบเดี๋ยวปล่อยจนคนบนตักอ่อนระทวยทำอะไรไม่ถูก เสียงครางท้วงของคนบนตักดังอื้ออึงแต่คนเอาแต่ใจก็ไม่ยอมผ่อนแรงให้กันเลยสักนิด ไม่ว่าจะทุบมันไปสักกี่ครั้งแต่คนที่ยังมัวเมาอยู่กับปากเธอก็กลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น มีแต่จะรัดเธอแน่นกว่าเดิมซะมากกว่าจนเธอดิ้นหนีไปไหนไม่ได้
ลมหายใจเธอสะดุดจนแทบจะหายใจไม่ออก ลิ้นร้อนของอีกคนกวาดเลียอย่างจาบจ้วงจนเธอตวัดตามแทบไม่ทัน คราแรกเธอก็พยายามเกี่ยวลิ้นสู้โรมรันกับอีกฝ่ายอยู่หรอก แต่ไป ๆ มา ๆ เธอก็อ่อนแรงจนปล่อยให้ลิ้นร้อนอีกฝ่ายเข้ามารังแกกันได้ถึงในปากจนได้ ยิ่งเธอกระถดหนี อีกฝ่ายก็ยิ่งตรึงท้ายทอยเธอแน่นจนหันหน้าหนีก็ไม่ได้ จำต้องรับลิ้นอีกคนที่เอาแต่ควานไปทั่วโพรงปากของเธออย่างเอาแต่ใจอยู่แบบนั้น
ปากเธอก็คับแน่นจนแทบจะกรามค้างอยู่แล้วเนี่ย!
“อ๊ะ อื้อ!” เธอสะดุ้งโหยงเพราะอีกฝ่ายดูดลิ้นเธอแรงจนเจ็บจี๊ด ๆ ที่ปลายลิ้น เซียนส่งมันเข้าปากแล้วรูดไปมาราวกับมันอร่อยนักหนาอย่างนั้นแหละ ไหนจะเสียงดูดจ๊วบจ๊าบที่ดังแข่งออกมาก็ยิ่งทำเอาเธอขนลุกซู่ไปหมด
…ไม่เหนื่อยหรือไง จะดูดอะไรนักหนา
อิงฟ้าคิดอย่างนั้นก็หน้าร้อน จะไม่ไหวแล้วนะ หายใจก็ไม่ออก เซียนไม่ยอมอ่อนให้เธอเลย!
ฝ่ายคนกระทำเมื่อเห็นคนตัวเล็กเริ่มดิ้นขลุกขลักแรงขึ้นเธอถึงได้ยอมผ่อนแรงดูดนั้นเบาลงบ้าง ผละลิ้นออกมาแต่ก็ยังแนบริมฝีปากปิดสนิทลงไปเหมือนเดิมราวกับห่างไปไหนไม่ได้ เซียนขยับขบเม้มริมฝีปากหวานนั้นย้ำ ๆ กระทั่งได้ยินเสียงครางฮือที่ฟังดูเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาจริง ๆ เธอถึงยอมปล่อยมือที่จับตรึงท้ายทอยอยู่ออกให้อีกคนผละออกได้บ้าง
พออิงฟ้ารู้สึกได้อย่างนั้นจึงรีบผละตัวเองออกอย่างแรง ส่วนเซียนก็ตกใจกลัวอีกฝ่ายจะผลักออกจึงรีบรวบเอวมากระชับกอดแน่น ก่อนจะกดริมฝีปากตรึงเธออีกครั้งอย่างเอาแต่ใจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพลิกหน้าหนีไปทางไหนเซียนก็พลิกตามไปจูบอย่างไม่ยอมให้หลุดลอยห่างไปสักเสี้ยววินาทีเดียวจนเธอดูเหมือนคนหื่นกาม เสียงครางประท้วงของอีกคนก็ไม่ได้ทำให้เซียนตั้งสติได้เลยสักนิด เอาแต่มัวเมากับริมฝีปากเธออย่างคนไร้สติ
จูบไม่ปราณีกันเลยสักนิด!
...อร่อย
เพราะอิงฟ้าอร่อยเกินไป เซียนถึงได้มัวเมากับรสจูบขนาดนี้ กลิ่นกายหอม ๆ กับรสจูบหวาน ๆ ใครยังตั้งสติอยู่ได้ก็เก่งเกินคนแล้ว
เซียนครางฮึมฮัมอย่างพึงพอใจขณะดูดลิ้นอีกคนเข้าปาก กระดกลิ้นเกี่ยวพันอย่างคนเจนจัด ฝ่ามือก็ขยำสะโพกอีกคนเร้าอารมณ์จนคนในอ้อมแขนสะดุ้งเฮือก
ยิ่งอิงฟ้าดิ้น เธอก็ยิ่งรู้สึกเร้าใจที่ได้ควบคุมลูกแมวพยศอย่างนี้ ร้องครางตะแง้ว ๆ อยู่ข้างหูแต่ก็ยังทำใจกล้าจูบกลับปะเหลาะปะแหละกัน ตัวอ่อนระทวยขนาดนั้นแล้วแต่ก็ยังสู้เธอได้อยู่อีก ดื้ออย่างนี้เธอก็ยิ่งอยากจะทำให้สิ้นท่าไปเลย
“ฮื่อออ เดี๋ยว...อื้อ!”
…อีกแล้ว อิงฟ้าโดนจูบอีกแล้ว
อิงฟ้าถอนหายใจอย่างหนักเมื่ออีกคนไม่ยอมเชื่อฟังกันเลยสักนิด ยิ่งเธอจะผละห่าง อีกคนก็ยืดตัวตามมากินปากเธออย่างมูมมามอยู่นั่นแหละ เธอจูบไม่ทัน เจ็บปากไปหมดแล้วด้วย
ทำไมทีตาของมันถึงยาวนานขนาดนี้เนี่ย เธอจำได้ว่าจูบก่อนแค่ไม่กี่วินาทีเองนะ
…ทำไมมาเอาคืนกันขนาดนี้ เจ้าคิดเจ้าแค้นนักหรือไง!
พอทำอะไรไม่ได้มากเธอเลยยอมนั่งนิ่งให้จูบอยู่แบบนั้นอย่างจำยอม อีกฝ่ายยอมผ่อนแรงดูดดึงลง แต่ยังคงเคล้าคลึงปากกันอยู่อย่างนั้น พอหายเหนื่อยเธอถึงยอมจูบกลับไปบ้าง จนในที่สุดอีกฝ่ายก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงขยับปากสักที แต่เซียนก็ยังเป็นเซียน ยังคงพะเน้าพะนอปากเธออย่างคนไม่พอจนเธอต้องเป็นฝ่ายผลักอกมันออกนั่นแหละถึงได้มีจังหวะหายใจยาว ๆ บ้าง
“ฮื่ออ” เซียนพ่นลมอย่างเอาแต่ใจแล้วมองปากเธอไม่หยุด เสียงหอบหายใจของเราทั้งคู่ดังแข่งกันจนกลบหูแต่เซียนก็ไม่ยักจะละสายตาไปจากกันเลยสักนิดราวกับเสียดายอะไรเธอนักหนา คิ้วก็ลู่เข้าหากันจนดูน่าสงสาร
แต่คนที่น่าสงสารมันคือเธอไม่ใช่หรือไง!
