4 ตอน รนหาที่ตายก็เป็นหน้าที่ของตัวประกอบ?
โดย Laksh Mana
“แต่ต้องรับปากข้าก่อนเรื่องหนึ่ง หากข้าช่วยเจ้าไม่ทันก็ทิ้งผ้านี่ไว้แล้วออกนอกสนามไปซะ”
โจวเสวี่ยนย้ำเตือนเซียนซีหยาง ขณะที่พวกเขาลงทะเบียนเรียบร้อย จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีไม่มาก แข่งแค่สี่รอบก็รู้ผล เซียนซีหยางรับผ้าสีแดงสดเท่าผ้าเช็ดหน้ามาเก็บไว้ใต้ชุดตรงหน้าอก
แม้ว่าจะพยักหน้าหงึกๆ อย่างว่าง่าย แต่เอาเข้าจริงเมื่อถึงเวลานั้นก็คงต้องแล้วแต่สถานการณ์ “พี่โจวอย่ากังวลเลย ข้ารักตัวกลัวตายกว่าที่ท่านคิดไว้อีก”
โจวเสวี่ยนได้ยินแล้วก็ส่ายหน้า “เจ้ากล้าภูมิใจกับเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
พอเห็นเซียนซีหยางส่งยิ้มแห้งๆ ให้ก็อยากกุมขมับ
เมื่อวานเซียนซีหยางเป็นนักพนัน วันนี้กลับต้องมาลงสนามเป็นของพนัน แถมยังไม่อยู่ในเนื้อเรื่องที่เขารู้อีก เมืองอู๋ฉิงคึกคักมาตั้งแต่ไหนแต่ไร การประลองเล็กๆ น้อยๆ ข้างถนนก็มีกันให้เกลื่อนบ้านเต็มเมือง ต้องบอกว่านี่คือเมืองของพวกบ้าการต่อสู้ถึงจะถูก ทำไมเซียนซีหยางถึงได้โตมาเป็นคนแบบนี้ทั้งๆ ที่สภาพแวดล้อมน่าจะหล่อหลอมให้เขาเป็นคุณชายเจ้าสำราญไม่ก็เป็นอันธพาลไปเลยมากกว่า
“ซีหยาง?” โจวเสวี่ยนเห็นเขาเหม่อลอยก็ตบปุที่หลังไปหนึ่งที “เจ้าอย่าได้ทำเช่นนี้ในลานประลองเชียว ไม่เช่นนั้นกระบี่ของข้าจะเสียบทะลุร่างของเจ้าแทน” ยามจะลงสนามโจวเสวี่ยนก็ช่างดุดันเหลือเกิน เซียนซีหยางผงะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง
ไม่นานเกินรอ เสียงของผู้ประกาศก็เรียกคู่ที่หนึ่งขึ้นไป คุณชายสามให้ความสนใจเป็นพิเศษ เขาเพ่งมองหาชาวบ้านสามัญทั้งสองคนที่ยืนตัวลีบอยู่บนนั้น คนหนึ่งตื่นกลัวเหมือนโดนบังคับมา ส่วนอีกคนคอยจดจ้องคู่ต่อสู้ที่ปะทะกันอยู่ตรงกลาง เผื่อว่ามีลูกหลงมาทางเขาจะได้หลบทัน เซียนซีหยางดูไปก็คิดไป หากตนขึ้นไปยืนอยู่ตรงนั้น อันดับแรกแน่นอนว่าขาต้องสั่นจนแทบยืนไม่อยู่ อย่าเห็นว่าการประลองเรียกน้ำย่อยก่อนวันงานใหญ่จะเป็นออเดอร์ขำๆ ไม่มีกฎชาวยุทธ์ห้ามฆ่าชาวบ้านที่อยู่ในเวทีแห่งนั้น ผู้ใดที่สมัครใจโยนตัวเองลงไปในสระจระเข้แล้ว ก็จงรับผลที่ตามมาเอาเอง
เซียนซีหยางทราบเรื่องนี้ดี และยิ่งกว่านั้นคือเขากำลังจะรนหาที่ตายครั้งใหญ่
“ต่อไปเป็นตาพวกเราแล้ว เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ถอนตัว” โจวเสวี่ยนกระชับกระบี่ ถามเขาอีกครั้ง “ตอนนี้ยังทัน หากไม่เช่นนั้นเข้าไปถึงรอบสุดท้ายคิดจะถอยข้าก็ไม่ให้เจ้าทำแล้ว”
คุณชายสกุลเซียนตบขาตัวเองแรงๆ “ข้าไม่ถอยหรอกพี่โจว เว้นแต่ท่านจะดักปล้นชิงหยกเขียวนั่นมาให้ข้า” กล่าวจบไอสังหารของโจวเสวี่ยนก็พุ่งมาที่ตน เขาชะงักรีบร้องว่า “ข้าล้อเล่นๆ ! รู้แล้วว่าพี่เกลียดเรื่องปล้นขโมยของ ข้าไม่ให้พี่ทำหรอกน่า”
แต่ถ้ามันจำเป็นจริงๆ เขานี่แหละต้องทำเอง!
โจวเสวี่ยนไม่ใช่คนโง่ เมื่อครู่เซียนซีหยางกล่าวว่าไม่ให้เขาทำ ไม่ได้หมายความว่าตนเองจะไม่ลงมือ แม้จะข้องใจเหลือเกินว่าคุณชายผู้นี้จะเอาอะไรไปดักปล้นคนอื่น ทว่าเขาก็ยังพยายามจะเลือกวิธีที่ถูกต้องก่อน
“อย่าคิดไร้สาระ จวนเจียนจะขึ้นเขียงอยู่แล้ว” ต่อมาพวกเขาก็ถูกเรียกขึ้นไป เซียนซีหยางซ่อนผ้าให้มั่น เดินตามแผ่นหลังของโจวเสวี่ยนไปติดๆ
คู่ต่อสู้คนแรกเป็นผู้ใช้ขวาน รูปร่างใหญ่พละกำลังมาก โจวเสวี่ยนจะใช้วิธีใดเอาชนะนั้นเขายังไม่แน่ใจ แต่กระบวนท่าของพี่ชายท่านนี้ส่วนใหญ่เน้นความพลิ้วไหวดุจสายลม แต่เป็นลมกระโชกที่อีกไม่นานจะก่อเฮอร์ริเคน
หลังจากมายืนขาสั่นให้คนซุบซิบแล้ว โจวเสวี่ยนยังให้เขายืนใกล้ขอบสนาม ส่วนตัวเองเดินไปประจันหน้าคู่ต่อสู้ วิธีการเรียบง่ายอย่าง ล้มชาวยุทธ์ก่อนและค่อยปล้นชาวบ้าน มักจะถูกนำมาใช้บ่อยๆ ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน เมื่อพวกเขาเริ่มเข้าปะทะ เซียนซีหยางและชาวบ้านผู้หนึ่งก็ไม่เข้าไปยุ่ง หากฝ่ายตนแพ้ ก็มีแต่ส่งผ้าให้เท่านั้น
แต่ถ้าหากโจวเสวี่ยนแพ้...เป็นไปไม่ได้มั้ง
พี่ชายโจวยังต้องไฟท์กับหลัวซาที่มีทั้งทักษะด้านความคิดและกายภาพแข็งแกร่งกว่า เขาจะแพ้ในการประลองเล็กๆ แบบนี้ได้ยังไง คิดมากน่า...
เซียนซีหยางขบคิดไม่ทันเสร็จ โจวเสวี่ยนก็คว้าชัยชนะไปแล้วหนึ่ง เขาเดินมาหาคนที่จมอยู่ในความคิด ทั่วทั้งร่างปราศจากรอยใดๆ ทว่าพอเห็นคุณชายสามที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่ต้องกังวลกำลังหลุดลอยไปภพไหนไม่รู้ กระบี่พยัคฆ์ขาวก็พาดที่ลำคอของเขา
เซียนซีหยางเหมือนจะยังไม่รู้ตัว เขาเพียงเห็นเท้าของคนผู้หนึ่งจึงเงยหน้าขึ้นมอง “พี่โจว? สู้เสร็จแล้ว?”
