6 ตอน 6
โดย เดรสสีฟ้ารองเท้าก็ต้องสีฟ้า
“หน้าตาอาหารเจ้าประหลาดดีนะ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน” มาลีน่าเอ่ยขึ้นเมื่อหลี่ไป่วางจานไก่แช่เหล้ากับจานขนมปัง
“ที่จริงข้าอยากให้เจ้าทานข้าวแต่ไม่มีข้าว คงต้องทานคู่ขนมปังไปก่อน” หลี่ไป่หันไปรินน้ำใส่แก้วให้กับแขกในบ้านพร้อมอาหารและไม่ลืมที่จะหยิบให้มินเนสที่กำลังเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์นั่งอีกมุมของโต๊ะอาหาร
มาลีน่าสะดุ้งเพียงเล็กน้อยเมื่อเห็นมินเนสแต่ไม่ได้แสดงความประหลาดใจใด ๆ ออกมา
“ข้าไม่เกรงใจนะ” มาลีน่าเริ่มทานอาหารตรงหน้า เมื่อทานคำแรกเข้าไปคำต่อไปก็ถูกใส่เข้าปากด้วยความเร็วพร้อมชมไม่ขาดปากว่าอร่อย
“ฮ่า ๆ เจ้ากินเลยถือว่าตอบแทนที่ช่วยข้าไว้” หลี่ไป่เริ่มลงมือรับประทานอาหารบ้างเมื่อเห็นว่าถ้าขืนนั่งดูนานกว่านี้คงไม่เหลือให้เขากินสักชิ้น
“เจ้าอายุเท่าไหร่” หลี่ไป่ชวนมาลีน่าคุยเพื่อหวังทำความรู้จักและสนิทสนมกันให้มากขึ้น
“สิบห้า เจ้าล่ะ”
“ภายนอกข้าสิบห้า แต่จริง ๆ ข้าสี่สิบ” หลี่ไป่นิ่งค้างครุ่นคิด ทำไมเด็กสิบห้าเดี๋ยวนี้มันโตเร็วนักนะ เจ้าเด็กปากเสียนั้นก็คนหนึ่งมีแต่เขารึไงที่มาโลกนี้แล้วเป็นเด็กสิบห้ากลับเตี้ยอยู่แบบนี้หรือจริง ๆ แล้วเจ้าโอกิลวีจะเป็นคนแคระ เขาพยายามหาข้ออ้างเมื่อยอมรับความจริงไม่ได้
“แค่ก ๆ ......ฮ่า ๆ ๆ มุกบ้าอะไรของเจ้า” มาลีน่าสำลักขนมปังก้อนที่ทานเข้าไปแล้วหัวเราะร่วน
“ข้าเปล่า ช่างเถอะ แล้วเจ้าไปทำอะไรที่แบบนั้น” หลี่ไป่สงสัยที่เด็กใจดีแถมน่ารักแบบเธอไปอยู่ในสถานที่เช่นนั้น ถ้าเป็นหลานชายจะตีก้นให้ลาย
“ข้าไปหาของ”
“อะไรเหรอ”
“.... ช่างเถอะ ข้าสิต้องถามเจ้า บอบบางเช่นเจ้าไปทำอะไรที่แบบนั้น” มาลีน่าพยายามเลี่ยงคำตอบแล้วหันมาถามอีกฝ่ายแทน
“นั้นสิ ข้าก็ไม่รู้” หลี่ไป่ไม่ทราบเหตุผลที่ตนเดินเข้าไปสถานที่แบบนั้นด้วยซ้ำ วินาทีนั้นมันเหมือนกับมีอะไรหรือใครผลักเขาอยู่
