2 ตอน ที่รักครั้งที่ 1
โดย chokobo
ที่รักครั้งที่ 1
แสงแดดในตอนเช้าสาดสองมากระทบใบหน้าจิ้มลิ้มของที่รักที่ยังคงตื่นไม่เต็มตาหากทว่าว่าวันนี้ต้องตื่นแต่เช้ากว่าปกติเพราะต้องมาช่วยพี่สาวเปิดร้านและร้านที่ว่านี้ก็เป็นร้านดอกไม้เล็กๆ ของอ้อมใจพี่สาวคนเดียวของที่รักเปิดร้านได้มาเป็นเวลาปีกว่าๆ
ดวงตากลมโตในตอนนี้แทบจะปิดอยู่รอมร่อทั้งเส้นผมก็ดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเอาเสียเลย ที่รักยืนฉีดละอองน้ำจากขวดสเปรย์เพื่อพรมเจ้าดอกไม้ทั้งหลายของพี่สาวด้วยความง่วง
"ทำไมวันนี้ต้องตื่นเช้ากว่าปกติด้วยเนี่ย" ปากเล็กๆ บ่นอุบอิบพลางหาวคำโตแต่ก็ไม่วายที่จะฉีดละอองน้ำต่อ
"เอาน่าไอ้ดื้อ วันนี้มีลูกค้านัดรับดอกไม้แต่เช้า" เสียงอ่อนหวานจากหญิงสาวเอ่ย
อ้อมใจคือพี่สาวคนเดียวของที่รัก ทั้งคู่สองคนพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเพียงสองคนเนื่องจากพ่อและแม่อาศัยอยู่ที่บ้านเกิดในต่างจังหวัดเพราะทั้งอ้อมใจและที่รักต่างสอบติดมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงจึงย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่จนเมื่ออ้อมใจเรียนจบแล้วอ้อมใจจึงตัดสินใจหางานทำต่อได้สามสี่ปีจึงตัดสินใจลาออกและหันมาเปิดร้านดอกไม้เป็นของตนเอง
ทั้งคู่มีนิสัยแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อ้อมใจคือผู้หญิงเรียบร้อยและอ่อนหวาน ส่วนที่รักนะเหรอ...ที่บ้านต่างก็เรียกเจ้าตัวว่าไอ้ดื้อก็เพราะว่าตั้งแต่เล็กจนโตเป็นตัวแสบของบ้านไม่ใช่น้อยแต่ทั้งนี้ก็ยังเป็นคนน่ารักและเป็นที่รักของทุกๆ คนเหมือนกับชื่อของเจ้าตัว
"แล้วอาทิตย์ที่แล้วไปไหนกับบอมทำไมถึงกลับดึก?" พี่สาวถามพลางจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงสด
"ไอ้บอมลากที่รักให้พามันไปสัก"
"หืม แล้วเราไม่ได้สักด้วยเหรอ?"