ถามเช่นนั้นหมายความอย่างไร! เหมือนจะถามข้าว่า กินข้าว/ดื่มน้ำ/เดินเล่น เสร็จแล้วอย่างนั้นใช่หรือไม่ “ข้าเตือนเจ้าว่าอย่างไรยังจำได้ไหม” น้ำเสียงลอดไรฟันอย่างอดทนทำเอาคุณชายสามแทบคุกเข่าสำนึกผิด
“ขะ ข้าขอโทษ! ” เมื่อครู่คิดเยอะไปหน่อยไม่ทันมอง พอได้สติครบถ้วนก็พบว่ากระบี่ของโจวเสวี่ยนกดใกล้คอหอยของเขา อ๊ากกก....ขอโทษขอรับ!!
โจวเสวี่ยนเห็นเขาหน้าตาตื่นก็เก็บกระบี่เข้าฝัก “หากเป็นเช่นนี้อีกรอบหน้าเจ้าสละสิทธิ์ไปเสีย”
เซียนซีหยางโดนดุ จนเอาแต่ก้มหน้า “ข้าน้อยสำนึกผิดแล้วขอรับ...”
จบคู่ของพวกเขาก็เป็นการตัดสินผลแพ้ชนะอีกสี่คู่ที่เหลือ เซียนซีหยางไม่ได้เข้าไปพักแต่จับตาดูอย่างตั้งใจ พบว่ามีเพียงสองคู่ที่แตกต่างจากคู่อื่น ดูท่าชาวบ้านจะไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแต่เป็นเพื่อนสนิทมิตรสหายที่รู้ใจกัน คนหนึ่งเข้าปะทะ อีกคนก็วิ่งวุ่นเข้าหาผ้าของคู่ต่อสู้ ยื้อแย่งจนสำเร็จก่อนฝั่งที่ปะทะกันก็มี
“พี่โจว หากเจอคู่เช่นนั้น...”
“ไม่ต้องทำอะไร” โจวเสวี่ยนตัดบทชวนฉงน “เจ้าไม่ต้องวิ่งวุ่นไปตามพวกเขา แค่อยู่นิ่งๆ ก็พอ ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง” จัดการอย่างไร เซียนซีหยางไม่ได้ถาม ทว่าพอเขากล่าวจบก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้จึงบุ่ยปากไปยังคนผู้หนึ่งให้เขาดู “หากจะกังวล ดูแค่ผู้นั้นก็พอ”
ผู้นั้นคือ บุรุษที่รูปร่างไม่ต่างจากโจวเสวี่ยนมากนัก ออกจะเตี้ยกว่าประมาณหนึ่งชุ่น ท่วงท่าดูเหมือนคุณชายเจ้าสำราญ ส่วนคู่ของเขารูปร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านดุจผาหิน ทว่ามือของเขาพันผ้าสีน้ำเงินเอาไว้
เซียนซีหยางมองพวกเขาทั้งคู่เดินขึ้นลานประลองทั้งตาปริบๆ แต่เวลาต่อมาดวงตาของเขาก็เบิกโพลงขึ้นจนลูกนัยน์ตาเหลือนิดเดียว
คุณชายเจ้าสำราญท่านนั้นมือซ้ายถือกระบี่ มือขวาถือพัด ใช้ทั้งคู่อย่างคล่องแคล่วว่องไวปานสายฟ้า ทว่าไม่ยอมลงกระบี่เอาชนะในครั้งเดียว เขาทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บก่อนจะหันมาเล่นงานผู้ที่ถือผ้า อีกฝ่ายเมื่อเห็นดังนั้นจึงคิดจะเล่นงานคู่ของคุณชายกลับบ้าง แต่คาดไม่ถึงว่าจะโดนชายร่างใหญ่ดุดันรับกระบี่ไว้ด้วยมือเดียวตรึงเขาไว้กลางอากาศ ส่วนคุณชายก็ร่ายรำกระบี่เข้าแทงผู้ถือผ้า
เมื่อไม่เห็นทางชนะ อีกฝ่ายถึงยอมทิ้งผ้าไว้แล้วกลิ้งลงสนามได้ทัน แต่กระนั้นก็ยังทิ้งเส้นผมขาดแหว่งไว้หลายสิบเส้น
เซียนซีหยางอ้าปากค้าง คะ คนเช่นนั้น...ถ้าเกิดเจอกันจะทำอย่างไรดี
โจวเสวี่ยนกล่าวว่า “พวกเขาเป็นประเภทเข้ามาหาความสนุกมากกว่าเงินรางวัล คนเช่นนั้นรับมือยากยิ่งกว่า เจ้าก็เห็นแล้ว หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ก็ไม่ต้องคิดอะไร ทิ้งผ้าไว้แล้วโดดออกจากลานประลองไปซะ”
“พี่โจวคิดว่าตัวเองจะเสียท่าหรือไม่” พอพูดออกไปแบบนี้ โจวเสวี่ยนรู้สึกคันยุบยิบในใจ หากคู่ต่อสู้เก่งกว่าเขาย่อมยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ทว่าคนตรงนั้นฝีมือแม้นับว่าร้ายกาจแต่ก็ยังไม่ถึงกับทำให้เขาต้องระส่ำระสาย แต่ไอ้คนตรงนี้กลับกังขาในตัวเขาไปเสียแล้ว พลันรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ
ใครกันที่ยกความมั่นใจมาจากชั้นฟ้า พนันว่าเขาจะชนะไปถึงรอบสุดท้ายในเจี้ยงฉางน่ะ!
เห็นแววตาไม่สบอารมณ์ของโจวเสวี่ยนเซียนซีหยางก็อธิบาย “ไม่ใช่ว่ากลัวพี่แพ้หรอกนะ แต่ไม่ใช่แค่คุณชายท่านนั้นที่ดูร้ายกาจ คู่ของเขาก็น่ากลัวเหมือนกันแถมพละกำลังยังสูง หากข้ากลัวจนออกจากสนามไปก่อนแล้วเขาคิดจะเล่นงานพี่ต่อ สองรุมหนึ่งพี่ไหวหรือเปล่า”
โจวเสวี่ยนได้ยินดังนั้นก็ตอบว่า “หากไม่ไหวก็ยอมแพ้ อย่างไรก็แค่การประลองเล็กๆ เงินรางวัลเอาไม่เอาข้าก็มิได้ใส่ใจขนาดนั้น ยังไงข้าก็ต้องรักษาร่างกายไว้สำหรับเจี้ยงฉาง แล้วก็มีแต่เจ้าที่ใส่ใจของรางวัล เจ้านั่นแหละจะตัดสินใจอย่างไร”
อา...หากอยู่ในสถานการณ์นั้นจะทำอย่างไร...ฉันขอคิดแป๊บหนึ่งก็แล้วกัน!
ทว่าพอคิดเสร็จเขาก็รู้สึกว่าตัวเองนี่ช่างรนหาที่ตายสมกับเป็นตัวประกอบจริงๆ
รู้งี้แอบตามคนชนะไปดักปล้นพร้อมกันกับฉีหลินยังปลอดภัยกว่า!
พวกเขาถูกเรียกขึ้นประลองในรอบที่สองและสามก็ยังไม่เจอกับคู่นั้น จนกระทั่งรอบสุดท้ายเซียนซีหยางก็หนีไม่พ้น พวกเขาต่างก็เรียกได้ว่าผ่านมาอย่างชิลล์ๆ ทั้งคู่ แม้ว่าเซียนซีหยางจะไม่ได้ขาสั่นเหมือนรอบแรกแล้วแต่เหงื่อกาฬก็ยังไหลเต็มหลังอยู่ดี พอเห็นคุณชายผู้นั้นเดินมาทักทายด้วยรอยยิ้มก็ทำตัวไม่ถูก
“ข้านามว่า เว่ยเจ้าเฟิง ส่วนผู้นั้นคือสหายของข้านามว่า ลู่เอิน ไม่ทราบคุณชายคือเซียนซีหยางใช่หรือไม่”
ฉันดังขนาดนี้เชียว นายเป็นคนในเมืองนี้แท้ๆ เลยสินะ “ข้าเซียนซีหยาง คารวะคุณชายเว่ย”
เว่ยเจ้าเฟิงสะบัดข้อมือไปมา “อย่าเกรงใจกันเช่นนั้นเลย คุณชายเซียนถูกบังคับมาใช่หรือไม่ เพราะดูยังไงท่านก็ไม่น่าจะเป็นฝ่ายเดินขึ้นเขียงเองได้ ข้าล่ะสงสารท่านจริงๆ”
สายตาที่มองมายังเซียนซีหยางเต็มไปด้วยความเวทนา...เสแสร้ง!! ฉันรู้นะว่านายกำลังดีใจที่จะได้เอากระบี่เสียบร่างของฉันใช่ไหมหา!
