6 ตอน ตอนที่ 5 น้ำใจของนาง
โดย อาหลานเร่อ
ตอนที่ 5
น้ำใจของนาง
อาจเป็นเพราะยาที่กู่เหอให้คุณชายของเขาทานไปเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทำให้มือหนาที่เคยกุมมือของนางเอาไว้แน่ค่อย ๆ ผ่อนแรงลงทว่าเขาก็ยังคงจับมือของนางเอาไว้อยู่
หลิวซือนัวค่อย ๆ ดึงมือของนางออกจากมือใหญ่ของเขาอย่างช้า ๆ ครั้นอยู่ ๆ เจ้าของมือหนาที่เคยเกาะกุมมือนางเอาไว้แน่นราวปอกเหล็ก ก็สะบัดมือนางออกทันที ทั้งยังผลุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทั้งที่นางสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่า เวลานี้เขาไร้เรี่ยวแรงเพียงใดแต่ก็ยังฝืนลุกขึ้นมานั่งจนได้
“ท่านรีบร้อนลุกขึ้นมาเช่นนี้ ร่างกายท่านอาจจะยังรับไม่ไหว หากหมดสติลงไปอีก ข้าว่าคงจะไม่ดีแน่” หลิวซือนัวเอ่ยขึ้น นางลุกขึ้นไปนั่งลงที่อีกฟากหนึ่งของรถม้าซึ่งตรงกันข้ามกับที่ร่างสูงของบุรุษตาบอดนั่งอยู่
“เจ้าเป็นใครกัน” เขาเอ่ยถามขึ้นเสียงแหบแห้ง ทุกคำพูดในยามนี้ของเขาถูกเอ่ยออกมาได้อย่างยากลำบาก
“ข้าก็คือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลบพายุอยู่ที่อารามร้างเช่นกันกับท่านเมื่อ คืน” นางเอ่ยตอบกลับไปอย่างใจเย็น
จู่ ๆ ครั้งหนึ่งยามที่นางมองไปทางเขา เมื่อครู่กับรู้สึกสงสารเวทนา เขาขึ้นมา คุณชายผู้นี้แม้ภายนอกจะสวมใส่อาภรณ์ราคาแพง ทว่าร่างกาย กับซูบผอมจนแทบจะเห็นถึงกระดูก อีกทั้งตายังบอดทั้งสองข้าง ซ้ำร้ายยังบาดเจ็บที่ศีรษะ ชีวิตของคนผู้นี้เกินคำว่าอยู่มิสู้ตายไปแล้วหรือยังนางก็ไม่ อาจจะล่วงรู้แทนเขาได้ ทำได้เพียงนึกสงสารเขาอยู่ในใจ
หลิวซือนัวเข้าใจว่าคนที่มีสภาพเช่นเขาจิตใจย่อมไม่อาจสงบได้ อาจถึงขั้นวิตกกังวลต่าง ๆ นางจึงคิดที่จะใจเย็นกับเขาให้มากหน่อย บุรุษผู้นี้เพียงแค่มองก็สามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัวและมีโลกส่วนตัวมากทีเดียว หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นี้กับนางเพียงสองคนเห็นทีเขาก็คงไม่ยอมปริปากพูดกับนางแม้สักครึ่งคำเป็นแน่
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับข้า” อวี้หนานไห่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ยามนี้สติของเขาเริ่มที่จะกลับมาชัดเจนมากขึ้นแล้ว และเขาเองก็จำเสียงของสตรีที่อยู่กับเขาตอนนี้ได้แล้ว นางก็คือคนจากอีกกลุ่มหนึ่งที่พักที่อารามร้างด้วยกันเมื่อคืน
“เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เห็นว่าเป็นรถม้าของท่านเกิดอุบัติเหตุ ท่านเองก็ได้รับบาดเจ็บเพราะตกลงมาจากรถม้าด้วยเช่นกัน ตัวข้าและคนของข้าผ่านทางไปพบเข้าพอดี จึงได้ให้การช่วยเหลือพวกท่านตามที่กู่เหอคนของท่านได้ขอให้ช่วย”
“กู่เหอ ขอให้ช่วย?”