“พ…พอแล้ว!” ได้พูดเต็มเสียงสักที อิงฟ้ายกหลังมือมาปิดปากตัวเองเพราะอีกฝ่ายก็ไม่หยุดจ้องเธอเลยสักนิด ถ้าปล่อยให้มันมองอยู่แบบนั้นมีหวังมันได้พุ่งมาจูบกันอีกแน่
พอเซียนเห็นอีกฝ่ายเอามือกั้นทางสายตาเธอ ถึงได้ยอมเหลือบตามามองกันบ้าง
“...จูบอีก” อีกคนว่าอย่างนั้นแล้วเคลื่อนตัวมาประทับจูบสั้น ๆ บนมือเธอ น้ำเสียงที่ออดอ้อนกันก็เบาหวิวราวกับกำลังข่มตัวเองอยู่อย่างไรอย่างนั้น นี่ขนาดนั้นมันข่มแล้วนะ เธอยังเห็นประกายเพลิงในตาของมันเปล่งออกมาอยู่เลย
“ม…ไม่เอาแล้ว! พอเลย จะจูบอะไรนักหนา” เธอตอบกลับเสียงสั่น มือก็ยังคงกั้นไว้อย่างนั้นแม้ว่าอีกคนจะพยายามเคลื่อนมาจูบมือเธอซ้ำ ๆ แค่ไหนก็ตาม
“นะ นะ จูบหน่อยนะ”
เซียนยังคงดื้อดึงอยู่อย่างนั้น พูดอ้อนเธอ นะ นะ อะไรแบบนั้นอยู่ข้างหูไม่ยอมหยุด ปากก็เข้ามาประทับบนฝ่ามือเธอย้ำ ๆ จนเธอจั๊กจี้ แต่ก็ต้องพยายามใจแข็งบ้างเดี๋ยวมันจะได้ใจ
“บอกว่าไม่เอาแล้วไงเซียน” จนเธอต้องกดเสียงต่ำดุกันบ้างจนอีกฝ่ายถึงได้ชะงักงันราวกับได้สติ เซียนเบิกตาอย่างตกใจนิดหน่อยที่เห็นเธอทำสีหน้าจริงจังอย่างนั้นเลยยอมเป็นฝ่ายล่าถอยออกไป พลันเธอก็นึกกลัวว่าอิงฟ้าอาจจะโกรธกันขึ้นมาจริง ๆ ก็ได้
พอเห็นระยะห่างที่ทิ้งช่วงออกไปอย่างปลอดภัยแล้ว อิงฟ้าถึงได้ยอมลดมือตัวเองลง แต่อีกข้างก็ยังคงดันไหล่มันอยู่อย่างนั้นเพราะกลัวว่าจะโดนพุ่งมาจูบไม่ทันตั้งตัวอีก ไว้ใจไม่ได้หรอก อีกคนอารมณ์ร้อนรุ่มขนาดนั้นเธอว่าไม่ค่อยปลอดภัยกับใจเธอเท่าไหร่
ตอนนี้ใจเธอเองก็.. สั่นไปหมดเลย
แฮ่ก..
“ขี้โกง กูจ..จูบนิดเดียวเองนะ” อิงฟ้าบ่นอุบอิบแก้เก้อทั้งยังหอบสั่น อีกคนก็ยังไม่ยอมหยุดทำสายตาหวานฉ่ำใส่เธอสักที เธอเองก็ไม่อยากจะหลุดอาการเอียงอายให้มันเห็นด้วยก็เลยแสร้งทำเป็นบ่นราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับสัมผัสร้อนเมื่อกี้มากนัก
“ก็อิงจูบไม่ทันใจอะ” พอเห็นอิงฟ้าไม่ได้โกรธเธอ เซียนเลยยอมเปิดปาดพูดขึ้นมาบ้าง พยายามสลัดอารมณ์ร้อนรุ่มออกแล้วตอบกลับไปอย่างขี้เล่นเหมือนเดิม เซียนพยายามไม่หลุดเสียงสั่นออกไปเพราะกลัวจะโดนจับได้ว่าตัวเองมีอารมณ์ แสร้งยิ้มหน้าหยีเต็มหน้าเกินเหตุจนอิงฟ้าเองยังมองออกว่ามันแสร้งยิ้มกลบเกลื่อน
แต่กระนั้นเธอก็ยอมมองข้ามมันไป แล้วดึงตัวเองกลับมาต่อปากต่อคำกับมันไปบ้าง
“ก็มึงโกงอะ จับกูจูบอยู่นั่นแหละ อย่าให้ถึงทีกูบ้างเหอะ” เธอแสร้งเอ่ยเสียงกระฟัดกระเฟียด แต่ทอปปิคที่เถียงกันก็ไม่พ้นเรื่องจูบอยู่ดี! ยิ่งพูดก็ยิ่งลนลาน จะเปลี่ยนเรื่องก็ดูไม่เนียนอีก
คนที่ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สาอะไรอย่างอิงฟ้าถึงได้ผินหน้าหนี มือที่จิกเกร็งอยู่บนบ่ามันก็ค่อย ๆ ปล่อยออก แล้วขยับย้ายก้นมานั่งข้าง ๆ กันแทน
แล้วเธอก็ไปนั่งตักมันอยู่ได้ตั้งนาน ไปอยู่ท่านั้นได้ยังไงเนี่ย! ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินอายกับตัวเอง อยากจะทำใจกล้าแต่โดนเค้าย้อนกลับมาก็ไปไม่เป็นซะอย่างนั้น
“แหม อยากให้ถึงทีเธอจะแย่ จะเอาคืนตอนนี้เลยก็ได้นะ” คนมันยังเสียดายอะ… เซียนได้ยินมันพูดเปิดโอกาสกันอย่างนั้นก็เลยอดไม่ได้ที่จะท้าทายบ้าง เธอยื่นหน้าทำปากจู๋ใส่อีกคนอย่างเย้าแหย่ จนโดนอิงฟ้ามันตีปากให้สักทีเซียนถึงได้ยอมผละมานั่งดี ๆ แม้หน้าจะยังมุ่ยอยู่ก็ตาม
“รู้จักพอซะบ้างนะ อีหื่น”
“ก็ใครให้น่าเย็ด เอ๊ย! น่าจูบอะ” เซียนพูดอย่างนั้นแล้วหลุบตามองปากเธออีกแล้วอย่างจงใจ มันรู้ว่าเธอจะเขินก็จ้องกันไม่หยุดอยู่ได้ “..แล้วปากเธอก็หวาน กินทั้งวันยังได้” เซียนเอ่ยซ้ำ แล้วยื่นหน้ามาฉกจูบเธอไว ๆ อีกทีจนเธอตั้งตัวไม่ทัน
“อีนี่!” ว่าแล้วก็ง้างมือฟาดไปสักที ขนาดฟาดจนเธอเจ็บมือเองแล้วนะ อีกคนมันก็ยังจะยิ้มอารมณ์ดีอยู่นั่นแหละ
ยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้ น่ารำคาญจริง ๆ!