เซียนซีหยางแม้หงุดหงิด แต่ก็ยังคลี่ยิ้มงดงามเช่นเดิม สงบใจไว้ นายทำอะไรเขาไม่ได้ก็จงอย่าเอาร่างเข้าไปรับกระบี่ก็พอ
เว่ยเจ้าเฟิงเห็นว่าคุณชายท่านนี้เพียงแต่ส่งยิ้มให้ไม่ได้โต้ตอบก็ไม่รู้จะกล่าวบทสนทนาใดต่อ จึงบอกลาแล้วเดินออกไป สิ้นเงาของเว่ยเจ้าเฟิง โจวเสวี่ยนก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ “เมื่อครู่เขาดูถูกเจ้า ไยไม่โต้ตอบ”
เซียนซีหยางหุบยิ้มทันควัน “ข้าย่อมโต้ตอบ”
“อย่างไร?”
“เอาชนะเขา! ”
“เจ้า?”
เซียนซีหยางเผลอตะคอกออกมาว่า “พี่ต่างหาก! ข้าดูเหมือนคนที่เอาชนะเขาได้หรือไง”
แล้วยังไม่รู้จักประมาณตนอีกนะคนเรา โจวเสวี่ยนอยากจับเขามาแคะสมองดูว่าข้างในผิดปกติหรือไม่ ทว่ายังไม่ทันได้ทำอย่างที่คิด ชื่อของพวกเขาก็ถูกเรียกให้ขึ้นลานประลองแล้ว
เซียนซีหยางกลัวก็กลัวอยู่ แต่เหลือแค่ก้าวเดียวก็จะบรรลุเป้าหมาย ให้ถอยตอนนี้ฉีหลินต้องตามมาบีบคอเขาแน่ เมื่อทั้งคู่ขึ้นไปแล้วโจวเสวี่ยนไม่รีรอชักกระบี่ออกมาเข้าปะทะกับเว่ยเจ้าเฟิง คุณชายเว่ยวรยุทธ์ไม่อ่อนช้อยเช่นหน้าตา ถึงเวลาก็พุ่งเข้าฟาดฟันทะลุดุดัน จนคนนอกอย่างเขายังแอบกลืนน้ำลาย
เขามองการปะทะของจอมยุทธ์ทั้งสองที่เริ่มได้แผลกันคนละนิดละหน่อยไปพลาง สอดส่องลู่เอินไปด้วย เซียนซีหยางพบว่าลู่เอินยืนกอดอกไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ร่างกายของเขาสูงใหญ่อุดมไปด้วยมัดกล้ามน่าอิจฉา ผ้าสีน้ำเงินผูกไว้กับข้อมือซ้ายเห็นชัดเจน ดูท่าคนผู้นั้นจะถนัดขวา
“อ้ะ! ” เซียนซีหยางอุทานออกมาหนึ่งคำเอี่ยวตัวหลบคมกระบี่อย่างฉิวเฉียด
เชี่ย! เกือบกลายเป็นไก่เสียบไม้แล้วไหมล่ะ
“ใกล้ขนาดนี้....! ” เขาอดตกใจไม่ได้ที่เห็นโจวเสวี่ยนถูกรุกไล่เข้ามาใกล้ตัวเองมาก พอทำท่าจะขยับหนี คุณชายเว่ยก็ใช้พัดสกัดโจวเสวี่ยนที่เกาะหนึบ สลัดเขาออกมาประชิดตัวเซียนซีหยาง
“เจ้า! ” พี่ชายโจวถูกพัดเกะกะอันนั้นบดบังสายตาหลายหนชักรำคาญ พอร่ายกระบี่ออกไปสายหนึ่งฟันพัดขาดเป็นสองส่วนก็เห็นว่าเว่ยเจ้าเฟิงเข้าถึงตัวเซียนซีหยางแล้ว
วินาทีกระบี่พุ่งเข้ามา เซียนซีหยางคิดจะกระโดดถอยหลัง ทว่าขากลับก้าวไม่ออก
สวบ!!
กระบี่ของเว่ยเจ้าเฟิง แทงทะลุไหล่ขวาของเซียนซีหยางไปหนึ่งส่วนสามของความยาวกระบี่ คุณชายกรีดร้องในใจ
อ๊ากกกกก! เจ็บๆ ๆ ทำไมไอ้พวกที่ถูกแทงในการ์ตูนมันยังทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ฟะ...
อ้อ มันเป็นการ์ตูน...
“อึก! ”
เว่ยเจ้าเฟิงไม่ได้ชักกระบี่ออกทันที เขาค่อนข้างตกใจที่เมื่อครู่คุณชายเซียนไม่กระโดดออกจากเวทีประลอง เพราะตัวเขาก็ยืนชิดขอบสนามขนาดนี้ หรือเป็นเพราะตอบสนองช้า
เป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่เข้ายังหลบกระบี่ที่ บังเอิญ พลาดเข้ามาได้อยู่เลย
เซียนซีหยางเห็นแล้วว่าเว่ยเจ้าเฟิงไม่เข้าใจการกระทำของตน ทว่าเมื่อมองเลยไปด้านหลัง โจวเสวี่ยนกำลังพุ่งตัวมาทางนี้ด้วยความโกรธ กระบี่ของคุณชายเว่ยกำลังจะชักออกจากร่างของเขาไปป้องกัน
เซียนซีหยางตะโกนออกไป “พี่โจว! ” พร้อมกับขว้างของที่อยู่ในอกออกไปด้วย
หมับ! โจวเสวี่ยนรับโดยอัตโนมัติ ปรากฏว่าเป็นก้อนหินที่มีผ้าสีแดงผูกอยู่ ผ้าของพวกเขาเอง หรือว่า...
เว่ยเจ้าเฟิงต่างคิดเหมือนเขา เซียนซีหยางคงจะออกจากสนามแล้ว เขาจึงหมุนตัวชักกระบี่ออกมา ไม่ใส่ใจคุณชายท่านนี้อีกต่อไป คิดจะเข้าไปเล่นงานโจวเสวี่ยนแบบสองต่อหนึ่ง ทว่ายังไม่ทันได้ขยับขาเซียนซีหยางก็เข้าล็อกแขนเขาไว้ คุณชายพยายามสะกดจิตไม่ให้ตัวเองสนใจบาดแผลมากกว่าสถานการณ์ข้างหน้า แม้ว่าเลือดจะไหลโชกออกมาอย่างกับก๊อกแตกก็ตาม
แม่ง! คิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องเจ็บตัว!!!
“เจ้าคิดจะทำอะไร! สู้กับข้าหรือ” เว่ยเจ้าเฟิงสั่งการกระบี่ของเขาประชิดลำคอจากด้านหลังโดยไม่ต้องใช้มือแล้วเว้ย!
เซียนซีหยางหน้าซีดเป็นไก่ต้ม แต่กลับฉายยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมทั้งหัวเราะออกมา “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้ายืนซะชิดขอบสนาม เพราะข้ากลัวใช่หรือไม่”
เขาไม่รอคำตอบของเว่ยเจ้าเฟิง กว่าอีกฝ่ายจะพลิกตัวกลับมาเขาก็เพียงเอนตัวหงายไปข้างหลังพร้อมกับคุณชายเว่ย ไม่เกรงกลัวกระบี่ที่จ่อคอตัวเองสักนิด กลิ้งตกจากสนามไปทั้งคู่ “ฮ่าๆ ๆ ข้าย่อมกลัวอยู่แล้ว! ฝากที่เหลือด้วยนะพี่โจวววว! ”
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไป ไม่ใช่แค่ผู้ชมแม้แต่โจวเสวี่ยนยังยืนอ้าปากค้างอยู่ สี่คำปรากฏขึ้นในหัวอย่างรวดเร็ว รน-หา-ที่-ตาย เซียนซีหยางทำบ้าอะไรเนี่ย!!