“ใช่แล้ว เวลานี้เขาก็น่าจะคุ้มกันอยู่ที่ท้ายขบวน พวกเราอีกไม่นานก็ น่าจะถึงโรงเตี้ยมแล้ว คุณชายท่านก็พักผ่อนให้สบายเถิด”
หลิวซือนัวตอบคำถามทุกอย่างของเขาอย่างใจเย็น
ตั้งแต่นั้นแม้ในรถม้าจะน่าอึดอัดอยู่บ้างเพราะมีบุรุษหน้าน้ำแข็งที่ดื้อดึงไม่ยอมนอนพักผ่อนดี ๆ มิหนำซ้ำเขายังพยายามนั่งทรงตัวมาตลอดทางทั้ง ๆ ที่ร่างกายเขาก็แทบจะไร้เรี่ยวแรงแล้ว
เป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่หลิวซือนัวรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าไว้ใจเสียขนาด ที่ทำให้บุรุษที่บาดเจ็บถึงขั้นไม่กล้าพักผ่อนเพียงเพราะมีนางอยู่ด้วยเลยหรือ นี่นางน่ากลัวถึงขั้นนั้นเชียว
เขาคงไม่คิดว่านางจะฆ่าเขาหากเขาหลับไปหรอกกระมัง เขาจึงไม่กล้าหลับไปเช่นนี้ หรือว่านางควรจะเอ่ยบอกเขาไปตรง ๆ ดี ใช่แล้วควรบอกออกไปตรง ๆ ให้ชัดเจนจึงจะดีที่สุด
“คุณชายท่านหลับพักสักหน่อยเถอะ ข้าไม่ลงมือฆ่าท่านหรอกท่านวางใจได้”
ทั้งที่เอ่ยไปตามตรงแล้ว ไฉนผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าคำพูดของ นางยิ่งทำให้เขาไม่กล้าข่มตาหลับลงได้ นางแอบเห็นเขาแอบหยิกเนื้อตัวเองอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดนางจึงต้องเป็นฝ่ายแกล้งหลับไปแทน
จากแกล้งหลับก็กลายเป็นว่านางเผลอหลับไปจริง ๆ ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เพราะเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านนอกรถม้า
“เรามาถึงโรงเตี้ยมแล้วขอรับคุณหนู เชิญคุณหนูลงรถม้าเถิดขอรับ”
“ข้าจะลงไปก่อน ท่านรอกู่เหอก็แล้วกัน”
นางเอ่ยก่อนที่จะเดินลงรถม้าไป บุรุษตาบอดผู้นี้ยังคงนั่งนิ่งเช่นเดิมไม่ขยับไปไหน เขาไม่แม้จะเอ่ยตอบกลับนางแม้สักคำ
บุรุษผู้นี้เย่อหยิ่งยิ่งนัก
หลิวซือนัวลงจากรถม้าโดยมีเสี่ยวหลินที่ยืนคอยอยู่ก่อนแล้วช่วยจับประคองนางเดินลงมาจากรถม้า นางและเสี่ยวหนิงรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างยืนรอกันอยู่ที่หน้าโรงเตี้ยม เพราะยามนี้เสี่ยวชิงและแม่นางกู่หรูซึ่งเสี่ยวหนิงบอกว่านางเป็นน้องสาวของกู่เหอกำลังเข้าไปตรวจสอบด้านในโรงเตี้ยมด้วยกันกับเสี่ยวชิง
โชคดีที่พวกนางมาถึงโรงเตี้ยม ก่อนที่ฟ้าจะมืด อีกทั้งโรงเตี้ยมแห่งนี้แม้จะอยู่กลางป่าแต่ภายนอกก็ไม่ได้ดูย่ำแย่ แม้จะดูทรุดโทรมไปหน่อยทว่ากับดูสะอาดสะอ้านดีทีเดียว
ด้านกู่เหอก็กำลังเผชิญหน้ากับคุณชายของตนอยู่ด้านในรถม้า
กู่เหอคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เป็นนาย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“คุณชายท่านเป็นเช่นไรบ้าง ข้าน้อยจะประคองท่านเข้าไปพักผ่อนในโรงเตี้ยมนะขอรับ”