“แล้วจะยอมได้ยังว่าเมื่อคืนกูไม่ได้จูบอะ” อิงฟ้าได้ทีก็รีบเอ่ยท้วงเมื่อนึกขึ้นว่าเธอไปจูบมันทำไม แต่คิด ๆ ไปก็แอบเปลืองตัวเกินไปไหมเนี่ย…
“ไม่รู้สิคะ ต้องลองจูบอีกที” เซียนว่าอย่างนั้นก็ทำทีเป็นทำปากจู๋ยื่นหน้าไปใกล้อีกแล้ว แหย่ไม่หยุดจนอีกคนต้องหันหน้าหลบหลีกเป็นพัลวัน
“ออกไป๊!! รำคาญ”
"มามะ จุ๊บ ๆ หน่อยน้า"
"อีเซียน ออกไปไกล ๆ กูเลย"
“ทำไม จะบอกว่าไม่ชอบจูบเหรอ” เซียนแสร้งเอ่ยตัดพ้อ
“อะไรอีก” อิงฟ้าเอ่ยถามเสียงสะบัดที่อีกคนยังวอแวเรื่องจูบไม่หยุด
“ไม่น่ามั้ง ก็เธอครางซะดังออกขนาดนั้น ไม่เสียวไม่ชอบก็ไม่น่าจะจูบตอบเนอะ นึกว่าจะโดนตบละ” เซียนทำทีเป็นครุ่นคิดวิเคราะห์ไปเรื่อยอย่างกวนประสาท สายตาวาววับก็มองมาทางนี้ไม่หยุดจนหน้าเธอเห่อร้อนมาอีกแล้ว
คนแบบนี้มันน่าทุบให้ตาย ได้ทีก็มากวนประสาท!
“แล้วพูดอย่างนี้อยากลองโดนตบสักทีไหมล่ะ” เธอว่าแล้วง้างมือจะตบมันจริง ๆ เซียนหัวเราะน้อย ๆ แล้วยื่นหน้ามาวางทาบกับมือเธอเองให้เสร็จสรรพ
“ก็ตบสิ ฉันจับเธอจูบนะยัยตัวเล็ก คราวนี้จะจูบให้ร้องไห้เลย” คนตัวสูงแกล้งถู ๆ หน้ากับมือเธอจนเป็นเธอเองที่ต้องชักมือกลับมาราวกับต้องไฟร้อน
“อีบ้า แล้วทำไมกูต้องร้องไห้ด้วย มึงก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น!” เห็นคนมั่นหน้าอย่างนั้นก็อดพูดแขวะไปไม่ได้ เหอะ! จูบให้ร้องเหรอ กล้าพูดออกมาได้นะ คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนิยายหรือไงถึงได้จะมารังแกเธอได้ง่าย ๆ แบบนั้นอะ
อิงฟ้าคิดอย่างนั้น แต่ตอนเธอโดนอีกฝ่ายรุกจูบมาราธอนแบบนั้นก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตัวเองหลุดส่งเสียงงอแงเหมือนจะร้องจริง ๆ …
พอคนตัวสูงโดนปรามาศอย่างนั้นก็แทบจะเลือดขึ้นหน้า กล้าพูดมาได้ว่าเธอไม่เก่ง!! แล้วใครกันที่เอาแต่ร้องครางจนเธอได้ยินแล้วดันมีอารมณ์เนี่ย! ไหนจะส่งเสียงอิ๊อ๊ะราวกับเสียวนักหนาทั้งที่เธอก็แค่จูบแค่นั้น นี่ถ้าเธอไม่กลัวโดนมันโกรธเธอทำให้มันร้องเสียวได้มากกว่านี้อีก!
เซียนน่ะเป็นถึง เทพเซียน เชียวนะ กล้าดียังไงมาบอกว่าเธอจูบไม่เก่ง
“บังอาจนะ! กล้าดูถูกกันเหรอ เดี๋ยวเธอจะโดนนะยัยอิงฟ้า” เซียนว่าอย่างนั้นแล้วทำสีหน้าขึงขัง ยืนยันจะไม่ยอมรับให้ได้ว่าตัวเองเป็นอย่างที่อีกคนว่า
“หึ แค่นี้ก็รับไม่ได้” อิงฟ้าแสร้งยิ้มเยาะ ยิ่งพูดยิ่งได้ใจที่เห็นอีกคนเสียอาการซะบ้าง ไม่ใช่เธอคนเดียวที่จะต้องเสียอาการคนเดียวสักหน่อยนี่
เห็นคนตัวเล็กทำเป็นอวดเก่งอย่างนั้นเซียนก็ทนไม่ได้ขึ้นมา คิดว่าตัวเองจูบเก่งคนเดียวเลยหรือไง สงสัยต้องทบทวนกันอีกสักรอบแล้วมั้ง
เซียนคิดอย่างจึงหันขวับไปดันไหล่คนขี้เถียงข้าง ๆ ลงไปนอนราบกับโซฟาอย่างรวดเร็วจนอีกฝ่ายตั้งตัวไม่ทัน ไม่ปล่อยให้โดนปัดป้องหรอก เซียนขยับตัวขึ้นคร่อมร่างเล็กเสียมิดแถมยังแทรกเข่าตัวเองกั้นกลางหว่างขาอีก อิงฟ้าตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกที่โดนรุกขนาดนั้น เธอเงยหน้ามองคนบนร่างสีหน้าตื่น ๆ
“อ๊ะ.. นี่! มานอนทับทำไมเนี่ย ออกไปเลยไป๊!”
“จะได้รู้ไปเลยว่าเก่งหรือไม่เก่ง” เซียนว่าอย่างนั้นแล้วพยายามก้มลงไปจูบอย่างรวดเร็ว แต่อิงฟ้าก็ไวไม่แพ้กัน เธอเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากร้อนนั้นได้อย่างฉิวเฉียดแถมยังส่งมือมากั้นดันไว้กลางอกเธออีก
คนตัวสูงจิ๊ปากอย่างขัดใจ ตัวแค่นี้ยังจะมาท้าทายกันอีก พอสู้เข้าจริง ๆ อิงฟ้านั่นแหละจะลำบาก เธอคิดอย่างนั้นแล้วก็แสดงให้ดูเสียเลยว่าอีกคนจะลำบากยังไง
“อีเซียน! ปล่อยกูเลยนะ!!” เซียนทำเป็นหูทวนลมที่ได้ยินอย่างนั้น ก็บอกแล้วว่าอิงฟ้าตัวเล็ก แค่เธอแกะมือมันออก แล้วจับขึงไว้กับโซฟาด้วยมือข้างเดียวยัยคนขี้วีนก็ขยับตัวไปไหนไม่ได้แล้ว เซียนคิดอย่างได้ใจแล้วก้มลงไปกระซิบชิดริมฝีปากอีกคนอย่างท้าทาย
เซียนแอบชะงักไปแวบนึงที่เห็นอีกคนตกอยู่ภายใต้อาณัติเธออย่างนี้
ท่าทางของอิงฟ้าตอนนี้มัน..