การรับประทานอาหารดำเนินต่อไปพร้อมกับการคุยเจื้อยแจ้ว สารพัดบทสนทนาถูกส่งต่อกันไปมาสร้างความสัมพันธ์ให้กับทั้งคู่แน่นยิ่งขึ้นเวลาล่วงเลยไปจนอาหารบนโต๊ะหมดเกลี้ยง
“เจ้ารีบกลับมั้ย” หลี่ไป่ถามมาลีน่าขณะที่ทั้งคู่กำลังล้างจาน
“ไม่นะ เจ้ามีอะไรรึเปล่า”
“ข้าอยากให้เจ้าลองทานขนมข้า” หลี่ไป่ทิ้งจานในอ่างตรงหน้าให้มาลีน่าล้างต่อส่วนตัวเขาวิ่งไปหยิบภาชนะใส่แป้งปาท่องโก๋ที่ตนหมักไว้บนชั้นวางลงมา
หลังจากใช้มือกดลงไปสองครั้งเมื่อสังเกตเห็นว่าแป้งหมักได้ที่แล้ว หลี่ไป่ทำการโรยแป้งสาลีลงบนโต๊ะอาหาร ไม่นานจึงเทแป้งหมักออกมานวดและตัดแป้งเป็นแท่ง ๆ
น้ำมันถูกตั้งไฟจนเดือด แป้งที่ตัดแบ่งไว้ทยอยลงน้ำมันทีละชิ้นพลิกสลับไปมาจนเหลืองได้ที่
“เอ้า พวกเจ้าลองชิมดู” หลี่ไป่ยกปาท่องโก๋ขึ้นจากน้ำมันจัดใส่จานแล้วนำไปวางหน้ามาลีน่าและมินเนส
“...”
“...”
“ไม่เคยกินมาก่อน รสชาติแปลก แต่อร่อยนะ” มาลีน่าพูดพลางหยิบชิ้นที่สองและสามเข้าปากอย่างต่อเนื่อง
“มันเรียกว่าอะไรเจ้าคะ” มินเนสถามขึ้น
“ปา ท่อง โก๋”
“เจ้ามาจากที่ไหนเหรอหลี่ไป่ ชื่อก็แปลก อาหารก็แปลก" มาลีน่าถามขึ้นแต่ปากยังคงเคี้ยวและมือสองข้างเต็มไปด้วยปาท่องโก๋
“...” หลี่ไป่หันไปมองหน้ามินเนสเพื่อขอความช่วยเหลือ หากเขาจะตอบว่ากรุงเทพก็คงจะไม่ได้แต่เจ้าของร่างนี้เกิดที่ไหนเขาก็ไม่ทราบ
มินเนสส่ายหัวไม่ตอบ ไม่ใช่เธอไม่รู้แต่เธอถูกนายเธอสั่งห้ามไว้เด็ดขาดห้ามบอกใครว่าเธอและเขามาจากไหน
“ช่างเถอะ เอาที่เจ้าสบายใจ” มาลีน่าลอบสังเกตสีหน้าของทั้งคู่แล้วคาดเดาว่าคงไม่อยากจะบอกเรื่องนี้
หลี่ไป่ถอนหายใจหมุนตัวเดินไปทอดปาท่องโก๋เพิ่ม ไม่ใช่ตัวเขาจะไม่อยากตอบแต่เขาไม่รู้จะตอบเช่นไรเพราะเท่าที่มาโลกนี้เขาก็ไม่เคยไปไหนเลยนอกจากเมืองแพนโดร่าถ้าไม่นับทุ่งข้าวสาลีอันเลวร้ายนั่น
“ข้ากลับก่อนนะ ขอบคุณสำหรับอาหาร ข้าชอบมันมากโดยเฉพาะปาท่องโก๋อะไรนี่” มาลีน่าลุกขึ้นยืนเตรียมตัวเพื่อจะกลับ
“ขอบคุณอีกครั้งนะมาลีน่า” หลี่ไป่นำปาท่องโก๋ใส่ถุงกระดาษขนาดพอดีมือยัดใส่มือมาลีน่าด้วยท่าทางสงสัยของผู้รับ
“นี่คือ?”
