เสียงเพลงในเล้าจน์ดังพอสมควร แม้ดนตรีจะเป็นแจ๊สแต่ก็ออกมาจากตู้เพลง หาใช่ฝีมือนักดนตรีไม่ ครั้งแรกที่เธอเข้ามาที่นี่อดทึ่งและประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นทุกสิ่งทุกอย่างขับเคลื่อนอัตโนมัติ ปราศจากหุ่นยนต์หรือแรงงานมนุษย์คอยควบคุม หรืออาจจะอยู่เบื้องหลัง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายคอยปรนเปรอ ทุกอย่างเหมือนดีกว่าที่คิดไว้ อย่างน้อยเธอยังมีเพื่อน ทว่าความเหงาไม่ได้ทุเลาลงเลย

หากอยากฟังเพลงอะไร อยากดื่มอะไร เพียงใช้ปลายนิ้วสัมผัสหน้าจอหรือออกคำสั่งด้วยเสียง ไม่กี่วินาทีของที่สั่งก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เทคโนโลยีแบบนี้ เธอเคยเห็นแต่ในหนังเท่านั้น รัฐบาลโกหกประชาชนไว้หลายอย่าง พวกเขาปิดกั้นความรู้ไม่ให้ประชาชนเข้าถึงราวกับชาวนิวโฮปคือ อดัมกับอีฟ ทุกคนอยู่ในโลกอนาคต แต่กลับใช้ชีวิตเหมือนคนในยุคก่อน และความจริงที่เธอรับรู้ในตอนนี้อาจเป็นเพียงความจริงเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความจริงทั้งหมดก็ได้

ไม่มีใครให้คำตอบหรืออธิบายข้อสงสัยอะไรทั้งสิ้น คนที่ถูกจับทั้งหมดถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตอยู่ในเกาะปลีกวิเวกสุดหรู อเล็กซิสเฝ้าถามตัวเองว่า ที่นี่มีไว้ทำอะไรกัน เธอไม่รู้ว่ามันอยู่ไกลกว่าบ้านหรือเปล่า หรือว่าอยู่ในเมืองหลวง ใต้ดิน บนฟ้า ไม่มีอะไรช่วยให้เธอเข้าใจจุดประสงค์ของโปรแกรมบำบัดมากขึ้นเลยแม้แต่น้อย เธออยู่ที่นี่มาสามวันแล้ว คนในนี้เรียกที่นี่ว่า หอพัก แต่
อเล็กซิสกลับมองว่ามันเหมือนกับคุกห้าดาวเสียมากกว่า

“เอ่อ สวัสดี เธอรู้จักจอห์น ลีลอยด์หรือเปล่า” เธอถามกลุ่มเด็กผู้หญิงที่เดินผ่าน

“รู้จักสิ ฉันคลั่งเขามาก เธอเป็นแฟนของเขาเหมือนกันใช่ไหม”

“อ่า ใช่แล้ว ๆ” อเล็กซิสโบกมือลา แล้วกลับมาหาพวกตัวเอง ถอนหายใจที่ไม่ได้ข่าวใหม่

เวดกำลังจ้องจอสั่งเครื่องดื่มจนหน้าแทบจมลงไป เขากำลังหาค็อกเทลดี ๆ มาลองชิม อเล็กซิสกับออสโล่คิดว่าเขาคงลองทุกแก้วแน่ ๆ

“สลิปเพอรี่ นิพเพิ้ล”[1]

“ชื่ออะไรวะเนี่ย!” ออสโล่หัวเราะเสียงดัง ส่วนอเล็กซิสหัวเราะคิกคัก

หนุ่มผมบลอนด์ยิ้มเช่นคนเหนือกว่า “ถ้านายไม่รู้จัก เซ็ก ออน เดอะ บีช นายก็คงไม่รู้จักอะไรพวกนี้หรอก ไอ้เด็กเนิร์ด”