…มันเซ็กซี่มากเลย…
อิงฟ้าตัวเล็ก แต่หุ่นดีมาก ยิ่งพยายามบิดตัวหนีเธอก็ยิ่งอวดหุ่นให้เธอลอบมองส่วนเว้าโค้งนั้นให้ได้เห็นกันจะ ๆ อีก
“บอกมาซิทำไมต้องปล่อย” เธอว่าอย่างนั้นแล้วจุ๊บปากร้าย ๆ นั่นสั้น ๆ ไปหลายทีให้ได้ยินเสียงฮึดฮัดดังออกมาจากคนใต้ร่าง อิงฟ้าเบี่ยงหน้าหลบแต่เซียนก็ถือโอกาสที่เป็นคนคุมเกมใช้มืออีกข้างบีบคางอีกฝ่ายเบา ๆ ให้อยู่นิ่ง ๆ แล้วระดมจูบจนเสียงได้ยินเสียง จุ๊บ จุ๊บ ซ้ำ ๆ แบบนั้นดังก้องเต็มสองหู ก่อนจะผละจูบออกมาฝังใบหน้าลงกับซอกคอขาวของอีกคนอย่างห้ามใจไม่อยู่
“อา…หอม” เซียนส่งเสียงคำรามในคออย่างพึงพอใจ สติที่เคยดึงกลับมาได้ก็เริ่มพร่าเลือนเมื่อกลิ่นหอมมันเย้ายวนใจขนาดนี้ เธอเผลอกดจูบต้นคอแล้วฝังหน้าซุกไซร้ไปมา จนคนตัวเล็กเอียงคอหนีด้วยความวาบหวาม
ไม่ได้อยากจะแกล้งแบบนี้เลย.. แต่ใครให้อิงฟ้ามาพูดแหย่เธออย่างนั้นล่ะ คราแรกก็แค่อยากจะเอาคืน แต่กลิ่นกายรวมถึงรสหวาน ๆ จากจูบของอีกคนก็หวานล้ำจนแทบไม่อยากจะถอนตัวออกมาเลย ยิ่งได้สัมผัสก็ยิ่งลุ่มหลง เธอเผลอกระชับมือที่ตรึงอยู่แน่นขึ้นแล้วส่งเสียงหอบกระหายอย่างควบคุมไม่อยู่
“ฮื่ออ! ไม่เอา อย่าไซร้” อิงฟ้ากัดปากพูดเสียงสั่นพยายามข่มอารมณ์วูบวามในอก จนต้องรีบห้ามเพราะกลัวจะเลยเถิดกันไปมากกว่านี้ ส่วนคนกระทำก็พลันรู้สึกตัวจึงได้หยุดนัวเนียอีกคนทันทีอย่างจำยอม ถอนหายใจยาว ๆ ทีนึงที่ตัวเองดันเผลอตัวอีกแล้ว เธอปล่อยมือที่จับขึงอีกคนไว้แล้วผละตัวออกมาเล็กน้อย ไล้มือบนแก้มใสของอีกคนที่เอาแต่หอบสั่นใต้ร่างเธออยากปลอบโยน
“ขอโทษ กลัวหรือเปล่า” เซียนถามเสียงอ่อน
“ลุกไปเลย” คนใต้ร่างไม่ตอบ เม้มปากข่มความขวยเขิน มือเล็กก็ดันไหล่อีกคนอย่างอ่อนแรง
เซียนที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยอมลุกให้ก็ได้ เธอส่งมือไปฉุดร่างกายปวกเปียกให้ลุกขึ้นมานั่งดี ๆ แต่ก็ไม่วายแอบฉวยโอกาสดึงมันมาแนบชิดกับเธอเข้าเต็มอก
“โอ๊ย ห่างหน่อยก็ได้อีบ้า” โอเค โวยวายแบบนี้แปลว่าไม่ได้โกรธหรอก เซียนหลุดยิ้มแต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือที่รวบกอดเอวอีกคนไว้อยู่ดี เธอก้มมองคนตัวเล็กที่เงยหน้าส่งสายตาดุดันมาให้ แต่ใบหน้ากลับขึ้นสีให้เห็นซะอย่างนั้น
น่าเอ็นดู
เซียนไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไปเพราะต้องใช้เวลาข่มอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาสักพัก ได้แต่กอดอีกคนนิ่ง ๆ ไม่ขยับ อิงฟ้าก็คงเหมือนกันล่ะมั้งถึงได้นั่งนิ่งให้เธอกอดอย่างนี้ จนในที่สุดอารมณ์ร้อน ๆ ของเธอถึงได้สงบลงมาบ้าง
“นี่”
“หืม?” เซียนขานรับเมื่อจู่ ๆ อีกคนก็เอ่ยเรียกกันอย่างนั้น ไม่รู้เธอคิดไปเองหรือเปล่าแต่ทำไมน้ำเสียงอิงฟ้าถึงได้หวานขนาดนั้นนะ ยิ่งกลิ่นหอม ๆ ติดจมูกนี่อีก… ว่าแล้วเธอก็ทำเนียนก้มไปดมหัวอีกคนเสียฟอดใหญ่
“ปล่อยได้แล้ว หิวข้าว”
“แล้วตอบได้หรือยังว่าเซียนจูบเก่งหรือไม่เก่ง”
อิงฟ้าส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่อีกฝ่ายมันไม่ยอมพ้นเรื่องนี้สักที! เมื่อกี้ก็จูบเธอไปขนาดนั้นแล้วยังจะสงสัยอะไรนักหนา คนตัวเล็กแอบคิดตามแต่ก็ไม่อยากจะตอบคำถามให้มันได้ใจ เธอถึงทำทีเป็นแยกเขี้ยวแล้วหยิกมันไปสักทีข้อหาพูดมาก
“บอกว่าหิวข้าวแล้วไง!”
“โอ๊ย ๆ เธออย่าหยิกมันเจ็บบบ”
“พาไปกินข้าว!” เซียนที่ร้องโอดโอยก็เผลอหลุดยิ้มที่อีกคนเสียอาการจนเอาแต่พูดจาเอาแต่ใจซ้ำ ๆ ไปมาแบบนั้น โธ่ยัยลูกแมว พอไม่อยากตอบก็ทำเป็นเฉไฉไปเรื่อยเชียวนะ เห็นแบบนั้นเธอก็คันปากอยากจะล้ออยู่หรอก
แต่เธอกลัวแขนจะหลุดติดเล็บมันไปก่อนน่ะสิ หยิกมาได้…
“คิก แล้วอยากกินอะไร เซียนจะตามใจเธอทุกอย่างเลย” เซียนเอ่ยอย่างอวดเบ่ง ทำเป็นกล้ามใหญ่กล้ามโตกับเธอนะ สงสัยสองแสนคราวที่แล้วคงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งมันร่วงสักเส้นเลยมั้งถึงได้มาท้าทายให้เธอใช้เงินอย่างนี้เนี่ย
“เหอะ ทำเป็นมาอวด สักวันเงินหมดบัญชีกูจะขำให้”
“แล้วอยากมาช่วยใช้มั้ยล่ะ” เซียนยื่นหน้ามาใกล้จนอีกฝ่ายผงะ และพูดต่อว่า “แต่ต้องมาเป็นเมียก่อนนะ”
“ออกไปเลยไอ้โรคจิต!!!”
