1 ตอน เทพเซียน
โดย พิมพ์ลภัส
“โอ๊ย แม่ แม่จะบ่นไรหนูนักหนา ก็กำลังไปนี่ไง”
“ได้ยินยัง แม่ แม่มึงเป็นหูหนวกป้ะเนี่ย”
เสียงบ่นกระปอดประแปดดังขึ้นมาอย่างหัวเสีย เจ้าของร่างบางกรอกเสียงหวานใส่โทรศัพท์ให้ดังขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ถามเธอย้ำ ๆ อย่างน่ารำคาญซ้ำไปซ้ำมาแบบนั้น เธอกรอกตาทีหนึ่งแล้วยิ่งกระแทกเสียงแข็งกลับไปเมื่อเสียงลมโกรกที่พัดแรงมันตีเข้าหน้ามันไม่ยอมหยุดสักที จนเสียงมันเริ่มดังแทรกสอดรบกวนไปในสายโทรศัพท์จนปลายสายแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนเจ้าของเสียงปลายสายก็เริ่มออกอาการจิ๊จ๊ะอย่างคนเริ่มอารมณ์เสียแล้ว
[อีอิงฟ้า อีเด็กนรก อีกสิบนาทีจะเริ่มควิซแล้วนะเว้ย]
“โอ๊ยๆๆๆ จะถึงแล้วเนี่ย จะวางแล้วนะ”
[โอ๊ย แล้วมึงแว้นมาอีกแล้วใช่มั้ย ฟังเหี้ยไรไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย]
“อย่าบูลลี่คนขี่มอร์ไซต์จ้า หนูก็แค่คนจนปั่นรถถีบ” แอบกวนตีนไปดอกหนึ่งเป็นคาแรคเตอร์ พอดีไอ้เรามันก็ถือคติที่ว่ารีบแค่ไหนก็ไม่ทิ้งความกวนประสาทนะ ได้ยินเสียงถอนหายใจแล้วมันดันรู้สึกสดใสขึ้นมาเฉยเลย
[นั่งมอร์ไซต์แล้วยังสาระแนคุยโทรศัพท์อีก ไอ้ลูกเหี้ย]
“แม่ด่าหนูเพื่อ ไม่ต้องบ่นแล้ว”
[เร็ว ๆ ก่อนที่กูจะไม่จองที่ให้มึง]
“เอ้าแม่!―”
ติ๊ด
ยังไม่ทันจะโต้ตอบกลับไปให้อีกฝ่ายอารมณ์เสียเล่น อิงฟ้าที่ได้ยินเสียงเร่งเร้าอย่างนั้นก็ทำให้เธอร้อนรนขึ้นมาอีกเท่าตัว โถ่ ไม่จองที่ให้แล้วใครจะให้เธอลอกควิซเล่า! คิดอย่างนั้นเธอก็ส่งฝ่ามือเล็กก็ระดมทุบไหล่คนขับรถตรงหน้ารัวอย่างไม่ออมแรง พลางรีบเร่งให้อีกคนบิดมอเตอร์ไซต์คันใหญ่ให้มันเร็วกว่านี้อีกอย่างคนเอาแต่ใจ เล่นเอาเจ้าของร่างใหญ่ตรงหน้าหลุดสีหน้าเลิกลักด้วยความไปไม่ถูกกับอาการเอาแต่ใจของเจ้าหล่อนออกมา
ไอ้รถห่าบ้านี่ เป็นมอเตอร์ไซต์ซะเปล่า พอรถติดแล้วแม่งก็ไม่ได้ช่วยให้ไปถึงเร็วขึ้นเหมือนมอร์ไซต์คันอื่นเลย!
ใหญ่ไร้ประโยชน์จริง ๆ
“พี่เจษ!! ขับให้มันเร็วกว่านี้ได้มั้ย!” พอวีนกับเพื่อนผู้เป็นผู้มีพระคุณอย่างวิเวียนไม่ได้ อิงฟ้าก็หันมาเล่นงานสนามอารมณ์อย่างเจ้าของรถบิ๊กไบท์คันใหญ่อย่างพี่เจษแทน เธอเก็บโทรศัพท์อย่างทุลักทุเลแล้วหันมาตวาดเสียงแหลมใส่อย่างคนเอาแต่ใจแถมยังทุบส่งท้ายไปอีกที ข้อหาที่ทำให้เธอไปสายจนได้
ก็เธอน่ะตื่นสายกว่าปกตินิดหน่อยเอง ต้องโทษคนขับน่ะถูกแล้วป้ะ
“ครับ ๆ ” อิงฟ้าเงี่ยหูฟังเมื่อเริ่มได้ยินเสียงบ่นเบา ๆ จากคนคนข้างหน้านี่แต่ก็จับใจความไม่ได้เพราะลมก็โกรกเหลือเกิน เธอเลยส่งมือฟาดไปอีกทีระบายอารมณ์
“รีบขับไปเลยค่ะ!”
............................................................