“เอาไปกินอีกสิ ข้าเห็นเจ้าชอบ” หลี่ไป่ยิ้มให้
“ขอบคุณมาก”
“มาลีน่า ข้าจะเจอเจ้าอีกได้ยังไง” หลี่ไป่จ้องเขม็งและแสดงสีหน้าจริงจัง คำถามเมื่อครู่เหมือนเขากำลังพยายามอยากเจอเธออีกครั้ง แม้การแสดงออกก่อนหน้าจะเกิดจากความใจดีและเอ็นดูมาลีน่านั้นจะเป็นเรื่องจริงแต่เขายังไม่ลืมเรื่องคัมภีร์ลับของเซนทราและขอความช่วยเหลือจากเธอเพื่อให้ได้มันมา
“ไว้ว่าง ๆ ข้าจะมาหาเจ้านะ” มาลีน่ายิ้มกว้างเพราะเธอคิดว่าเธอได้เพื่อนใหม่ที่น่ารักเพิ่มมาหนึ่งคน
วันถัดมา
“ท่านลองชิมดูมั้ย ข้าให้ลองชิมฟรี” หลี่ไป่ยื่นถุงปาท่องโก๋ให้ชายแปลกหน้าแต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าแล้วเดินจากไป
“ท่านกำลังทำอะไรอยู่เจ้าคะ” มินเนสที่เกาะไหล่หลี่ไป่ถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะนายของเธอพยายามทำแบบนี้มาตั้งแต่เช้าแล้ว แรก ๆ นายของเธอจัดปาท่องโก๋ใส่ตะกร้าเดินขายแม้จะราคาถูกขนาดไหน จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครซื้อเลยสักคนแต่มาตอนนี้นายเธอกลับกำลังแจกฟรีเสียอย่างนั้น
“ทดลองตลาด” หลี่ไป่กล่าวอย่างเหนื่อยใจแม้จะเข้าใจว่าของแปลกตาไม่มีใครเสี่ยงที่จะซื้อ เมื่อขายไม่ได้เขาจึงหันมาแจกให้คนลองชิมแต่ผลลัพธ์กลับไม่ต่างไปจากเดิมมากนัก
“เฮ้อ” หลี่ไป่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ใจกลางตลาดสาธารณะที่คนพลุกพล่าน ระหว่างกำลังนั่งคิดทบทวนอยู่นั้นก็มีเสียงทักขึ้นจากด้านหลัง
“ไง มานั่งทำอะไรตรงนี้” เสียงนั้นคือมาลีน่า เพื่อนใหม่ที่พึ่งรู้จักเมื่อวานแต่กลับสนิทกันอย่างรวดเร็ว หลี่ไป่ไม่นึกว่าจะเจอเธออีกครั้งเร็วขนาดนี้
“ข้าพยายามขายปาท่องโก๋แต่กลับไม่มีคนสนใจเลย” หลี่ไป่ถอนหายใจและเล่าเรื่องราวให้มาลีน่าฟัง
“ทั้งที่มันอร่อยขนาดนี้แท้ ๆ” มาลีน่าล้วงเหรียญในกระเป๋าวางลงในตะกร้าของหลี่ไป่แล้วเธอก็หยิบถุงขนมขึ้นมากิน
“ฮ่า ๆ ขอบคุณนะ แต่คงจะอร่อยแค่เจ้า ว่าแต่เจ้าเถอะมาทำอะไรในเมืองไม่เรียนรึไง” หลี่ไป่ถามมาลีน่าเมื่อเห็นว่าเธอมาเดินในเมืองเวลากลางวันที่ควรจะเป็นเวลาเรียน
“ข้ามาหาของ ช่วงเช้าน่ะ เดี๋ยวสาย ๆ ข้าก็กลับไปเรียนแล้ว” มาลีน่าเอ่ยขึ้นพร้อมปาท่องโก๋เต็มปาก
“เมื่อวานเจ้าก็บอกว่าหาของ เจ้าบอกข้าได้มั้ยว่าหาอะไรเผื่อข้าช่วยเจ้าหาได้” หลี่ไป่ถามขึ้นเพราะต้องการช่วยจากใจจริง
“...” มาลีน่ามองหน้าหลี่ไป่สักพักใหญ่ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอแสดงสีหน้าจริงจัง
“ข้าเชื่อใจเจ้านะหลี่ไป่ ความจริงแล้วตอนนี้แม่ข้ากำลังป่วย นางโดนสาปมีของที่จะบรรเทาคำสาปนางได้นั้นคือนางต้องใส่สร้อยล้างคำสาปหรือคนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ 'สร้อยอาถรรพ์ของมาเรีย’ "
“...”