เธอเริ่มจะคิดจริง ๆ แล้วนะว่ามันอยากจะจับเธอทำเมียเข้าสักวันอะ!
………………………
เซียนพาเธอมากินข้าวจริง ๆ
ทันทีที่ก้าวลงจากรถ อิงฟ้าก็แหงนหน้ามองร้านอาหารใหญ่สุดหรูที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง เธอไม่คิดว่าเซียนจะเล่นใหญ่พามาดินเนอร์ตึกหรูขนาดนี้นะ อดไม่ได้ที่จะหันขวับไปมองคนขับรถที่พึ่งจะก้าวลงจากรถตามเธอมาติด ๆ เซียนมองสถานที่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย มือที่แกว่งควงกุญแจรถอยู่ก็โยนให้เด็กรับรถของร้านราวกับจะโชว์เท่ให้เธอเห็นอย่างไรอย่างนั้น
ยังมีหน้าหันมายักคิ้วหลิ่วตาใส่เธออีก
“จะโยนทำไม ทำไมไม่ส่งให้เค้าดี ๆ ล่ะ ทำแบบนี้ไม่ค่อยน่ารักเลยนะ” แทนที่จะมองกันด้วยสายตาชื่นชม อิงฟ้ากลับมองว่ากิริยาอย่างนั้นมันไม่ค่อยงามเท่าไหร่ เซียนที่โดนดุก็เผลอทำหน้าสลดอย่างเชื่อฟังจนพนักงานบริเวณนั้นพากันทำหน้าเลิกลักไปไม่ถูก
“ก…ก็” ยังไม่ทันจะเอ่ยแก้ตัว เซียนที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกรงอะไรอิงฟ้านักหนาก็พลันต้องหุบปากฉับ เมื่อคนตัวเล็กก็ไม่ได้อยู่ฟังเธออะไรเลย นู่น สะบัดหน้าเดินเข้าร้านอาหารไปก่อนเธอแล้วนั่น
เซียนก็รีบก้าวฉับ ๆ ตามอีกคนไปโดยไม่สนใจจะหันมาทักทายพนักงานที่โค้งให้เธอเป็นแนวยาวหน้าร้านนั่นสักนิด
“นี่เซียน จองไว้หรือเปล่าอะ เค้าบอกว่ามันต้องจองนะร้านนี้” ทันทีที่เซียนเดินมาประชิดตัว อิงฟ้าก็หันหน้ามุ่ย ๆ มามองกันราวกับจะฟ้องว่าตัวเองเข้าไปภายในร้านอาหารไม่ได้ รอให้เธอมาจัดการให้หน่อยอย่างไรอย่างนั้น เห็นแล้วมันน่าเอ็นดูจัง…
จริง ๆ อิงฟ้าก็แอบคิดไว้อยู่แล้วว่าร้านอาหารระดับหรูอย่างนี้ต้องจองอยู่แล้วเป็นธรรมดา แล้วเซียนที่คิดอยากจะพาเธอมากะทันหันแบบนี้อีกก็คงไม่ได้จองไว้หรอกมั้ง
เซียนเลิกคิ้วมองอีกคนที่ว่าอย่างนั้นแล้วก็เผลอหันมาทำหน้าดุใส่พนักงานหน้าร้านอย่างขัดใจ
“ทำไมยังไม่ปล่อยให้เข้าไปอีก” คนตัวสูงเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง ทันทีที่สายตาของเธอสบเข้ากับพนักงานต้อนรับคนนั้น อีกฝ่ายก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีด แล้วรีบเอ่ยละล่ำละลักเอ่ยตอบคนสำคัญตรงหน้าคนนี้ราวกับเผลอทำผิดมหันต์อย่างไรอย่างนั้น
“คะ...คุณเซียน ขอโทษค่ะ เชิญทางนี้เลยค่ะ” ได้ยินอย่างนั้นอิงฟ้าก็หันขวับมามองกันด้วยความแปลกใจ เธอทำสีหน้าฉงนแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกมาในทันที ในใจก็คิดเพียงแต่ว่าเซียนคงจะเป็นลูกค้าระดับวีไอพีของที่นี่ล่ะมั้งพนักงานถึงจำได้ ยิ่งตอนแรกนอบน้อมกับเธออยู่แล้วก็ยิ่งนอบน้อมมากกว่าเดิมไปอีกจนอิงฟ้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลก ๆ แต่กระนั้นเธอก็ยอมเดินตามคนที่ดูชำนาญทางอย่างเซียนเดินเข้าลิฟท์ใหญ่ไปอย่างสบาย ๆ
ไพรเวทสุด ๆ สมกับเป็นวีไอพี
คิดแล้วก็แอบเกร็งหน่อย ๆ ที่นี่บริการพวกเธอราวกับเป็นเจ้าหญิงอย่างไรอย่างนั้น ปูพรมแดงให้ได้ก็คงทำไปแล้วมั้ง อิงฟ้าคิดอย่างซุกซนพลันก็ส่งสองมือไปควงแขนอีกคนไม่รู้ตัว สายตาก็สอดส่องไปทั่ว ชื่นชมความหรูหราเวอร์วังของร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น มันน่าถ่ายลงไอจีจริง ๆ นะเนี่ย สวยอย่างกับมาเดินเล่นในโรงแรมเลย
“เชิญห้องนี้ครับคุณท่าน” ทันทีที่เธอทั้งสองคนเดินมาหยุดหน้าประตูห้องไพรเวทชั้นบนสุดของร้าน เธอก็เผลอทำหน้าแหยงออกมาเมื่อได้ยินสรรพนามที่ดูเวอร์อย่างนั้น เซียนเองก็ดูขัดหูไม่น้อยถึงได้ทำหน้าขึงขังขนาดนั้น
“ท่านอะไรล่ะ บอกกี่ครั้งแล้วคะว่าให้เรียกธรรมดา”
“ค…ครับคุณเซียน เชิญครับ” เซียนพยักเพยิดหน้านิ่ง ๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าห้องอาหารส่วนตัวนั้นไปติด ๆ พนักงานคนนั้นโค้งแล้วโค้งอีกกว่าจะเดินเลี่ยงออกไป
“จองมาตอนไหนเนี่ย” พอนั่งพักกันสองคนแล้วอิงฟ้าก็เปิดปากถามทันที สายตาก็กวาดสำรวจไปทั่วห้องอีกแล้วเพราะห้องไพรเวทห้องนี้ก็สวยเหมือนกัน อดไม่ได้ที่จะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายเก็บไว้เสียหลายรูปเลย
“ไม่ต้องจองหรอก ถ้าเตี่ยไม่มา ห้องนี้มันก็ต้องว่างอยู่แล้ว” เซียนเอ่ยยิ้ม ๆ เท้าคางมองอีกคนที่ดูจะชอบการตกแต่งของร้านมากเหลือเกิน จนอยากจะยกไปให้ถ่ายเล่นที่บ้านซะเลย