รถสองล้อคันใหญ่ยังไม่ทันจอดดี ร่างเล็กก็ออกตัววิ่งอย่างไม่สนภาพลักษณ์อะไรอีกต่อไปเมื่อรู้ตัวว่ามันเลยเวลาเริ่มคลาสมาได้ห้านาทีแล้ว ทิ้งให้คนขับรถที่พ่วงสถานะหนึ่งในคนคุยของอิงฟ้ามองตาละห้อยอย่างคนรับมือไม่ถูก อิงฟ้าวิ่งกระหืดกระหอบพลางก้มหน้ากดโทรศัพท์ถามเพื่อนสนิทอย่างเร่งรีบ
อิงฟ้า : แม่ แม่นั่งไหน
แถวสี่ ข้างอีเซียน : วิเวียน
อิงฟ้าเห็นชื่อที่ปรากฏหน้าจอแล้วก็เผลอทำหน้าขมวดคิ้วยุ่ง สองขาชะงักไปชั่ววิก่อนจะออกวิ่งตามเดิมอย่างคนไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนัก สองขาก็รีบสับ มือก็ยกโทรศัพท์มาพิมพ์ยิก ๆ ด้วยความแง่งอน
อิงฟ้า : อีเซียนอีกและ
อิงฟ้า : เบื่อขี้หน้า
มึงเป็นอะไรกับอีเซียนนักหนา กูไม่เห็นมันจะทำไร : วิเวียน
อิงฟ้า : มึงมันทำ!!
อิงฟ้า : มันเจ้าชู้นะเว้ย
แหม เห็นเด็กเนิร์ดหน่อยมึงก็ว่าเค้าฮอตไปหมดเลยเนอะ : วิเวียน
อิงฟ้า : แม่ก็อีเซียนมัน
อิงฟ้ากัดริมฝีปากอย่างชั่งใจว่าจะพิมพ์อะไรต่อดีมั้ย แต่จะพิมพ์บอกมันไปว่าอีเนิร์ดนั่นมันเป็นคนยังไงก็ดูจะไม่มีใครฟัง คิดอีกทีก็ไม่มีใครเชื่อเธออยู่แล้วนี่! คนตัวเล็กกลอกตามองบนอย่างไม่ปิดบังเมื่อคิดอย่างนั้น จะให้พูดถึงเรื่อง อะไร ๆ ของคนอื่นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักเท่าไหร่ อิงฟ้าเลยตัดใจไม่เล่าอะไรให้เพื่อนสนิทฟังแล้วกัน
โอ๊ย แต่บางทีมันก็คันปากป้ะ อยากนินทาคน!
เธอถอนหายใจอีกทีเมื่อวิเวียนตั้งท่าจะไม่เชื่อเธออีกแล้วทั้ง ๆ ที่เธอก็แอบแยบ ๆ เรื่องเซียนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ผลตอบรับก็เหมือนเดิม ก็ดูเอาเถอะ ขนาดยังไม่ทันเล่าก็ไม่มีคนจะเชื่อเธอละ เธอตัดใจแล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าทันที
กว่าจะเดินสับมาถึงห้องเรียนก็เรียกได้ว่าทันอย่างฉิวเฉียดก่อนอาจารย์จะล็อคประตูพอดี โชคดีที่อาจารย์เปลี่ยนมาควิซก่อนจะพักเบรกแทน เธอเลยมีเวลาหายใจหายคอขึ้นมาบ้าง เธอกวาดสายตามองรอบห้องเรียนขนาดใหญ่เพื่อหาคนที่ว่าอย่างเร่งรีบ ด้วยความที่ห้องนี้มันเปิดใช้งานสำหรับสอนวิชาทั่วไป มันเลยอัดแน่นไปด้วยเด็กจากคณะเธอรวมถึงคณะอื่นกว่าร้อยชีวิตรวมกันอยู่ในห้องนี้ การมองหาคนก็ดูเหมือนจะยากขึ้นมานิดหน่อย
ไม่มีเวลาคิดนัก เธอกวาดสายตาไม่กี่วินาทีก็เจอเป้าหมายของตัวเองแล้ว ไอ้เนิร์ดหน้าหมีคนคุ้นหน้าคุ้นตากำลังโบกมือให้เธออยู่ตรงแถวสี่ริมกำแพงนั่นไงล่ะ
อิงฟ้าจ้องหน้าคนตัวสูงกว่าเธอเขม็งก่อนจะถอนหายใจอย่างปลง ๆ
แล้วทำไมได้นั่งข้างอีเซียนอีกแล้ววะเนี่ย
อิงฟ้ามุ่ยหน้าอย่างขัดใจ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เธอก็จะดีใจอยู่หรอกนะที่ได้เรียนด้วยกัน เพราะเธอได้ยินมาว่ามันคือ เทพเซียน ประจำสาขาน่ะสิ เก็บเอมาแล้วทั้งวิชานอกและวิชาเอก เพราะงั้นทุกทีเธอก็จะได้รับความช่วยเหลือจากมันอยู่บ้างตามประสาคนรู้จักที่มีมิตรภาพที่ดีต่อกันน่ะนะ
แต่นั่นมันก่อนที่เธอจะรู้จักมันจริง ๆ น่ะสิ!