“อืม” เจ้าของใบหน้าซูบผอมเอ่ยออกมาสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ก่อนจะยอมให้คนสนิทประคองตนเพื่อลงรถม้า ทว่ายังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะลงมาจากรถม้าได้สำเร็จ อยู่ ๆ ไม่รู้ว่าลมพายุมาจากไหน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้าวของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระจาดตะกร้าหรือสิ่งของที่มีน้ำหนักเบาต่างก็ถูกลมพายุนี้พลัดจนปลิวกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ
หลิวซือนัวและเสี่ยวหนิงเห็นท่าไม่ดีพวกนางก็เตรียมที่จะวิ่งเข้าไปด้านในโรงเตี้ยม พอดีกับที่อยู่ ๆ ไม่รู้ว่ากระจาดอันใหญ่ปลิวมาจากไหนกู่เหอที่ประคองผู้เป็นนายอยู่ลงมือปัดกระจาดอันนั้นทันที ก่อนที่มันจะปลิวมาถูกตัวคุณชายของเขาได้
ส่วนอวี้หนานไห่นั้นแม้ตนจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ในขณะนี้อีกทั้งยังไม่สามารถใช้วรยุทธ์ได้ ทว่าสัมผัสที่เฉียบคมของเขาก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างดีอยู่ เขาจึงสามารถรับรู้ได้ถึงทิศทางที่สิ่งของพลัดเข้ามาได้เช่นเดียวกัน
ร่างกายของเขาขยับหลบไปเองโดยธรรมชาติ ทำให้ตัวเขาหลุดออกจากการประคองของคนสนิท อีกทั้งดูเหมือนว่าเขาจะก้าวพลาดทำให้ยามนี้ร่างกายของเขากำลังจะตกลงมาจากบนรถม้า
ท่ามกลางความโกลาหล ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก กู่เหอพยายามจะคว้าตัวคุณชายของตนทว่ากับไม่ทันเสียแล้ว มีเพียงแค่ชายเสื้อที่ฉีกขาดเพียงเท่านั้นที่เขาสามารถคว้าติดมือมาได้
เป็นหลิวซือนัวที่หันไปเห็นร่างสูงอันเริ่มคุ้นตาที่กำลังเสียหลักล้มลงมาจากรถม้า ไวกว่าความคิดเจ้าของร่างอวบอิ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ถลาไปเพื่อพยายามช่วยร่างสูงที่กำลังจะตกลงมา โดยลืมนึกถึงกำลังของตนเอง ทำให้เวลานี้แม้จะช่วยร่างสูงเอาไว้ได้ทว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็พากันล้มลงมากระแทกพื้นอย่างแรง นางซึ่งรับแรงกระแทกแทนบุรุษตาบอดจึงได้รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งแผ่นหลังบาง โชคดีที่ศีรษะนางไม่ได้เป็นอะไร นางไม่รู้ว่าเขาเอามือมารองศีรษะนางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่จึงทำให้นางไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะศีรษะกระแทกพื้นแม้สักนิด
“คุณหนู!!!”
“คุณชาย!!!”
ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างพากันร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะพากันกรูเข้ามา ประคองนางและเขาเข้าไปในโรงเตี้ยมในทันที
ภายในห้องพักที่ชั้นสองของโรงเตี้ยมกลางป่า หลังจากที่หลิวซือนัว ล้างตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยามนี้จึงได้นั่งหันหลังอยู่บนเตียงใหญ่เพื่อให้สาว ใช้คนสนิทของนางทายาที่แผ่นหลังให้
“คุณหนู รู้หรือไม่เจ้าคะว่าเมื่อครู่บ่าวตกใจเพียงใดที่เห็นคุณหนูล้มลงไปเช่นนั้น” เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ยิ่งได้เห็นรอยช้ำหลายแห่งบนแผ่นหลัง ที่เคยขาวนวลเนียนดุจหยกล้ำค่าของคุณหนูของนางแล้ว เสี่ยวหนิงก็ยิ่งน้ำตาไหลออกมามากกยิ่งขึ้น “แผ่นหลังของคุณหนูหากมีแผลเป็นขึ้นมา เสี่ยวหนิงตายก็คงไม่อาจชดใช้ได้”
“แค่แผลฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร ใยเจ้าต้องคร่ำ ครวญเสียยกใหญ่เช่นนี้ด้วย”
“คุณหนู ท่านยังไม่ได้ออกเรือน หากมีแผลเป็นขึ้นมาจะทำเช่นไรเจ้าค่ะ อีกอย่างบ่าวสาบานกับฮูหยินใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลคุณหนูให้ดี แต่บ่าวกลับทำไม่ได้ กลับเมืองเป่ยโจวไปก็คงได้แต่ให้ฮูหยินใหญ่ลงโทษแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวหนิงยังคงคร่ำครวญต่อไม่เลิก มือก็บรรจงทายาให้คุณหนูของนางอย่างแผ่วเบาระมัดระวังเป็นที่สุด
“ฟกช้ำเล็กน้อยเท่านี้ไม่นานก็หาย เจ้าไม่บอกท่านแม่ ข้าไม่บอกท่านแม่ก็พอแล้วกระมัง อย่างได้คร่ำครวญอีกเลย” นางเอ่ยราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ ทว่าสาวใช้ของนางกับยังเห็นเป็นเรื่องจริงจังอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยน
“บ่าวจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ ปกปิดความจริงซ้ำยังเป็นความผิดถือเป็นโทษนะเจ้าคะ บ่าวไม่อาจทำเช่นนั้นได้หรอกเจ้าค่ะ”
“แม้ว่าจะเป็นคำสั่งของข้า เจ้าก็ทำไม่ได้เช่นนั้นหรือ”
หลิวซือนัวเอ่ยถาม เสี่ยวหนิงเด็กคนนี้แม้จะมุทะลุไปบ้างทว่ากับเป็นคนจริงใจยิ่ง เพื่อนางแล้วเสี่ยวหนิงก็พร้อมทำให้ทุกอย่าง ความจริงใจของเสี่ยวหนิงนางรู้ดีกว่าใครและยิ่งไม่อยากเห็นนางถูกลงโทษ ฉะนั้นหากการลงโทษนี้นางสามารถช่วยได้ นางย่อมต้องช่วยแน่
“คุณหนู….”
“เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของข้า เป็นคนที่ใกล้ชิดอีกทั้งข้ารู้ดีว่าเจ้าพร้อมที่จะปกป้องข้ามากที่สุด ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้าเจ็บตัวเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรื่องที่หลังข้าจะมีแผลเป็นหรือไม่ก็ไม่ต้องบอกท่านแม่หรอก อีก อย่างแค่เพียงรอยช้ำไม่ใช่รอยแผลจะได้กลายเป็นแผลเป็นได้ เจ้าก็อย่าได้ กังวลไปนักเลย ทำใจให้สบายเถอะ”
“เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว บ่าวจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ฮูหยินใหญ่ก็ได้เจ้าค่ะ หากว่าคุณหนูจะยอมให้สัญญากับบ่าวสักข้อหนึ่ง”
“เจ้าอยากให้ข้าสัญญาสิ่งใด”
