6 ตอน ที่รักครั้งที่ 5
โดย chokobo
ที่รักครั้งที่ 5
เรือนผมสีดำขลับที่ตัดทรงอันเดอร์คัทอย่างดีของชายหนุ่มร่างสูงในตอนนี้ถูกรวบไว้เพียงครึ่งหัวเนื่องจากวันนี้อากาศของประเทศนี้ค่อนข้างร้อนอบอ้าว ถึงแม้ว่าภายในสตูดิโอจะมีเครื่องปรับอากาศที่ทำงานได้เป็นอย่างดีก็ตามแต่คนที่เหงื่อออกง่ายอย่างเช่นเจษก็คงรู้สึกร้อนอยู่ดี
เสื้อแขนกุดสกรีนวงร็อกในตำนานที่ข้างลำตัวแหวกลึกจนเห็นสีข้างของชายหนุ่มทั้งซ้ายและขวาจนเผยให้เห็นรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่มอยู่วับๆ แวมๆ ทุกรอยสักและลายเส้นบนเรือนกายบุรุษเพศนั้นมีความหมายและมีที่มาทั้งหมด
เจษมีเวลาพักเพียงสองชั่วโมง ชายหนุ่มเก็บอุปกรณ์และบอกวิธีการดูแลรักษาแผลให้แก่ลูกค้าก่อนจะเดินออกมาที่เคาน์เตอร์เช่นเคย ดวงตาคมจ้องมองสมาร์ทโฟนที่บอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายกว่าๆ แล้วทว่ามีใครบางคนรับปากว่าจะเข้ามาเอาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นแต่ก็ยังไม่เห็นมาเสียที
"พี่เจษมองหาอะไรอะพี่ ลูกค้าลืมของเหรอครับ?" แม็กเอ่ยถามเจ้าของสตูดิโอแห่งนี้ด้วยความสงสัย
ก็จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไรเล่าในเมื่อเจ้าของสตูดิโออย่างคุณเจษฎาไม่เคยมีท่าทีด้อมๆ มองๆ เหมือนกับว่ารอใครสักคนเข้ามาทั้งท่าทางที่เจษแสดงนั้นก็บอกชัดเจนราวกับว่ารอคอยบางอย่าง
"หรือรอพัสดุ?" แม็กก็ยังคงสงสัยต่อไปแต่ต่อให้มีพัสดุมาอย่างน้อยแม็กก็มักจะเป็นคนรับให้อยู่เสมอ
"เปล่า" เสียงเข้มตอบสั้นๆ พลันก้มลงมองจอสมาร์ทโฟนของตน
เจษไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นทว่าในใจกลับรู้สึกร้อนรนอยู่แปลกๆ ไม่รู้ว่าจะส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายดีมั้ยหรือควรจะอยู่นิ่งๆ รอแค่อีกฝ่ายมาถึงแต่ทว่าความใจร้อนของชายหนุ่มกลับสั่งการให้มือหนากดเปิดแอปพลิเคชันสีเขียวแล้วส่งข้อความหาอีกฝ่ายทันที
babe ♡
คุณจะเข้ามาเอาหนังสือหรือเปล่า...?
หากแต่เมื่อพิมพ์จบประโยคแล้วแทนที่จะกดส่งเจษกลับกดลบข้อความทั้งหมดเสียอย่างนั้น
ถ้าทักไปถามมันจะเหมือนอยากเจอขนาดนั้นหรือเปล่าวะ
เจษเก็บสมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนสีซีดของตนคืนพร้อมกับพรูลมหายใจออกมาด้วยความวุ่นวายใจ
"พี่เจษนัดใครไว้หรือเปล่า?" แม็กเองก็ไม่เลิกรบเร้ารุ่นพี่เสียที
"คงงั้น"
"อ้าว..."
"ถ้ามีคนบอกว่ามาหากูเรียกด้วยนะ" เจษตบไหล่รุ่นน้องเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจขึ้นไปนอนงีบสักชั่วโมงเสียหน่อยหากแต่เมื่อขึ้นไปยังที่พักชั้นสองดวงตาคมก็ไม่ลืมที่จะมองหาลูกชายของเขา ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งวี่แววของแมวส้มตัวอ้วน
วันนี้เจ๋งหนีเที่ยวอีกแล้ว...