“ฉันว่า อันนั้นมันของผู้หญิงนะ” อเล็กซิสออกความเห็น

“อะไรกัน แค่พวกผู้หญิงชอบสั่งไม่ได้หมายความว่ามันเป็นเครื่องดื่มของผู้หญิงสักหน่อย” เวดชี้แจ้ง เขาชิมเครื่องดื่มที่เพิ่งสั่งไป “อืม หวานแฮะ” แล้วส่งแก้วให้อเล็กซิสลอง เธอชิมไปจิบหนึ่ง พยักหน้าหงึก ๆ “จริงด้วย หวานมาก”

“ลองสักแก้วสิออสโล่ นายเห็นแล้วนี่นาว่าเทสซ่าดื่มเก่งอย่างกับผู้ชายตัวโต เลือกสักแก้วแล้วเดินไปคุยกับเธอซะ จะได้ดูมีคลาสหน่อย” เวดให้คำแนะนำพร้อมกับส่งรอยยิ้มแบบรู้กันให้
อเล็กซิส

“เกี่ยวอะไรกับเทสซ่าด้วย” หนุ่มผมแดงทำเฉไฉ

“อย่าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลย พวกเรามองออกว่านายคิดอะไรตั้งแต่เจอเทสซ่าครั้งแรกแล้ว เธอสวยขนาดนั้นนี่นา นายก็เลยเอาแต่ยืนเหวอทำหน้าโง่ ๆ”

ออสโล่หรี่ตามองเพื่อนสาว

อเล็กซิสยักไหล่เบา ๆ “ช่าย ท่าทางนายชัดมาก ขอโทษที่พูดความจริง”

“ก็ใช่ เธอสวยจริง ๆ ฉันก็แค่ผู้ชายเปล่าวะ มองปกติ ไม่มีอะไรหรอก อีกอย่าง เธอชอบผู้ชายแบบนายต่างหาก ตัวโต มีกล้าม หน้าโง่”

เวดทำหน้าฉงน “เฮ้ย ฉันไม่โง่สักหน่อย อยู่ในลิสต์ผู้เข้าชิงทุนเหมือนกับนายด้วยนะ นี่นายลืมไปแล้วเหรอไง”

“นั่นแหละ ฉันถึงสงสัยอยู่ตลอดไง ว่านายเข้ามาได้อย่างไร”

“เวดได้เอหมดทุกตัวเลยนะออสโล่” อเล็กซิสบอกเพื่อน “แถมยังเป็นกัปตันทีมฟุตบอลอีกต่างหาก ฉันรู้ว่ามันอาจไม่น่าเชื่อเท่าไร แต่เขาไม่ใช่พวกไอ้โง่ที่มีดีแค่หุ่นแน่นอน”

“ทำไมคำว่าโง่เยอะจัง” หนุ่มผมบลอนด์พึมพำ

“อ้อ จริงสิ ชอบลืมอยู่เรื่อยเลยว่าพวกนายอยู่กลุ่มไหน พวกมีอิทธิพลในโรงเรียน ได้เกรดดี ๆ เป็นนักกีฬา หน้าตาดี (“รู้ว่าประชด แต่ขอบใจ” อเล็กซิสยิ้มกว้าง) นายอย่าโทษฉันเลย โทษอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของนายดีกว่า มันทำให้นายเหมือนกับพวกสมองช้า ใช้แต่กำลัง”

กลุ่มเด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ หัวเราะคิกคักเมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา อเล็กซิสเห็นว่าสาว ๆ แอบฟังอยู่นานแล้ว แถมสายตายังมองแต่เวด มิลเลอร์จนออกนอกหน้า แม้แต่ในเกาะมนุษย์กินบัว[2]แห่งนี้ เขาก็ยังคงฮอตในหมู่เด็กผู้หญิง

เด็กหนุ่มไม่วายหันไปยิ้มให้สาวโต๊ะนั้น “อย่าโทษอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของฉันหน่อยเลยน่า อย่าลืมสิ ฉันถูกส่งตัวมาที่นี่เพราะมีโคเคนในครอบครองไม่ถึงร้อยกรัม จะว่าไงล่ะ เรียกได้ว่า ฉันเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในโลกดีกว่า” เขาหันกลับไปยังหน้าจอเมนู “แองเจิล คิส”

