1 ตอน จุดเริ่มต้นแห่งความฉิบหาย
โดย Laksh Mana
ปลายเหมันต์แดดอ่อนละลายหิมะ
เจ้ารู้หรือไม่ คุณชายสามแห่งสกุลเซียนเป็นต้วนซิ่ว (1) เขาถึงกับสู่ขอหัวหน้ามือปราบที่เก่งกาจที่สุดในสำนักซางเหรินสิงแต่งงาน!
หน้าไม่อายยิ่งนัก! ช่างน่ารังเกียจ! มือปราบหลัวยอมได้อย่างไร
ไยไม่ยอม บิดาของคุณชายสามคือนายใหญ่ของเจี้ยงฉาง เขาเป็นผู้มีพระคุณของมือปราบหลัว
น่าสงสารท่านมือปราบ หากมิใช่บุตรของผู้มีพระคุณ เขาคงปลิดชีพเจ้าวิปริตนั่นในดาบเดียวไปแล้ว...
เรื่องนี้เจ้าอย่าพูดไป ได้ยินมาว่าคุณหนูสกุลจ้าวล้มป่วยเป็นเดือนหลังจากรู้ข่าว ว่ากันว่านางช่างร้ายริษยา อีกไม่นานชีวิตของคุณชายสามคงปราศจากความสุข
เฮ้อ ตอนนี้เขามีความสุข? มือปราบหลัวยอมสนทนากับเขาก็นับว่าปรานีมากแล้ว รึเจ้าไม่เห็นสายตาเย็นชาของเขายามมองคุณชาย
พี่ใหญ่ๆ คุณชายสามคือผู้ใด ไยข้าไม่คุ้นหน้า
เจ้าโง่ คุ้นหน้าสิแปลก เขาวันๆ ไม่เคยออกจากบ้านจากเรือน วรยุทธ์ไม่เอาไหน ไม่สมกับเป็นบุตรของเซียนหลี่ซังเลยสักนิด เจ้าเซียนซีหยางนั่นน่ะ
........
เรื่องที่ทำแล้วเสียใจที่สุดในชีวิตคืออะไร เขาตอบได้ไม่ลังเลเลยว่าคือการเสพติดสื่อมโนมากเกินไป ทั้งการ์ตูนก็ดี นิยายก็ดี เขาล้วนมีประสบการณ์โชกโชน แถมอ่านทีไรยังอินยังกับตัวเองเป็นหนึ่งในตัวละครนั้นๆ เหอะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาเป็นนักอ่านการ์ตูนที่ดีแค่ไหน
ด้วยเหตุนั้นแหละ ทำให้เขาทุรนทุรายหลังจากอ่านนิยายแนวรักปราบมารอย่างเรื่อง ‘เทพศาสตร์’ ไม่จบ ไม่อยากจะยอมรับว่าเพราะขัดใจตัวละครบางตัวที่ไร้เหตุผลจนน่าต่อยเลยทำให้โรคเก่ากำเริบ และสำหรับพนักงานกินเงินเดือนที่มีโรคประจำตัวสิบกว่าโรค ร่างกายอ่อนแอขั้นสุดเช่นเขา เท่านั้นก็ทำให้ลาโลกก่อนวัยอันควรได้แล้ว
เทพศาสตร์ เป็นนิยายแฟนตาซีโบราณและปราบมารสะท้านภพ ดำเนินเรื่องโดยพระเอกเป็นหลัก แนวเรื่องให้บรรยากาศยิ่งใหญ่ตระการตา ฉากต่อสู้ตระการตา ปล่อยพลังตระการตา เลือดสาดตระการตา บทรักตระการตา...แค่กๆ แน่นอนว่าเรื่องในยุทธภพไม่แคล้วต้องมีสาวสวยรายล้อมบ้างละน่า