ที่รักส่ายหน้าไปมาซึ่งความจริงแล้วที่รักกลัวเข็มเอาเสียมากๆ แต่ถ้าหากจะสักก็ไม่มีปัญหาอะไรกับงานเพราะเจ้าตัวทำฟรีแลนซ์มีรับงานบ้างเป็นบางครั้งแต่ก็พยายามไม่รับมากจนเกินไป บ่อยครั้งที่พี่สาวมักจะขอให้เลิกรับงานและมาช่วยดูแลร้านแต่แค่การจำชื่อดอกไม้ก็ไม่ใช่ทางของที่รักเลยแม้แต่น้องจึงทำได้เพียงแค่ช่วยดูแลโปรโมตร้านทางโซเชียลก็เท่านั้น
"ดูหน้าร้านด้วยนะพี่ไปเอาของข้างในก่อน" อ้อมใจบอกก่อนที่คนตัวเล็กจะพยักหน้ารับ
ไม่นานนักเสียงเครื่องยนต์จากมอเตอร์ไบก์คันใหญ่ดังสนั่นจอดเทียบอยู่หน้าร้าน คนตัวเล็กที่ได้ยินเสียงดังเช่นนั้นถึงกับยู่หน้านึกหงุดหงิดในใจขณะที่ย้ายร่างบางของตนไปพรมน้ำดอกไม้บริเวณข้างๆ เคาน์เตอร์ของร้านพลันมีเสียงประตูร้านเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่อยู่ในชุดสีดำทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าไม่ว่าจะเป็นกางเกงยีนสีดำที่เข้ากับขายาวสมส่วนทั้งยังแจ็คเก็ตหนังสีดำอีกด้วย
ที่รักสบตาของผู้มาใหม่ทว่าภายในใจกลับนึกคิดว่าเหมือนเคยเห็นดวงตาคมคู่นั้นที่ไหนมาก่อนแต่ก็ยังคงจำไม่ได้อยู่ดี อาจจะตาฝ้าฟางไปละมั้ง
"สวัสดีครับ" เสียงทุ้มเอ่ยทักทาย
"มาหาใครครับ?" เสียงเล็กๆ ระคนง่วงนอนเอ่ยถามเจษที่ยืนอยู่ภายในร้านเมื่อครู่ ร่างสูงมองคนตัวเล็กที่ทรงผมยุ่งเหยิงที่ยังอยู่ในชุดนอนสวมเพียงเสื้อยืดตัวโคร่งสกรีนลายการ์ตูนญี่ปุ่นและกางเกงขาสั้น
"ผมมารับดอกไม้ที่สั่งไว้ครับ" ใบหน้าจิ้มลิ้มหยักหน้าเชิงรับรู้ว่าเจษคือลูกค้าแต่ทว่าก็ไม่ได้มีท่าทีใส่ใจอะไรมากนักอาจจะเพราะคนตัวเล็กยังง่วงอยู่หรือเปล่า
วินาทีที่สบตากับคนตัวเล็กหัวยุ่งเจษจึงฉุกคิดขึ้นได้ว่าคนคนนี้คือคนที่เจอที่ร้านของตนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว...คนที่รุ่นน้องพูดว่า
'น่ารักว่ะพี่แต่เสียดายที่มีแฟนแล้ว ตัวเล็กๆ ตาโตๆ สเปคพี่เลย'
ใช่...และคนตัวเล็กหัวยุ่งหน้าดื้อคนนี้คือคนคนเดียวกัน
"พี่อ้อมใจลูกค้ามาแล้ว" ที่รักบอกพี่สาวในตอนที่เดินเข้ามาบริเวณในร้าน
เจษยืนรอได้ไม่นานสักพักจึงปรากฏร่างบางของหญิงสาวเจ้าของร้านพร้อมกับใบหน้าสวยที่ยิ้มแย้มทักทายลูกค้าอย่างเช่นเจษ
"สวัสดีค่ะขอโทษที่ให้รอนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
"คุณเจษใช่มั้ยคะ?"