ทว่าเขากลับทำได้ยอดเยี่ยมมาก ตัวเองต้องออกยังสามารถลากคนออกไปเป็นเพื่อนได้ด้วยอีกหนึ่ง โจวเสวี่ยนเก็บผ้าสีแดงไว้ในอก คนออกจากสนามจะกลับเข้ามาไม่ได้อีก ทั้งที่เป็นชาวบ้านของเขากับชาวยุทธ์ของอีกฝ่าย ผลแพ้ชนะรึ
“เจ้าอยากรับบทชาวบ้านก็อย่าให้เสียชื่อ ส่งมาซะ” โจวเสวี่ยนแผ่จิตสังหารเต็มเปี่ยม เมื่อครู่เซียนซีหยางบาดเจ็บเสียเลือดไม่น้อย ซ้ำยังตกจากลานประลองอีก เขาต้องรีบจบการต่อสู้นี่แล้วลงไปดู
ลู่เอินลังเล สายตาจดจ้องไปที่ผ้าสีแดงภายในหน้าอกของเขา โจวเสวี่ยนเตือนเขาว่า “หากคิดเข้ามาแย่ง เจ้าคงต้องแสดงฝีมือ ทว่าหลังจากนั้นจะถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง”
ลู่เอินเป็นวรยุทธ์แน่นอน โจวเสวี่ยนมองดูก็รู้ ทว่าเขาอยากรับบทชาวบ้านก็ต้องไม่เผยพลังยุทธ์ให้กรรมการเห็น ลู่เอินทราบเรื่องนี้ดี แต่เขาไม่อยากจะยอมแพ้เลยสักนิด
ทันใดนั้นเว่ยเจ้าเฟิงก็คลานมาเกาะขอบสนามตะโกนเข้ามาว่า “ช่างผ้านั่นเถอะ!! ข้าไม่เอาแล้ว”
และตามมาด้วยเซียนซีหยาง “เร็วเถอะพี่โจว จะแทงเขาสักสองแผลหรืออะไรก็ได้ รีบพาข้าไปหาหมอที! ”
“ข้ายอมแพ้” ลู่เอินยื่นผ้า
“เช่นนั้นก็ดี” โจวเสวี่ยนเก็บกระบี่
ทั่วทั้งลานประลองเงียบสงัดไม่มีเสียงร้องตะโกนมาตั้งแต่ที่เซียนซีหยางดึงเว่ยเจ้าเฟิงตกสนามไปแล้ว ผู้คนที่เข้ามาชมต่างรู้ดีว่าเซียนซีหยางคือใคร และหวังจะเห็นเข้าพ่ายแพ้อย่างอับอาย ทว่าตอนนี้ผู้ที่ชนะกลับกลายเป็นคู่ของคุณชายเซียน หนำซ้ำยังกระทำเรื่องบ้าๆ เช่นเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้เว่ยเจ้าเฟิงตกสนามไปกับตนอีก
“ไม่เลวๆ ! ” คนผู้หนึ่งตะโกนเข้ามา เขากล่าวชมเซียนซีหยาง จากนั้นก็ได้ยินเสียงปรบมือระลอกหนึ่งตามมา
ผู้ประกาศจึงได้สติ รีบประกาศผู้ชนะให้ขึ้นมารับรางวัล โจวเสวี่ยนไม่พูดพร่ำทำเพลงกวาดทุกอย่างแล้วรีบลงไป ไม่มีความยินดีบนหน้าสักนิด เขากำลังกังวลว่าคุณชายที่ร่างกายไม่เอาไหน วรยุทธ์ก็ไม่เป็นผู้นั้นเสียเลือดตายไปแล้วหรือยัง ปรากฏว่าเขายังอยู่ดี เพียงแต่นั่งกุมบาดแผลหน้าซีดอยู่ข้างๆ สนาม ตรงข้ามคือเว่ยเจ้าเฟิงที่จ้องเขม็งมา
“ทำไมคิดแผนเช่นนั้นออกมา หากกระบี่ของข้าแทงทะลุหัวใจเจ้าคงไม่ได้มานั่งตรงนี้” เว่ยเจ้าเฟิงสลัดคราบคุณชายผู้สดใสทิ้งไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เวลานี้เขาดูดุร้ายเหมือนโจวเสวี่ยนยามโกรธทุกประการ
“ใช่ หากเขาฝีมือถึงและใจกล้าอีกหน่อย กระบี่สุดท้ายคงทะลุคอหอย เจ้าก็คงตายแล้วจริงๆ” โจวเสวี่ยนกล่าวเช่นนั้น ทำเอาผู้ที่ถูกว่าฝีมือไม่ถึง ลุกพรวดขึ้นมา “เมื่อครู่ออมมือให้ เจ้าอย่าเข้าใจผิด”
“เมื่อครู่ข้าคิดดีแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าปล่อยกระบี่ทะลุคอข้าหรอก ไม่งั้นต้องโดนเขาไปด้วยเหมือนกัน” เซียนซีหยาง
โจวเสวี่ยนเห็นพวกเขาแก้ตัวเป็นเด็กก็คร้านจะใส่ใจ ประคองเซียนซีหยางลุกขึ้นคิดจะพาไปรักษา
“นี่ข้าพูดกับเจ้าอยู่ อย่าเมินข้า! ” เว่ยเจ้าเฟิงชักโมโห
เขาเป็นเด็กหรือไง! เซียนซีหยางพลันหงุดหงิด เจ็บแผลจะตายอยู่แล้ว พี่โจวท่านอย่าหันไปตอบโต้เซ่! พากระผมไปหาหมอก่อน!!
“จะวัดฝีมือย่อมได้ ไว้เจ้าเข้าเป็นผู้ประลองในเจี้ยงฉางได้เมื่อไหร่ค่อยมาพูดกับข้า...เจ้าหนู”
“!!! ” เจ้าหนู... ไม่เคยมีใครเรียกตนเช่นนั้น เว่ยเจ้าเฟิงพลันเดือดดาล ทว่าพอเห็นเขาค่อยๆ ประคองคนเจ็บเดินออกไปก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปเถียงรั้งตัวเขาไว้ จึงเรียกลู่เอินมาหา “เจ้าตอบมาตามตรง ว่าถ้าสู้กันจริงจังข้าจะชนะเขาได้หรือไม่”
ลู่เอินไม่ตอบแต่ส่ายหน้าให้เขา เว่ยเจ้าเฟิงกัดฟันกรอดๆ “แล้วถ้าเป็นเจ้าล่ะ”
ลู่เอินนิ่งไปเนิ่นนาน ก่อนจะตอบว่า “อาจมีโอกาส”
เว่ยเจ้าเฟิงคราวนี้อ้าปากค้าง หรือว่าเจ้าโจวเสวี่ยนนั่นจะเก่งกาจมาก แต่ทำไมตนมองไม่ออก
เซียนซีหยางกัดฟันเดินแล้ว แผลจากไหล่ที่ถูกแทงทะลุปวดแสบปวดร้อน กระบี่ของคุณชายเว่ยคมกริบทำเอาเลือดออกเยอะมากไม่พอร่างกายยังช้ำจากการตกลงมากระแทกพื้นอีก “พี่โจว ข้าขอขี่หลัง...”
“อย่าสำออย เจ้าเป็นชายชาตรีท่องไว้”
พี่โจวววว!!!