นิยายเรื่องนี้เปิดเรื่องจากความรันทดอดสูของหลัวซา พระเอกมาดเย็นชาสายตาดุร้าย วัยเด็กของหลัวซามีเพียงมารดาที่ด่วนจากไปหลังตั้งชื่อให้เขา จากนั้นชีวิตของเด็กน้อยก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดไปวันๆ ถูกขายให้สนามประลองเพื่อการพนัน ต่อสู้กับสัตว์อสูรเพื่อที่จะไม่กลายเป็นอาหาร เอาตัวรอดไปได้แต่ละวันช่างยากเย็น ไม่แปลกที่โตมาเขาจะกลายเป็นพระเอกเย็นชาในยามอยู่นิ่งและเหี้ยมโหดในยามจับดาบฟาดฟัน
ต่อมาเขาก็หนีออกจากที่นั่นขึ้นมาเป็นนักสู้บนดิน ได้ฉายาไร้พ่ายจากนักสู้ด้วยกันเอง แต่ท้ายที่สุดเขาแพ้ให้กับคนในสำนักปราบมาร ถูกนายจ้างลงโทษอย่างหนัก ทว่าสวรรค์ก็เมตตาส่งรัศมีของพระเอกให้เปล่งประกาย เมื่อคนของสำนักซางเหรินสิงผู้ที่ชนะเขาในการประลองได้รวมทุนกับสกุลเซียนไถ่ตัวหลัวซาออกมา
หลัวซาสำนึกบุญคุณของพวกเขาและด้วยความสามารถโดดเด่น เขาจึงไปเป็นศิษย์ของสำนักซางเหรินสิงและพร้อมกันนั้นก็เป็นนักสู้ให้สกุลเซียนอยู่หลายปี ต่อมาก็ได้สานสัมพันธ์กับนางเอกผู้เป็นศิษย์ในสำนักเดียวกัน ขึ้นเป็นหัวหน้ามือปราบทั้งที่อายุยังน้อย ทว่าขวากหนามครั้งใหญ่ทิ่มแทงเขาในครานั้น เมื่อคุณชายสามแห่งสกุลเซียน เซียนซีหยางผู้เป็นต้วนซิ่วและต้องตาเขามาก จนใช้วิธีการสกปรกบังคับเขาแต่งงาน เสียดายที่บิดาของเซียนซีหยางเป็นผู้มีพระคุณของหลัวซา และคนผู้นั้นก็ดัน เป็นลูกชายของภรรยาโปรดที่จากไปของเจ้าบ้านสกุลเซียน พระเอกจึงต้องฝืนทนแต่งกับบุรุษด้วยกันให้เสื่อมเสียเกียรติ
แต่ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งรังเกียจ เมื่อเซียนซีหยางมักจะหาเรื่องนางในดวงใจเพราะความหึงหวง หลัวซาเดิมทีเป็นคนที่เย็นชาอยู่แล้ว ครั้งนี้ทำราวกับเซียนซีหยางไร้ตัวตน ไม่กลับเรือนเป็นเดือน ไม่พูดคุยและพยายามหาทางหย่าขาดให้ได้ วันหนึ่งเขามางานประลองพร้อมกับสกุลเซียนและสกุลกัวของนางเอก เซียนซีหยางริษยาสายตาที่หลัวซามอบให้นาง จึงคิดกลั่นแกล้งนางจนทำให้เกือบตกจากที่นั่งสูง หลัวซาผู้หมดความอดทนในที่สุดก็ออกปากไล่เขากลับไป
เซียนซีหยางทั้งโกรธทั้งอาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาแค้นนางเอก คุณชายคิดว่าเป็นเพราะนางเอกสาวทำให้หลัวซาไม่รักตน จึงคิดจะกำจัดนาง ขากลับเขาได้แอบเก็บมารน้อยที่หนีจากพ่อค้าทาสมาเลี้ยงเอาไว้ ทางหนึ่งดื้อดึงไม่ยอมหย่า อีกทางก็ส่งมารน้อยไปลอบฆ่านางเอก
