ปิศาจกลับสู่โลกของมัน ฟุ้งกระจายแผ่กว้าง ยืดเหยียดร่างกายอันเมื่อยขบจากการโดนบีบอัดอยู่ในร่างมนุษย์เป็นเวลานาน

มันแผ่ร่างไปในความเวิ้งว้างจนสุดขอบอาณาเขต ประสานกรงเล็บคดๆ งอๆ ทั้งสองชุดเข้าด้วยกัน แล้วตัดการรับรู้ออกจากสรรพสิ่งทั้งมวล

การไปยังโลกมนุษย์ครั้งนี้เหนื่อยยากเกินไป มันทั้งโดนพิษ โดนบังคับให้ต้องใช้ชีวิตอยู่ในร่างมนุษย์เป็นเวลานาน ซ้ำยังต้องทำตามคำขอที่มันไม่คุ้นเคย

มันเหนื่อยล้าและไม่ปรารถนาจะตอบสนองต่อลูกปัดอีกต่อไป มันตั้งใจจะพักอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ร่างฝุ่นควันของมันฟุ้งกระจาย ไม่ขยับทำอะไรไปอีกพักใหญ่ๆ

แต่ความปรารถนาของมันก็ไม่แม้แต่จะเข้าใกล้ความจริง

หลังจากฟุ้งกระจายตามใจได้ไม่นานเสียงลูกปัดลั่นในเปลวไฟก็ดังขึ้น

ปิศาจขยับลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ ตอบสนองต่อเสียงของลูกปัดที่ไหม้ไฟตามความเคยชิน

มันขมวดคิ้วให้กับพฤติกรรมเช่นนั้นของตนเอง ก่อนจะยุบตัวลงฟุ้งกระจายดังเดิม และหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าตนเผลอขมวดคิ้วเข้าด้วยกันเช่นมนุษย์

มันไม่อยากออกไป มันบอกตัวเองเช่นนั้น

แต่มันก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อเสียงลูกปัดที่ลั่นซ้ำอีกครั้งได้จริงๆ

ปิศาจตอบสนองต่อเสียงเรียกของลูกปัดมานานเกินไป เป็นความเคยชิน เป็นสามัญสำนึก เป็นพฤติกรรมพื้นฐานอย่างยิ่งที่จะลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลูกปัดที่ไหม้ไฟ

ปิศาจไม่พอใจ มันเริ่มรู้สึกว่ามันทำตัวเหมือนนกและปลาที่เพื่อนของมันเคยเปรียบเทียบไว้มากเกินไป

มันขมวดคิ้วอีกครั้ง ไม่พอใจในท่าทีคล้ายมนุษย์ของตนอีกหน ก่อนพบว่านอกจากปฏิกิริยาตอบสนองที่เป็นไปโดยมันไม่ตั้งใจแล้วนั้น ความต้องการจากส่วนลึกในใจของมันก็ไม่ยินยอมให้มันเพิกเฉยต่อลูกปัดของโลกมนุษย์เช่นกัน

ปิศาจไม่ได้หิวโหย ความต้องการต่อลูกปัดของมันไม่ได้เป็นไปเพื่อดับความหิวโหย มันจะหิวโหยได้อย่างไร มันเพิ่งกลับมาจากโลกอีกฝั่งไม่นาน ต่อให้ลูกปัดนั้นเป็นลูกปัดพิษ แต่ลูกปัดก็คือลูกปัดยังสามารถเติมเต็มความหิวโหยของมันได้ดังลูกปัดทั่วไป

ปิศาจผู้คิดว่าใจของตนสงบอยู่เสมอเริ่มรู้สึกว่าตนไม่อาจคงความสงบที่ภาคภูมิไว้ได้อีกต่อไป

มันไม่สนใจคำดูถูกเหยียดหยาม เกียรติยศศักดิ์ศรี หรือบุญคุณความแค้นมานานแล้ว มันเชื่ออย่างยิ่งว่าตนสามารถคงอยู่อย่างสงบสุขต่อหน้าความยั่วยุทั้งปวงได้อย่างไม่เดือดร้อนอะไร หากมันเพิ่งรู้ตัววันนี้เองว่ามีสิ่งหนึ่งที่รบกวนความสงบของมันได้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง

ลูกปัดที่ไหม้ไฟ...