เซียนซีหยางจะร้องไห้ รู้สึกอยากเกิดเป็นจ้าวฉีหลินครั้งแรก ทว่าพอพบหมอแล้วก็ต้องโดนป้ายยารักษาทั้งเจ็บทั้งแสบยิ่งกว่าเดิม จนดวงตาแดงก่ำ โจวเสวี่ยนทนดูไม่ไหวอยากซัดเขาให้สลบไปเลย
คุณชายท่านนี้อ่อนแอกว่าน้องชายที่บ้านเสียอีก โจวเสวี่ยนจำต้องปลอบใจเขาไปหนึ่งประโยค “เมื่อครู่ทำได้ไม่เลว แม้ว่าวิธีจะสิ้นคิดไปหน่อย”
“นั่นเป็นคำชมหรือ ซี๊ด! ข้ากลัวท่านจะลำบากถูกรุม เลยช่วยเอาเขาออกจากสนามไปด้วยเท่านั้นเอง หากท่านบาดเจ็บ การประลองที่เจี้ยงฉางจะทำยังไง” นั่นเป็นความจริง ตอนแรกเซียนซีหยางคิดจะแอบเอาผ้ายัดใส่เสื้อของเขาด้วยซ้ำ แต่พี่ชายท่านนี้เล่นไม่เปิดช่องโหว่ เขาจำต้องหาโอกาสส่งผ้าออกไป คุณชายเซียนจึงยืนซะติดขอบเวทีรอให้เว่ยเจ้าเฟิงเข้ามาประชิดจะหาโอกาสลากเขาลงไปด้วยกัน เรื่องเลยมาจบที่บาดแผลของเซียนซีหยางเช่นนี้
เอาเถอะ ชนะแล้วไม่ตายยังจะต้องการอะไรอีก “พี่โจวม้าของข้าล่ะ”
“ยังจำเป็นอยู่อีกหรือ” โจวเสวี่ยนเห็นสภาพเขาก็ฟันธงว่ายังไงเซียนซีหยางก็ไม่มีปัญญาเอาสังขารป้อแป้ขึ้นขี่ม้ากลับได้เอง
เซียนซีหยางรีบอธิบาย “บนหลังม้ามีของสำคัญของข้าอยู่ รบกวนพี่โจวช่วยพามันมาที”
เห็นเขาทั้งร้อนใจทั้งเจ็บแผล โจวเสวี่ยนก็ไม่ปฏิเสธ ลุกออกไปตามหาม้าให้แต่โดยดี เซียนซีหยางโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ตอนนี้หาไอเทมให้จ้าวฉีหลินยังมีสภาพเยี่ยงนี้ ในอนาคตจะเป็นยังไงหนอ เห็นทีเรื่องอัพสกิลต่อสู้คงเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
“คุณชายรับยานี่ไปทาตามรอยฟกช้ำ วันละสองสามครั้งจะช่วยได้ดียิ่งขึ้น” หมอใหญ่ยื่นกระปุกยาให้เขา เซียนซีหยางได้กลิ่นสมุนไพรหอมชื่นใจ “ส่วนตัวนี้ให้ทาทับปากแผลจะทำให้แผลสมานได้เร็ว แผลของคุณชายไม่ใหญ่ทว่าทะลุไปอีกด้านทำให้เสียเลือดมาก โปรดทานยาบำรุงเลือดไว้ด้วย”
“ขอบคุณท่านหมอ”
เซียนซีหยางให้เขาพันแผลแล้วก็ยังไม่ได้สวมเสื้อผ้าเรียบร้อย เขายังเจ็บช่วงหัวไหล่ไม่อยากจะยกแขนขึ้น ทว่าคุณชายนั่งพูดกับท่านหมอหันหลังให้ประตูจึงไม่ทราบว่าผู้ใดเดินเข้ามา
“พี่โจวม้าของข้ายังอยู่ดีใช่หรือไม่” โจวเสวี่ยนไม่ได้ตอบคำถามเขา จึงคิดว่าไม่มีอะไรต้องห่วงคุณชายใช้แขนอีกข้างที่ไม่เจ็บสวมเข้าไปในเสื้อ ส่วนแขนที่มีแผลค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้าอากัปกิริยาเหมือนผู้เฒ่าชุ่นไม่มีผิด “พี่โจว ท่านช่วย...เอ๋!!!! ”
เซียนซีหยางคิดจะให้เขาช่วยหยิบเสื้อตัวนอก ทว่าร่างของคนที่ยืนตระหง่านอยู่ด้านหลังกลับไม่ใช่โจวเสวี่ยน อย่างที่คิด แต่เป็นคนที่เขาพึ่งหนีตายออกมาจากบ้านตัวเอง
หลัวซา
ไหงมาอยู่นี่ได้เล่า!! คุณชายเซียนหน้าซีดยิ่งกว่าเสียเลือด พอเห็นมือปราบหลัวหยิบเสื้อคลุมของเขามาสวมทับให้ พลันตัวก็แข็งทื่อขยับเขยื้อนไม่ไหว
อยู่นานแค่ไหนแล้ว หรือว่าดูรอบที่เขาประลองด้วย
“อาหลัวเจ้า เจ้ามาทำอะไรที่นี่” เซียนซีหยางขณะนี้สมองตีรวนไม่รู้จะทำอะไรต่อ หลัวซาไม่ได้ตอบคำถามทว่าเป็นฝ่ายถามกลับ
“ที่เจ้าคิดจะหย่า เป็นเพราะชอบบุรุษผู้นั้น?” มือปราบหลัวถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ทว่าคำถามแปลกประหลาดนี่ทำให้เซียนซีหยางแสดงสีหน้าน่าเกลียดออกมา
เพราะชอบโจวเสวี่ยนจึงคิดหย่ากับเขา?
นะ นายดูถูกความรักของเซียนซีหยาง (เวอร์ชันเก่า) มากเกินไปหน่อยแล้วนะ!
เจ้าหมอนั่นต่อให้อับอายแค่ไหน ถูกรังเกียจ ถูกทำให้เจ็บยังไง ก็ไม่เคยกล่าวโทษหลัวซา ไม่เคยชายตาแลคนอื่น ความยึดติดต่อเขาที่ชวนไม่เข้าใจนี่ ทำให้เซียนซีหยาง (เวอร์ชั่นปัจจุบัน) ยอมรับนับถือจริงๆ
พอคิดเช่นนี้ เขาก็ชักจะโกรธแล้วจริงๆ “เซียนซีหยางน่ะ...ข้าหมายถึง ข้าไม่ใช่คนใจง่ายเช่นนั้น” ไม่งั้นเอาเงินที่แต่งกับเจ้าไปเข้าหอนางโลมยังจะดีกว่า “เจ้าจะดูถูกดูแคลนเรื่องใดก็ได้ แต่มิใช่เรื่องนี้”
เช่นนั้นเหตุใดถึงยอมหย่า? หลัวซามีแต่คำถามนี้ผุดในหัว
เมื่อช่วงสายหลังจากสนทนากับเซียนหลี่ซังเรียบร้อย เขาก็ไปตลาดเพื่อพบศิษย์ร่วมสำนักที่จะเข้ามาดูการประลองในเจี้ยงฉาง หลัวซาแม้ปฏิสัมพันธ์เย็นชา ทว่าไม่มีศิษย์คนไหนไม่รู้นิสัยข้อนี้ของเขา มือปราบหลัวเพียงกล้ามเนื้อใบหน้าแข็งไปหน่อย กับพวกเขาก็ไม่ใช่ว่าเย็นชาจากหัวใจจริงๆ เขาแค่เติบโตมาคนละแบบกับศิษย์คนอื่น เมื่อก่อนตอนเข้ามาแรกๆ ไม่ใช่แค่สร้างปราการน้ำแข็ง ยังดุร้ายเหมือนสัตว์ป่าจนไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ เวลานี้เขาพูดคุยกับศิษย์ร่วมสำนัก สั่งสอนศิษย์น้องฟังเสียงศิษย์พี่ เคารพอาจารย์ได้ทุกคนก็ปลื้มจนน้ำตาจะไหลแล้ว ยังไม่รวมคนในหน่วยปราบมารของเขาที่เทิดทูนหัวหน้ามือปราบผู้นี้ด้วย
ดังนั้นเมื่อรู้ข่าวว่าหลัวซาต้องแต่งงานกับบุรุษอย่างไม่เป็นธรรม พวกเขาต่างก็โกรธแค้น เห็นใจแทนศิษย์และหัวหน้าผู้นี้ยิ่งนัก บางคนถึงคิดลอบสังหารเซียนซีหยางเพื่อปลดปล่อยเขาจากความอัปยศ ทว่าหลัวซาห้ามปรามไม่ให้ผู้ใดลงมือ เพราะบิดาของเซียนซีหยางเป็นผู้มีพระคุณของเขา เช่นนั้นการช่วยเหลือให้มือปราบหลัวพักที่สำนัก ไปล่ามารค้างข้างนอกหลายๆ วันก็เพื่อไม่ให้เขาต้องกลับบ้านไปพบบุรุษวิปริตผู้นั้น
ยามนี้หลัวซาต้องกลับมาที่สกุลเซียนไม่รู้ว่าเจอเซียนซีหยางมาหนึ่งวันสุขภาพจิตเป็นเช่นไร
“ศิษย์พี่ หากท่านสะดวกคืนนี้ไปค้างกับพวกข้าที่โรงเตี๊ยมได้นะขอรับ” ศิษย์น้องผู้หนึ่งตามเพื่อนที่เป็นมือปราบมาเมืองอู๋ฉิงครั้งแรก อะไรก็ตื่นตาตื่นใจ ยิ่งเห็นพวกบ้าพลัง ต่อสู้กันอยู่ในสนามประลองก็ชักอยากจะร่วมวงด้วย แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้หยุดงานเช่นหลัวซา จำเป็นต้องรักษากฎอย่างเคร่งครัด
มือปราบหลัวส่ายหน้า เขาไม่ชอบคนพลุกพล่านเสียเท่าไหร่ อย่างไรเรือนหลังของเซียนซีหยางก็สงบสุขกว่าที่คิด
พอคิดถึงคุณชายผู้นั้น หลัวซาอดเหลือบมองรอบข้างเป็นระยะๆ ไม่ได้ เขาบอกว่าจะมาพบคนผู้หนึ่งที่ตลาด เวลานี้คิดแผนทำอะไรอยู่ก็ไม่ทราบ
“ท่านหัวหน้า ข้างๆ นี้มีการประลองจับคู่ชาวบ้านชาวยุทธ์ เราให้ศิษย์น้องไปศึกษากันหน่อยดีหรือไม่ขอรับ” เกาชิง รองหัวหน้ามือปราบของเขาออกความเห็นอย่างกระตือรือร้น นานๆ ทีได้ละเว้นจากงานตรวจตรา ย่อมต้องหาเรื่องสนุกทำแก้เครียดบ้าง หลัวซาเห็นเขาหน้าบานก็ไม่ได้ขัด พยักหน้าหนึ่งที
แต่ไม่ทราบจริงๆ ว่า คู่ที่เขามาดูกำลังจะขึ้นเวทีประลองนั้นคือคนคุ้นเคย หลัวซาหลุดเอ่ยชื่อออกมา “เซียนซีหยาง”
เหล่าศิษย์หูดี หันซ้ายแลขวาอย่างสงสัย “ไอ้เซียน...แค่กๆ คุณชายเซียนซีหยางอยู่ที่ใดหรือขอรับ”
มือปราบหลัวชี้ปลายนิ้วไปบนเวที ทำเอาคนอื่นๆ หน้าเหวอ คุณชายผู้นั้นยอมเอาหัวออกจากกระดองแล้วหรือ เช่นนั้นเขาไปทำอันใดบนลานประลองกัน กินอิ่มเกินไปไม่มีอะไรทำหรือไงถึงได้เอาตัวเองขึ้นไปเป็นหมูให้เขาไล่สับ
ทว่ารอบนี้เป็นรอบสุดท้าย พวกเขาในใจอยากให้เซียนซีหยางถูกสับเป็นชิ้นๆ จึงอยู่ลุ้นดูจนจบ ไม่มีใครคาดคิดว่าสุดท้ายคุณชายสามแห่งสกุลเซียนจะกระทำอะไรสิ้นคิดเช่นนั้น เขาเอาตัวเข้ารับกระบี่ดึงจอมยุทธ์ลงเวทีไปพร้อมกับตนอย่างไม่กลัวตาย
เพราะของรางวัลหรือ? หรือเป็นเพราะ...