"ครับ มารับดอกกุหลาบ"
ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเจ้าของร้านดอกไม้จัดแจงช่อดอกกุหลาบขนาดพอดีส่งให้ลูกค้าตัวสูง กลิ่นหอมของดอกไม้จากร้านนี้แทบจะทำให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความสดชื่นและมีชีวิตชีวาที่ต่างจากเขา...สิ่งเหล่านั้นที่ว่ามาแทบจะไม่มีอยู่เลย
หากจะถามถึงสีสันและความสดใสเขาเองก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าสิ่งเหล่านั้นมันเลือนหายไปจากชีวิตของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เจษมักจะทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตประจำวันซ้ำๆ เช่นการตื่นนอนมาเปิดร้าน ทำงานจนถึงดึกมีบ้างที่ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนแต่ก็ไม่ได้บ่อยนักและการเข้ายิมก็แค่นั้น
การใช้ชีวิตวนลูปเดิมๆ ซ้ำๆ ราวกับคนไร้จิตใจและชีวิตชีวา แน่นอนว่าคนไร้จิตใจเช่นเขารักใครไม่เป็นนอกเสียจากผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักมากที่สุดส่วนใครหน้าไหนก็มีเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางกายก็เท่านั้น ชายหนุ่มไม่เคยคิดที่จะให้ใครเข้ามาหยั่งรู้ลึกถึงใจของเขาเลยแม้แต่น้อย
...มีแค่คนที่เขารักคนเดียวก็เพียงพอแล้ว
วันนี้ทั้งวันชายหนุ่มออกไปทำธุระส่วนตัวของเขาดั่งเช่นทุกสัปดาห์พร้อมกับช่อดอกกุหลาบอยู่เสมอและแวะเข้ายิมเพื่อไปออกกำลังกายคือการชกมวย เจษกลับมาถึงร้านในช่วงค่ำของวันโดยมีแม็กและช่างสักประจำอีกสองคนอยู่ที่ร้าน
"พี่เจษค้าบ มีลูกค้าโทรมาจองคิวสักกับพี่" แม็กที่เห็นเจ้าของร้านกลับมาจึงรีบแจ้งหน้าที่
"เมื่อไหร่?"
"พี่ว่างอีกทีเดือนหน้าเลยครับ"
"อืม" เจษตอบเพียงสั้นๆ แล้วเดินเข้าไปยังร้านเพื่อวางหมวกนิรภัยของตนและหาน้ำเย็นๆ ดื่มแก้กระหายพลางเดินกลับมายังเคาน์เตอร์เพื่อดูตารางงานของตนในวันพรุ่งนี้
"งั้นก็คอนเฟิร์มเลยว่าเดือนหน้าว่าง"
"ครับ"
"..."
"ลูกค้าคนนี้มาเมื่อวีคที่แล้วนะพี่เจษ"
"เหรอ คนไหนแต่กูจำไม่ได้หรอกลูกค้าเยอะใครจะไปจำไหว" เรียวคิ้วเข้มขมวดเป็นปมเพราะสงสัยว่าลูกค้าคนไหนที่จะมาอีก
"คุณบอมที่มาตอนสองทุ่มวันนั้นไงพี่"
"..."
"ที่แฟนเขาตัวเล็กๆ น่ารักๆ อ่ะ"
"จำไม่ได้" คนตัวสูงพูดจบแล้วจึงรีบเดินกลับขึ้นไปยังชั้นสอง
ที่บอกว่าจำไม่ได้ก็คงไม่ใช่ความจริงเพราะเขาเพิ่งจะพบกับคนที่ว่ามาเมื่อเช้านี้ ซ้ำแล้วชายหนุ่มยังจำใบหน้าดื้อๆ ที่แสนจะจิ้มลิ้มของคนตัวเล็กคนนั้นได้ดี ดวงตากลมโตที่จ้องมองเขาอย่างไม่วางตา
ก็ไม่รู้ว่าทำไมใครคนนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เจษรับรู้ว่าอีกฝ่ายมีคนรักแล้วก็ไม่ได้คิดจะอยากยุ่งเกี่ยวหรือทำความรู้จักอะไรมากนักเพราะทั้งคู่ก็ยังไม่เคยคุยกันเลยสักครั้ง มีก็แต่เมื่อเช้าที่ร้านดอกไม้ของคุณอ้อมใจแต่จะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า...
ร่างสูงสลัดความคิดแล้วเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็พบกับบางสิ่งบางอย่างที่คลอเคลียอยู่บริเวณขาของชายหนุ่ม ดวงตาคมก้มลงมองเจ้าขนนุ่มเป็นก้อนมีลายสีส้มที่กำลังออดอ้อนเขาอยู่
"เหมี๊ยว ~" ก้อนสีส้มร้องทักทาย
"วันนี้ไม่หนีไปเที่ยวกับสาวแล้วเหรอ?"