ไอ้คนหน้าตาซื่อบื้อผู้มีท่าทีอ่อนน้อมไม่สู้คน สวมแว่นทรงกลมใหญ่จนแทบจะบดบังใบหน้าครบสูตรเด็กเนิร์ดแบบนั้น แล้วไหนจะเนื้อตัวและการแต่งกายอันสะอาดสะอ้านสมกับเป็นลูกเจ้าสัวนั่นอีก คาแรคเตอร์แบบนั้นนี่แหละมันหลอกตาคนได้เต็ม ๆ เลย! คนร่างเล็กบ่นปากมุบมิบก่อนจะทำเป็นสะบัดสะบิ้ง กระแทกตัวนั่งลงข้าง ๆ คนหน้าหมีอย่างไม่เต็มใจ คนข้าง ๆ ก็ทำเพียงแค่เลิกคิ้วหันมามองยิ้มมุมปากให้
วิเวียนที่นั่งอยู่ข้างหน้าหันมาเห็นเพื่อนตัวดีของเธอมาถึงแล้วก็แอบเป่าปากโล่งใจที่มันมาถึงสักที นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว
“มาซักทีนะแม่คุณ”
“แม่อะ! ปล่อยหนูไว้กับอีเซียนอีกละนะ” อิงฟ้าว่าด้วยน้ำเสียงแง่งอน ปากก็ยู่เข้าหากันหวังจะให้คนมองเอ็นดู แต่สิ่งที่ได้จากเพื่อนสนิทก็มีแต่คำด่าเท่านั้นแหละ
“รำคาญ อยู่กับเซียนก็ดีละมึงอะ จะได้ตั้งใจเรียนกับเค้าบ้าง” วิเวียนพูดพลางเหลือบตามองเจ้าของชื่อที่ว่าอย่างติดเกรงใจ ก็แอบเกรงใจจริง ๆ นั่นแหละ ไม่รู้ว่าโดนคนพูดมากอย่างอิงฟ้ารบกวนตอนเรียนหรือเปล่า เธอกลัวว่าเพื่อนสนิทจะทำให้เด็กเรียนอย่างเซียนเสียสมาธิเข้าให้น่ะสิ
แล้วทำไมเธอทำตัวเหมือนแม่อีอิงฟ้าจริง ๆ แล้วล่ะเนี่ย ทำอย่างกับฝากลูกเข้าเรียนไปได้
ส่วนคนถูกพาดพิงก็หันมายิ้มรับ และเอ่ยเสียงนุ่มนิ่มกลับไป “เดี๋ยวเราช่วยดูให้นะ”
“ขอบคุณนะเซียน” วิเวียนได้ยินอย่างนั้นก็เลยเลิกห่วง แล้วหันกลับไปตั้งใจเรียน (กับแฟน) ต่ออย่างสบายใจ
ส่วนคนที่โดนฝากฝังอย่างนั้นทุกครั้งที่ต้องแยกกับวิเวียนก็แอบทำหน้าอี๋ขึ้นมาอีกระลอก แหวะ อะไรมันจะต้องฝากต้องฝังกันขนาดนั้นเชียว แล้วอีเซียนมันจะรับปากทำไมก่อน!
อิงฟ้าแกล้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยล้อเลียนกัน แล้วหันไปมองค้อนคนข้าง ๆ จนคอแทบจะเคล็ด คนเห็นกิริยากวนตีนแบบนั้นก็หลุดยิ้มออกมา
“ไงคะ”
“ไงอะไร ตั้งใจเรียนไปสิ”
“เป็นอะไรอะ”
“แหวะ รำคาญ!”
เป็นบ้าอีกแล้วมั้ง
เซียนยักไหล่ก่อนจะหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาสนใจเนื้อหาโปรเจคเตอร์ต่อ แต่ก็ไม่วายทิ้งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมองเธอไม่วางตานั่นอีก ดูมัน ใครจะเชื่อว่าอีเด็กเนิร์ดของใครต่อใครมันจะเป็นคนแบบนี้อะ
ต่อหน้าวิเวียนก็ทำเป็นเด็กดี ใครจะไปรู้ว่าคนที่มองเธอสายตาแพรวพราวเมื่อกี้มันเป็นคนเดียวกันอะ
เห็นอย่างนั้นก็อดจะหมั่นไส้มันขึ้นมาไม่ได้ พอเห็นว่ามันหันกลับไปสนใจโปรเจ็คเตอร์ต่อแล้วเธอจึงโน้มตัวเข้าไปกระซิบกระซาบมันอย่างจงใจ ทำทีเป็นชวนคุยเพื่อกวนประสาทมัน
“มึง สองคนนั้นเป็นแฟนกันแล้วหรอ”
เซียนมองตามสายตาอิงฟ้าที่พยักเพยิดหน้าไปทางคู่รักสองคนที่นั่งกระหนุงกระหนุงกันด้านหน้าเธอไปหนึ่งแถว เจ้าจอมกับวิเวียน เพื่อนของเธอกับคนข้าง ๆ ที่มันไปพบรักกันตอนไหนไม่รู้ รู้อีกทีเธอก็โดนจับนั่งแยกกับวิเวียนมาหลายต่อหลายครั้งแล้วเพราะมันอยากนั่งกับแฟน!