เวดสั่งเครื่องดื่มอีกแก้วแล้วส่งให้ออสโล่ “ของนาย สหายรัก กล้า ๆ เข้าไว้ เดินหน้ารุกซะ พวกเราจะช่วยนายเอง จริงไหม อเล็กซ์”

“แน่นอน”

“โอ๊ย อย่าทำแบบนี้สิ อย่าเข้าข้างเขา”

“เปล่าสักหน่อย ฉันทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีต่างหาก”

“เธอกลับไปหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องนั้นดีกว่า ปล่อยฉันอยู่อย่างนี้แหละ”

“เรื่องนั้นเรื่องไหน เธอคิดอะไรอยู่เหรอ” เวดจี้ถามทันที “ทำไมเธอปรึกษาแต่กับเขาล่ะ ทำไมไม่พูดกับฉันบ้าง”

อเล็กซิสกลอกตา ออสโล่ไม่ควรโพล่งออกมาเลย “ก็นายไม่เคยชอบไอเดียฉันเลยนี่นา ชอบค้านตลอด อย่าไปคิดแบบนั้นสิ อเล็กซ์ บลา บลา บลา”

“บอกก่อนสิ แล้วฉันจะบอกเองว่าชอบหรือไม่ชอบ” เวดรบเร้า

“ไม่บอก”

“เธอคิดว่าพวกเรากำลังอยู่ในฟาร์มวัวในอีสต์แลนด์น่ะ” ออสโล่ยักคิ้วกวนใส่ “เขาจะถามเธอจนกว่าเธอจะยอมปริปากอยู่ดี บอก ๆ ไปเหอะ หมอนี่ขี้ตื๊อจะตาย”

เวดดีดนิ้วให้เพื่อน “อย่างงี้สิถึงเรียกว่าเพื่อน แล้วไอ้ฟาร์มที่ว่านั่นคืออะไร”

อเล็กซิสเตะขอบเคาท์เตอร์ “นายอยากเริ่ม นายก็พูดเองเลย” เธอโยนให้ออสโล่แล้วขโมยเครื่องดื่มของเขามาดื่มจนหายไปครึ่งแก้ว

“โอเค...คืองี้ ฟาร์มวัวในอีสต์แลนด์เนี่ย พวกเขาจะให้อาหารที่ดีที่สุดกับพวกมัน ให้พวกโคดื่มเบียร์ดี ๆ นวดเฟ้นกล้ามเนื้อให้พวกมันผ่อนคลาย แล้วก็เปิดเพลงให้พวกมันฟัง จากนั้นพอถึงเวลา สวบ (เขาทำท่าปาดคอ) อเล็กซ์คิดว่า พวกเราเหมือนวัวพวกนั้น”

เวดเม้มปาก อเล็กซิสมองตาเขียวใส่เพื่อนผมแดง “โทษที ๆ” ออสโล่ว่า

แต่มันคือความจริงไม่ใช่หรือ สิ่งที่เธอคิดและหมกมุ่นมันมีเหตุผลในตัวของมันเอง เธอรู้ว่าทั้งเวดและออสโล่ต่างมีคำถามอยู่ในใจเหมือนกัน ทำไมรัฐบาลถึงจับกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต้องสงสัยมาปล่อยทิ้งไว้ในสวรรค์มายาแห่งนี้ด้วยเล่า แถมยังยัดเยียดสิ่งบันเทิงทุกอย่างมาให้พวกเขาเล่นฆ่าเวลา และที่สำคัญ พวกเขาไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอกได้เลย แม้แต่ท้องฟ้า ไม่มีใครบอกว่าพวกเขาต้องรออะไร รอเพื่ออะไร และไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ประการที่สอง จอห์น
ลีลอยด์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน รวมทั้งคนที่ถูกจับมาก่อนหน้าล่ะ พวกเขาอยู่ที่ไหนกัน คำถามเป็นร้อยผุดขึ้นมาในหัวเหมือนดอกเห็ด แต่คำตอบก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่วันยังค่ำ