เจษถอดแจ็คเก็ตหนังสีดำของตนออกก่อนจะโน้มตัวลงไปอุ้มเจ้าก้อนสีส้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน มันคลอเคลียและร้องเรียกเจ้าของอย่างเอาใจและเจ้าก้อนสีส้มที่ว่าก็คือเจ้าเจ๋งแมวส้มที่เขาเก็บมาเลี้ยงนั่นเอง
เจ๋งคือแมวส้มตัวอวบอ้วนเพศผู้ที่เจษพบเมื่อมันยังเด็กอยู่ข้างๆ สตูดิโอของเขา มันถูกทอดทิ้งไว้เพียงลำพังตั้งแต่ยังไม่ทันได้หย่านมเสียเลยด้วยซ้ำ ชายหนุ่มที่เห็นเช่นนั้นจึงตัดสินใจเลี้ยงเจ้าแมวส้มตัวนี้จนตัวอ้วนฟูแต่โดยปกติแล้วเจ้าเจ๋งจะเป็นแมวที่ค่อนข้างรักสันโดษไม่ยุ่งกับคนแปลกหน้าหรือแม้กระทั่งคนที่ร้าน อย่างที่แม็กและต๊ะชอบแซวว่าไม่อะไรกับใครนอกจากพ่อมันและใช่อย่างที่ว่าเจ๋งคลอเคลียและออดอ้อนแค่เขาเพียงคนเดียว
"อาทิตย์ที่แล้วกลับดึกนะเรา" เจษลูบขนสีส้มด้วยความเอ็นดู ก้อนสีส้มซุกตัวอ้วนๆ ในอ้อมแขนแกร่งที่ท่อนแขนด้านซ้ายมีรอยสักรูปงูพันเกี่ยวอยู่รอบแขนของชายหนุ่ม
"เหมี๊ยว ~"
เป็นอีกสัปดาห์แห่งความวุ่นวายที่วนกลับมาอีกหนที่รักตื่นขึ้นมาในช่วงสายตามปกติ กลิ่นหอมของดอกไม้ภายในบริเวณร้านส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนให้รู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย ที่รักเดินทอดน่องไปหาพี่สาวที่เพิ่งจะวางสายจากใครบางคนเมื่อครู่
"ที่รักช่วยไปส่งดอกไม้แทนพีชให้พี่หน่อยได้มั้ย?" เสียงหวานพูดพลางหันหน้ามาสบตาที่รักเมื่อเดินมาอยู่ข้างกายเมื่อครู่
"พีชไปไหน?" ที่รักถามถึงเด็กส่งดอกไม้ของร้าน
"พีชท้องเสียอ่ะเพิ่งโทรมาบอกเมื่อกี้นี้เอง" คนตัวเล็กเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเงียบไปครู่หนึ่ง
"หรือจะให้พี่ไปส่งแล้วเราเฝ้าร้าน?"
"ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวที่รักไปเองก็ได้พี่อ้อมใจอยู่ร้านเถอะ" ที่รักตอบตามตรงเพราะถ้าจะให้อยู่เฝ้าร้านก็คงจะดีสักเท่าไหร่แค่จำชื่อกับความหมายของดอกไม้ก็ยุ่งยากแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นไปส่งตามที่อยู่นี้เลยนะ"
"ได้ค่ะ" ที่รักตอบตกลงพลันยิ้มจนตาหยี อ้อมใจที่เห็นน้องชายตัวแสบของตนว่านอนสอนง่ายเช่นนั้นจึงเอื้อมมือไปขยี้ผมด้วยความเอ็นดู
ที่รักขับรถยนต์มาจนถึงบริเวณย่านแห่งหนึ่งตามที่GPSบอก หน้าจอมือถือสมาร์ตโฟนปรากฏข้อความของพี่สาวว่าให้มาส่งดอกไม้แก่ลูกค้า จะว่าไปแล้วแถวนี้ก็เป็นแถวๆ สตูดิโอสักที่บอมลากมาวันนั้นนี่นา ร่างบางลงจากรถแล้วเดินไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องส่งดอกไม้และไม่ถึงนาที หน้าจอแสดงสัญลักษณ์ว่าถึงที่หมายแล้ว ที่รักเงยหน้าขึ้นมองด้วยความงุนงงเมื่อGPSบอกทางว่าสตูดิโอสักที่มาเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
เห...ใช่ที่นี่เหรอ?