ทว่านางเอกก็ยังเป็นนางเอกวันยังค่ำ นางถูกหลัวซาช่วยชีวิตเอาไว้ เขาจับมารน้อยได้ทำให้สาวไปถึงตัวเซียนซีหยาง ความจริงที่ว่าคุณชายสามแอบเลี้ยงมารทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นมือปราบ ทำให้หลัวซาโกรธจนอยากจะจับเขามาฉีกเป็นชิ้นๆ หนึ่งคือเพาะเลี้ยงมาร สองคือทำร้ายหญิงที่รักจนบาดเจ็บ หลัวซาคิดจะสังหารมารน้อยทิ้ง ส่วนคุณชายสามถูกสกุลขับไล่ แต่นึกไม่ถึงว่าคุณชายคนนั้นจะเอาตัวเข้าบังคมดาบช่วยมารน้อยให้หนีไป เซียนซีหยางตายในวันเดียวกับที่มารน้อยหนีเข้าไปภพมาร ดูดซับไอมารเพื่อเติบโต มารน้อยคิดจะแก้แค้นหลัวซาและนางเอกให้ตายตกไปตามกัน จึงเข้าร่วมกับพรรคมาร ภายในเวลาสามปี เขากลายเป็นปีศาจโลหิตคลั่งและกลับมาสร้างความวุ่นวายให้ยุทธภพ...
จากนั้น...จากนั้นเขาก็ตาย!
เชี่ย!
ไม่ใช่หลัวซาหรือว่ามารน้อยตาย แต่เป็นนักอ่านผู้น่าสงสารเช่นเขาที่สิ้นใจตายเสียก่อน
แม่เอ๊ย! ขัดใจจริงๆ ! ตายเพราะธาตุไฟเข้าแทรกยังดูดีกว่าโมโหจนตาย ไม่รู้ว่าความปรารถนาจะอ่านนิยายเรื่องนั้นให้จบก่อนทำเอาเขากระเสือกกระสนอยู่นานเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำวิงวอนของเขาแล้ว
เหอะๆ ไม่ใช่พระเจ้าจะเอ็นดูอะไรเขาหรอกนะ เพราะไม่งั้นคงส่งคอมพิวเตอร์พร้อมอินเทอร์เน็ตมาให้แทนที่จะถีบเขาลงมาเกิดใหม่ในนิยายเรื่องนี้!
แถมเกิดเป็นใครไม่เกิด
“คุณชายสาม...นั่งตากลมเช่นนั้นจะป่วยเอาได้นะ มือปราบหลัวอาจมีภารกิจยุ่งในช่วงนี้ คุณชายอย่าคิดมากเลย” ชายชราผู้หนึ่งกล่าวกับเขา...ไม่สิกล่าวกับคุณชายสาม
ในตอนแรกเขายังไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง แต่คำ ‘คุณชายสาม’ กับ ’ มือปราบหลัว’ ช่างคุ้นดีเหลือเกิน
เขานั่งพึมพำราวคนไร้สติ “อ่า ฉันคงไม่ได้เกิดเป็น เซียนซีหยางหรอกมั้ง...ไม่มั้ง ถึงจะเป็นลิ่วล้อตัวประกอบ หรือลูกกระจ๊อกตัวร้าย แม้แต่เป็นเศษหินข้างทางก็ยังดีกว่าเป็นไอ้โง่ปัญญาอ่อนคนนี้”
ทว่าชั่วอึดใจต่อมาชายชราคนเดิมก็ลากเขาลงมาจากชั้นความหวัง ตบด้วยความจริงก่อนจะถีบลงไปนรกสุดระทม “คุณชายท่านกล่าวอันใด ท่านคือเซียนซีหยาง แห่งสกุลเซียนนะขอรับ แม้สกุลจะทอดทิ้งท่านแต่อย่างไรท่านก็เป็นอยู่ดี” เขากล่าวร้อนรน “หรือท่านป่วย ข้า...ข้าจะรีบไปตามหมอ! ”