กระทั่งพนักงานคนเดิมเดินกลับเข้ามา เซียนถึงได้เก็บมือแล้วยืดตัวนั่งตรงอย่างเรียบร้อย
ที่มันก็ดู… มีภูมิฐานขึ้นมานิดนึง แถมยังดูดุด้วย อิงฟ้าคิดอย่างนั้น
“ยินดีต้อนรับครับคุณเซียน ขออภัยที่ผมไม่ได้ลงไปต้อนรับด้วยตัวเองนะครับ” ว่าจบพนักงานที่สวมสูทเรียบร้อยก็โค้งให้กันเสียจนหัวแทบติดพื้น เซียนสะบัดมือเล็กน้อยราวกับบอกว่าไม่ใส่ใจอะไร อีกคนถึงได้ลดความพินอบพิเทาลงมาบ้าง
“เซียนมากับเพื่อนค่ะ คุณทัพมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ครับท่าน... เอ่อ ครับคุณเซียน ต้องการอะไรเรียกผมได้ตลอดนะครับ”
“อืม” ยิ่งนั่งฟังก็มีเรื่องให้ต้องขมวดคิ้ว อิงฟ้าเริ่มจะคิดแล้วว่าเพื่อนของเธอเป็นเจ้าของที่นี่น่ะ สัญชาติญาณมันบอกว่าเซียนไม่น่าจะใช่ลูกค้าวีไอพีปกติแล้วหรือเปล่า พอคิดอย่างนั้นเธอถึงได้นั่งฟังบทสนทนาของคนที่ดูใหญ่โตเหลือเกินนั่นอย่างเงียบ ๆ
สองคนนั้นคุยกันไม่นานก็ผละออก ไม่วายหันมาโค้งเธออีกทีแล้วถึงได้เดินเลี่ยงกลับไป
“อะไรเนี่ย อวดเบ่งอะไรขนาดนั้นคะท่าน” พอกลับมาอยู่กันสองคนอีกครั้งอิงฟ้าแกล้งจีบปากจีบคอล้อมันไปที เซียนตีหน้ายุ่งอย่างไม่ชอบใจที่ได้ยินอย่างนั้น
“ไม่ได้อวดสักหน่อย แล้วก็ไม่ต้องเรียกแบบนั้นเลยนะ” คนตัวเล็กหัวเราะ เธอคิดไปเองหรือเปล่านะว่ามันหูแดง
“แล้วทำไมต้องเรียกว่าท่านขนาดนั้นอะ วีไอพีหรือเปล่า”
“ก็เปล่า เตี่ยเป็นเจ้าของ” เซียนเอ่ยอย่างสบาย ๆ คนที่คิดไว้อย่างนั้นอยู่แล้วอย่างอิงฟ้าก็เลยพยักหน้ารับง่าย ๆ เพราะมันก็ไม่ได้เดายากอะไรเลย ติดก็แค่ทำตัวไม่ถูกที่พนักงานพินอบพิเทาใส่กันเหลือเกิน แถมพนักงานยังแต่งตัวราวกับเป็นบอดี้การ์ดเต็มไปหมดอีก ไม่เหมือนพนักงานร้านอาหารสักนิด
“ลูกสาวเจ้าของนี่เอง” คนตัวเล็กเอ่ยล้อ ๆ ไม่ทันไรพนักงานสองสามคนก็เดินกรูเข้ามาอีกแล้ว รถเข็นอาหารก็ทยอยกันเข้ามาทั้งที่เธอยังไม่ได้สั่งเองเลยด้วยซ้ำ แถมพวกเธอก็มานั่งที่นี่ก็ยังไม่ถึงสิบนาทีดีเลยด้วยมั้ง
…เป็นลูกสาวเจ้าของมันดีแบบนี้นี่เอง
เธอมองอาหารที่ทยอยเข้ามาจัดวางให้เธอเงียบ ๆ ซึ่งดูแล้วก็มีแต่อาหารพรีเมียมทั้งนั้น แล้วก็มีของโปรดเธอด้วย …แต่เซียนจะรู้ก็คงไม่แปลกหรอกมั้ง ก็เป็นเพื่อนกันนี่เนอะ
อิงฟ้ายักไหล่ไม่ได้คิดอะไร เธอเลิกใส่ใจพนักงานแล้วหันมาคุยกับเซียนอย่างสบาย ๆ บ้างเพราะลูกน้องมันทำตัวน่าอึดอัดเกินไปแล้ว ขืนเป็นแบบนี้เธอคงทานอาหารไม่อร่อยกันพอดี
“อยากกินไวน์อะ รินให้หน่อยดิ” เธอพูดกับเซียนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เครื่องดื่มนั้นแบบไม่ได้คิดอะไร แต่คนดูแลที่ยังยืนคุมอยู่ใกล้ ๆ กลับกุลีกุจอจะรินให้เธอซะอย่างนั้น เซียนตวัดสายตามองเป็นเชิงห้าม แล้วบอกว่าตัวเองจะทำเอง
แล้วพี่พนักงานคนนั้นก็ทำหน้าลนลานจนเธอรู้สึกแปลก ๆ เองแล้วเนี่ย
อะไร ทำอย่างกับเธอใช้งานคุณหนูของที่นี่อะไรอย่างนั้นแหละ แค่ขอให้รินไวน์เองมั้ย
“คุณช่วยออกไปคุมหน้าห้องได้มั้ยคะ เซียนอยู่กับเพื่อนนะคะ” เซียนที่นั่งนิ่งมาตลอดเป็นฝ่ายเอ่ยปากไปอย่างนั้นเพราะตัวเองก็อึดอัดเหมือนกัน แถมเธอจะหยอกจะเล่นกับอิงฟ้าไม่ได้เลยด้วย กลัวโดนเอาไปฟ้องเตี่ยหมด นี่แค่มากินข้าวกับอิงฟ้าที่นี่คนที่บ้านก็คงรู้กันหมดแล้วมั้ง
“โอ๊ย พนักงานร้านมึงเวอร์มาก อะไรจะต้องยืนคุมขนาดนั้น” พอเหลือกันแค่สองคนอิงฟ้าก็บ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อยกับความล้นนั้น แม้จะบริการดีแค่ไหนแต่ตามมาบริการให้กันทุกอย่างขนาดนี้ก็น่าอึดอัดเกินไปอยู่ดีอะ เซียนยิ้มน้อย ๆ แล้วตอบกลับมา
“ปกติมากินกับเตี่ยก็มีพวกเค้าคุ้มกันให้ตลอดแหละ สงสัยคงจะชิน”
“แล้วทำไมต้องตามติดขนาดนั้น เตี่ยก็ไม่ดุขนาดนั้นหนิ” อิงฟ้าสงสัย มือก็จิ้มนู่นจิ้มนี่เข้าปากไปเรื่อย พอบรรยากาศกลับมาดีเหมือนเดิมอิงฟ้าก็เลิกเกร็งสักที รวมถึงคนตรงหน้าเธอด้วยที่ก็คงจะเกร็งลูกน้องตัวเองเหมือนกันล่ะมั้ง
เมื่อกี้ก็นั่งซะนิ่งเลย อย่างกับมานั่งกินข้าวกับผู้บริหาร
“คือ… จริง ๆ มันเป็นร้านที่เอาไว้คุยธุรกิจกันนั่นแหละ พี่ ๆ เมื่อกี้ก็ไม่ใช่พนักงานแต่เป็นบอดี้การ์ดค่ะ” อิงฟ้าได้ยินอย่างนั้นก็แอบตกใจกับความเวอร์ของร้านนี้อีกแล้ว
เอาบอดี้การ์ดมาตามพวกเธอกินข้าวเพื่อ?!