“แล้วยังไงล่ะ” เวดค้านความคิดของเธอ “อย่างกับพวกเราสามารถทำอะไรได้อย่างงั้นแหละ ถ้าคนพวกนั้นจะปฏิบัติกับเราเหมือนพวกโค แล้วเธอจะทำอะไรได้ ใช้ชีวิตให้มันสุด ๆ ไปเลยเหอะ ฉันบอกเลยนะ ถ้าพรุ่งนี้พวกมันจะฆ่าฉัน ฉันก็จะไม่เสียใจหรอก”

ออสโล่นั่งจ้องแก้วค็อกเทลอยู่เงียบ ๆ ส่วนเวดเริ่มมองเหม่อ มีแต่ฉันสินะที่จินตนาการภาพรัฐบาลเลวร้ายกว่าใครเพื่อน

“เห็นไหม ไม่ควรพูดเลย ครั้งหน้า ฉันก็จะไม่พูดกับนายเหมือนกัน เพราะนายปากสว่าง”

หนุ่มผมแดงผลักแก้วเครื่องดื่มออกไปไกลตัว “โทษ ก็เพราะพวกเธอเริ่มก่อนนี่นา เรื่องเทสซ่าไง แต่เอาจริง ๆ นะ  ฉันเห็นด้วยกับเวด ฉันรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไร อเล็กซ์ แต่พวกเราทำอะไรไม่ได้จริง ๆ นั่นแหละ ใช้ชีวิตให้สนุกเท่าที่เราจะทำได้ อย่างน้อย ที่นี่ก็ไม่ใช่คุกหรือโรงพยาบาลอย่างที่พวกเราเข้าใจ ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด บางที มันอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดก็ได้” เขาหันไปทางเวด “แล้วฉันก็ชอบเบียร์มากกว่า”

“น่าเบื่อ ชอบอะไรซ้ำซากจำเจ ถ้านายอยากมีแฟน นายต้องเปลี่ยนตัวเองก่อน ส่วนเธอ อเล็กซ์ ลืมเรื่องนั้นไปซะ เลิกคิดอะไรไร้สาระแล้วมาช่วยให้หมอนี่เสียซิงสักทีดีกว่า”

“หุบปากน่า ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”

“หวัดดี พวกนาย!” เทสซ่าเดินเข้ามา สวยเด่นมาแต่ไกล พอมาถึงก็เอามือเท้าสะเอว ส่วนมืออีกข้างเกาะเก้าอี้ไว้ เทสซ่าสวมเสื้อสายเดี่ยวสีดำครึ่งตัว กับกางเกงทหารสีกากี ศีรษะของเธออยู่ประมาณหูของอเล็กซิส

“ได้เวลาพอดีเลย ลุยเลยเพื่อน!” เวดเชียร์เมื่อพวกพี่น้องโธมัสโผล่มา เทสซ่าอายุสิบเก้า เป็นเพื่อนคนแรกของพวกเขา เธอทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าของที่นี่ คอยให้คำแนะนำและพาเดินชมรอบ ๆ จนพวกอเล็กซิสรู้ว่าที่ไหนเป็นอะไรบ้าง พวกเทสซ่าแทบจะเป็นประชากรกลุ่มแรกเลยก็ว่าได้ เพราะอยู่ที่มาก่อนเด็กซานโบซ่าราว ๆ สามอาทิตย์ เธอเล่าว่า ตอนแรกมีคนไม่เยอะเท่าไรนัก แต่เมื่อมีหน้าใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ที่นี่ก็เริ่มแน่นขึ้นอย่างที่เห็น

“อเล็กซิสจ๊ะ ฉันแอบเห็นเธอถามหาจอห์น ลีลอยด์ที่โรงหนังด้วยนะ ถ้าพวกฉันไม่เห็นเขา ก็ไม่มีใครเห็นแล้วล่ะ เชื่อเถอะ” เทสซ่าว่า สายตามองไปยังเสื้อแจ๊กเกตของเพื่อนสาว “ตัวนี้ก็สวยจัง”