แม้เหม่อลอยราวคนจิตหลุด แต่คุณชายเซียนซีหยางเวอร์ชั่นใหม่ก็จับคว้าแขนเสื้อของชายชราผู้นั้นไว้ทัน “ไม่ต้อง...ข้าสบายดี” เซียนซีหยางกัดฟันตอบ ทว่าชายชราคนสนิทกับคิดไปว่าเขาโกรธที่มือปราบหลัวไม่มาตามนัดจึงมิได้ซักไซ้ต่อ
คงมีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าไส้ในของเซียนซีหยางกำลังก่นด่าพระองค์อยู่
แม่เอ๊ย! ถึงเขาจะดูถูกเหยียดหยามตัวประกอบไร้สมองอย่างเซียนซีหยาง แต่ก็ไม่เคยคอมเมนต์หยาบคายให้นักเขียนเลยนะเฟ้ย! เพราะงั้นพระเจ้าไม่ต้องลงโทษแรงขนาดนี้ก็ได้มั้ง ให้เขาตายไม่พอยังมาเกิดเป็นตัวประกอบที่ถูกสาวงามทั้งเรื่องรังเกียจอีก ตัวประกอบที่มีแต่ต้องตายก่อนเรื่องจะจบเช่นนี้จะทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงได้เหรอ ได้เหรอห้ะ!
เห็นเซียนซีหยางนิ่งเงียบไปนานผิดวิสัย ชายชราคล้ายกังวล เพราะหากคุณชายท่านนี้จะอาละวาดหรือร้องไห้ฟูมฟายเขาย่อมไม่แปลกใจ “คุณชาย...”
เซียนซีหยางได้ยินเสียงเรียกหลายครั้งแล้ว จำต้องตั้งสติเสียที เขามองรอบด้านเหมือนอยู่ในห้องนอน ส่วนชายชราคนนี้...เขาพยายามนึกถึงลิ่วล้อของตัวประกอบที่ถูกบรรยายไว้ไม่กี่ย่อหน้า ทว่าเป็นลิ่วล้อที่เขาชอบยิ่งกว่าเซียนซีหยาง
“เฉินฝู?”
“มีอะไรรึคุณชาย”
เป็นเฉินฝูจริงๆ ชายชราคนนี้เป็นคนเก่าแก่ของสกุลเซียน เป็นลิ่วล้อตัวประกอบที่มีสติอยู่กับความจริงมากที่สุด ซ้ำหลายครั้งยังคอยเตือนสติตัวประกอบด้อยปัญญาเช่นคุณชายของตนให้เดินอยู่ในทางที่ถูกที่ควร
อนิจจัง เซียนซีหยางถูกความรักครอบงำจนตามืดบอด สติปัญญาก็พลันว่างเปล่าไปด้วย ในสมองของต้วนซิ่วบัดซบนี่ น่าจะเป็นดินแห้งไร้คุณภาพที่แม้แต่ถั่วงอกก็ยังปลูกไม่ขึ้นกระมัง
เซียนซีหยางถอนหายใจ “ข้าหมดหวังแล้ว...”
เฉินฝูตกใจยิ่งนัก ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคุณชายเป็นเช่นนี้ เขาร้องอย่างตกใจ “หมดหวังอะไรกันคุณชาย ท่านอย่าทำให้คนแก่ตกใจสิ แม้ว่ามือปราบหลัวจะมิมาครานี้ ใช่ว่าวันอื่นจะไม่เห็นเขานะขอรับ”
เซียนซีหยางอยากตะโกนใส่หน้าเขาดังๆ ว่า ข้าหมดหวังกับชีวิตของตัวประกอบเช่นนี้ต่างหากเฟ้ย! มือปราบหลัวจะเป็นอย่างไรก็ช่างหัวมันเซ่!!
มือปราบหลัวคือใคร จะอ่านจบไม่จบละเอียดหรือไม่ละเอียดก็ไม่มีปัญหา เพราะนั่นมันตัวละครหลักลูกรักของนักเขียน พระเอกอย่างไรเล่า!