“โคตรเวอร์เลยอีเหี้ย อีกนิดจะค้นปืนกูแล้วมั้ง” อิงฟ้าว่าอย่างนั้นแล้วส่ายหน้าน้อย ๆ ส่วนคนฟังอย่างเซียนก็ยิ้มแหย ๆ เพราะที่พูดมานั่นก็ไม่ผิดซะทีเดียว…
ก็มันเป็นร้านที่เตี่ยไว้คุยธุรกิจกับพวกผู้บริหารชั้นสูงรวมถึงคนใหญ่คนโตระดับประเทศน่ะสิ ปกติก็ต้องค้นอาวุธก่อนเข้ามาจริง ๆ นั่นแหละ แค่วันนี้เธอสั่งไปแล้วว่าแค่มากินข้าวกับเพื่อนเฉย ๆ ไม่ต้องมาตามอารักขาอะไรให้เวอร์นัก อิงฟ้าก็เลยไม่ต้องโดนตรวจ
เธอไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วก็ลงมือทานข้าวบ้าง วันนี้เป็นอะไรไม่รู้ เซียนอยากจะเอาใจอีกคนเหลือเกิน นอกจากลงทุนพามากินข้าวถึงถิ่นตัวเองแล้วก็อยากจะบริการมันด้วย เซียนทั้งรินน้ำ ตักข้าวให้อีกคนจนตัวเองแทบไม่ได้กิน ถ้าทำได้เธออยากย้ายไปนั่งข้าง ๆ แล้วป้อนใส่ปากเลยด้วยซ้ำ อยากมองปากเล็ก ๆ นั่นกินข้าวที่เธอป้อน
สงสัยเซียนจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ แหละ เอาแต่มองปากจุบจิบนั่นไม่เลิกเลย
“พอแล้ว ไม่ต้องมายัดเยียดเลย ช่วยกินบ้างดิ” อิงฟ้ามุ่ยหน้าแล้วแกล้งยัดข้าวเข้าปากมันไปบ้าง ก็เอาแต่ตักนู่นตักนี่ให้เธออยู่นั่นแหละ เธอกินไม่ทัน
ส่วนอีกคนก็อ้าปากงับข้าวแต่โดยดี ยิ้มหน้าบานอย่างพอใจเพราะไม่ได้คิดว่าอิงฟ้าอยากจะแกล้งอะไรเลย คิดแค่ว่ามันป้อนเธอบ้างเท่านั้นเอง
แปลกจัง รู้สึกดีแปลก ๆ
“อร่อยมั้ย”
อิงฟ้าที่กำลังเช็คปากอยู่ก็เงยหน้ามองคนถามทันที “ก็อร่อยดี”
“แล้วไม่มีรางวัลอะไรให้บ้างเหรอ” เซียนท้วงถามยิ้ม ๆ มองอีกคนที่ส่องกระจกทาลิปอยู่ตรงหน้าเธอแล้วก็อยากจะเป็นคนทาให้ซะเอง ไม่สิ อยากเป็นคนทำลิปมันหลุดอีกแล้วอะ
สงสัยจะบ้าแหละ เซียนคิดอะไรไม่พ้นปากอิงฟ้าเลยเนี่ย! แต่กระนั้นตัวเธอก็เผลอเคลื่อนไปนั่งข้าง ๆ มันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ได้รู้ตัวเลย อิงฟ้าเหลือบมองกันอย่างระแวงนิดนึงแล้วก็เก็บลิปตัวเองลงกระเป๋าตัวเอง ได้ยินมันทวงอย่างนั้นก็อดมองบนไม่ได้
“อย่าเยอะนักนะ” อิงฟ้าเอ่ยเสียงเนือยอย่างเซ็ง ๆ จะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนไปทุกเรื่องเลยหรือไง เธอมองค้อนมันไปทีแต่มันก็ยังไม่หยุดทำหน้ากวนใส่อยู่นั่นแหละ
“อะไรอ่า เลี้ยงก็เลี้ยงข้าวนะเนี่ย” เซียนแกล้งเอ่ยเสียงเศร้าสร้อยซะจนคนมองหมั่นไส้คันมือขึ้นมายุบยับ อยากจะวางมือบนหัวมันแรง ๆ สักที
ตอนอยู่กับเธอก็กวนตีนซะขนาดนี้ เธอสงสัยจริง ๆ ว่าที่บ้านมันไม่รู้เลยเหรอว่าเซียนมันเป็นคนอย่างนี้เนี่ย
ดูจากที่ลูกน้องมันนอบน้อมขนาดนั้นก็คงไม่รู้หรอกมั้ง ทำตัวดูมีภูมิฐานจนน่าหมั่นไส้ นี่ถ้าเธอแกล้งด่ามันต่อหน้าพนักงานจะเป็นยังไงเนี่ย
“ไม่ให้จูบ ไม่ให้เย็ดด้วย กลับบ้านกันได้แล้วไป๊” อิงฟ้าเอ่ยดักรัวไปเป็นชุดเมื่ออีกคนโน้มตัวมาหาเธอซะชิดจนเธอดูออก ปากก็ยื่นออกมาจนน่าดีดปากไปสักที ได้ทีเธอถึงลุกพรวดจนเซียนถึงกับหลุดทำสีหน้าเสียดายออกมา
“จุ๊บนิดนึงก็ได้ นะนะ” ไม่วายมันก็ยังตามมาโอบไหล่เธออีกนะ อิงฟ้าเหลือบมองแขนยาว ๆ ที่พาดรอบคอเธออย่างเหนื่อยหน่ายที่อีกคนมือไวขนาดนี้ ไม่อยากจะรักษาภาพพจน์อะไรเลยมั้ง ขนาดเธอเดินลุกจะไปถึงประตูอยู่แล้ว มันก็ไม่ยอมหยุดพูด นะ นะ ขอจุ๊บหน่อย กรอกหูเธอสักที อยากจะแกล้งเปิดประตูพรวดออกไปให้ทุกคนเห็นมันตอนนี้ซะจริง!
“กล้าจูบหน้าประตูห้องป้ะ ก็โชว์ลูกน้องไปเลยสิคะ” อิงฟ้ากันมายิ้มท้าทายใส่เพราะคิดว่ามันคงไม่กล้าจริง ๆ นั่นแหละ ลูกสาวคนโตของเจ้าสัวผู้ยิ่งใหญ่แห่งประเทศไทยจะมาจูบผู้หญิงกลางร้านอาหารได้ยังไงล่ะ
“เซียนเอาเธอหน้าห้องก็ยังได้ ป้ะ ไปกัน” เซียนเองก็ถึงกลับชะงักไปเสี้ยววิที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ก็ทำทีดึง (ลาก) คออีกคนแล้วทำท่าตรงดิ่งจะไปกระชากประตูเปิดจริง ๆ
กลายเป็นอิงฟ้านั่นแหละที่เบรคตัวเองซะจนหน้าทิ่ม “เดี๊ยววว!!! พูดเล่นย่ะ!”