เออ ทิ้งให้เธอกับเซียนมันอยู่ด้วยกันตลอดจนแทบจะสนิทกับมันไปแล้วเนี่ย
“ไม่รู้จ้า”
“ไม่ได้เรื่อง” เซียนหันกลับมาขมวดคิ้วใส่ทันควัน อะไรของเขาวะ เอาแต่ใจจริง ๆ เลยเพื่อนตัวเล็กคนนี้
“อ้าว ก็ไม่รู้ มึงอยากรู้ก็ถามวิเวียนสิ”
“ไหนว่าเก่งไง เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้” ได้ยินอย่างนั้นเซียนก็หัวเราะเบา ๆ ออกมากับความเอาแต่ใจนั่น จะให้ตอบยังไงก่อนคำถามกวนประสาทแบบนี้ เซียนโดนค้อนไปหนึ่งทีแต่ใครจะไปกลัวกัน ทำตัวอย่างกับลูกแมวขี้ขู่แบบนั้นจะไปขู่ใครเค้าได้ก่อน เธอทำเพียงส่ายหัวน้อย ๆ แล้วหันกลับตั้งใจฟังเลคเชอร์อีกครั้งอย่างไม่สนใจ
“จดไรอะ มีในชีทไม่ใช่อ่อ” ยัง มันยังไม่เลิกกวนอีกนะ เธอเหลือบมองคนหน้าสวยที่ชะโงกหน้ามาดูจอไอแพดเธออย่างคนอยากรู้อยากเห็น ไม่สิ คนกวนประสาทมากกว่ามั้งเนี่ย
ตั้งแต่มานั่งอิงฟ้าก็ทำเหมือนรำคาญกัน แต่พอเลิกสนใจจริงๆ อิงฟ้าก็กลับเป็นฝ่ายมากวนกันแทนซะงั้น
“หัดตั้งใจเรียนซะบ้างนะ” ปากก็แกว่งเรียกตีน แต่ตาก็ไม่ได้มองเธอเลย อิงฟ้าจิ๊ปากกับความกวนตีนนั่นแล้วก็ขยับตัวไปเบียดคนตัวสูงกว่าที่กำลังจดเลคเชอร์ตามอาจารย์ลงบนไอแพดอย่างขมักเขม้นนั้นอย่างกวน ๆ ก็ทำไมอะ จะกวนไม่ได้เลยหรอ ยิ่งเห็นคนเนิร์ดปลอม ๆ แล้วมันอยากแกล้งจะตาย
“ไหนว่าเป็นเทพเซียนไง ต้องจดด้วยหรอ”
อะไรของเขาวะ คิดว่าเธอเรียนเก่งเพราะนั่งญาณทิพย์เอาหรือไง
เซียนคิดอย่างนั้นพลางขมวดคิ้วงุนงง แต่ก็ยอมตอบกลับไป “ไม่จดแล้วมึงจะเอาอะไรอ่านล่ะคะ”
นี่แหนะ โดนหยอดไปหนึ่ง
อิงฟ้าได้ยินก็เบะปากหมั่นไส้มันขึ้นมา ดูมันนะ ปลอมตัวเป็นเนิร์ดเซียนมาได้ไงตั้งนาน แค่เธอพูดแค่นี้มันยังมาหยอดเลยอะ
“ทะลึ่งละไอ้เนิร์ด เพื่อนเล่นหรอ” อิงฟ้าแกล้งทำเสียงดุใส่มันทีหนึ่งข้อหาที่มาล้อเล่นกับเธอได้ ให้มันรู้ซะบ้างนะคะว่าคนอย่างอิงฟ้าไม่ใช่คนจะมาหยอดมาเต๊าะง่าย ๆ ยิ่งกับเนิร์ดหน้าหมีแบบนี้ใครมันจะไปยอม
เซียนยิ้มขำแล้วเริ่มจะสนุกกับการต่อปากต่อคำกับคนข้าง ๆ ขึ้นมาละ เธอเลยตัดใจล้มเลิกความตั้งใจที่จะจดเลคเชอร์ไปแล้วเพราะจริง ๆ ใจมันก็ไม่มีสมาธิตั้งแต่มีเพื่อนสาวตัวหอมมานั่งข้าง ๆ แล้วแหละ เซียนวางปากกาในมือกลับเข้าที่เดิม พับปิดเคสไอแพดปุบปับจนคนข้าง ๆ มองหน้าเธออย่างงง ๆ
ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดโปรแกรมอัดเสียง แล้ววางมันหมิ่นเหม่ตรงขอบโต๊ะเพื่อที่จะเอาไปฟังย้อนหลังอีกทีหลังเลิกเรียนแทน ส่วนตัวเธอก็หันมาเท้าคางมองคนช่างจ้อที่ทำหน้ามุ่ยข้าง ๆ อย่างเอ็นดู
“หืม เนิร์ดหรอ”
“เออ แล้วจะทำไมไอ้เนิร์ด” เซียนยิ้มขำกับท่าทีห้าวเป้งด้วยความเอ็นดู ตัวก็เล็กยังจะมาทำห้าวเอาเรื่องกันอีก ตัวเธอน่ะสูงกว่ามันตั้งหลายเซ็นเชียวนะ ถ้าตีกันจริง ๆ ยัยนี่จะตบเธอถึงหรือเปล่าก่อน
“ไม่จดแล้วหรือไง”
“ไม่จดแล้ว จะฟังอิงบ่น”
“มึงไม่จดแล้วกูจะเอาอะไรอ่าน” เซียนหัวเราะหึออกมาอย่างไม่ตั้งใจที่ได้ยินอย่างนั้น
“ทำไมอิงชอบพูดหยาบ” ถามไปอย่างนั้นแหละ ก็ปกติเขาไม่ใช่คนพูดคำหยาบนี่ แต่ก็ต้องมาหลุดหยาบตลอดเวลาคุยกับคนคนนี้ทุกทีเลย ไม่รู้มันจะปากแซ่บไปไหน
“สาระแน เป็นผัวหรือไงมาบ่นอะ” อิงฟ้าพูดไปอย่างไม่คิดอะไร แต่คนหน้าหมีข้าง ๆ กลับมีสายตาแวววับขึ้นมาชั่วครู่จนสังเกตได้ พาลเอาคนมองเผลอหลุดทำหน้าระแวงออกมา
“ก็อยากเป็นนะ”
ก็แม่งเป็นคนแบบเนี้ย!!
“บ่นเหี้ยไรอีเซียน” อิงฟ้าส่งค้อนใส่มันไปทีหนึ่ง แถมด้วยกำปั้นแมวไปอีกหนึ่งหมัดข้อหามายอกย้อนกัน ส่วนคนโดนกระทำมันก็เอาหลุดหัวเราะอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จะขำอะไรนักหนา
ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยิน แต่ไม่อยากได้ยิน!
