8 ตอน 8
โดย เดรสสีฟ้ารองเท้าก็ต้องสีฟ้า
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หลี่ไป่ที่กำลังนวดแป้งอยู่ต้องชะงักมือแต่เมื่อเห็นว่ามินเนสเดินไปเปิดประตูแทนตัวเองหลี่ไป่จึงหันมาก้มหน้านวดแป้งต่อ
“สวัสดีเจ้าค่ะท่านมาลีน่า นายท่านอยู่ในครัวเจ้าค่ะ” มินเนสเปิดประตูกล่าวตอนรับแขกผู้มาเยือน เมื่อพบว่าแขกมาเพียงคนเดียวเธอจึงปิดประตูและออกเดินนำทางแขกมายังห้องครัว
เมื่อมาลีน่าเดินเข้าห้องครัวมาก็พบกับหลี่ไป่ที่กำลังวุ่นวายกับการนวดก้อนแป้งตรงหน้า
“เจ้าดูจะชอบทำอาหารมากนะ” มาลีน่าถามขึ้นพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้
“ข้าทำเป็นแค่อาหาร” หลี่ไป่ยกก้อนแป้งใส่ภาชนะคลุมด้วยพลาสติกจากนั้นยกขึ้นชั้นวางเพื่อหมักทิ้งไว้
“ใครสอนเจ้าทำเหรอ”
“แม่ข้า ข้าน่ะเรียนไม่เก่งเหมือนพี่ชาย พี่ชายข้าหัวดี เรียนเก่งแถมหน้าตาดี มีบริษัทเป็นของตัวเอง มีครอบครัวใช้ชีวิตมีความสุข ไม่เหมือนข้าดีแต่ทำขนมขายปาท่องโก๋” หลี่ไป่เล่าถึงชีวิตโลกก่อนให้มาลีน่าฟังแม้เรื่องที่ฟังจะดูเศร้าสร้อยแต่เขาไม่ได้นึกเสียใจอะไรมากมายขนาดนั้น เขาก็ใช้ชีวิตมานานสี่สิบปีแล้วก่อนจะมาโลกนี้ ภาระครอบครัวก็ไม่มีวันไหนหลานชายว่าง ๆ ก็มาช่วยงานและอยู่เล่นด้วยไม่ได้นึกเสียดายชีวิตมากมายนัก
มาลีน่ากลับสงสารหลี่ไป่เพราะในสายตาเธอหลี่ไป่ก็เพียงแค่เด็กอายุสิบห้าเท่ากับตน
“วันนี้ข้ามีข่าวจะบอกเจ้าด้วย เจ้าอยากรู้ข่าวดีหรือข่าวร้ายก่อนล่ะ” มาลีน่าดึงความสนใจหลี่ไป่โดยการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเธอไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องนึกถึงสิ่งที่ไม่น่าจดจำ
“ข่าวร้ายก่อนแล้วกันแล้วค่อยดีใจ” หลี่ไป่เริ่มลงมือหั่นวัตถุดิบอาหารสำหรับมื้อค่ำของเขาและแขกโดยมีมินเนสเป็นลูกมือ
“ข้าเจอสิ่งที่เจ้าต้องการแล้ว คัมภีร์ลับที่ชื่อว่า URH ” มาลีน่าพูดพร้อมลอบมองปฏิกิริยาอีกฝ่าย ซึ่งเป็นไปตามคาดหลี่ไป่ตกใจจนเกือบหั่นผักพลาดโดนมือตัวเอง
“ละ แล้ว จะ เจ้าเจอที่ไหน ยะ ยังไง “หลี่ไป่ตกใจจนพูดตะกุกตะกักไปหมด
“ใจเย็น ๆ ข้าได้เพื่อนใหม่มาหนึ่งคนแต่ไม่รู้ว่าเขาคิดว่าข้าเป็นเพื่อนมั้ย ฮ่า ๆ เขาพาข้าเข้าหอสมุดลับแต่ปัญหาคือมันอยู่ในกรง หนังสือก็ถูกล็อคไว้แต่ถึงจะเอาออกจากกรงมาได้ข้าก็ผ่านผู้เฝ้าประตูไม่ได้อยู่ดี” มาลีน่าอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้หลี่ไป่ฟังอย่างละเอียดด้วยท่าทางจริงจัง
“แล้วข่าวดีล่ะ” หลี่ไป่ถามถึงข่าวดีเพราะอย่างไรเสียเขาก็เข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีแม้ใจจะตื่นเต้นและดีใจเพียงใดแต่ก็ไม่ลืมว่าไม่ง่ายเลยที่จะสามารถอ่านคัมภีร์เล่มนั้นได้ ค่อยพยายามคิดหาวิธีเอามันออกมาให้ได้แต่คงต้องรอเวลาของมันมาถึง