ส่วนอีกสองคนที่อยู่ข้างหลังเทสซ่าคือ มินนี่และโนเอล มินนี่เป็นน้องเล็กสุด อายุสิบเจ็ดปี แม้จะเป็นพี่น้องกัน แต่มินนี่ไม่เหมือนเทสซ่า เด็กสาวไม่ค่อยพูด แล้วยังชอบแอบร่างเล็ก ๆ อยู่ข้างหลังโนเอลเสมอ นาน ๆ ครั้งเธอจะพูดสักที และพอเธอพูด ทุกคนจะเงียบเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด ดังนั้นพวกอเล็กซิสเลยไม่ค่อยได้คุยกับมินนี่ ส่วนโนเอล พี่คนโตสุด และอาจจะอายุมากสุดในที่นี้เลยก็ว่าได้ เพราะเขาอายุยี่สิบแปดแล้ว โนเอลเคยเป็นทหารมาก่อน ร่างของเขาใหญ่ราวกับตึกทำเอาเด็กหนุ่มร่างบึ๊กอย่างเวดกลายเป็นเด็กน้อยไปเลย พี่น้องโธมัสมีลักษณะที่เหมือนกัน คือผิวสีน้ำตาลเชสนัทและผมสีดำเข้ม มินนี่และโนเอลมีดวงตาสีฟ้าน้ำทะเล ส่วนเทสซ่ามีดวงตาสีเงินคล้ายกับมีแสงแฟลชอยู่ข้างใน เธอมีดวงตาที่สวยมาก

“พวกเรากำลังจะไปคลับ พวกเธอไปด้วยกันไหม” เธอถามคนทั้งสาม แต่สายตาจดจ่ออยู่ที่เวดคนเดียว

“แน่นอน” เวดรีบตอบตกลง ส่วนออสโล่ แทนที่เขาจะคุยกับสาวที่ตัวเองชอบกลับเอาแต่จ้องเครื่องดื่มในมือราวกับมันมีอะไรน่าสนใจมากกว่าคนตรงหน้า “ออสโล่ก็พูดอยู่เมื่อกี้ว่าจะไป”

คนที่ถูกอ้างชื่อหันไปจ้องเพื่อนเผยพิรุธทันที แต่อเล็กซิสจับหัวเขาให้อยู่นิ่งแล้วพยักหน้าเออออกับเวด

เทสซ่าอาจจะจะสังเกตเห็นท่าทางแปลก ๆ ของพวกเขาก็ได้ แต่เธอแค่ยิ้ม ไม่ว่าอะไร “ดี ๆ ไปกันเลยไหม”

เวดผลักออสโล่ให้ลงจากที่นั่ง หนุ่มผมแดงทำเสียงไม่พอใจเบา ๆ เมื่อเพื่อนบังคับให้เขารุกหน้าจีบสาว ทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังใจไม่กล้าพอ

เพื่อช่วยให้ออสโล่มีแฟนกับเขาเสียที เวดเลยปล่อยให้เขาเดินกับเทสซ่าสองต่อสอง ส่วนตัวเองพยายามชวนมินนี่คุย อเล็กซิสประกบโนเอล พี่ชายของเทสซ่าคงสังเกตเห็นว่าพวกเขาวางแผนอะไรกัน ถึงได้เดินจ้องคนทั้งสอง ตาไม่กะพริบ

“เขาเป็นคนดีนะ” อเล็กซิสรีบบอก “จริง ๆ นะ นิสัยดีแล้วจิตใจดีอีก ฉันรับประกันได้เลย”

“อืม ฉันเห็นอยู่ว่าพวกเธอเล่นอะไรกัน แต่เทสซ่าไม่ใช่คนที่ใครจะมาเล่นจับคู่ให้ได้หรอกนะ แล้วเด็กคนนั้นก็ไม่ใช่สเป็กของเทสด้วย เธอก็น่าจะเห็น เขาขี้อายและอ่อนแอเกินไป ไม่ได้จะว่าเพื่อนเธอหรอกนะ แต่เขาเหมือนน้องชายของเทสซ่ามากกว่า ดูสิ” โนเอลพยักพเยิดหน้าไปทางทั้งสอง