ทว่าเมื่อร่างสูงกำลังจะล้มตัวลงนอนบนที่นอนแล้วเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันสีเขียวชื่อดังกลับแจ้งเตือนในทันที เจษไม่รอช้าจึงรีบหยิบสมาร์ทโฟนของตนขึ้นมาหวังเพียงว่าจะเป็นข้อความจากคนที่รอคอยมาทั้งวัน
และมันก็เป็นไปตามคาดเมื่อเห็นชื่อของเจ้าของข้อความนั่นแล้วเจษกลับระบายยิ้มออกมาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังยิ้มอยู่
babe ♡
โทษที
วันนี้อาจจะเข้าไปช้าหน่อย
คุณเอามังงะวางไว้ตรงเคาน์เตอร์ก็ได้นะ
เผื่อเราไปตอนที่คุณยุ่งอยู่
ที่รักรู้ตัวดีว่าตอนนี้เลยเวลาที่นัดจะเข้าไปเอาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นมามากแล้ว ซ้ำแล้วงานในส่วนนี้ของตนก็ยังไม่เสร็จอีกทั้งๆ ที่ในใจก็ยังรู้สึกผิดเอามากๆ ที่ไม่ตรงเวลาต่ออีกฝ่ายจึงรีบส่งข้อความมาบอกเพื่อให้อีกฝ่ายรับรู้
Jade
โทษที
วันนี้อาจจะเข้าไปช้าหน่อย
คุณเอามังงะวางไว้ตรงเคาน์เตอร์ก็ได้นะ
เผื่อเราไปตอนที่คุณยุ่งอยู่
ไม่เป็นไร
ขอแค่บอกกันก็พอ
ว่าจะเข้ามาหรือไม่เข้ามา
sent a sticker!
ด้วยคำตอบของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนที่รักกำลังโดนดุอยู่จึงทำให้คนตัวเล็กแสดงสีหน้าท่าทางจ๋อยไปเลยทีเดียวเนื่องจากรู้สึกผิดที่ไม่ตรงต่อเวลาที่บอกอีกฝ่ายเอาไว้ ที่รักไม่รู้จะตอบอย่างไรดีจึงทำได้แค่ส่งสติกเกอร์แมวทำหน้าหงอยกลับไปให้อีกฝ่าย
เจษที่เห็นคนตัวเล็กส่งสติกเกอร์แสนน่ารักน่ามันเขี้ยวนั่นกลับมาชายหนุ่มถึงกับเผลอยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่รู้ตัว
แม่งเอ้ย! โคตรน่ารักเลยว่ะ
Jade
เราต้องทำงานต่อแล้ว
ถ้าเข้าไปแล้วจะบอกอีกที
ตั้งใจทำงานนะ :)
จบประโยคสนทนาภายในห้องแชทที่รักรู้สึกได้ว่าใบหน้าของตนเห่อร้อนขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น เงาสะท้อนจากจอlaptopทำให้พบว่าผิวแก้มนุ่มนิ่มของตนขึ้นสีแดงระเรื่อราวกับลูกมะเขือเทศสุก
บ้าไปแล้ว...แค่มีคนบอกให้ตั้งใจทำงานทำไมต้องรู้สึกเขินด้วยเล่าหรืออาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้อากาศร้อนเกินไป
ที่รักสลัดความคิดทุกอย่างที่คอยทำให้ใจว้าวุ่นออกไปก่อนจะก้มลงสะสางงานที่ยังต้องแก้อยู่อีกมากเสียทีเดียวแต่ก็ยังไม่วายที่จะรู้สึกผิดทั้งๆ ที่ตกลงไว้แล้วว่าจะเข้าไปเอามังงะกับอีกฝ่ายในตอนบ่ายแต่เวลานี้บ่ายสามแล้วก็ยังไม่ได้เข้าไปเสียที
"ชาเขียวปั่นเพิ่มวิปคาราเมลไซส์ใหญ่ครับ"
"เพิ่มซีรัปด้วยมั้ยคะ?"