มือปราบหลัวก็คือ หลัวซา พระเอกผู้ที่วัยเด็กสูญเสียทั้งบิดามารดาจึงต้องใช้ชีวิตน่าอดสู ไปเป็นนักสู้บนสังเวียนเพื่อเลี้ยงชีพไปวันๆ เขาจำต้องกัดฟันต่อสู้มาจนได้เป็นมือปราบ เช่นนี้ออกมาสองสามตอนก็สร้างฐานแฟนเกิร์ลไว้เหนียวแน่น ยิ่งแฟนคลับชื่นชอบพระเอกมากเท่าไหร่ ตัวประกอบมารผจญเช่นเซียนซีหยางก็ถูกสาปแช่งมากเท่านั้น
เฮ้อ...เป็นเกย์ไม่ผิด แต่ผิดที่ไปบังคับขืนใจ (?) ผู้อื่น บุรุษมีเป็นร้อยเป็นพัน เซียนซีหยางไม่ชายตาแลดันไปคว้าบุคคลอันตรายที่สุดในเรื่อง แถมยังเป็นพระเอกสายหน้านิ่งใจโหดเหี้ยมเสียด้วย ไม่รู้ว่าขีดความอดทนของหลัวซาจะหมดลงเมื่อไหร่ เขาจำได้ดีว่าเนื้อหาบรรยายนิสัยของพระเอกคนนี้ว่าอย่างไร
[เด็ดเดี่ยว ดุดัน ทว่าใบหน้าอันงดงามของเขาราวเคลือบชั้นน้ำแข็งเอาไว้ การปฏิบัติต่อคนที่รักมีความอ่อนโยน ต่อคนทั่วไปค่อนข้างเย็นชา ต่อศัตรูของเขาคือโหดเหี้ยมไร้ปรานี]
ไม่รู้ว่าตอนนี้เซียนซีหยางจัดอยู่ในหมวด โหดเหี้ยมไร้ปรานี ไปแล้วหรือยัง
เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องประเภท การมาเยือนครั้งหน้าหมดความอดทนจนลุกขึ้นมาจัดงานศพ เซียนซีหยางจึงกล่าวว่า “เขามาคราวหน้า ข้าหย่าเลยดีไหม”
เฉินฝูตกตะลึง คุณชายของตนป่วยจริงๆ ด้วย เมื่อวันก่อนคุณชายสามยังมาร้องไห้ตัดพ้อกับตนเรื่องที่มือปราบหลัวไม่ยอมมาพบ ไม่ยอมสนทนาด้วยอยู่เลยแท้ๆ “คะ คุณชายท่านอย่าทำเช่นนั้นเลย พึ่งแต่งไปเพียงเดือนกว่าๆ คิดหย่า เกรงว่าท่านจะกลายเป็นที่ครหา”
มีเรื่องไหนบ้างที่ฉันไม่เป็นที่ครหา! อีกอย่างเรื่องที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตลูกผู้ชายอย่างฉันคือการไปขอผู้ชายด้วยกันแต่งงาน โชคดีแค่ไหนที่พระเจ้าไม่ส่งมาตอนเข้าพิธี ไม่งั้นกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปเลยดีกว่า เขาเป็นชายแท้ทั้งแท่งนะเว้ย!!
เซียนซีหยางหงุดหงิดใจ เวลานี้ควรทำอะไรเป็นอันดับแรกก็ยังเรียบเรียงไม่ได้ เขาตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่ในร่างผู้อื่นก็ทำใจยากแล้ว ร่างนั้นดันเป็นต้วนซิ่วชวนให้ชีวิตรวนเรยิ่งกว่า เซียนซีหยางมีร่างกายเป็นต้วนซิ่ว วิญญาณของเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น เวลานี้ต้องเป็นใครเขาคิดไม่ตก หากสกุลรู้ว่าคุณชายสามไม่เหมือนเดิมแล้วจะมีท่าทีอย่างไร ขับไล่เขาออกไปหรือไม่?