“ข่าวดีคือวันนี้ข้าเอาขนมเจ้าไปแจกเพื่อน ๆ ที่ อะคาเดมี่ ทุกคนชอบมันมากเลยและต้องการให้ข้านำมันไปอีกพรุ่งนี้เช้า” มาลีน่ากล่าวด้วยความดีใจด้วยใจจริงเมื่อมันสามารถเป็นช่องทางให้กับหลี่ไป่ในการขายขนมแล้วก็นับเป็นเรื่องน่ายินดี
“ว้าว! เจ้าทำเพื่อข้า” หลี่ไป่เผยรอยยิ้มดีใจออกมาแบบไม่ปกปิด
“ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อยก็ขนมเจ้าอร่อยจริง ข้าแค่เอาไปให้คนอื่นชิม” มาลีน่าแย้งขึ้นด้วยอาการขัดเขิน
หลี่ไป่เห็นเช่นนั้นก็อดอมยิ้มไม่ได้ ไม่นานอาหารมากมายถูกทยอยทำเสร็จและนำไปเสิร์ฟให้กับมาลีน่าส่วนมินเนสที่เป็นลูกมือก็ทำหน้าที่เตรียมจานพร้อมรินน้ำใส่แก้ว
“เหมือนข้ามาฝากท้องบ้านเจ้าเลย ฮ่า ๆ ๆ” มาลีน่าหัวเราะลั่นเมื่อนึกถึงว่ารู้จักกับเพื่อนใหม่ได้ไม่นานแต่กลับสนิทสนมกันได้ถึงเพียงนี้
“ข้าเต็มใจ” หลี่ไป่แสดงรอยยิ้มอบอุ่นแสดงออกทางสีหน้าเขาแม้ภายนอกจะเป็นเหมือนเพื่อนแต่มาลีน่าคล้ายเด็กน้อยที่น่าเอ็นดูในสายตาเขา
“จะว่าไป มาลีน่า” หลี่ไป่เอ่ยทักขึ้นก่อนรับประทานอาหาร
“ว่าไง”
“ตะกร้าใส่ขนมของข้าล่ะที่เจ้าเอาไปเมื่อเช้า”
“...”
1 ชั่วโมงผ่านไป
“ข้าขอโทษเจ้าเรื่องตะกร้าด้วยข้าลืมไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ฮ่า ๆ” มาลีน่ากล่าวขอโทษแต่ท่าทางดูไม่ได้สำนึกหรือเศร้าใจเลยแม้แต่น้อย เธอกล่าวพร้อมเดินออกจากบ้านมาหยุดอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน
“ข้าถือว่าชดเชยกับที่เจ้าหาลูกค้าให้ข้านะ” หลี่ไป่พูดด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาไม่ได้นึกโกรธอะไรเธอเลยแม้แต่น้อยกลับขอบคุณกับสิ่งที่เธอทำให้เขามากกว่า
ทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้ว มาลีน่าหันหลังกลับมา “วันนี้ข้าอิ่มมากเลย อาหารของเจ้าอร่อยมากขอบคุณนะ ส่วนเรื่องปาท่องโก๋พรุ่งนี้เช้าข้าจะมารับ เตรียมให้พร้อมล่ะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะ” หลี่ไป่ยิ้มรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้แล้วก็ไม่ทราบได้ ทั้งคู่กล่าวขอบคุณกันไปมาด้วยความจริงใจจนดูน่าขัน
“แล้วเจอกัน” มาลีน่าโบกมือลาอีกฝ่าย เช่นเดียวกับหลี่ไป่ที่โบกมือขยับไปมาจนเมื่อเห็นว่ามาลีน่าลับตาไปแล้วจึงเอามือลง
“...”
“มินเนส” หลี่ไป่เอ่ยขึ้นในขณะที่ยังคงยืนอยู่หน้ารั้วประตูเช่นเดิม
“เจ้าคะ” มินเนสที่เกาะไหล่ซ้ายของเขาอยู่หันขึ้นไปมองเสี้ยวใบหน้าและดวงตาของนายเธอที่กำลังฉายความเหงาออกมาชัดเจน
“พรุ่งนี้ข้าจะให้สร้อยอาถรรพ์กับนาง ข้าไม่อยากหลอกให้นางขโมยคัมภีร์มาเพื่อแลกกับมัน นางเป็นเพื่อนคนเดียวของข้าที่นี่”
“...”