"ไม่ครับ หวานปกติ"
"ได้ค่ะ"
"มันหวานหนึบอีกสามถุงด้วยนะครับ"
ฝ่ามือบางหยุดถุงมันหวานหนึบขึ้นมาอีกสามถุงก่อนจะวางลงบนเคาน์เตอร์ของร้านกาแฟชื่อดัง ที่รักเองเพิ่งจะมีเวลาได้พักหายใจหายคอบ้างก่อนจะไปรับหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นของตนที่ลืมไว้กับช่างสักเมื่อวานก่อน
หากการไปสตูดิโอสักครั้งนี้ที่รักเองก็ไม่ลืมที่จะมีของติดไม้ติดมือไปด้วยเพราะเจ้าตัวยังรู้สึกเกรงใจที่เมื่อวานอีกฝ่ายจ่ายค่าเครื่องดื่มและแซนด์วิชให้ตน ร่างบางยืนรอเครื่องดื่มไม่นานนักเมื่อเสร็จแล้วจึงรีบเดินทางไปสตูดิโอสักของเจษในทันที โชคดีที่ในตอนนี้เป็นช่วงบ่ายสามจึงยังไม่ค่อยมีคนมากมายเท่าไหร่นัก การใช้รถสาธารณะจึงไม่ได้มีปัญหากับคนตัวเล็กมากเสียเท่าไหร่
ครั้นจะบอกว่าวันนี้อากาศดีทีเดียวก็คงไม่ใช่เพราะท้องฟ้านั้นมืดครึ้มคล้ายกับว่าจะมีฝนตกลงมาในไม่ช้า ที่รักถอนหายใจเบาๆ พลางเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้าเพื่อไปยังสตูดิโอสักที่หมายทั้งยังหวังลึกๆ ว่าขอให้วันนี้ฝนไม่ตก
"อย่าตกเลยนะฝน วันนี้ไม่ได้พกร่มมาด้วยนะ" ที่รักบ่นอุบอิบกับตนเองเบาๆ
ที่รักใช้เวลาเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้าจนถึงสตูดิโอสักของเจษเพียงไม่ถึงสิบนาที เมื่อถึงที่หมายแล้วจึงไม่ลังเลที่จะเปิดประตูเข้าไป บรรยากาศภายในร้านก็เป็นเหมือนคราวที่แล้วที่มากับเพื่อนสนิท ยังคงเงียบสงบและมีกลิ่นหอมชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
"สวัสดีครับนัดไว้หรือเปล่าครับ?" เด็กหนุ่มวัยอายุราวๆ ยี่สิบต้นๆ เอ่ยทักที่รักที่เพิ่งเข้าไปในร้านเมื่อครู่
"เปล่าครับ แต่...เอ่อ...ผมมาหาคุณเจษครับ"
แม็กมองหน้าลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ใบหน้าจิ้มลิ้มที่รู้สึกคุ้นราวกับว่าเด็กหนุ่มเคยพบเห็นมาก่อน จนในที่สุดเขาจึงจำได้ว่าเคยพบผู้ชายน่ารักคนนี้ที่มากับลูกค้าอีกคนเมื่อเดือนก่อน
"อ๋อ...พี่เจษมีคิวสักอยู่ครับ คุณลูกค้านั่งรอก่อนก็ได้นะครับอีกเดี๋ยวน่าจะเสร็จแล้ว"
ที่รักพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะเดินไปนั่งรอยังโซฟาตัวยาวของทางร้าน ในมือยังคงถือแก้วชาเขียวปั่นเมนูโปรดของอีกฝ่ายที่ตอนนี้ดูเหมือนเริ่มจะละลายทีละนิด
"เอ่อ...ฝากให้คุณ..." ที่รักตัดสินใจบอกเด็กหนุ่มว่าเครื่องดื่มนี้จริงๆ แล้วเขาตั้งใจฝากให้ช่างสักแต่ทว่าไม่ทันจะได้พูดจบประโยคร่างสูงที่คุ้นเคยเดินออกมายังบริเวณเคาน์เตอร์พอดี
"พี่เจษ มีคนมาหาครับ" แม็กบอกเจ้าของร้าน
ร่างสูงที่เพิ่งสักให้ลูกค้าคนล่าสุดพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเหลือบมองเห็นคนตัวเล็กที่วันนี้แต่งตัวสีสันสดใสสมกับนิสัยของเจ้าตัวซึ่งต่างจากเขาที่ไม่แม้แต่จะมีเสื้อผ้าสีสันสดใสเลยแม้แต่น้อย
ที่รักสบตาเจษอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพินิจร่างสูงที่วันนี้ดูแปลกไปเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายมัดผมทรงundercutของเขาไว้เพียงครึ่งหัวพร้อมกับสวมเสื้อแขนกุดที่แขนแหวกลึกจนเห็นสีข้างเผยให้เห็นรอยสักบนเรือนกายของชายหนุ่มวับๆ แวมๆ และกางเกงยีนสีซีดที่ดูเข้ากันได้เป็นอย่างดี
อ่า...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาดูดีมาก อย่างกับพวกร็อกสตาร์อย่างไรอย่างนั้น
"ระ...เรามาเอามังงะน่ะ"
ที่รักสลัดความคิดที่ว่ารู้สึกราวกับตนเองถูกต้องมนต์สะกิดโดยชายหนุ่มร่างสูงเบื้องหน้า
"นึกว่าคุณจะไม่มา" เสียงทุ้มเอ่ย
แม็กมองดูรุ่นพี่กับลูกค้าคนตัวเล็กน่ารักสลับกันไปมาด้วยความงุนงงพลางขมวดคิ้วยุ่ง ไม่รู้ว่าสองคนนี้ไปรู้จักกันได้อย่างไรแต่ดูเหมือนว่าจะสนิทกันไม่น้อยเลย
"มาสิ ก็เราบอกแล้วไงว่าจะเข้ามา" เสียงเล็กๆ บอกอย่างไม่โกหกก่อนจะยื่นแก้วเครื่องดื่มเมนูโปรดให้กับคนตัวสูง
เจษที่เห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเช่นนั้นชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเสียจนเรียวคิ้วเข้มเข้ารูปอันมีเสน่ห์ของเขาขมวดเป็นปม
"..."