อเล็กซิสไม่ได้เถียงกลับ เพราะโนเอลพูดถูกทุกประการ ออสโล่มีท่าทีอึดอัดและไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด ท่าทางแบบนี้จะทำลายโอกาสมัดใจผู้หญิงแน่นอน โดยเฉพาะ ผู้หญิงที่มีความมั่นใจตัวเองสูงอยู่แล้วอย่างเทสซ่า เพราะเมื่อฝ่ายหญิงชวนคุย ออสโล่ตอบเพียงแค่ “ใช่ ๆ อ้อ นั่นสินะ”

ไม่น่ารอดแฮะ

“อ้อ จริงสิโนเอล พวกนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” อเล็กซิสถามชายหนุ่ม ทั้งหมดเดินเข้าไปในคลับ ใช้เวลาเพียงแค่สามสิบวินาทีจากที่เก่าเท่านั้น เพราะคลับกับเล้านจ์ไม่ได้ห่างกันมาก

“อ้อ เรื่องมันยาวน่ะ”

“ไม่เป็นไร พวกเราอยากฟัง” เวดหันหน้ามาคุย สีหน้าเหม็นเบื่อเต็มทน เขาจนปัญญาที่จะคุยกับมินนี่ให้รู้เรื่อง แทนที่จะตอบคำถามของเวด มินนี่เอาแต่ฮัมเพลงอยู่คนเดียวราวกับโลกนี้มีแค่เธอ อเล็กซิสรีบหันไปมองทางอื่นเพื่อกลั้นขำ

เสียงดนตรีในคลับดังยิ่งกว่าที่เก่าเสียอีก อเล็กซิสเห็นผู้คนเต้นกันอย่างสุดเหวี่ยงเหมือนต้องการปลดปล่อยอารมณ์ โดยส่วนตัวแล้ว อเล็กซิสไม่ได้ชอบที่นี่มากไปกว่าเล้าจน์เลย เธออาจไม่ได้ชอบเพลงแจ๊ซมากเท่าไร แต่ดนตรีอิเล็กโทรนิกแด๊นซ์ล้วน ๆ ไม่ใช่แนวยิ่งกว่า เทสซ่าชวนทุกคนออกไปขยับร่างกาย แต่มีเพียงออสโล่เท่านั้นที่ยอมออกไป (เพราะถูกกดดันด้วยสายตา) ส่วน
อเล็กซิสกับเวดเลือกที่จะนั่งฟังโนเอลเล่าเรื่องของเขาแทน

“พวกเธอไม่ค่อยชอบเต้นกันหรอกเหรอ เทสซ่าชอบมากเลยล่ะ แถวบ้านพวกเราไม่มีสถานรื่นเริงแบบนี้”

“ในเดอะ เวสท์น่ะเหรอ” อเล็กซิสถาม

“อื้อ สภาพเมืองก็เหมือนกับชื่อของมัน เมืองห่วย ๆ ผู้คนสันดานต่ำ  ศูนย์รวมขยะเน่าจากทุกที่” เขาซดเบียร์ในมือตัวเองจนเกือบหมดแก้ว “เอาล่ะ อยากฟังเรื่องของพวกฉันใช่ไหม”

“รอมานานแล้ว” เวดตบหน้าตัก

“เอ้า ก็ได้ มันเริ่มมาจากที่ฉันเห็นกองทัพประกาศรับสมัคร ฉันก็สมัครทันที พอผ่านบททดสอบเบื้องต้นก็ถูกโอนย้ายไปฝึกเพื่อเป็นหน่วยคอมแมนโดเลย เพราะฉันเกิดมาแข็งแรงและตัวโตกว่าคนอื่นบวกกับทำงานตั้งแต่เด็ก ผลงานของฉันเลยเตะตาหัวหน้าเข้า เขาชอบฉันมาก เพราะแบบนี้ พวกขี้อิจฉาเลยกล่าวหาว่าฉันเป็นกลุ่มต้องสงสัย ฉันไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนไปแจ้งตำรวจเรื่องนี้ แถมยังไม่มีโอกาสหาหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง คนที่อาศัยอยู่ในเดอะ เวสท์ล้วนเกิดมาโชคร้ายกันทั้งนั้น แม้แต่พวกตำรวจยังไม่ใช่ตำรวจที่ดีเลย พอได้รับแจ้งข้อกล่าวหาก็จับฉันทันที ไม่ส่งไม่สืบอะไรแม่ง ด้วยความโมโห โนเอลวางแก้ววางลงบนโต๊ะเสียงดังจนอเล็กซิสสะดุ้ง