หลัวซาสังเกตบุรุษอีกคนบนเวที เขาก้าวขาสุขุมท่วงท่ามั่นคงไม่กี่อึดใจสองคนข้างล่างตะโกนขึ้นมา บนเวทีก็ประกาศผล เขาหันไปถามเกาชิง “ผู้ชนะคนนั้นคือใคร”
เกาชิงหรี่ตาสังเกต ได้ยินชื่อของเขาคือ โจวเสวี่ยนก็นึกออก “โจวเสวี่ยนจากเมืองอื่น เขาเป็นหนึ่งในร้อยคนที่ได้ประลองในเจี้ยงฉางขอรับ”
หลัวซาพยักหน้า เห็นเซียนซีหยางถูกพยุงออกไปก็หันมากำชับรองหัวหน้าของตน “ข้าไปธุระสักครู่ พวกเจ้าไปเดินเที่ยวกันเอง”
ไม่ต้องรอให้เกาชิงตอบรับเขาก็หายไปแล้ว
หลัวซารีรออยู่ข้างหน้ากระโจมฉุกเฉินที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจุดประลอง พอเห็นโจวเสวี่ยนออกไปก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเซียนซีหยาง
พอเห็นเขาหลุดชื่อโจวเสวี่ยนอย่างสนิทสนมก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ เจ้าชอบเขางั้นหรือ...?
เวลานี้เห็นคุณชายสามมีความโกรธในแววตาเขายิ่งฉงนกว่าเดิม เซียนซีหยางเคยโกรธไหม แน่นอนว่าต้องเคยเพียงแต่ความโกรธของเขาไม่เคยมาลงที่ตนแม้แต่ครั้งเดียว คราวนี้คุณชายตวัดสายตาไม่พอใจอย่างแรงมองเขา หลัวซาจึงถามว่า
“เช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงจะหย่า” เขาก้าวเขาประชิดตัว “ในเมื่อเจ้าพูดเองว่าอย่าดูถูกความรักของเจ้า”
เซียนซีหยางแค้นเสียงเหอะ “ข้าจำเป็นต้องหย่า ไม่เช่นนั้นทั้งข้าทั้งเจ้าก็ต้องหยุดอยู่ที่เดิมถูกรั้งไว้ไม่ให้ก้าวออกไปไหน ศักดิ์ศรีเอย ความก้าวหน้าเอย ทายาทเอย...ทั้งหมดจำเป็นต่อเจ้าทั้งนั้น และไม่ต้องห่วงข้ามีแผนการในอนาคตของตัวเองแล้ว” เขาภาวนาให้เซียนซีหยางคนนั้นให้อภัยเขาที่ต้องปล่อยหลัวซาไป แต่หากไม่ปล่อยไปมันจะต้องเป็นหัวของเขาที่หลุดออกจากบ่าแน่
ไว้ฉันทำใจได้ จะแวบเข้าหอนางโลมสักครั้งหาชะ ชะ ชายหนุ่มหน้าตาดีๆ มาปลอบประโลมนายเองนะ...!
เซียนซีหยางเห็นเขาเงียบก็กล่าวต่อว่า “อีกอย่างเป็นข้าเองที่กระทำเรื่องน่ารังเกียจไว้กับเจ้า ตอนนี้ข้ารู้ซึ้งแล้วทั้งหมดที่กระทำเพื่อให้ได้รับความรักจากเจ้านั้นไร้ค่าเพียงใด ข้าจะพยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง การหย่าครั้งนี้ถือเป็นคำขอโทษ ขอเพียงเจ้ายกโทษให้ข้าก็พอ” สิ่งที่พูดก็พูดไปหมดแล้ว หวังว่าหลัวซาจะไม่เอาไปมโนว่าเขาจะก่อการร้ายคิดหาเรื่องจับตามองอีกนะ
ให้ฉันหนีนายทุกวัน ไม่ไหวหรอก ฉันก็อยากเอาหัวซุกที่นอนจนกว่าตะวันจะส่องก้นเหมือนกัน
การหย่าควรจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุดของเขา ทว่าหลัวซากลับรู้สึก...ไม่ชอบใจแปลกๆ เพราะเหตุใดเขาถึงรู้สึกว่ามันน่าหงุดหงิดเช่นนี้ มือปราบหลัวคิดจะกล่าวบางอย่างแต่ก็ไม่สามารถรวบรวมความคิดที่กระจัดกระจายของตนเอง จึงเงียบอยู่เช่นนั้น
จนกระทั่งโจวเสวี่ยนเดินเข้ามา “ข้าเจอม้าเจ้าแล้ว ไม่ต้องห่วงทุกอย่างอยู่ครบ...” เขาชะงักเมื่อเห็นคนผู้หนึ่ง “คารวะมือปราบหลัว”
ชายผู้นี้ถูกกำหนดหมายเลขไว้ในหนึ่งร้อยคน เป็นคนที่เก่งกาจจนใครๆ ต่างก็ยังโค่นเขาจากตำแหน่งผู้ชนะในเจี้ยงฉางไม่ลงสักคน เขาเกี่ยวข้องอันใดกับเซียนซีหยางหรือไม่ คนต่างถิ่นเช่นโจวเสวี่ยนไม่ทราบเรื่องนี้จริงๆ
หลัวซาพยักหน้าแทนการทักทายกลับ กล่าวกับเซียนซีหยางน้ำเสียงไม่แข็งไม่อ่อน “จะกลับเลยหรือไม่”
คุณชายเซียนชะงัก เห็นหลัวซารอคำตอบอยู่ก็ตั้งสติใหม่ “อืม ข้าจะกลับไปพักผ่อน” เขาลุกขึ้นยืนคราวนี้ไม่เจ็บเท่าขามา จึงไม่ต้องมีคนคอยพยุง
ทว่าหลัวซากลับจับรอบเอวพยุงเขาไว้ ทำเอาเซียนซีหยางสะดุ้งโหยงแทบไม่กล้าก้าวขา มือปราบหลัวกล่าวกับโจวเสวี่ยนเสียงเรียบๆ ว่า “ขอบคุณที่ดูแลภรรยาข้า”
วอท-เดอะ-ฟัค!!!