"หายกันเรื่องที่คุณเลี้ยงเราเมื่อวานไง" ดวงตากลมโตฉายแววตาชวนให้ใจของชายหนุ่มเต้นระส่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
นัยน์ตาสีดำพร้อมกับดวงตากลมโตจ้องมองมาที่เจษทั้งใบหน้าจิ้มลิ้มประดับด้วยรอยยิ้มที่พร้อมทำลายล้างเป็นอย่างมาก คนตัวเล็กหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่เจษจะรับแก้วเมนูโปรดของตนที่อีกฝ่ายซื้อมาให้
น่ารักไม่ปรานีใครหรือแม้กระทั่งกับเจษก็ตาม
"อ่า...ขอบคุณครับ" เจษขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ
"แล้วไหนมังงะของเราอะ?"
"เดี๋ยวผมขึ้นไปเอาให้"
"..."
"หรือคุณจะมาด้วยก็ได้"
เจษพยายามเก็บอาการไม่ให้เคอะเขินออกมาจนอีกฝ่ายจับสังเกตได้ ชายหนุ่มหันหลังกลับพร้อมจะขึ้นไปเอาหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่อีกฝ่ายลืมไว้กับตนเมื่อวาน หากแต่การชักชวนให้ที่รักมาด้วยก็ไม่ได้มีความหมายหรือคิดไม่ดีแฝงอยู่เลย
"ไม่ล่ะ งั้นเรารอคุณอยู่ข้างล่างนี่แหละ"
ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหายลับไปยันชั้นสอง แม็กที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดและได้ยินบทสนทนาระหว่างรุ่นพี่และลูกค้าคนน่ารักคนนี้เมื่อครู่ถึงกับร้องว้าวในใจออกมาเลยทีเดียว
เพราะร้อยวันพันปีแม็กไม่เคยเห็นเจษยืนคุยกับใครได้นานเท่าคนนี้มาก่อนซ้ำแล้วยังมีน้ำมีขนมมาให้กันอีกแต่จะว่าไปแล้วคนตัวเล็กคนนี้มีแฟนแล้วไม่ใช่หรืออย่างไร...
ใช่ว่าพี่เจษจะไปเป็นมือที่สามหรอกนะแต่สายตาที่พี่มันมองเขาดูคลั่งรักฉิบหาย
ไม่นานนักร่างสูงเดินลงมาพร้อมกับหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นที่อีกฝ่ายลืมไว้ เจษส่งหนังสือหลายเล่มให้ที่รักก่อนที่คนน้องจะรับมันมาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับสีหน้าที่แสดงได้ชัดว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดี
"ขอบคุณนะ" ที่รักยิ้มให้อีกฝ่ายจนตาเป็นสระอิ
"ไม่เป็นไร"
"แล้วพี่เจ๋งไปไหนเหรอ?"