จะว่าไปความสัมพันธ์ของเซียนซีหยางกับคนในสกุลใช่ว่าจะรักใคร่กลมเกลียวดังครอบครัว จากเนื้อหาที่บรรยายถึงตัวประกอบนี่ เหมือนว่าจะเป็น...
[คุณชายสติไม่ดีผู้นี้ เป็นต้วนซิ่วก็ว่าไป แต่ดันเป็นคนไม่เอาไหน วรยุทธ์อ่อนด้อย ซ้ำเก็บเนื้อเก็บตัวไม่ยอมออกจากบ้าน หากมิได้เป็นบุตรของภรรยารักเซียนหลี่ซัง เขาคงไม่ได้อยู่ในสกุลอย่างสงบสุขเช่นนี้]
เซียนซีหยางกล่าวว่า “เหล่าเฉิน ท่านว่าช่วงนี้ข้าดูเป็นยังไง”
เฉินฝูคล้ายจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชายถามเช่นนั้น แต่ด้วยความสัตย์เขาจึงตอบไปตามจริง “ช่วงนี้คุณชายไม่ยอมพบใครเลยตั้งแต่มือปราบหลัว...เอ่อ ไม่มาเยี่ยมเยือน คุณชายดูกังวลจนไม่อยากอาหาร ข้าเกรงว่าอีกไม่นานจะล้มป่วย”
เชียนซีหยางกล่าวอีกว่า “เช่นนั้นบิดาและท่านพี่ได้เข้ามาหาข้าบ้างหรือเปล่า”
เฉินฝูได้ยินยิ่งสงสัย “เรียนคุณชาย นายท่านเซียนยุ่งอยู่ที่เจี้ยงฉางมาหลายวันแล้วขอรับ”
เหอๆ เช่นนั้นก็เดาได้ง่าย เซียนซีหยางแม้เป็นลูกของหญิงที่เซียนหลี่ซังรักมากที่สุด แต่คนไม่เอาไหนอย่างเขาไม่มีปัญญาช่วยกิจการในบ้านย่อมเป็นคนไร้ค่า เกรงว่าเรื่องงานแต่งงานของเขาคงจะเป็นคำขอสุดท้ายในชีวิตเลยกระมัง
ถ้าอย่างงั้นก็ง่าย เขาไม่ต้องเสแสร้งอะไรให้มากความ เพียงอ้างว่าจะปรับตัวใหม่ใครเล่าจะมาสนใจ ดูท่าความไร้ตัวตนไร้เหตุผลนี้จะช่วยเขาไว้พอดู
เซียนซีหยางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ เหล่าเฉินท่านบอกข้ามาตามตรง ข้าแต่งงานมานานเท่าใดแล้ว เวลานี้มีเรื่องวุ่นวายอันใดเกิดขึ้นหรือไม่”
“คุณชายไยท่านถามเช่นนั้น ท่านไม่สบายตรงไหนรึขอรับ” เฉินฝูร้อนใจเป็นที่สุด
เซียนซีหยางกลอกตาแล้ว “ข้า...รู้สึกว่าตื่นมาเช้านี้สติไม่แจ่มใส รู้สึกว่าผ่านความฝันมามากมายจึงอยากยืนยันอะไรสักเล็กน้อย ท่านรีบตอบมาเถอะน่า”
“เรียนคุณชาย ท่านกับมือปราบหลัวหลังเข้าพิธีก็ผ่านมาได้หนึ่งเดือนแล้วขอรับ เวลานี้มือปราบหลัวลงใต้ไปกับสำนักซางเหรินสิงเกรงว่าอีกเจ็ดแปดวันจะกลับ เพราะเจี้ยงฉางกำลังจะจัดงานประลองยุทธ์ มือปราบหลัวจะต้องมาเข้าร่วม”
อืม...แต่งแล้วหนึ่งเดือนกว่าๆ? งานประลองยุทธ์? ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเนื้อเรื่องในตอนที่หลัวซาหมดความอดทนเพราะเซียนซีหยางที่ร้อยวันพันปีไม่เคยออกแดด เสนอหน้าไปงานประลองด้วยเพียงเพื่อกลั่นแกล้งนางเอกสินะ หลังจากนั้นเซียนซีหยางจะเจ็บช้ำน้ำใจและในขากลับนั้นเองก็เก็บมารน้อยมาได้หนึ่งตน ต่อมาก็เพาะเลี้ยงเขาไว้เพื่อฆ่านางเอก
แก้ง่ายมาก ไม่ไปเรื่องก็จบ ฮ่าๆ ๆ ๆ ....แต่คุณชายสามรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เขาไม่รู้เนื้อเรื่องอีกสามส่วนที่โคตะระจะยาว หลังจากที่มารน้อยหนีไป หลุมดำตรงนั้นมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเขาไหมหากว่าเขาไม่ได้ตายในเวลาที่มาถึง
เฮ้อ...กลุ้มใจโว้ย!