เซียนซีหยางปากกระตุกหงึกๆ ดวงตาเบิกโพลงพอๆ กับโจวเสวี่ยนที่ยืนอึ้งอยู่เช่นเดิม
ที่แท้คนที่เขาบังคับมาเป็นฟูจวิน (10) คือ มือปราบหลัว...เซียนซีหยางเอ๋ย เจ้ารักษาหัวมาได้ถึงตอนนี้ข้านับถือจริงๆ โจวเสวี่ยนมองเขาอย่างชื่นชมเป็นครั้งแรก
พี่ท่านจะยิ้มทำบ้าอันใดขอรับ! ช่วยข้าหน่อยเซ่!
เห็นดวงตาของคุณชายล่อกแล่ก โจวเสวี่ยนก็ทราบเขาต้องการอะไร “ซีหยาง”
“ขอรับพี่โจว! ” เซียนซีหยางตอบรับฉับไว เหมือนได้เชือกช่วยชีวิต
“ของที่เจ้าอยากได้ ข้าใส่ไว้ในถุงผ้าบนหลังม้าเรียบร้อยแล้ว โชคดี” แต่เชือกนั้นเป็นของเก่า จับไว้ครู่เดียวก็ขาดสะบั้น
เซียนซีหยางน้ำตานองหน้า
ท่านเข้าใจผิดขอรับพี่โจว ตอนนี้ข้าไม่อยากได้ของ ข้าอยากออกไปจากที่นี่โดยที่ไม่มีหลัวซา! ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้ดีขนาดนั้น!!
เซียนซีหยางห่อเหี่ยวมาก หลัวซายังไม่ปล่อยให้เขาเดินเองจึงต้องเตือนความจำเสียหน่อย “เอ่อ อาหลัวข้ามีแผลที่ไหล่มิใช่ขา ให้ข้าเดินเองเถอะ” ข้าอับอายสายตาประชาชีจะแย่แล้ว เจ้าไม่อายหรือ!?
“เจ้าขึ้นม้าไหว?” หลัวซามองอาชาสีดำของเขา บนหลังเต็มไปด้วยข้าวของเหมือนคนคิดย้ายบ้านหนีมากกว่ามาเดินเล่น ถ้าไม่ได้อธิบายให้เขารู้ ก็คงคิดว่าเซียนซีหยางจะหนีตามคนอื่นไปจริงๆ
คุณชายตอบทันที “ไม่ไหว ข้าจะจูงมันเดินกลับ” พอกล่าวเช่นนั้นมือปราบหลัวก็บังคับให้ม้าย่อตัวลง ลากเขาลงไปนั่งบนหลังของมัน
“มองอันใด ม้าที่สกุลเซียนส่วนใหญ่ก็ฝึกไว้ให้มือปราบใช้ทั้งนั้น” จากนั้นก็ขึ้นขี่อย่างสง่างาม...ที่ด้านหลังของเซียนซีหยาง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใบหน้าของคุณชายร้อนวูบวาบเพราะความอายแค่ไหน เขาอยากโดดลงแต่กลัวแผลเปิด อีกอย่าง วงแขนของหลัวโอบเขาไว้เพราะต้องดึงบังเหียน “อาหลัว...ช่วงนี้ข่าวลือข้าไม่ค่อยดี เกรงว่าทำเช่นนี้เจ้าจะ...”
“ข้ารู้แล้ว” หลัวซาตัดบทเขา “หากเจ็บแผลมากก็บอก ข้าจะลดความเร็ว”
เซียนซีหยางพลันไม่เข้าใจการกระทำของเขา “เจ้าคิดจะทำอะไร”
หลัวซาโน้มตัวไปข้างหน้ากระตุกบังเหียนเบาๆ ม้าก็ออกเดินทาง “พาเจ้ากลับ”
“ไม่ใช่ ไยกระทำเช่นนี้ เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วรึ” คุณชายสามกล่าวอย่างมีน้ำอดน้ำทน ไอ้เราหรืออุตส่าห์พยายามตีตัวออกห่างถึงกับขอหย่าด้วยแล้ว ทำไมเขาถึงทำเหมือนเป็นคู่สามีพาภรรยาท้องแก่กลับบ้าน แค่กๆ ๆ ใครเป็นภรรยาท้องแก่ฟะ! พวกเขายังไม่ได้ตกลงตำแหน่งกันสักหน่อย
หลัวซาเห็นสีหน้าเดี๋ยวขาวเดี๋ยวดำของเซียนซีหยางก็ตอบไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร “ย่อมรังเกียจ ทว่าไม่เหมือนเมื่อก่อน”
“อะไร?”
“เจ้าไม่เหมือนเมื่อก่อน ข้าเพียงแต่สงสัย” หลัวซาโน้มตัวลงกระซิบข้างหู “เจ้าใช่เซียนซีหยางจริงหรือไม่”
...โอ้ว ฉิบหาย
นอกจากจะบู๊เก่งแล้วยังฉลาดอีก แป๊บเดียวถึงกับเดาถูกจุด พรสวรรค์ที่นักเขียนประทานให้เช่นนี้ฆ่าตัวประกอบตายมานักต่อนักแล้ว ทว่าเซียนซีหยางไม่หวั่นเกรงเพราะเรื่องแค่นี้ เมื่อก่อนคุณชายสามเกาะแข้งขาเขาเหมือนปลิง อ้อนวอนให้เขากลับมาอยู่บ้านด้วยกัน ขอความรักอย่างหน้าไม่อาย ตอนนี้เขาแค่เปลี่ยนไปจะอ้อนวอนขออภัยโทษอย่างเสียศักดิ์ศรีอีกสักรอบจะเป็นอะไรไป
“ใช่ไม่ใช่แล้วอย่างไร เจ้าไม่ได้รักข้าอยู่แล้วจะสนใจเรื่องเช่นนี้ทำไมกัน” เซียนซีหยางไม่ได้หันไปมองเขา อันที่จริงไม่มีความกล้าจะหันกลับไป เพราะกลัวว่าหลัวซาผู้นี้จะพิโรธหยิบดาบปราบมารข้างเอวขึ้นมาฟันฉับให้เขาตายในที่สาธารณะ ขอล่ะท่านมือปราบหลัว สงเคราะห์ศพของเขาให้ดูดีหน่อย
หลัวซาพยักหน้า แต่ลืมไปว่าคุณชายนั่งหันหลังให้ตนจึงเอ่ยเรียบๆ “ข้าย่อมไม่รัก เพียงแต่สนใจ”
ห้ะ! สนใจอันใดครับพี่ท่าน?