ที่รักเองก็ไม่ลืมที่จะถามหาแมวส้มเจ้าถิ่น ความจริงแล้วอยากเจอพี่เจ๋งอีกครั้งแต่จนตอนนี้แล้วก็ยังไม่เห็นก้อนส้มขนฟูย่ำกายเข้ามาในร้านเลยแม้แต่น้อย
"น่าจะหนีเที่ยวไปหาสาว" เจษเองก็พยายามมองหาและสอดส่องลูกชายตัวแสบของเขา
"แบบงี้ก็แสดงว่าเราจะไม่ได้เจอพี่เจ๋งใช่มั้ยอ่า"
น้ำเสียงติดจะฟังดูงอแงเล็กน้อยของคนตัวเล็กทำเอาเจษแทบตั้งสติตนเองไม่อยู่ ในใจของชายหนุ่มแทบอยากจะตะโกนเรียกหาพี่เจ๋งให้รีบออกมาให้มันรู้แล้วรู้รอด
เจ๋งนะเจ๋ง...คุยกันเมื่อเช้าแล้วไม่ใช่หรือไงว่าจะอยู่ร้านกับพ่อทั้งวัน ไหงกลับหนีเที่ยวซะงั้น
"แม็ก" เสียงทุ้มขานชื่อรุ่นน้องในทันที
"คะ...ครับพี่เจษ"
"เห็นพี่เจ๋งบ้างมั้ย" เจษทำหน้าขรึมพร้อมกับเดินเรียกหาลูกชายแทบจะทั่วร้าน
แหม...ปกติไม่เห็นจะตามหาเลยมีก็แต่ไอ้แม็กนี่แหละคอยตามพี่เจ๋งให้
"เห็นเมื่อตอนเปิดร้านนะพี่เจษแต่ตอนนี้ไม่รู้ไปไหน" แม็กตอบตามความจริง
"แต่ถ้าพี่เจ๋งไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรนะ"
ที่รักพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่กลับคว่ำปากจนสีหน้าดูเซื่องซึมและหงอยจนเจษและแม็กที่เห็นเช่นนั้นถึงกับอยากไปพาตัวพี่เจ๋งกลับมา ถ้าพลิกแผ่นดินหาได้ก็คงทำไปแล้ว
"เราว่าเรากลับดีกว่ากลัวว่าฝนจะตก" ที่รักบอกก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแม็กเล็กน้อย
ในช่วงจังหวะที่ร่างบางหันหลังกลับไปเตรียมพร้อมที่จะเดินไปยังประตูของร้านมวลเมฆครึ้มกลับปกคลุมและฝนห่าใหญ่ตกลงมาอย่างหนักต่อหน้าต่อตา ที่รักหยุดชะงักก่อนจะสบถในใจด้วยความหงุดงหงิด
ให้มันได้แบบนี้ดิมาตกอะไรเอาตอนคนจะกลับ
เจษที่เห็นว่าข้างนอกฝนตกลงมาหนักจนแทบจะไม่เห็นทางเช่นนั้นจะปล่อยให้น้องกลับไปได้อย่างไร ซ้ำแล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่ได้พกร่มมาด้วยอย่างแน่นอน
"ฝนตกหนักขนาดนี้คุณอยู่นี่ก่อนมั้ย" เสียงทุ้มเอ่ยเคล้ากับเสียงของสายฝนที่เทกระหน่ำอยู่ด้านนอกอาคาร ที่รักพรูลมหายใจด้วยความหงุดหงิดก่อนจะหันกลับไปหาอีกฝ่าย
ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกก็คงต้องอยู่ที่นี่ก่อน ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วแท้ๆ ว่าจะรีบกลับไปปั่นงานในส่วนที่เหลือที่บ้านต่อให้เสร็จ
"ก็คงจะเป็นแบบนั้น..."
"ถ้าฝนหยุดแล้วค่อยกลับก็ได้" เสียงทุ้มของอีกฝ่ายไม่ได้ฟังดูน่ากลัวหรือแข็งกร้าวเลยกลับกันแล้วกลับฟังดูละมุนอย่างบอกไม่ถูก
ที่รักหันไปมองแม็กก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ เล็กน้อยเนื่องจากคงต้องรบกวนคนที่นี่เสียแล้วและก็ไม่รู้ว่าควรจะไปนั่งตรงไหนเพราะไม่อยากรู้สึกเกะกะลูกค้าคนอื่นๆ
"รบกวนด้วยนะครับ" ที่รักบอกแม็กก่อนจะกลับไปนั่งยังโซฟาตัวยาวของร้านที่เป็นโซนนั่งรอสำหรับลูกค้า
ดวงตากลมโตเหม่อมองออกไปยังด้านนอกของตัวอาคารที่สายฝนยังคงเทกระหน่ำลงมาโดยไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดตอนไหน น้ำด้านนอกก็ดูจะท่วมเอ่อขึ้นมาถึงทางเท้าอย่างไรอย่างนั้นเพราะฝนตกหนักจึงทำให้ระบายน้ำแทบไม่ทันสินะ ท้องฟ้าก็ยังมืดเหมือนกับตอนค่ำอีกทั้งๆ ที่ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็นเอง
แม็กมองคนตัวเล็กครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับมามองรุ่นพี่ที่จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองของแม็กจนอย่างจะถามไถ่แต่ก็ไม่กล้าเพราะเกรงว่าจะโดนเจษดุเอาได้
"พี่เจษ" แม็กตัดสินใจถาม
"หืม?"