มือบางรีบยกสมาร์ตโฟนขึ้นมากดเข้าไปหาแอปพลิเคชันสีเขียวถามพี่สาวเพื่อความแน่ใจ
AJ
พี่อ้อมใจตกลงลูกค้าให้ส่งที่ไหน?
ตามที่อยู่ที่พี่ส่งให้เลย
ที่รักถึงยัง
ถึงแล้วแต่ไม่แน่ใจว่าถูกมั้ย
ที่รักยืนอยู่พร้อมกับช่อดอกไม้ในมือ บริเวณหน้าสตูดิโอสักยังคนปิดสนิทไม่เห็นแม้แต่ข้างในของตัวร้านเพราะบานกระจกใสถูกปิดด้วยม่านสีทึบ
AJ
เหมือนจะยังไม่เปิดเลย
sent a contact
คอนแทกต์ลูกค้านะ
พี่ต้องจัดดอกไม้ต่อแล้วเดี๋ยวไม่ทัน
สิ้นสุดข้อความที่พี่สาวส่งมาที่รักนิ่วหน้าอย่างนึกเซ็ง สุดท้ายแล้วก็ต้องติดต่อลูกค้าคนที่ว่าไปเองสินะและก็ไม่รู้ว่าจีพีเอสนี่บอกทางถูกหรือเปล่าเพราะในความคิดของที่รักเองคิดว่าร้านสักคงจะไม่เหมาะกับดอกไม้เท่าไหร่ ดูจากช่างสักที่เห็นแต่ละคนแล้วก็น่าจะไม่มีความสนใจดอกไม้เสียเท่าไหร่
แต่เพราะความจำเป็นเลยต้องติดต่อลูกค้าเพื่อความแน่ใจเพราะไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว ที่รักกดคอนแทกต์ที่พี่สาวให้มาแล้วทักไปหาลูกค้าทันที
babe : สวัสดีครับ มาส่งดอกไม้จากร้านคุณอ้อมใจไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการให้ส่งที่ไหนครับ?
คนตัวเล็กยืนรอได้อยู่บริเวณนั้นประมาณสิบห้านาทีเห็นจะได้และเพราะรู้สึกว่ารอนานเกินไปแล้วถึงตัดสินใจโทรหาพี่สาวจนในที่สุดก็ได้เบอร์โทรของลูกค้าที่ว่านั่นมา
ที่รักต่อสายหาเบอร์ลูกค้าด้วยความหงุดหงิดในใจพลันนึกให้อีกฝ่ายรีบรับสายเสียทีก่อนที่จะหมดความอดทนแต่ทว่าไม่นานนักปลายสายตอบรับที่รักในที่สุด
"ครับ...?" น้ำเสียงแหบพร่าฟังดูงัวเงียจากปลายสายทำให้ที่รักมั่นใจว่าลูกค้ายังเพิ่งจะตื่นแน่ๆ
"ผมมาส่งดอกไม้จากร้านคุณอ้อมใจครับ ไม่ทราบว่าจะให้ไปส่งที่ไหนครับ?"
"ตอนนี้อยู่ไหนแล้วครับ?"
"หน้าสตูดิโอสักครับ ไม่ทราบว่า..." ทว่าที่รักยังไม่ทันได้พูดจบปลายสายกลับตัดบทสนทนาทันควัน
"ครับ เดี๋ยวผมลงไป"
ที่รักยืนอยู่ด้วยความงุนงงเล็กน้อยแต่ทว่าก็คงไม่ได้คิดว่าลูกค้าของพี่สาวจะทำงานอยู่ที่นี่และไม่นานนักประตูของสตูดิโอสักกลับถูกเปิดออกในทันทีพร้อมกับร่างสูงที่หน้าตางัวเงียจากการเพิ่งตื่นนอน ซ้ำแล้วภาพนี้ราวกับว่าที่รักเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ดวงตาคมที่ตื่นไม่เต็มตานั่นก็ด้วย...