“บ่นว่าอยากเป็นผัว ไม่ได้ยินหรอ” เซียนแกล้งย้ำอีกครั้งแล้วยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย ก่อนจะขยิบตาใส่เธออย่างคนพราวเสน่ห์ ทำเอาคนมองเบิกตาโตเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นอีเด็กเนิร์ดทำสีหน้าแบบนี้ใส่เธอกลางห้องเรียนขึ้นมาจริง ๆ
โอ๊ย อยากให้วิเวียนมาเห็นหน้ามันตอนนี้จริง ๆ เลยว่ะ
ยิ่งเห็นท่าทีนิ่งเงียบไปไม่ถูกของเพื่อนตัวเล็กแล้วก็ยิ่งได้ใจ จริง ๆ ปกติเซียนก็ไม่ใช่คนแบบนี้ซะหน่อย แต่อิงฟ้าก็ชอบมาทำตัวให้มันน่าหยอดน่าเต๊าะบ่อยแบบนี้เนี่ย ไม่แกล้งยังไงไหว โดนแมวกระตุกหนวดบ่อย ๆ แบบนี้ใครมันจะไปยอมโดนกวนฝ่ายเดียวกันล่ะจริงมั้ย
ยิ่งเห็นก็ยิ่งน่าเอาคืน เซียนหลุบสายตามองการแต่งกายของคนร่างเล็กอย่างพิจารณาช้า ๆ ไล่สายตาไปทั่วทั้งตัวก่อนจะมาหยุดสายตาบริเวณต้นขาเนียนขาวที่ซ่อนอยู่ภายใต้กระโปรงแสนสั้นนั่นด้วยสายตาวับวาว
มองกันอย่างนี้แล้วคนมันจะหน้าด้านไม่รู้สึกอะไรได้ไงก่อน ยิ่งเป็นเด็กเนิร์ดผู้ที่ดูไม่ประสีประสากับเรื่องอะไรแบบนี้มามองกันก็ยิ่งรู้สึกวูบวาบแปลก ๆ ดูก็รู้ว่าอยากจะสัมผัสตัวเธอจะตายอยู่แล้วมั้ง
โดนมองด้วยสายตาแบบนี้มาก็มาก แต่ไม่ยักจะเคยโดนเพื่อนด้วยกันมันมามองแบบนี้แฮะ
… น่าสนุก
“ทะลึ่ง มองอะไรของมึงเนี่ย” อิงฟ้าดันหน้าคนมองด้วยใบหน้าเก้อเขิน แต่ริมฝีปากก็ติดรอยยิ้มยั่วยวนอยู่อย่างไว้ตัว
ชอบนักแหละมาอ่อยมาหยอดกันวันละเล็กละน้อยแบบนี้เนี่ย
“ขาว”
“มึงแม่งหื่นอะ” อิงฟ้าว่าอย่างนั้น แต่ก็ตวัดขาไขว้ให้เห็นกันอย่างจงใจ เซียนเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มให้กับความย้อนแย้งแสนน่าเอ็นดูนี้
“แล้วกูหื่นใส่หรือยังล่ะ”
“หึ เรียนไปเลย”
เซียนเห็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ตื๊อจะพูดอะไรต่อ หยอดน้อย ๆ หยอดบ่อย ๆ ไปเรื่อยอย่างไม่จริงจังไปงั้นแหละ ใครจะบ้าอยากโดนคนปากแจ๋วด่ากันทุกวันล่ะ คิดอย่างนั้นเซียนก็เลยหันกลับมาเขี่ย ๆ ไอแพด จดบ้างไม่จดบ้างอย่างคนนึกอยากจะขี้เกียจขึ้นมา
“เมื่อเช้ามายังไง ทำไมมาสายอะ” เซียนชวนคุย
“พี่เจษไงจะใครล่ะ” อิงฟ้าแอบเห็นมันเบ้ปากไปทีหนึ่งไว ๆ แต่พอเห็นเซียนมันจะเลิกจดขึ้นมาจริง ๆ แล้วตัวเองกลับเป็นฝ่ายร้อนรนขึ้นมาแทนซะงั้น ก็เพราะไม่อยากจะจดเองไง เธอเลยพยักเพยิดให้เซียนกลับไปตั้งใจเรียนได้แล้ว
“จดสิเซียน อย่าอู้ได้มั้ย ไม่ตั้งใจเรียนเลย”
เซียนเลิกคิ้วทำหน้างง แล้วแมวตัวไหนมันกวนเธอวะเมื่อกี้ “จดแล้วได้อะไร”
“อย่ามาข้อแม้เยอะ มึงเป็นเทพเซียนรึเปล่า” เธอแอบยิ้มล้อไปทีแล้วก็ต้องทำเป็นจดบ้างเพราะกลัวจะจดตกหล่นจริง ๆ เห็นอย่างนี้เธอก็ตั้งใจเรียนเหมือนกันนะ ถึงจะไม่มีสมญานามแบบเทพเซียนอะไรนั่นก็เถอะ
เซียนเห็นคนตัวเล็กเริ่มตั้งใจเรียน เธอก็เลยยอมหันกลับไปตั้งใจเรียนบ้าง แต่สายตาก็เหลืองมองสรีระเล็กร่างสวยข้าง ๆ อย่างพิจารณาอีกครั้งอย่างตั้งใจ สวยติดตาขนาดนี้แค่มองครั้งเดียวมันจะไปพออะไร อยากจะมองจ้องให้ตาบอดไปเลยแหละ
สวยอะ มีเพื่อนสวยแบบนี้อยากนั่งมองทั้งวันจริง ๆ นะ
“มองอะไรนักหนา จดไปดิ” แหนะ ขนาดเหลือบมองมันก็ยังจะเห็นอีกนะ เซียนมุ่ยหน้าแต่ก็ไม่ได้ฟัง สายตายังคงเหลือบมองความขาวนั้นเป็นระยะ ๆ จนคนข้าง ๆ ทนรำคาญไม่ไหวขึ้นมา ยกมือมาปิดตาเซียนอย่างพัลวันจนคนข้างหน้าหันมามองดุเบา ๆ อิงฟ้าถึงยอมปล่อย
เซียนยิ้มเอ็นดูก่อนจะตอบกลับไป “ก็ขาอิงขาว อยากมอง”
“จะมองอะไรนักหนา เอาขากูกลับไปด้วยเลยมั้ย” เซียนแค่นยิ้ม เห็นด่าเธอฉอด ๆ ไม่ยักจะหาอะไรมาปิด เห็นคนมันท้าทายอย่างนี้แล้วอยากจะแกล้งอยู่นะ
“ก็อยากเอา….กลับไปอยู่นะ” เซียนจงใจเว้นระยะคำพูดให้มันดูมีความนัยนั้นอย่างยั่วเย้า เลียปากให้เห็นอย่างตั้งใจจนโดนทุบมาทีนึงดังอั่ก
มือหนัก!