“เจ้าด้วยนะมินเนสเจ้าก็เป็นเพื่อนข้า” หลี่ไป่หันมายิ้มกับมินเนสแต่แม้ใบหน้าจะกำลังยิ้มอยู่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาแล้วกลับเศร้าสร้อยและเปล่าเปลี่ยว
“เจ้าค่ะ”
“คัมภีร์เล่มนั้นมันสำคัญกับข้ามากก็จริงนะมินเนส มันอาจจะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ข้ากลับบ้านที่แท้จริงของข้าได้ แต่...แต่ถ้าได้มันมาโดยการให้เพื่อนเพียงคนเดียวของข้าเสี่ยงอันตรายข้าไม่ยอมแน่”
“...”
“แม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่นางดีกับข้ามาก นางสอนอะไรข้าเยอะเลย นางช่วยข้าไว้ไม่ใช่แค่หนึ่งครั้งแต่หลายครั้ง เจ้าก็น่าจะรู้ดี” ความรู้สึกมากมายพรั่งพรูออกมาจากปากของหลี่ไป่ ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำใส เขาทราบดีว่าการร้องไห้แบบนี้มันน่าอาย เขาก็อายุมากแล้วเรื่องการร้องไห้ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้แต่ความรู้สึกอัดอั้นมากมายตั้งแต่มาโลกนี้ด้วยตัวคนเดียวเขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าเขากลัวมากเพียงไหนกับการต้องใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ทราบด้วยซ้ำว่าจะได้กลับบ้านไหมมันทั้งอ้างว้างและเหงา
“เอาละ เลิกคร่ำครวญแล้วรีบไปนวดแป้งเพิ่มดีกว่า พรุ่งนี้เรามีออเดอร์ใหญ่นะมินเนส” หลี่ไป่ปาดน้ำตาของตนออก ดวงตาสีทับทิมที่เคยเศร้าหมองเปลี่ยนกลับมาเป็นแวววาวสดใสอีกครั้ง
ย้อนเวลากลับไปหลังออกจากหอสมุดลับ
“...” คามิวหมุนตัวกลับไปทางมาลีน่าเมื่อทราบว่าเธอจะไปหาเด็กที่ชื่อหลี่ไป่ เขาไม่เอ่ยคำพูดเรียกเธอให้หยุดรอเขาแต่เขาเลือกที่จะสะกดรอยตามเธอไปเพียงเพื่อต้องการทราบที่อยู่ของเด็กคนนั้นก็เพียงพอแล้ว
การสะกดรอยตามมาลีน่าดำเนินต่อไปจนถึงบ้านหลังใหญ่ที่คาดว่าจะเป็นบ้านของเด็กชายคนนั้น
คราแรกคามิวเพียงแค่ต้องการทราบที่อยู่ของเด็กคนนั้นเท่านั้น แต่การแอบลอบมองจากมุมสูงของบ้านทำให้เขาเห็นเจ้าตัวเล็กผ่านหน้าต่างห้องครัว
หลี่ไป่ที่กำลังนวดแป้งด้วยความตั้งใจกับผ้ากันเปื้อนที่ใหญ่กว่าขนาดตัวนั้นทำให้คามิวไม่อาจละสายตาไปได้
บทสนทนาทุกอย่างในบ้านหลังนั้นชัดเจนพอที่จะทำให้เขาได้ยินจนหมด คามิวยังคงแสดงสีหน้าเรียบนิ่งไม่มีความรู้สึกหรืออารมณ์ใด ๆ ออกมา จนเมื่อเห็นว่ามาลีน่าออกมาจากบ้านและมีหลี่ไป่เดินตามออกมา คามิวยังคงแอบอยู่ไม่แสดงตัวด้วยทักษะและความสามารถของเขาสามารถที่จะได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ได้อย่างชัดเจนเช่นเดิม
เมื่อมาลีน่าเดินออกไปจนลับตา สิ่งที่ทำให้ดวงตาและใบหน้าของคามิวอ่อนไหวลงนั้นคือบทสนทนาระหว่างหลี่ไปกับมินเนสถึงแม้จะเป็นเพียงหลี่ไป่ที่พรั่งพรูความรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวก็ตาม ภาพตรงหน้าคามิวคือเด็กหนุ่มตัวเล็กยืนก้มหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาทำให้ใจของคามิวกระตุกสั่นโดยไม่ทราบสาเหตุ
“ดวงตาสีทับทิมของเจ้าไม่เหมาะกับน้ำตา”
Comments (0)