เซียนซีหยางห่อไหล่กล่าวว่า “งั้นสองสามวันนี้ ข้าออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยดีกว่า”
เฉินฝูชะงักงัน พูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “คุณชาย...ช่วงนี้มีข่าวลือที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับท่าน ข้าเกรงว่าไม่เหมาะ รอให้ได้พบกับมือปราบหลัวแล้วสานไมตรีกันก่อนจะดีกว่า”
“ข้าสงสัยมานานแล้ว ข้าไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า นอกจากการขอแต่งงานสายฟ้าแลบครานั้นน่ะ” เซียนซีหยางรู้ว่าหลัวซาไม่มาตามนัดที่ตกลงว่าต้องกลับก่อนกำหนดเพราะอะไร แต่เนื้อเรื่องก่อนหน้านั้นคือความงี่เง่าของตัวประกอบที่เขาอ่านข้ามไปเยอะมาก รายละเอียดเป็นอย่างไรไม่ค่อยอยากจะเดา
“คุณชาย ท่านจำไม่ได้หรือว่าวันนั้น ท่านขู่...ขู่ว่าหากไม่รักท่านชีวิตของเขาจะไร้ศักดิ์ศรีตลอดไป...”
เชี่ย! คำขู่ปัญญาอ่อนเช่นนี้เซียนซีหยางยังรอดมาได้อีก เจอกันครั้งหน้าไม่ถูกมองเป็นไอ้โง่ ไม่สิ หากหลัวซาแค่มองเขาเป็นไอ้โง่ก็ถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวงแล้ว
เขาลงนั่งคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเฉินฝู กล่าวด้วยวาจาจริงจังราวกับให้สัตย์สาบาน “เหล่าเฉิน ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปนี้ข้าจะไม่ทำตัวเช่นนี้อีก เพราะฉะนั้นเรื่องใดที่ข้าไม่รู้หรือหลงลืมไปเจ้าต้องบอกข้าให้หมดนะ! ”
เฉินฝูตกใจตะลีตะลานรีบปลอบคุณชายสามว่า “ใจเย็นเถิดคุณชาย ทำบ่าวหัวใจจะวายแล้ว”
“ข้าจริงจังมาก ข้าจะเปลี่ยนแปลงตนเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น” เซียนซีหยางกล่าวอย่างมั่นใจ ทำให้เฉินฝูคล้ายพบสิ่งมหัศจรรย์ คุณชายคิดจะเปลี่ยนตัวเอง มีเรื่องน่ายินดีเช่นนี้ด้วยหรือ?
“...ข้าจะเอาใจช่วยนะขอรับ”
เซียนซีหยางกล่าวอย่างจริงจังว่า “ไม่เอาใจ เอาตัว! หากหลัวซาถือดาบมาหาข้าจำไว้ว่าต้องเข้ามาขวาง! ”
1] ต้วนซิ่ว = มาจาก ‘ต้วนซิ่วจือผี่ (斷袖之癖) ’ แปลตรงตัวว่า ตัดแขนเสื้อ มีความหมายเปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