“เหอะ ก็ได้แต่มองแหละมึงอะ” เซียนได้ยินอย่างนั้นก็เผลอมุ่ยหน้าออกมา ก็ใช่น่ะสิ! เจ็บจี๊ด ๆ เลยมั้ยล่ะ อยากแตะก็ไม่ได้แตะถ้าเค้าไม่อนุญาตอะเนอะ เธอเผลอทำเสียงขึ้นจมูกก่อนละสะบัดหน้ากลับไปมองจอต่อ
อิงฟ้าถอนหายใจไปทีก่อนจะจัดการจับมือของคนข้าง ๆ มาวางแหมะบนต้นขาขาว ๆ ด้วยตัวเองซะเลย
แว่บแรกเซียนก็แอบตกใจ เธอหันขวับมามองคนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างอึ้ง ๆ ก่อนจะหลุดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“แหนะ ไหนบอกไม่ให้จับ เอามือไปจับเองเลยหรอ” เซียนเอ่ยล้อ ฝ่ามือร้อนก็บีบต้นขานั้นเบา ๆ เข้าเต็มมือ
“คิก นุ่มอะดิ” อิงฟ้าเอ่ยเย้าท้าทาย พลันขาเรียวก็บีบเขาหากันจนเจ้าของมือไม่สามารถผละออกมาได้ เธอก็เลยขยำเนื้อนุ่มนั้นอย่างเพลินมือ ข้อมือก็ขยับลูบไล้ไปมาเท่าที่มือเธอจะไปได้อย่างเชื่องช้า ราวกับจะแกล้งเร้าให้อีกคนตื่นเต้นขึ้นมาซะหน่อย
“อืม นุ่ม อยากนั่งลูบทั้งวันเลยค่ะ” เซียนเอ่ยอย่างทะเล้น ยิ่งลูบก็ยิ่งเพลินมือจนอิงฟ้าเลิกเกร็งใส่กันแล้ว เธอนั่งสบาย ๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ช่วงล่างจะโดนคนบางคนลูบคลำไปมาอยู่ก็ตาม
ก็มือเซียนมันไม่อุ่นไม่ร้อนจนเกินไปอะ
พอมาลูบส่วนนั้นแล้วมันก็สบาย…
“แม่ส่งให้มาตั้งใจเรียนเนอะ ไม่ได้ส่งให้มานั่งลูบขาสาว” อิงฟ้าจีบปากจีบคอเอ่ยกลับไปแต่ตาก็ยังจิกใส่อย่างคนช่างท้าทาย ส่วนไอ้คนหน้าหมีเห็นอย่างนั้นก็หมั่นไส้ยัยคนขี้อ่อยปากแจ๋วคนนี้อีกแล้ว
แหม ตัวเองเป็นคนจับมือเราไปวางเองแท้ ๆ
“แล้วแม่ส่งอิงมาทำไร มานั่งอ่อยกูแบบนี้หรอ” ว่าจบก็โดนทุบไหล่กันอีกแล้ว เซียนเลยแก้เผ็ดด้วยการขืนมือลูบเข้าไปใต้ผ้าบางนั้นลึกขึ้นอย่างหวาดเสียว ..ยิ่งใกล้ส่วนในยิ่งรู้สึกวูบวาบ ทางด้านคนโดนกระทำก็เผลอส่งเสียงครางสั้น ๆ อย่างอดไม่อยู่ ขาก็เผลอกระถดถอยออกมาด้วยความตื่นเต้นปนขัดเขิน
“อ๊ะ อีเซียน อย่าลูบไกล” อิงฟ้าว่าเสียงเล็กพลางตะครุบมือเรียวนั้นแทบไม่ทัน
เมื่อกี้แทบจะลูบโดนอยู่แล้ว!!