“ดีแล้วที่นายไม่เจอการสอบสวนแบบพวกเรานะ” เธอแทรก สายตามองที่แก้วในมือโนเอล สงสัยว่ามันจะแตกไหม ส่วนเวดพยักหน้าเออออเป็นลูกคู่ “นายจะถูกทรมานแล้วก็ถูกตัดสินว่าผิดอยู่ดี”

ว่าไงนะ นี่หมายความว่าไม่มีที่ไหนยึดหลักกฎหมายเลยเหรอ รู้ไหม หัวหน้าของฉันไม่พอใจมาก เพราะเขาเล็งว่าจะส่งฉันไปแถวชายแดนพร้อมกับหน่วยรถถังใหม่ แต่เขาไม่สามารถเข้ามาช่วยในคดีนี้ได้ แม่ของฉันร้องขอให้มีการสืบสวนก่อน แม่เป็นนักสู้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ไอ้พวกตำรวจเวรมันดันดูถูกเธอกับครอบครัวพวกเรา ตอนนั้นเองที่เทสซ่าทำบางสิ่งที่แม้แต่ฉันตอนนี้ยังไม่อยากจะเชื่อ”

“เธอเป็นกลุ่มเสี่ยงเหรอ” เวดถามทันที

ทั้งอเล็กซิสกับเวดต่างเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถึงแม้อเล็กซิสจะเคยเจอกลุ่มเสี่ยงซึ่งก็คือซอนย่ามาแล้ว แต่ประสบการณ์ตอนนั้นแย่เกินกว่าที่เธออยากจะจำมัน และที่สำคัญ เธอไม่เห็นว่าซอนย่าแสดงความสามารถอย่างไร นอกจากรู้ว่าผลลัพธ์เป็นแบบไหนเท่านั้น พวกเขารู้ว่าในนี้ต้องมีกลุ่มเสี่ยงปะปนอยู่กับกลุ่มต้องสงสัยแน่นอน แต่สามวันมานี้ ทั้งหมดยังไม่เคยเห็นใครยอมเผยตัวออกมาเลยสักคน

โนเอลเหลือบมองเทสซ่าที่กำลังเต้นกับเด็กผู้ชายคนอื่น ส่วนออสโล่ถูกทิ้งยืนอยู่คนเดียว อเล็กซิสรู้สึกว่าเทสซ่ากำลังบอกพวกเขาผ่านภาษากายว่า “อย่าได้จับคู่ฉันกับเขาเชียวนะยะ”

โนเอลเล่าต่อ “เทสซ่าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยงมาก่อน ตอนนั้นเธอโกรธที่พวกตำรวจปฏิบัติกับพลเมืองแบบนั้น โดยเฉพาะเมื่อพลเมืองคนนั้นคือแม่ของพวกเรา เทสแค่อยากจะสาปแช่งพวกมันเฉย ๆ แต่เสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงประหลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยิน ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เสียงของเทสซ่าทำร้ายพวกตำรวจ แล้วทุกอย่างก็แย่ลงทันที เพราะเทสคุมตัวเองไม่ได้ จากนั้นพอทุกอย่างสงบ พวกเราสามพี่น้องก็ถูกจับกันหมด”

“เสียใจด้วยนะ” อเล็กซิสบอก “แต่ว่า...ทำไมถึงถูกจับกันหมดเลยล่ะ นายถูกจับอยู่ก่อนแล้ว พอเข้าใจได้ แต่มินนี่เกี่ยวอะไรด้วย”

โนเอลยิ้มอย่างขมขื่น “พวกมันบอกว่า ความสามารถเหนือมนุษย์อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับทั้งพี่และน้อง ฉันถูกตัดสินไปแล้ว ส่วนมินนี่เลยถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัยทันที”