"เข้ามาก่อนก็ได้ครับ" เสียงแหบพร่าเอ่ยก่อนจะผายมือเล็กน้อยให้ที่รักเดินเข้าไปในร้าน
ในคราวแรกก็ว่าจะปฏิเสธคนตัวสูงตรงหน้าแต่ในเมื่อเจ้าตัวจะดูไม่ได้สนใจอะไรแถมยังดูง่วงอยู่เลยที่รักจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านด้วยความงุนงง ภายในร้านเงียบสงบทั้งยังมืดอีกต่างหากพลันทำให้ในใจของที่รักรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาถ้าหากคนตรงหน้าหยิบเข็มขึ้นมาแทงเขาจะทำเช่นไร
"มาส่งดอกไม้ครับ"
"ครับ" ร่างสูงตอบกลับพลางเดินไปเปิดไฟให้พอมีแสงสว่าง
"..."
ความเงียบสงบปกคลุมภายในบริเวณร้านอีกรอบ ไม่มีใครพูดอะไรแต่อย่างใดมีเพียงร่างสูงที่เดินเอื่อยอยู่ในเสื้อกล้ามที่บริเวณข้างลำตัวแหวกยาวลึกจนทำให้เห็นสีข้างที่มีรอยสักวับๆ แวมๆ ผ่านตาของที่รักและสวมกางเกงวอร์มขายาว
แต่ทุกการกระทำของคนตรงหน้าดูเชื่องช้าและเอื่อยเสียจนที่รักรู้สึกหงุดหงิดระคนหวาดกลัว...กลัวว่าอีกฝ่ายจะเอาเข็มขึ้นมาแทงหรือทำร้ายที่รักอย่างที่เคยเห็นในข่าวก็เป็นได้
"อะ...เอ่อ"
"แป๊บ" เสียงทุ้มตอบกลับมาก่อนที่จะเดินหายลับไปยังบริเวณข้างในร้าน
ว้อททททท! สนิมกันหรือยังไงถึงมาพูดคำว่าแป๊บด้วยเนี่ยแถมยังทำให้ที่รักเสียเวลารอหน้าร้านอีก มันใช้ได้ที่ไหนกัน
ด้วยความที่อีกฝ่ายเอื่อยเฉื่อยเกินไปที่รักที่รู้สึกใจร้อนและหมดความอดทนจึงตั้งท่าที่จะผุดลุกขึ้นแล้วเรียกค่าดอกไม้จากคนตัวสูงหน้าง่วงคนนั้นทว่ากลับมีกลุ่มก้อนนุ่มบางอย่างเข้ามาคลอเคลียอยู่บริเวณขาของที่รัก
"เหมี๊ยว ~"
ที่รักก้มลงมองต้นเสียงก็พบว่ามีก้อนสีส้มคลอเคลียตนอยู่และด้วยความที่รักและเอ็นดูสัตว์เลี้ยงแต่ไม่มีโอกาสได้เลี้ยงเลยสักครั้งคนตัวเล็กที่เห็นแมวส้มตัวอ้วนกำลังออดอ้อนจึงโน้มตัวลงไปเกาคางให้มัน
"ไง..." ที่รักทักทายแมวส้มตัวอ้วนกลมโดยการเกาคาง
"เหมี๊ยว!"
"ชื่ออะไรอ่ะเรา หืม?"
"..."