แต่เจ้าของมือกลับไม่ยอมให้เป็นเช่นกัน ยิ่งโดนดันออกยิ่งอยากแกล้ง เธอขืนมือเกร็งแน่นแล้วเคล้นต้นขาบนนั้นอย่างหยอกล้อ ทิ้งสัมผัสลงแน่นราวกับอยากกักเก็บความนุ่มนั้นไว้ที่ปลายนิ้วไม่ให้หลุดรอดไปไหน พยายามขยับเพียงส่วนฝ่ามือเท่านั้นเพราะไม่อย่างนั้นนิ้วเรียวเธออาจจะเผลอสะกิดโดนส่วนอ่อนไหวนั้นเข้าให้ก็ได้
ใครให้มาแกล้งกันล่ะ ไม่เขี่ยให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว
“อื้อ พอแล้ว” อิงฟ้าหยิกหลังมือมันไปทีหนึ่งเซียนถึงจะหยุดแกล้งกัน แต่ถึงอย่างนั้นมือก็ไม่ได้ผละความนุ่มไปไหนเลย เซียนยังคงใช้มือซ้ายลูบไล้ขาขาว ๆ นั้นแทบจะทั่วอยู่แล้ว ก่อนจะค่อย ๆ เอนซบใบหน้าลงบนไหล่ขาว ๆ นั่นอย่างห้ามไม่อยู่
ก็มันขาว… กลิ่นก็หอม
“อ๊ะ เซียน อย่าแกล้ง” อิงฟ้าว่าเสียงสั่นเพราะมือนุ่มมันฟ้อนเฟ้นขาเธอไม่ยอมหยุดเลย
“อย่าครางเสียงดังสิ เดี๋ยวเสียงก็เข้าโทรศัพท์หรอก” เซียนเอ่ยแล้วแสร้งพยักเพยิดไปทางโทรศัพท์ของตัวเองที่เปิดโปรแกรมอัดเสียงอยู่ข้าง ๆ กัน
ส่วนคนตัวเล็กเห็นอย่างนั้นก็เม้มปากฉับ เอียงหน้ามองอีกคนที่ไม่ละจากไหล่ขาวเธอเลย
“อิงตัวหอมจัง…อยากเลีย”
อึก
เซียนได้ยินเสียงกลืนน้ำลายเบา ๆ จากคนตัวเล็กพาลให้หลุดยิ้มออกมา แหม เห็นขี้ยั่วแบบนี้ก็ประหม่าเป็นเหมือนกันนะ พอเห็นว่าคนตัวเล็กยั่งนิ่งอยู่ ก็เลยกดจมูกฝังลงกับไหล่เล็ก ๆ ที่ส่งกลิ่นหอม ๆ ยั่วยวนกันอยู่ตรงหน้านี้เสียฟอดใหญ่
“อื้อ อีเซียน! ใครให้มึงหอม” อิงฟ้าพูดตอกกลับเสียงแข็ง มือก็ทุบหลังหัวมันไปเบา ๆ ทีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เจ็บอะไร
เซียนก็เงยหน้าขึ้นอีกนิด แตะริมฝีปากลงบนใบหูเล็กอย่างหมิ่นเหม่ ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว
“ชอบล่ะสิ ชอบให้อวยใช่มั้ย”
“.....”
“ชอบให้เซียนบอกว่าอิงขาวอย่างนู้นอย่างนี้” เซียนเอ่ยขณะรอยยิ้มยังติดที่มุมปาก
“.....”
“ตัวอิงนุ่ม…หอม เซียนชอบขาขาว ๆ ของเธอจะตาย” ว่าพลางไล้ผิวเนียนนุ่มของต้นขาที่ว่านั้นไปด้วยแผ่วเบา ยิ่งได้ยินเสียงงอแงต่อต้านออกมาเป็นระยะก็ยิ่งน่าแกล้ง
คนหน้าดื้อเมื่อกี้ไปไหนแล้ว อย่างกับลูกแมวสิ้นฤทธิ์
“เนี่ย.. เซียนอยากเลีย อยากกัดจัง”
“อย่าพึ่งลูบ” อิงฟ้าว่าเสียงสั่น
“ทำไมล่ะ ขอจับไม่ได้เหรอ”
“ไม่ใช่ตอนนี้”
“ทำไมคะ มีอารมณ์เหรอ? ”
ครืด
เซียนชะงักแล้วผละหน้าออกมาอย่างงง ๆ เมื่ออยู่ ๆ คนข้างกายก็ผุดลุกขึ้นอย่างกะทันหันจนคนที่นั่งซบไหล่อยู่ตั้งตัวไม่ทัน เซียนเงยหน้าเหวอ ๆ มองอีกคนที่เดินหนีออกนอกประตูไปแล้วอย่างรวดเร็ว
ยังไม่ทันจะพูดอะไรเลย! ยัยตัวเล็กเล่นเดินหนีกันไปนู่นแล้ว
มองตามไม่ทันไรเซียนก็เผลอหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ถ้ามองไม่ผิดเหมือนมันจะหูแดงด้วยไหมนะ โถแม่คนขี้อ่อย โดนเล่นกลับมันถึงกับเดินหนีเลยนะ! เธอส่ายหน้าน้อย ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ไปกวนมันต่อในแชทไลน์อย่างคนช่างขยี้
............................................................
เซียน : ไปไหน เข้าห้องน้ำเหรอ
ยุ่ง!!! : อิงฟ้า
เซียน : ทำไรอะ ช่วยตัวเองหรอ
ไอ้เหี้ยเซียน : อิงฟ้า
กูลงมาซื้อน้ำ! เลิกทะลึ่งนะไอ้เด็กเหี้ย : อิงฟ้า
คำหยาบมาเป็นชุดเชียว ไม่เขินแล้วจะเรียกว่าอะไรก่อน เซียนคิดอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา
เซียน : อยากให้ช่วยเมื่อไหร่ก็บอกน้า (อีโมจิหัวใจ)
กูล่ะอยากแคปให้วิเวียนดูจริง ๆ : อิงฟ้า
มึงแม่งเด็กเหี้ย : อิงฟ้า
เซียน : มั่นใจหรอคะว่าจะแลก (อีโมจิยิ้ม)
เซียน : รีบขึ้นมาก่อนพักเบรคแล้วกัน มีควิซนะ
ข้อหาที่ลวนลามกู มึงให้กูลอกเลยนะ : อิงฟ้า
เซียนขมวดคิ้วงงแต่ก็ยอมตอบรับไป ก็ต้องงงไหม ตัวเองเป็นคนจับมือเค้าไปวางแหมะเองแท้ ๆ มันหาเรื่องขอลอกมากกว่ามั้งเนี่ย แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นเซียนก็ยอมมันตลอดแหละ ไม่รู้ทำไมแต่เซียนเองก็ไม่เคยขัดใจเพื่อนคนนี้เลยสักครั้ง
............................................................