เพราะตอบรับอย่างง่ายดายมาตลอด มันจึงไม่เคยรู้ว่าการปฏิเสธเสียงนั้นยากเย็นเพียงไร

ปิศาจเสพติดลูกปัดเหล่านั้น ต้องการอย่างไม่อาจห้ามปรามตน 

ลูกปัดลั่นขึ้นอีกครั้ง ความสงบในใจของปิศาจพังทลายลง และเพราะมันรักความสงบในใจของมันอย่างยิ่ง มันจึงลุกขึ้น และออกไปยังโลกอีกใบ

-----

ปิศาจกระปกกระเปลี้ยกลับมาหลังจากนั้นไม่นาน อ่อนล้าจนแทบไม่อาจคงรูปร่าง นี่เป็นครั้งแรกที่มันรู้สึกว่าการช่วยมนุษย์ทำสงครามนั้นสิ้นเปลืองพลังงานอย่างยิ่ง

ไม่หรอก การสงครามครั้งนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ไหนแต่ไรมาการทำลายล้างก็ไม่เคยยุ่งยากเลยสำหรับมัน สำหรับคำขอประเภทนั้น มนุษย์ต้องการเพียงสิ่งเรียบง่ายที่เรียกว่าพลัง และทั้งหมดที่มันต้องทำก็แค่สำแดงตนขึ้น และร่ายรำไปกับเปลวไฟ

ปิศาจรู้สึกว่าการไปเยือนโลกมนุษย์ครั้งก่อนหน้าเปลี่ยนมัน มันคงซึมซับบางสิ่งของมนุษย์มามากเกินไป ไม่เพียงแต่การแสดงออกอย่างมนุษย์ แม้แต่ของที่ไม่ควรซึมซับบางสิ่งมันก็รับมาด้วยเช่นกัน

ความรัก ความผูกพัน และบางสิ่งที่คล้ายกัน

ปิศาจเคยสามารถทำลายมนุษย์ลงได้อย่างง่ายดาย มันไม่รู้สึกอะไรเมื่อร่างมนุษย์นั้นโดนเผา มันไม่รู้สึกอะไรเมื่อโลหิตแดงฉานหลั่งรินลงย้อมแผ่นดิน ราวกับเผาไม้ เผากระดาษ ไม่เคยรู้สึกว่าการเผาของพวกนั้นลงสู่เถ้ามีความสำคัญอันใด

หากครั้งนี้ต่างออกไป

มันได้ยินเสียงร้องเป็นเสียงร้อง มันเห็นขี้เถ้าเป็นผู้คน รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวด ความทรมาน

ปิศาจไม่ชอบที่เป็นเช่นนั้น

เมื่อมันได้ยินเสียงร้องโหยหวนมันก็ต้องการจะหยุด เมื่อมันได้เห็นร่างที่มีชีวิตถูกเผาไหม้ มันก็ปรารถนาจะระงับเปลวไฟ

การได้เลี้ยงดูสิ่งสิ่งหนึ่ง บ่มเพาะความรักลงในใจของมัน ฝังรากลงลึก เผื่อแผ่ความผูกพันไปสู่เผ่าพันธุ์ของสิ่งที่มันโดนบังคับให้เลี้ยงดูขึ้นมา

แต่มันก็คือมัน คือปิศาจผู้ตอบสนองต่อลูกปัดที่ไหม้ไฟ แม้มันจะปรารถนาเป็นอื่น หากเมื่อผู้มอบลูกแก่มันขอให้มันทำเช่นนั้น มันก็ยังคงทำให้อยู่นั่นเอง

และนั่นคือสิ่งที่เผาผลาญพลังงานของปิศาจอย่างแท้จริง

การยับยั้งชั่งใจ

ปิศาจยับยั้งความปรารถนาจะไว้ชีวิตมนุษย์ของตน เรียกเอาเสาเพลิงต้นมหึมาขึ้นสู่พื้นดิน แผดเผาสรรพสิ่งลงสู่ขี้เถ้า

เหมือนจะง่ายดายเช่นทุกครั้ง หากหนักหนากว่ากันอย่างเทียบไม่ได้

ปิศาจรู้สึกถึงบางสิ่งที่เลวร้ายกว่ายิ่งความหิวโหยแทบตายของพวกมัน