“แม่ข้าเองนางชื่อมาเรีย” มาลีน่าอธิบายด้วยสีหน้าหม่นหมอง
หลี่ไป่คุ้นชื่อสร้อยนั้นคล้ายกับสร้อยที่อยู่ในคลังสมบัติของตัวเอง เมื่อคิดได้ว่าสร้อยดังกล่าวที่ตนเก็บไว้เป็นสร้อยของมาเรียแน่แล้ว นั้นทำให้หลี่ไป่นิ่งค้างจนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
“เพียงแค่ข้าหาสร้อยนั้นเจอไม่ว่าให้ข้าทำอะไรข้าก็ยอม” มาลีน่ากล่าวด้วยความสิ้นหวัง
“จะ เจ้า จะยอมทำทุกอย่างจริงเหรอ” หลี่ไป่ถามตะกุกตะกัก เขากำมือแน่นคิดถึงสิ่งผิดบาปในใจ เขาควรให้สร้อยเธอไปตอนนี้เลยหรือขอแลกกับการให้เธอไปขโมยคัมภีร์ลับของเซนทราให้เขา
“เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าไง เจ้ารู้เหรอว่าอยู่ไหน” มาลีน่าจับตัว หลี่ไป่เขย่า
“ขะ ข้ารู้ เลิกเขย่าข้าได้แล้ว” หลี่ไป่ร้องห้ามเมื่อตนตาลายจนเห็นดาวลอยอยู่บนหัว
“อยู่ไหน ๆ มันอยู่ไหน บอกข้า” มาลีน่ายังคงเขย่าหลี่ไป่ต่อ
“เลิกเขย่าข้าก่อนเถอะ แล้วข้าจะบอก” มาลีน่าปล่อยมือจากหลี่ไป่
“บอกมา”
“ข้าบอกเจ้าแน่แต่เจ้าต้องทำเรื่องหนึ่งให้ข้าก่อน”
“ทำอะไร” มาลีน่าขมวดคิ้วกับคำพูดของอีกฝ่าย
“ให้เจ้าขโมยคัมภีร์ลับของเซนทราในหอสมุดเซนทราให้ข้าหน่อย”
“...” มาลีน่านิ่งเงียบพยายามครุ่นคิดถึงที่อยู่ของคัมภีร์ลับในหอสมุด มันเป็นของลับของอะคาเดมี่มีการป้องกันแน่นหนา ห้องที่เก็บรักษาใช่ว่าใครจะเข้าไปได้
“เจ้าต้องเข้าใจ มันจำเป็นกับข้ามาก มันอาจจะมีวิธีถอนคำสาปแม่เจ้าอยู่ก็เป็นได้” หลี่ไป่พยายามหาวิธีเกลี้ยกล่อมให้เธอรับข้อเสนอ
“เจ้ากล้ารับปากข้ามั้ยว่าหากข้านำคัมภีร์ลับมาให้เจ้า เจ้าจะหาสร้อยมาให้ข้าได้”
“ข้ารับปาก” หลี่ไป่จ้องตามาลีน่าเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ
“ได้ ข้าจะนำมันมาให้เจ้า เช่นนั้น ปาท่องโก๋ทั้งหมดในตะกร้าเจ้า ข้าขอนะ” มาลีน่าใช้มือดึงตะกร้าที่เต็มไปด้วยปาท่องโก๋จากมือหลี่ไป่ไปถือไว้เองพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เจ้าจะทำอะไรกับมัน”
“ข้าจะไปทำความรู้จักเพื่อนใหม่ เมื่อวันก่อนมีนักเรียนใหม่เข้ามาแถมมีจดหมายแนะนำจากราชวงศ์ ข้าอาจจะใช้มันเข้าโซนลับของหอสมุดได้” หลี่ไป่พยักหน้าเข้าใจแต่ตงิดใจกับนักเรียนใหม่ที่มีจดหมายจากราชวงศ์นั้นคงไม่ใช่คนเดียวกับที่เขาคิดอยู่หรอกนะ
Comments (0)