ทางด้านอิงฟ้าก็ไม่ได้ลงไปไหนอย่างที่ตัวเองบอกเลย แค่ออกมาตั้งหลักในห้องน้ำแค่นั้นเอง เธอส่องกระจกที่สะท้อนใบหน้าแดงก่ำของตัวเองก่อนจะหลุดทำสีหน้าหงุดหงิดออกมา
สู้ไม่ได้อีกแล้ว! ทำไมอีเด็กเนิร์ดมันแพรวพราวขนาดนี้เนี่ย
เธอถอนหายใจพลางนึกไปถึงวันที่เธอเจอเซียนในร้านเหล้าครั้งแรกตอนปีหนึ่ง เอาความจริงก็ไม่ได้แปลกใจขนาดนั้นที่เห็นคนภายนอกที่ดูเนิร์ด ๆ อย่างนั้นในร้านเหล้าหรอกนะ ก็เพราะคิดว่าคงจะมากับเพื่อนกลุ่มอื่น หรือไม่ก็ตามมาคุมเพื่อนนั่นแหละ
ด้วยความแปลกใจปนขี้เสือกของตัวเองนั่นแหละอิงฟ้าก็เลยเผลอแช่สายตามองไปทางมันบ่อย ๆ อย่างไม่รู้ตัว แต่ยิ่งมองก็ยิ่งเจอเรื่องน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเซียนในวันนั้นดูต่างจากเซียนที่เธอรู้จักอย่างไรไม่รู้
เธอจำได้ว่าเพื่อนของเซียนดูจะเชี่ยวชาญการเที่ยวกลางคืนอยู่พอสมควร แถมตัวมันเองก็ดูไม่ได้อยู่แปลกที่แปลกทางอะไรด้วย ออกจะ …ยังไงดี มันก็ออกจะฮอตอยู่นะคืนนั้น ดูสนุก ดูมีความสุขกับเพื่อน แถมยังดื่มเหล้าราวกับปลดปล่อยตัวตนออกมาอย่างไรอย่างนั้น
ที่น่าสนใจกว่าก็คือ เธอเห็นเซียนกับผู้หญิงท่าทางแซบเข็ดฟันขนาบข้างมันทั้งคืนด้วยล่ะ
อืม เห็นแค่นั้นมันก็ไม่เท่าไหร่ อิงฟ้าเม้มปากด้วยสีหน้าที่แดงก่ำขึ้นมาเมื่อนึกถึงมัน คืนนั้นเธอบังเอิญเจอจริง ๆ ระหว่างทางไปห้องน้ำที่มืดสลัวนั่น เธอเหลือบไปเห็น.. ตรงซอกมุมนั้น
เธอเจอเซียนกับพี่สาวขาคนนั้นนัวเนียอย่างถึงพริกถึงขิงไม่อายสายตาใครน่ะสิ!
ใครจะคิดล่ะว่าคืนนั้นเธอจะเจอเรื่องน่าสนใจขึ้นมาจริง ๆ แจ็คพอตใหญ่ซะด้วย
แม้จะไม่เห็นหน้าพี่สาวคนนั้น แต่เธอมั่นใจว่าคงจะแซ่บระดับนางพญาพอตัวเลยแหละ ไม่อย่างนั้นเซียนในตอนนั้นคงไม่มัวเมาอยู่กับหน้าอกทรงโตนั่นอย่างไม่ลืมหูลืมตาหรอก ไม่ได้แคร์สายตาใครเลยมั้ง
เธอจ้องมองอย่างตื่นตะลึงได้ชั่วครู่ ก่อนที่สายตาคนหน้าหมีนั่นสบกลับมาอย่างไม่ตั้งใจ อิงฟ้าเห็นแล้วว่ามันก็ชะงักไปเหมือนกัน แต่ก็กลับไปจูบปากนัวเนียกันต่ออย่างไม่แคร์คนมองอยู่ดี
นาทีนั้นเธอก็รู้แล้วแหละว่ามันไม่ใช่เนิร์ดธรรมดา!
เอาไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อเธอสักคน หาว่าเธอเมาบ้างแหละ ภาพหลอนบ้างแหละ จนเธอเหนื่อยจะเอามันไปนินทาแล้ว ปล่อยให้โดนรูปลักษณ์เด็กเนิร์ดแบบนั้นหลอกตาได้ยังไง
ความจริงก็อยากจะเชื่ออยู่หรอกนะว่าเธอเมาไปเอง ถ้าไม่ใช่ว่าหลังจากนั้นอีเด็กเนิร์ดมันก็มาทำตัวเจ้าชู้ใส่เธอน่ะสิ!
ใช่ ใช่เลย มันเริ่มจากวันนั้นนั่นแหละที่เธอเริ่มจะเห็นธาตุแท้ของมัน ยิ่งเห็นเธอแซะมัน มันก็ยิ่งมากวนประสาทกลับ สงสัยคงจะปิดตัวเองไม่อยู่แล้วมั้งถึงได้มาทำหยอดทำปากหวานใส่เธออยู่บ่อย ๆ แบบนี้เนี่ย ส่วนเธอก็ไม่ใช่คนยอมคนสักหน่อย หยอดมาเธอก็แค่อ่อยกลับ เอาให้มันรู้ไปสิว่าใครจะยอมแพ้ก่อนกัน
คอยดูนะ สักวันเธอจะต้องกระชากหน้ากากไอ้เซียนเนิร์ดปลอมนี่ออกมาให้ได้เลย!
Comments (0)