“ข้าสนใจเซียนซีหยางคนนี้” คราวนี้เซียนซีหยางหันขวับกลับมามองเขาเต็มตา ไม่เห็นร่องรอยความโกรธก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก มือปราบหลัวเอ่ยขึ้นว่า “หากเจ้าเป็นมารสิงร่าง สักวันข้าย่อมต้องกำจัด ถ้าหากไม่ใช่...ข้าก็สนใจว่าเจ้าจะปรับปรุงตัวอย่างไร เห็นแก่ความรักของเจ้า เรื่องหย่าไม่หย่าต้องพิจารณาดูก่อน”
คุณชายเซียนสำลักทันควัน เขารีบกล่าวว่า “ข้าไม่ใช่มารร้าย อีกอย่างไม่ต้องเห็นใจข้า ไม่ต้องๆ หากคิดเห็นใจเอาเป็นหลังหย่าแล้วเจ้าช่วยโอนบ้านหลังนั้นที่มหานครต้าชิงให้ข้าก็พอ ข้าขอแค่นั้นจริงๆ” เขาระส่ำระสายเมื่อไม่เห็นทีท่าว่ามือปราบจะตกลง
“แค่กๆ อาหลัวข้าพูดจริงนะ ข้าคือเซียนซีหยางแน่นอน ข้าเพียงอยากไถ่บาปให้เจ้าแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่! หลังหย่าขาดกันแล้ว ยกบ้านหลังนั้นให้ข้าเถอะ...อาหลัว เจ้าได้ฟังไหมหา! ”
“เงียบๆ แผลเจ้าเปิดแล้ว”
หลัวซาไม่ได้เห็นใจเขา ไม่เคยมีความเห็นใจต่อผู้อื่นมาตั้งนานแล้ว แต่เขาเพียงสนใจจริงๆ หากว่าคุณชายผู้นี้เป็นคนอื่น เขาจะเผยตัวตนเมื่อใด? ไม่ เขาเผยตัวตนมาตั้งแต่วันที่พบหน้ากันเมื่อวาน ตั้งแต่เอ่ยคำว่าขอหย่า นั่นเป็นสิ่งที่เซียนซีหยางจะไม่มีวันทำ ไม่ว่าเขาจะกลับตัวกลับใจหรือไม่ คนผู้นั้นจะรั้งตัวเขาไว้จนกว่าจะตาย
ตอนนี้คือผู้ใด มารร้าย วิญญาณเร่ร่อน หรือหากว่าเขาคิดผิด เป็นเซียนซีหยางจริงๆ ก็ย่อมต้องพิสูจน์ก่อน
หลัวซาตัดความสับสนในใจ ยกอาการน่าหงุดหงิดเหล่านี้ให้คุณชายไปลิ้มลองบ้าง
หลังจากกลับถึงบ้าน เฉินฝูผู้มารอรับอยู่หน้าประตูตกใจจนลูกตาถลนเมื่อพบว่าคุณชายของตนกลับมาพร้อมกับมือปราบหลัวด้วยม้าตัวเดียวกัน ซ้ำคุณชายยังได้รับบาดเจ็บ
“เกิดอะไรขึ้นคุณชาย ท่านมือปราบหลัว เหตุใดถึงบาดเจ็บ! ” เฉินฝูรีบร้อนมาช่วยประคองเมื่อเห็นคุณชายของตนซวนเซ ทว่าหลัวซากลับยกมือห้าม
“เตรียมน้ำให้เขาอาบเถอะ เขาแค่เมื่อยเพราะนั่งนานไปเท่านั้น”
รู้ดีอีก...ใช่ ขากลับเซียนซีหยางนั่งตัวตรงแน่ว เกร็งไม่ให้แผ่นหลังของตนสัมผัสกับกล้ามน่าหลงใหลของหลัวซา ยามนี้ลงจากม้าก็เริ่มปวดทั่วตัว ทั้งแผล ทั้งรอยช้ำทำเอาเดินแทบไม่ไหว
หลัวซาช่วยพยุงเขาเข้าไป โชคดียามนี้ไม่พบใครนอกจากบ่าวรับใช้ในเรือน เซียนซีหยางจึงไม่ต้องมาตอบคำถามน่าอับอายเช่น ข้าอยากได้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ นั่นเลยรนหาที่ตาย อะไรทำนองนี้ เข้าไปถึงก็รีบชำระร่างกายอย่างทุลักทุเลทุเรศทุรัง จนเฉินฝูทนดูไม่ไหวเข้ามาช่วยคุณชายอาบน้ำ
หลัวซาเดินเข้ามากล่าวประโยคหนึ่งว่า “ยังไม่ต้องสวมชุดให้เขา เขายังต้องทายา”
“...” เซียนซีหยางค้างกลางอากาศ “ข้าทาเอง”
“แน่นอน รึจะให้ข้าทำ?” ว่าจบร่างของมือปราบหลัวก็ออกไปแล้ว ทิ้งคนสองคนอ้าปากเหวออยู่อย่างนั้น
นี่มันไม่ปกติแล้วเว้ย! การที่เขาเปลี่ยนนิสัยของเซียนซีหยางตัวประกอบรากหญ้ากะทันหันไปเช่นนี้ ก่อให้เกิดเรื่องอัศจรรย์ขนาดนี้เลยเหรอ งั้นเนื้อเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปล่ะ เขาชักสับสนซะแล้ว
เซียนซีหยางไม่อยู่แช่น้ำนาน หลังจากหอบหิ้วร่างกายออกมาด้วยผ้าคลุมตัวเดียวก็ไม่พบหลัวซาในห้อง
เยี่ยมมาก ฉันไม่อยากเปลือยต่อหน้าใคร โดยเฉพาะพระเอกที่มีร่างงดงามแม้แต่ผู้ชายด้วยกันยังอายที่จะแก้ผ้าต่อหน้าเขาน่ะขอที ให้ฉันได้อัปซิกแพคก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะนะ
“ทาด้านหลังไม่ถึงรึ”
แว๊กกก...!
เซียนซีหยางสะดุ้งสุดตัว เมื่อพบว่าพระเอกที่ควรจะหายหัวไปค้างสำนักตั้งแต่วันแรก ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับถาดโจ๊กร้อนๆ หลัวซาวางโจ๊กไว้ด้านข้างขยับเข้ามาคว้าตลับยาของเขาไป ค่อยๆ บรรจงทารอยช้ำที่แผ่นหลังให้
ยามนิ้วมือปัดผ่านแผ่วเบา เขาก็ขนลุกซู่ พระเอกที่แข็งแกร่งเยี่ยงนี้ถึงกับมาปรนนิบัติให้ตัวประกอบ เป็นโชคดีหรือร้ายกันหนอ...
เซียนซีหยางไม่อยากคิดถึงตอนที่มือปราบหลัวรู้ว่าเขาเลี้ยงมาร มือคู่นี้จะเปลี่ยนมาจับดาบสังหารตนอย่างไรบ้าง จะชวนน่าสยดสยองกว่าเนื้อเรื่องเดิมหรือไม่
เอาน่า...ฉันไม่ได้คิดจะฆ่านางเอกของนายสักหน่อย อย่างน้อยแค่เนรเทศฉันออกไปก็พอ
หลังทายาแล้ว เซียนซีหยางก็สวมชุดอย่างกระอักกระอ่วนต่อหน้าเขา ทว่าหลัวซาไม่ได้สนใจรูปร่างของคุณชายนัก เขาส่งโจ๊กที่เริ่มอุ่นให้และบอกให้ทานก่อนมันจะเย็นจากนั้นก็ไปชำระร่างกาย
คุณชายเห็นเขาทำดีด้วย ก็คิดว่าวันนี้คงได้นอนบนเตียงแน่ๆ จึงไม่ได้ลงไปหยิบที่นอนมาเพิ่ม หลัวซาไม่นอนข้างล่างเขาก็ต้องไปนอนห้องอื่น เวลานี้อาหารก็ทานหมดแล้ว เขาให้เฉินฝูเอาของบนหลังม้าเก็บไว้กับตัว ไม่ได้บอกสาเหตุแต่กำชับห้ามไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ เฉินฝูเป็นคนเก่าแก่ของมารดาซื่อสัตย์ไว้ใจได้ย่อมไม่ถามมาก เอาของทั้งหมดเข้าไปเก็บในห้องตนเอง ใส่ตู้ไว้แล้วลงกลอน
หลัวซายังอยู่ใกล้ตัว เขาไม่สามารถเอาขนเซียนจิ้งจอกเก้าหางขึ้นมาถักได้ จำต้องรอเวลาหาโอกาสเหมาะๆ ไม่นานมือปราบหลัวที่สวมเพียงกางเกงตัวเดียวก็เดินเปลือยท่อนบนมานั่งบนเตียงอีกฝั่ง
“ช้าก่อน เจ้าจะนอนที่ไหน” เซียนซีหยางชักไม่สวย วันนี้ท่านมือปราบทำตัวแปลกๆ จนเขาระแวงไปหมดแล้ว
หลัวซาตอบอย่างไม่อินังขังขอบ “ที่นี่”
“ข้าจะนอนบนเตียง” เซียนซีหยางแสดงเจตนาชัดเจน ครั้งนี้ไม่ยอมนอนพื้นเด็ดขาด
“สมควรเช่นนั้น” หลัวซาดับเทียน “นอนได้แล้ว”
เอ๋? นอนอันใดรึท่าน!
ดวงตาของคุณชายสว่างเป็นนกฮูก นั่งมองตาปริบๆ ในความมืด หลัวซาล้มตัวลงนอนข้างๆ เขาไม่ส่งเสียงก็เข้าสู่นิทราอย่างไร้เรื่องกวนใจ ทิ้งให้คนที่ต้องรับความรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูกไว้ราวกับได้แก้แค้นเรื่องเมื่อวาน จากนั้นไม่นานสติของเซียนซีหยางก็กลับคืนมา หมายความว่าเขาต้องนอนร่วมเตียงกับพระเอกจริงหรือ เอาจริงหรือ? ไม่ใช่ว่าเซียนซีหยางเป็นตัวประกอบที่ถูกรังเกียจจนอยากฆ่าให้ตายหรอกหรือ?
เอ๊ะ?
สติที่ว่าไม่แจ่มใสเท่าที่ควร คำถามเช่นนี้เกิดขึ้นในสมองจนถึงเช้า
10] ฟูจวิน = สามี
Comments (0)