"กินเยอะใช่มั้ยถึงได้อ้วนตุ้บแบบนี้" ที่รักเอ่ยถามเจ้าก้อนสีส้มที่คลอเคลียจากขาสักพักเปลี่ยนมาเป็นนอนหงายให้เกาพุง ที่รักที่เห็นเช่นนั้นจึงอดนึกเอ็นดูไม่ได้ต้องก้มลงไปเกาพุงให้แมวส้มตัวอ้วนด้วยความมันเขี้ยวจนลืมไปว่ายังไม่ได้รับค่าดอกไม้จากลูกค้าหน้าง่วงคนนั้นเลย
เจษเดินกลับมาบริเวณหน้าร้านอีกครั้งหลังจากที่หายไปล้างหน้าล้างตาก็พบกับภาพที่ไม่เคยได้พบเห็นเท่าไหร่นักจากเจ้าเจ๋งแมวอ้วน เจ๋งนอนออดอ้อนให้คนตัวเล็กเกาพุงให้อย่างสบายใจพลางหลับตาพริ้มดูมีความสุขและอีกฝ่ายกลับยิ้มหวานจนดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียขนาดนั้น
น่ารักว่ะ แต่เจ๋งนี่สิแปลก...ที่ปกติมันไม่อ้อนใครนอกจากเขา
ร่างสูงที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จมาพร้อมกับที่คาดผมธรรมดาๆ หนึ่งอันบนเรือนผมสีดำคลับและส่วนที่มีที่คาดผมไว้กลับทำให้ที่รักเห็นใบหน้าของคนตัวสูงได้อย่างชัดเจน เรียวคิ้วเข้มและสายตาคมนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มค่อนไปทางดำหากมองเผินๆ ยิ่งดูมีเสน่ห์ทว่าที่รักกลับสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าผ่านทางสายตาคมคู่นั้นจากคนตัวสูง ใบหน้าคมสันมีหยดน้ำเกาะอยู่พร่างพราวจากการเพิ่งล้างหน้ามาหมาดๆ
ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อสมส่วนเหมาะสมเดาไม่ยากเลยว่าคนคนนี้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นแน่ทั้งรอยสักบริเวณสีข้างที่เผยให้เห็นวับๆ แวมๆ ผ่านเสื้อกล้ามนั่นและมีอีกลายที่โผล่มาจนเกือบถึงต้นคอของชายหนุ่ม บริเวณท่อนแขนซ้ายมีรอยสักที่เห็นชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นรูปงูสีดำที่สักอย่างประณีตพันเกี่ยวรอบท่อนแขนแกร่งของเจ้าตัว
ที่รักเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงในลำคอเนื่องจากเรือนกายของชายหนุ่มผู้นี้ดูสมบูรณ์แบบเสียจนรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว
"ค่าดอกไม้ครับ" เสียงทุ้มเอ่ยจนทำให้ที่รักสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์ห้วงความหลงใหลในเรือนกายของชายผู้นี้
"อะ...เอ่อ ขอบคุณครับ" ที่รักตอบพลางรับค่าดอกไม้จากอีกฝ่าย
ร่างบางหยุดเกาพุงของเจ้าแมวส้มตัวอ้วนทันทีก่อนจะผุดลุกและเตรียมบอกลาเจ้าแมวและลูกค้าหน้าง่วงคนนั้น
"เจ๋งไปกินข้าว" เสียงทุ้มเอ่ยดังแว่วพลางเดินหันหลังกลับไป ที่รักยืนจ้องมองเจ้าของแผ่นหลังกว้างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ร่างสูงจะหันกลับมาสบตาที่รัก
"..."
