7 ตอน 7
โดย เดรสสีฟ้ารองเท้าก็ต้องสีฟ้า
[หอสมุดเซนทรา]
“บังเอิญจัง เจ้าอยู่ในหอสมุดพอดี” มาลีน่าวางตะกร้าปาท่องโก๋ลงบนโต๊ะหน้าคามิวที่กำลังเปิดหนังสืออ่าน
“บังเอิญ พอดีเหรอ?” คามิวขมวดคิ้วมองสาวตรงหน้าที่กำลังลากเก้าอี้แล้วนั่งลงด้วยท่าทางสบายใจ
“เจ้าลองกินนี่ดูสิ อร่อยนะ” มาลีน่ายืนถุงปาท่องโก๋วางไว้หน้าคามิวพร้อมหยิบขึ้นมากินให้เห็นหนึ่งชิ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าไร้ยาพิษผสม
“ที่นี่หอสมุด” คามิวก้มลงอ่านหนังสือต่อแบบไม่สนใจและเมินเฉยมาลีน่า
“เจ้าอ่านอะไรอยู่" มาลีน่าก้มหน้าลงมองหนังสือที่คามิวกำลังอ่านอยู่พร้อมเสียงเคี้ยวอาหารในปาก แจ๊บ ๆ จนน่ารำคาญ
“...” คามิวยังคงเมินเฉยและไม่สนใจมาลีน่า
“หาเรื่องป่าอาถรรพ์อยู่เหรอหรือถ้ำ?” มาลีน่ามองกองหนังสือมากมายบนโต๊ะ เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นตำนานของป่า สถานที่และแผนที่ ป่าต้องสาป มาลีน่าคาดเดาเอาว่าคามิวต้องกำลังหาสถานที่อยู่เป็นแน่
“...”
“แบบไหนล่ะ ซากทัณฑสถาน ป่าวงกต ป่าเซาท์เทิร์นฟอร์ท ป่าวินเดิลวู้ด ป่าเดล” มาลีน่าทยอยไล่ชื่อสถานที่ลึกลับและเต็มไปด้วยคำสาป เผื่อมันจะแตะใจพ่อหนุ่มเย็นชาคนนี้ได้บ้าง
“...”
มาลีน่าถอนหายใจดังเฮือกลุกขึ้นยืนแต่ไม่วายโยนปาท่องโกนเข้าปากไปทั้งชิ้น เธอคิดว่าเธอค่อยหาทางทำความรู้จักกับพ่อหนุ่มหน้านิ่งคนนี้ใหม่
ในขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากหอสมุดแต่ไม่ลืมที่จะคว้าตะกร้าปาท่องโก๋ติดมือออกไปด้วยนั้น
“อ้อ ใช่ ข้าให้เจ้านะถุงนั้นอย่าลืมชิมดูล่ะ มันอร่อยมาก หลี่ไป่เป็นคนทำ เอ่อ ข้าหมายถึงเพื่อนข้าน่ะ” มาลีน่าหันมากำชับคามิวให้ลองชิมปาท่องโก๋หากจะทิ้งก็เสียดาย
คามิวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเด็กแปลกคนนั้น หากจะคิดว่าเป็นคนชื่อซ้ำก็คงจะไม่ใช่เพราะชื่อแปลกแบบนี้ไม่มีใครอีกแล้วในโลกนี้
“ป่าเดล คงไม่ใช่ว่าเจ้าบังเอิญรู้จักพอดีหรอกใช่มั้ย” คามิวพูดขึ้นนั่นทำให้มาลีน่าที่กำลังก้าวขาต้องชะงักและหันกลับมามองคามิว
“อะแฮ่ม ป่าเดลมันก็แค่ตำนาน อยากจะช่วยอยู่นะแต่บังเอิญว่าข้าไม่รู้” มาลีน่าเดินกลับมาประจันหน้าคามิวอีกครั้ง
“เช่นนั้นก็ไปเสีย” คามิวไล่ส่งแบบห้วน ๆ ก้มลงอ่านหนังสือต่อ
“แต่ข้ารู้นะ ว่าจะหาข้อมูลได้ที่ไหน” มาลีน่าทิ้งเหยื่อล่อเต็มที่เพื่อให้อีกฝ่ายติดเบ็ด เธอไม่รู้หรอกว่าที่ที่เธอคิดไว้มีข้อมูลหรือไม่แต่คงต้องเสี่ยงดูก่อน
คามิวนิ่งคิดครู่ใหญ่ก่อนตอบ “ตกลง”
“เย็นนี้หลังเลิกเรียนเจอกันที่หอสมุด” มาลีน่ายิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปจากหอสมุด เธอพอใจมากไม่คิดว่าจะเป็นไปตามที่คิดไว้ขนาดนี้
“...” คามิวลุกขึ้นเก็บหนังสือทั้งหมดตรงหน้าที่ตัวเองยกมาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็มีวิชาเรียนเช่นกัน ก่อนจะลุกขึ้นสายตาเหลือบไปเห็นถุงขนมที่วางอยู่บนโต๊ะ คำพูดของนางที่บอกว่าคนทำคือหลี่ไป่นั่นทำให้ภาพของเด็กหนุ่มผมทองตัวขาวดวงตาสีทับทิมกำลังยกกำหมัดหาเรื่องเขาวันนั้นลอยเข้ามาในหัวจนเขาเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“นางบอกว่าชื่ออะไรนะ....ปา ท่อง โก๋” คามิววางกองหนังสือลงจากมือแล้วหันไปหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาชิม
“อร่อยจริงด้วย”
เย็นวันเดียวกัน
“เจ้าช้านะ” มาลีน่าทักขึ้นเมื่อเห็นว่าคามิวมาสายกว่าที่นัดกันไว้
“ที่ไหนที่เจ้าว่ามีข้อมูล” คามิวยิงคำถามเข้าประเด็นทันทีไม่สนใจคำทักท้วงของนาง
“ตามข้ามาสิ” มาลีน่าหมุนตัวออกเดินนำแต่ในใจก่นด่าเจ้าเด็กหน้านิ่งแถมปากเสียนี้จบไปหลายรอบ
“จะไปที่ไหน นั่นไม่ใช่ทางไปเข้าหอสมุด”
“เจ้าพึ่งเข้ามาเรียนคงไม่รู้ว่าหอสมุดเซนทรามีหอลับอยู่” มาลีน่าเดินมาหยุดหน้าทางเดินขนาดเล็กพอดีคนเมื่อมองเข้าไปมีทหารยืนคุ้มกันอยู่หน้าประตูด้วยอาวุธครบมือ
“...”