"ใช่แฟนลูกค้าที่สักกับพี่รอบที่แล้วหรือเปล่าพี่?" แม็กเองก็รู้สึกเสี่ยงกับคำถามที่ตนเพิ่งถามออกไปทว่าเจษกลับหันมามองและตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"หึ นั่นเพื่อนเขา"
"อ้าว..." แม็กอุทานออกมาเสียงดังทำเอาที่รักที่นั่งอยู่ถึงกับหันมามองต้นเสียง
"..."
"เอ้า แล้วเพื่อนที่ไหนเรียกกันที่รักวะ" แม็กเกาศีรษะแบบงงๆ
"ที่รักอะชื่อเขา" เจษตอบ
"ว้อทททท!?!?"
"เขาชื่อที่รัก ไอ้ควาย" เจษหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะดีดหน้าผากแม็กจนเกิดเสียงดังทำเอาคนที่ถูกกระทำถึงกับร้องโอดโอยเลยทีเดียว
ร่างสูงรู้ตัวดีว่าอีกไม่นานก็ต้องกลับไปสักให้ลูกค้าคิวต่อไปจึงเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งอยู่เฉยๆ บนโซฟาของร้าน
ถ้าหากว่าให้อีกฝ่ายไปนั่งรอชั้นบนก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งเพราะฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดซ้ำแล้วคนตัวเล็กยังดูเหนื่อยล้าและหน้าก็ยังดูง่วงๆ อยู่
"คุณขึ้นไปรอให้ฝนหยุดที่ชั้นบนได้นะ" เจษบอกกับที่รักที่ในตอนนี้เปลือกตาคล้ายจะปิดลงในไม่ช้า
"ห้ะ...ไม่ดีกว่าเราเกรงใจ" เสียงเล็กๆ ตอบกลับพลางส่ายหน้าไปมา
"ไม่รู้ฝนจะหยุดตอนไหนแต่ขึ้นไปนอนก็ได้เพราะคุณดูง่วงๆ"
"..."
"ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ง่วงก็นอน"
เจษบอกด้วยความเป็นห่วงเพราะกลัวว่าน้องจะเหนื่อยล้ามากเกินไปทว่าสุดท้ายแล้วที่รักก็ปฏิเสธอยู่ดี เพราะไม่อยากรบเร้าหรือเซ้าซี้อีกฝ่ายมากนักเจษจึงพยักเพียงเพื่อรับรู้
ผ่านไปเพียงไม่นานเจษที่เดินออกมาเอาอุปกรณ์ข้างนอกเหลือบมองไปยังโซฟาตัวยาวของร้านกลับพบคนตัวเล็กที่นั่งหลับคอพับเป็นปลาทูไปเสียแล้วเมื่อเห็นเช่นนั้นร่างสูงจึงปลีกตัวออกมาครู่หนึ่งก่อนจะขึ้นไปหยิบผ้าห่มผืนที่ไม่ได้หนามากจนเกินไปหรือบางจนเกินไปเพื่อมาห่มให้ที่รักที่ยังคงนอนหลับอยู่
ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆ ประคองศีรษะน้องให้นอนลงบนหมอนอย่างเบามือพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มให้จนคลุมไปถึงช่วงคอแล้วจึงค่อยๆ โน้มตัวนั่งลงมองใบหน้าจิ้มลิ้มของน้องที่ยังคงหลับตาพริ้มอยู่
ริมฝีปากบางเป็นกระจับเล็กๆ ทั้งยังดูน่ารักและน่าสัมผัสในเวลาเดียวกัน ใบหน้าจิ้มลิ้มที่ติดจะดูดื้อรั้นไปในทีซึ่งเห็นแล้วไม่ว่าใครก็ต้องเอ็นดู
ทว่ามองได้ไม่ได้นานเจษจึงต้องลุกไปทำหน้าที่ของตนต่อโดยที่ไม่ได้สนใจแม็กที่นั่งอยู่บริเวณเคาน์เตอร์และเห็นภาพเหตุการณ์ทุกๆ อย่าง
เจษทำเหมือนกับว่าแม็กไม่มีตัวตนทั้งยังเอาแต่นั่งมองคุณที่รักนั่นอีก ตั้งแต่รู้จักกันมาแม็กเองก็เพิ่งจะเคยเห็นคนที่ชอบทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ วนลูปราวกับคนไร้หัวใจอย่างเช่นเจษดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอยู่มากแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพักนี้เจษดูอารมณ์ดีขึ้นจริงๆ