"ขอบคุณครับ" ร่างสูงเอ่ยก่อนที่จะหายลับไปโดยมีแมวส้มตัวอ้วนตามไปหากจะให้เดาเจ้าก้อนส้มต้องชื่อเจ๋งแน่เลยเพราะทั้งร้านมีแค่เขาและคนหน้าง่วงคนนั้น ที่รักคร่อมหัวให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ก็แปลกดีที่ไม่เคยเห็นผู้ชายตัวโตมีรอยสักที่ดูน่าเกรงขามและดุดันเพราะดวงตาคมกับคิ้วเข้มที่ขมวดกันแทบจะตลอดเวลา ทุกอย่างรอบกายรวมถึงลักษณะท่าทางและบุคลิกก็ดูเหมือนมีแต่สีดำราวกับมีเพียงความมืดหม่นกลับเลี้ยงแมวจึงทำให้อีกฝ่ายดูอ่อนโยนเสียอย่างนั้น
เมื่อแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กเมื่อครู่หายลับไปเจษเดินกลับออกมายังบริเวณหน้าร้านอีกครั้งทั้งในอ้อมแขนแกร่งมีเจ๋งที่ขดเป็นก้อนพลางคลอเคลียอ้อมแขนของชายหนุ่ม
แต่จะบังเอิญไปหรือเปล่าที่ทั้งคู่พบกันเป็นครั้งที่สามแล้ว...ครั้งแรกที่นี่ที่ร้านของเขา ส่วนครั้งที่สองเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ร้านดอกไม้ของคุณอ้อมใจและครั้งนี้เป็นครั้งที่สามของคนตัวเล็กที่มาส่งดอกไม้ถึงที่
ความรู้สึกสงสัยในใจกลับตีรวนขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง เขาไม่เชื่อเรื่องบังเอิญหรืออะไรเทือกนี้เสียเท่าไหร่แต่ถ้าการพบกันโดยที่ไม่รู้จักกันถึงสามครั้งก็น่าแปลกอยู่ไม่น้อย เจษรู้สึกอีกครั้งถึงความนุ่มนิ่มขยับอยู่ในอ้อมแขนจึงก้มลงมองเจ๋งที่ขยับดิ้นไปมาพลางซุกท่อนแขนของเขา
"มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย หืม?" เจษก้มลงถามก้อนสีส้ม
"..."
"ปกติไม่เห็นอ้อนใคร"
"เห็นคนน่ารักหน่อยไม่ได้เลย"
สิ้นสุดบทสนทนาของชายตัวสูงกับแมวส้มตัวอ้วนเสียงร้องประท้วงจากเจ๋งดังแว่วพลันปรากฏใบหน้าของคนตัวเล็กขึ้นมาในทันใด ใบหน้าหวานที่ดูจิ้มลิ้มกับรอยยิ้มหวานเมื่อตอนที่เกาพุงให้เจ๋งด้วยความชอบใจทว่ารอยยิ้มของคนตัวเล็กคนนั้นกลับดูน่ารักสดใสราวกับมีแสงสว่างวาบในหัวใจที่ว่างเปล่าของชายหนุ่ม
และแมวมันคงโกหกไม่เป็นหรอกว่าใครน่ารักหรือไม่น่ารัก
เจษกลับมาที่ห้องนอนของตนอีกครั้งพลางหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาเช็กกลับพบว่ามีข้อความของใครบางคนจากแอปพลิเคชันสีเขียวปรากฏอยู่ เรียวนิ้วยาวกดเข้าไปก็พบข้อความก่อนหน้านี้
babe ♡
สวัสดีครับ มาส่งดอกไม้จากร้านคุณอ้อมใจไม่ทราบว่าลูกค้าต้องการให้ส่งที่ไหนครับ?
ดวงตาคมจ้องมองชื่อจากข้อความคงเดาไม่ยากว่าเป็นของใครหากแต่ชื่อที่ปรากฏกลับทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว
"ชื่อเบ๊บเหรอวะ?" เสียงทุ้มบ่นพึมพำกับตนเองเบาๆ
ถ้าหากอีกฝ่ายชื่อนี้จริงๆ ก็คงจะดูน่ารักไม่น้อยพลันทำเอาเจษถึงกลับต้องอมยิ้มจนเกิดรอยยิ้มมุมปากบนใบหน้าของตนเองเสียอย่างนั้น หากจะตอบกลับไปคงจะดูเหมือนยียวนกวนประสาทอีกฝ่ายหรือเปล่าทว่าความคิดหนึ่งกลับผุดขึ้นมาในใจและยังคงดังกึกก้องคอยย้ำเตือนชายหนุ่มอยู่เสมอ
น่ารักก็จริงแต่มีแฟนแล้วก็ไม่ควรยุ่งปะวะ...
TBC
Comments (0)