“ไม่เล่น อยากจูบจริง ป่ะ เราไปจูบกันเถอะ” เห็นเซียนทำสีหน้าจริงจังขนาดนั้น เธอก็เลยต้องเป็นยอมแพ้อีกแล้ว พอเป็นอย่างนี้เธอก็ไม่กล้าล้อเล่นอะไรแบบนี้กับมันแล้วเนี่ย อีกคนก็ดันไม่กลัวอะไรเลย
ทำตัวราวกับคนขี้หื่นจริง ๆ นั่นแหละ!
“ไม่เอา พึ่งกินข้าวมาเนี่ยจะมาจูบอะไร” อิงฟ้าบ่นอุบอิบ แอบไม่มั่นใจจนต้องกลืนน้ำลายตัวเองเพราะกลัวจะมีกลิ่นอาหารจริง ๆ
จะบ้าหรือไง! ไม่ได้คิดจะจูบกับมันจริง ๆ สักหน่อย! ..อิงฟ้าเถียงตัวเองในใจ
“คิก แล้วก็ขี้ท้าทายนักนะตัวเล็ก” เซียนพูดอย่างนั้นแล้วก็ยอมเลิกแกล้งสักที เธอยังคงวางมือโอบไหล่คนตัวเล็กกว่าสบาย ๆ แล้วพากันเดินให้พ้นประตูห้องไปสักที
ไม่ได้รู้เลยว่าคนโดนเรียกว่า ‘ตัวเล็ก’ หน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
พอโดนเรียกราวกับเอ็นดูกันนักหนาอย่างนั้น อิงฟ้าก็เม้มปากฉับอย่างคนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็มิวายหันไปมองค้อนมันสักทีก่อนจะศอกใส่หน้าท้องมันเบา ๆ ข้อหามาพูดจาอะไรไร้สาระใส่เธอ
“ตัวเล็กแม่มึงอะ อีเปรต” เซียนที่ได้ยินคำพูดแสนร้ายกาจอย่างนั้นก็หน้ามุ่ย แถมยังโดนศอกใส่มาซะจนตัวงออีก
ยังไม่ทันจะอ้าปากบ่น อิงฟ้าก็ก้าวฉับ ๆ เดินหนีจนเซียนต้องรีบก้าวตามเพราะไม่อยากปล่อยมือออกจากคนตัวเล็กเลย
ครืด
“สวัสดีค่ะคุณเซียน”
“สวัสดีค่ะ อาหารอร่อยเหมือนเดิมนะคะ” พอเปิดประตูออกมาไม่ทันไร พนักงานที่คงจะยืนคุมอยู่หน้าประตูนานแล้วก็พากันโค้งให้พวกเธอเสียหน้าติดดิน อิงฟ้าชักจะสงสัยละนะว่าบ้านเซียนมันเคร่งระเบียบขนาดนั้นเลยเหรอ อย่างกับลูกสาวมาเฟียอย่างไรอย่างนั้น
เซียนกล่าวทักทาย (ใครอีกก็ไม่รู้) ที่มารอส่งพวกเธอกลับกันสามสี่คนไม่รวมพนักงานหน้าเดิม อิงฟ้าเห็นภาพนั้นก็ชักจะชินตากับความเวอร์วังเข้าจริง ๆ ละ เหลือบมองเซียนที่มือก็ยังไม่ละไปจากไหล่เธอแต่ก็ยังทำเป็นยืนทักทายพนักงานสีหน้าเรียบสนิท อยากจะขำให้ ทำเป็นขรึมแต่มือก็ไม่ปล่อยเธอนะ
“ไม่ต้องออกไปส่งนะคะ เซียนไม่ได้มาทำงานกับเตี่ย คุณกลับไปทำงานเถอะค่ะ” สิ้นคำพวกพี่ ๆ พนักงานเสื้อสูทพวกนั้นก็โค้งให้อีกทีแล้วแยกย้ายกันไป เห็นเซียนมันเป่าปากโล่งอกแล้วก็แอบขำ
“แหม ทำเป็นขรึม”
“ทำไมคะ จะล้อー”
“เซียนคะ” ยังไม่ทันที่คนตัวสูงจะพูดจบประโยคดี พลันตัวเธอก็ชะงักตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป ร่างกายเย็นวาบไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยนั้นดังขึ้นใกล้ตัว พานให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างอิงฟ้าชะงักตามไปด้วย
ใคร?
“เซียน น้องเซียนจริง ๆ ด้วย” อิงฟ้าหันไปมองตามเสียงเรียกนั้นอย่างงง ๆ พลันสายตาเธอก็สบเข้ากับดวงตาหวานของหญิงสาวผู้หนึ่งผู้ซึ่งยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล กิริยาท่าทางเปรี้ยวแซ่บแบบที่เธอไม่เคยเห็นคนแบบนี้รอบตัวเซียนมาก่อน ใบหน้าของเธอคนนั้นฉายความยินดีจนเธอเองยังรู้สึกได้เลย อิงฟ้าเหลือบตามองเซียนอีกทีเมื่อเห็นว่าอีกคนยังเอาแต่เงียบอยู่แบบนั้นไม่ขยับ
เขาค่อย ๆ หมุนตัวกลับมามองเจ้าของเสียงหวานที่เรียกกันอยู่อย่างนั้นช้า ๆ แล้วคลี่ยิ้มแกน ๆ กลับไป
“สวัสดีค่ะ พี่สอง” เซียนยกมือไหว้จนอิงฟ้าเองต้องยกมือไหว้ไปด้วย ผู้หญิงคนนั้นทำสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาแวบหนึ่งแต่ก็รีบปรับสีหน้ามายิ้มหวานได้อย่างรวดเร็ว เธอรับไหว้แล้วเดินเข้ามาทางนี้อย่างมาดมั่น
“ได้เจอหนูสักทีนะคะ”
หนู?! สนิทกันขนาดไหนถึงเรียกเพื่อนเธอว่าหนู น่าแปลกที่เธอไม่ยักจะอยากล้อมันเลยทั้งที่สรรพนามแปร่งหูแบบนี้ควรโดนล้อมากกว่าโดนเรียกว่าท่านอะไรนั่นอีก แต่คำที่ออกมาจากปากคนนี้เธอกลับไม่ชอบใจแปลก ๆ
แต่เดี๋ยวนะ ผู้หญิงคนนี้คุ้นตาเธอจัง
“ค่ะ เซียนขอตัวก่อนนะคะ” เจ้าของเสียงเรียบนิ่งยิ้มบาง ๆ และกระชับอ้อมแขนที่ยังพาดอยู่บนไหล่คนตัวเล็กแน่นขึ้น บอกเป็นนัยว่าให้ไปกันได้แล้ว คิดในใจว่าเธอเองก็คงไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่นัก
ถ้าไม่ติดว่าเสียงหวาน ๆ นั้นยังคงดังแทรกมาซะก่อนว่า
“เซียน”
“.....”
“พี่คิดถึงหนูนะคะ”