“บ่าวอยากให้คุณหนูสัญญาว่าจะไม่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้อีก ผู้ใดจะ บาดเจ็บก็ช่างเขา คุณหนูต้องเอาตัวเองให้รอดปลอดภัยไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ”
เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
แน่นอนว่าหลิวซือนัวก็ไม่อาจมองข้ามความเป็นห่วงและความจริงใจของเสี่ยวหนิงได้ นางจึงได้รับปากรับคำสาวใช้คนสนิทของนางเป็นอย่างดี
“ข้าให้สัญญากับเจ้า ต่อจากนี้จะดูแลตัวเองให้ดีไม่หุนหันพลันแล่นอีก”
นางรับคำไปแล้ว ทว่าก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดสิ่งใดที่ทำให้นางต้อง หุนหันพลันแล่นไปโดยไม่รู้ตัวอีกหรือไม่
ความจริงแล้วการที่นางถลาไปช่วยคุณชายตาบอดผู้นั้นก็ไม่รู้ว่าจะถือว่าเป็นการหุนหันพลันแล่นได้หรือไม่ จะอธิบายว่าอย่างไรดี ทั้ง ๆ ที่ตอนนางพุ่งไปช่วยเขานางเองก็ยังไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ด้วยซ้ำ หากจะโทษก็คงจะต้องโทษความหูไวตาไวของนางที่เห็นอะไรเกิดขึ้นก็มักจะพุ่งออกไปก่อนโดยธรรมชาติของร่างกายนางนั่นแหละ
หลังจากที่เสี่ยวหนิงทายาให้นางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานประตูห้องพักของนางก็ถูกเคาะเรียก ผู้มาเยือนก็คือกู่หรูน้องสาวของกู่เหอหนึ่งในผู้ติดตามของคุณชายตาบอดผู้นั้นนั่นเอง
“แม่นางกู่ เป็นเจ้าเองหรือ มาหาข้าใช่หรือไม่” หลิวซือนัวเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร
“คุณชายมีคำสั่งให้ข้าน้อยนำยาแก้ฟกช้ำมาให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
กู่หรูผู้นี้เอ่ยออกมาอย่างนอบน้อมเช่นกัน แต่ท่าทางของนางกลับตรงกันข้าม กู่หรูผู้นี้มองก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ อีกทั้งน่าจะเป็นผู้มีฝีมือไม่ใช่น้อยทีเดียว แม่นางกู่ผู้นี้จึงได้มีทีท่าองอาจห้าวหาญมิแพ้บุรุษ
“เสี่ยวหนิง เจ้ารับเอาไว้แทนข้าที”
นางเอ่ยสั่งเสี่ยวหนิงให้เข้าไปรับยาจากกู่หรูเอาไว้
“คุณชายยังให้ข้ากล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการแสดงคำขอบคุณที่คุณหนูได้ให้ความช่วยเหลือหลายครั้ง ค่าใช้จ่ายในโรงเตี้ยมทั้งหมดของพวกท่านทั้งขบวนเดินทาง คุณชายจะเป็นผู้รับผิดชอบให้ทั้งหมดเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจเจ้าค่ะ”
เป็นอย่างที่หลิวซือนัวคิดจริง ๆ ด้วย บุรุษตาบอดเจ้านางของนางคงต้องรีบตอบแทนนางอย่างรวดเร็วแน่ เย่อหยิ่งเช่นเขาย่อมไม่ชอบการติดค้างบุญคุณใคร เห็นได้ชัดตั้งแต่ที่เมื่อคืนเขาให้คนน้ำชาล้ำค่ามาให้แล้ว ครานี้ยิ่งแน่ใจบุรุษผู้นี้ยอมเสียเงินเท่าไหร่ก็ได้แต่จะไม่ยอมติดค้างน้ำใจผู้อื่นเด็ดเด็ดขาด
บุรุษผู้นี้หากไม่ใช่คนถือตัวรักศักดิ์ศรีมาก ก็คงจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นที่สุด
“ให้เมื่อเป็นน้ำใจจากคุณชายของเจ้า ข้าเองก็จะไม่ปฏิเสธน้ำใจนี้ก็แล้วกัน”
“ฝากบอกคุณชายของเจ้าด้วยว่า ขอบคุณ อีกทั้งพวกเราไม่ได้ถือว่ามีบุญคุณใดติดค้างกัน ขอให้เขาวางใจเถิด”
Comments (0)