ที่รักไม่รู้ว่าตนเองเผลอหลับไปตอนไหนแต่รู้ตัวอีกทีก็พบว่ามีความนุ่มฟูบางอย่างมาป้วนเปี้ยนอยู่ที่บริเวณช่วงขา เปลือกตาสีมุกค่อยๆ เปิดขึ้นพลางกะพริบปริบๆ ที่กำลังงัวเงียอยู่ ความเคลื่อนไหวเล็กน้อยขยับไปมาที่ปลายเท้าพลันทำให้ที่รักรู้สึกจั๊กจี้
"เหมี๊ยว ~ " เสียงร้องทักทายของแมวส้มตัวอ้วนส่งเสียงพร้อมกับเดินวนอยู่บริเวณช่วงปลายเท้าของที่รัก
คนตัวเล็กตั้งสติและรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าตนกำลังห่มผ้าอยู่แต่ไม่รู้ว่าผ้าห่มผืนนี้มาอยู่บนตัวของที่รักได้อย่างไรซ้ำแล้วเจ้าแมวตัวอ้วนสีส้มกลับเดินเข้ามาหาเขา
"พี่เจ๋ง..." เสียงหวานเอ่ยเรียกแมวส้มที่อยากเจอมากที่สุดในวันนี้ด้วยความตื่นเต้น
เจ๋งคลอเคลียที่รักด้วยการขยับร่างอ้วนๆ พร้อมกับขนนุ่มสีส้มอย่างออดอ้อนพลางล้มตัวลงนอนซุกลงบนตักของที่รักในทันที
"ว่ายังไง...ไม่ได้เจอกันนานเลย"
"..."
"คิดถึงเราใช่มั้ยเนี่ย" ที่รักหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเกาพุงอ้วนๆ ของเจ๋งด้วยความมันเขี้ยว เจ๋งส่งเสียงร้องตอบรับด้วยความชอบใจพร้อมกับกระดิกหางไปมาอย่างมีความสุข
"ขอโทษน้าที่วันนี้ไม่ได้ซื้อขนมมาฝากเลย" ที่รักเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกเสียดายกับเจ๋งแต่ก็ไม่วายที่จะลูบขนและเกาพุงให้เจ๋งอยู่เช่นนั้น
แม็กลอบกลืนน้ำลายลงในลำคออย่างเหลือเชื่อที่เห็นที่รักเล่นกับเจ๋งได้อย่างไม่ถูกเมินซ้ำแล้วสิ่งที่ชวนให้แม็กประหลาดใจคือเจ๋งอ้อนที่รักอยู่ไม่ห่าง
ก็จะไม่ให้ประหลาดใจได้อย่างไรเล่าในเมื่อเจ๋งเป็นแมวที่ไม่เคยอ้อนใครนอกเสียจากเจษและสิ่งที่เห็นกับตาของแม็กนั้นก็คงเป็นความจริงสินะ หรือมันจะเป็นอย่างที่ตนเคยคาดเดาไว้กับพี่ต๊ะที่ว่า
เจ๋งไม่เคยอ้อนใครนอกจากพ่อแต่ถ้าเป็นแฟนพ่อก็ไม่แน่...
แม็กจ้องมองที่รักที่กำลังลุกขึ้นพร้อมกับอุ้มเจ๋งเดินไปมาแถวนั้นและที่น่าหมั่นไส้ก็เห็นจะเป็นเจ๋งที่คลอเคลียออดอ้อนที่รักอยู่ในอ้อมแขน
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เห็นคนน่ารักหน่อยไม่ได้เลยนะพี่เจ๋ง
ที่รักอุ้มเจ๋งไปมารอบๆ บริเวณร้านจนกระทั่งเหลือบไปเห็นคนตัวสูงที่กำลังเดินมาจากห้องสัก หากเดาอีกฝ่ายก็คงสักให้ลูกค้าเสร็จแล้วสินะ
ทั้งคู่สบตากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เจษจะเดินเข้ามาหาที่รักที่ยังคงอุ้มลูกชายตัวแสบของเขาไว้ในอ้อมแขน เจษเห็นว่าเจ๋งออดอ้อนที่รักมากกว่าเขาเสียอีก
"นั่นไง...เจ้าของมาแล้ว" ที่รักก้มลงพัดพุงเจ๋งด้วยความรวดเร็วก่อนจะลูบขนสีส้มนุ่มฟูของเจ๋งด้วยความเอ็นดู
"หนีเที่ยวอีกแล้วนะเรา"
เจษหยุดอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กก่อนจะค่อยๆ โน้มตัวลงพูดคุยกับเจ๋งอย่างที่ชอบทำหากแต่ความใกล้ชิดของทั้งคู่นั้นกลับใกล้กันเสียจนทั้งคู่รับรู้ได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจของกันและกัน ที่รักพยายามขยับตัวถอยห่างเล็กน้อยพร้อมกับซ่อนอาการเคอะเขินของตนไว้เมื่อครู่ที่อีกฝ่ายเข้าใกล้กันจนเกินไป
จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตามแต่ใกล้กันขนาดนั้นมันก็ชวนให้ใจดวงน้อยของที่รักเต้นไม่เป็นจังหวะได้เช่นกัน
"เหมี๊ยว ~ " เจ๋งส่งเสียงร้องประท้วงราวกับกำลังเถียงเจ้าของของตนอยู่ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับหัวเราะออกมาในทันที
"อะไรหืม...เถียงเหรอเดี๋ยวนี้"
"คุณจะอุ้มพี่เจ๋งมั้ย?" ที่รักเอ่ยถามหลังจากที่เห็นพ่อลูกแมวส้มเถียงกันอยู่
ที่เรียกเช่นนั้นก็เพราะว่าที่รักสังเกตเห็นว่าเจษและเจ๋งดูคล้ายกันอย่างเหลือเชื่อ ชายหนุ่มร่างสูงที่เหมือนกับแมวส้มตัวอ้วนอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
"คุณอุ้มเถอะ" เจษตอบก่อนจะก้มลงไปฟัดพุงเจ๋งบ้าง
"นึกว่าวันนี้จะไม่ได้เจอพี่เจ๋งซะแล้ว" ที่รักพูด
"ไม่อยากเจอเจ้าของพี่เจ๋งบ้างเหรอ?" เจษพูดพลางสบตาน้อง ทำเอาที่รักที่เผลอสบตาเข้ากับดวงตาคมอันทรงเสน่ห์คู่นั้นถึงกับรีบหลบสายตาในทันที
"กะ...ก็เจอแล้วนี่ไง" ที่รักก้มหน้าลงมองพื้นพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"..."
"คุณจะถามอีกทำไมเล่าเมื่อคืนก็ถามไปแล้ว" ที่รักยู่หน้า เจษเห็นท่าทีของน้องเช่นนั้นจึงหัวเราะหึในลำคอเบาๆ
"เหรอ จำไม่เห็นได้เลย"
และความจริงแล้วเจษอยากจะแกล้งที่รักดูบ้างว่าอีกฝ่ายจะมีท่าทางตอบโต้เช่นไร คนตัวเล็กยู่หน้าพลางกลบเกลื่อนความเคอะเขินของตน
"..."
"แล้วตกลงอยากเจอเจ้าของพี่เจ๋งบ้างหรือเปล่า?"
เจษยังคงจี้ถามที่รักไม่หยุดจนทำให้ใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นเริ่มขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาในทันที ทั้งๆ ที่ไม่ได้สนิทกันมากมายขนาดนั้นซ้ำแล้วที่รักก็ไม่รู้ด้วยว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้กับตนเพราะต้องการอะไรหรือเปล่า
เป็นความหวังดีหรือแค่หวังผลตอบแทนกันนะ เซ้นส์มันบอกว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าหา...
"ทำไมเราถึงต้องตอบคำถามนี้ด้วย?"
"ผมแค่อยากรู้"
"คุณเจษ..." ที่รักเม้มปากก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"..."
"อันที่จริงเราก็ไม่ได้สนิทกับคุณมากพอที่จะตอบได้ว่าอยากเจอหรือไม่อยากเจอ แต่..."
และนั่นก็คือความจริงที่ที่รักไม่สามารถตอบอีกฝ่ายได้ว่าตนอยากเจออีกฝ่ายหรือเปล่าและมากน้อยแค่ไหนเพราะทั้งคู่ก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเสียขนาดนั้น และคำถามของเจษก็ยังคงแปลกสำหรับที่รักอยู่ดี
ก็ไม่ได้รู้จักและสนิทกันขนาดนั้น...
ทว่าคนตัวเล็กยังไม่ทันได้พูดจบกลับถูกอีกคนพูดขึ้นก่อนเสียอย่างนั้น
"...แต่ถ้าหากว่าเราสนิทกันแล้วและผมอยากเจอคุณบ้าง คุณจะโอเคมั้ย?"
ที่รักชะงักไปกับประโยคเมื่อครู่ของอีกฝ่าย รู้สึกเหมือนโดนหมัดหนักๆ ฮุกที่ใต้เข็มขัดอีกแล้วและไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทำไมคุณช่างสักคนนี้ถึงอยากสนิทสนมกับที่รักกันนะ
แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงต้องอยากเจอที่รักด้วยเล่า...
TBC
#ที่รักของเจษ
Comments (0)