“ใช่ข้าเข้าไม่ได้ แต่เจ้าพาข้าเข้าไปได้” มาลีน่าชี้ไปยังอกข้างซ้ายของคามิว
คามิวเข้าใจจุดประสงค์ของนางชัดเจนกับพฤติกรรมดังกล่าว เขาเลือกที่จะล้วงหยิบจดหมายจากราชวงศ์ของเขาออกมาจากเสื้อแล้วเดินนำเข้าไปยังผู้เฝ้าประตู
ผู้เฝ้าประตูรับจดหมายดังกล่าวขึ้นอ่าน เขาไล่สายตาอย่างละเอียดโดยเฉพาะตราประทับของราชวงศ์ที่เมื่อเห็นว่าเป็นของจริงแล้วจึงหันไปเปิดประตูให้
ทั้งคู่เดินตรงเข้าไปข้างในพบชั้นหนังสือไม่กี่ชั้นแต่อัดแน่นไปด้วยหนังสือที่ดูมีค่ามากกว่าหนังสือร้อยเล่มในหอสมุดธรรมดาเสียอีก
“เจอแล้ว” ภาพตรงหน้ามาลีน่าคือแท่นวางหนังสือหน้าปกเขียนด้วยตัวอักษรสามตัว ’URH’ แบบที่หลี่ไป่เคยบอกเธอไว้แต่มันกลับอยู่ในกรงล็อคด้วยแม่กุญแจอย่างดี เธอพยายามหาทางงัดแงะและพังกรงตรงหน้า
“...” คามิวเลิกสนใจนางแล้วหันไปหาหนังสือเรื่องป่าเดลตามความตั้งใจแรก เขาไล่สายตาไปตามชั้นหนังสือทีละเล่มตั้งแต่ชั้นบนสุด ไม่นานก็เจอสิ่งที่เขาตามหา
หนังสือชื่อป่าเดลถูกหยิบออกจากชั้นและถูกคามิวเปิดทีละหน้าด้วยความบรรจง เขาไล่สายตาอ่านทีละบรรทัดและวิเคราะห์
หนังสือพิสูจน์ให้เห็นได้ชัดเจนว่าป่าเดลในตำนานมีอยู่จริงว่ากันว่าชนเผ่าในป่าแห่งนี้เป็นผู้มีพลังเวทตั้งแต่กำเนิดสามารถใช้พลังได้อย่างไร้ขีดจำกัด ลักษณะภายนอกของชนเผ่าคือ ดวงตาสีชาดหรือสีทับทิม
ภาพของเด็กชายผมทองและตาสีดังกล่าวโผล่ขึ้นมาในหัวทันที เมื่อเขาอ่านถึงข้อความสีของดวงตา
เวลาล่วงเลยไปนานทั้งคู่เก็บหนังสือกลับเข้าชั้นก่อนจะเดินออกไปทางเดิมที่เข้ามา ยามเฝ้าประตูไม่ลืมที่จะขออนุญาตทั้งคู่สำรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการขโมยหนังสือกลับออกมา
“เจ้าจะไปไหน” มาลีน่าทักขึ้นเมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากหอสมุดและคามิวกำลังเดินแยกไปอีกทาง
“เรื่องของข้า”
“ดะ เดี๋ยว เจ้ากินขนมข้าแล้วยัง ข้าหมายถึงขนมเพื่อนข้า”
“ไม่” คามิวโกหกออกไปเพื่อตัดรำคาญ
“อร่อยนะไม่ลองหน่อยเหรอ”
“ไม่”
“ข้ากำลังจะไปหาเพื่อนข้า เจ้าไปด้วยกันมั้ย” มาลีน่าพยายามหาทางเชิญชวนคามิวและหาเรื่องให้พบกันอีก เธอยังหาทางขโมยคัมภีร์ลับออกจากหอสมุดลับไม่ได้เลยนอกจากจะใช้คามิวหรือความจริงคือใช้จดหมายของเขา แม้เธอจะไม่อยากง้อเจ้าเด็กปากเสียไร้มนุษยสัมพันธ์นี่สักเท่าไหร่แต่ยังไงก็ยังต้องใช้ประโยชน์จากเขาอีกเพื่อให้ได้หนังสือเล่มนั้นมา
“จะไปไหนก็เรื่องของเจ้า” คามิวหันหลังกลับแต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนนางคือเด็กชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีทับทิมคู่นั้นทำให้เขาต้องหยุดชะงักและหันกลับไปอีกครั้ง
Comments (0)