 เวดกับอเล็กซิสมองหน้ากันโดยอัตโนมัติ ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่ซานโบซ่า ออสโล่คงจะโชคร้ายที่สุด เพราะเขามีพี่น้องร่วมสายเลือดถึงสี่คน ทั้งสองไม่แน่ใจว่าควรใช้คำว่า โชคดี หรือไม่ แต่อย่างน้อย กระบวนการทางกฎหมายในเมืองซานโบซ่ายังดีกว่าในเดอะ เวสท์ แต่คำว่า ดีกว่า ก็ไม่ได้หมายความว่ามันถูกต้องแล้ว

ทุกคนเหลือบมองเด็กหนุ่มผมแดงที่ยืนทำตัวไม่ถูกเมื่อเทสซ่าเอาแต่สนุกกับคนอื่น อเล็กซิสสงสัยว่าตัวเองทำถูกหรือเปล่าที่พยายามผลักดันให้เขาจีบเทสซ่า เพราะเธอไม่ชอบใจเวลาเห็นเพื่อนถูกกระทำแบบนี้

“เราเรียกเขากลับมาเถอะ” อเล็กซิสบอกเวด

“ลองดูอีกนิดน่า”

“ไม่สำเร็จหรอก” มินนี่ที่นาน ๆ ทีจะพูดเกิดนึกอยากร่วมบทสนทนาขึ้นมา เธอชี้นิ้วไปทางพี่สาวของตัวเองกับออสโล่ “เทสไม่ชอบเขา เทสชอบคนแบบนาย” เด็กสาวชี้นิ้วไปที่เวด “แล้วก็คนนั้น” เธอมองไปยังโต๊ะที่อยู่มุมสุด เลยไปไกลจากโต๊ะของพวกเขา เด็กหนุ่มคนดังกล่าวนั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางแสงไฟหลากหลายสีสันที่ฉายแสงใส่คนในคลับ มีเพียงหอคอยแก้วชอตที่เขาสร้างขึ้นตั้งอยู่บนโต๊ะเป็นเพื่อนเท่านั้น เขาไม่คุยกับใครเลย แต่แค่นั่งเฉย ๆ กลับดึงดูดสายตาโดยไม่ต้องทำอะไร

วินาทีที่อเล็กซิสหันไปมอง เด็กคนนั้นมองกลับมาอย่างรวดเร็ว มันเป็นความรู้สึกที่ประหลาด เขามักจะมองกลับมาเร็วเสมอเหมือนรู้สึกตัวตลอดเวลาว่ามีคนมองอยู่ รูปลักษณ์ของเขาดึงดูดสายตาของอเล็กซิสได้สนิท ทั้งผมสีเงินและดวงตาสีฟ้าเข้ม สีหน้าของเขาเหมือนกับกระจกสะท้อนสีหน้าของอเล็กซิสเช่นกัน เธอสอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามีเรดาร์ติดตัวหรืออย่างไร ในเมื่อเขาสามารถจับสายตาคนได้ตลอด เธอจำเด็กหนุ่มคนนี้ได้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ พวกเขาเหมือนรู้จักกันมาก่อน อันที่จริง ควรใช้คำว่า พอคุ้นหน้าคุ้นตามากกว่า

“เด็กคนนั้น” โนเอลพึมพำ “เขาไม่คุยกับใครเลย พวกเราพยายามจะเป็นเพื่อนกับเขา แต่เขากลับอยากอยู่คนเดียว เป็นเด็กที่แปลกจริง ๆ ไม่มีใครรู้ชื่อเขาเลยด้วย”

“ไมเคิล” อเล็กซิสตอบ

“เธอรู้จักเขาเหรอ” เวดถาม เริ่มกระวนกระวายขึ้นมาทันที

“อื้อ เราเคยเจอกัน นานพอสมควร ฉันว่าเขาน่าจะเป็นคนขี้อายมาก ๆ ...หรือไม่ก็ ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่สิ ไม่ชอบคน”

“แล้วไปรู้จักกันตอนไหน”

“ตอนที่ไปเทสหน้ากล้อง”

“งานอะไร”

อเล็กซิสข่มอารมณ์ “เล็กซี่ไง เขามาพร้อมกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าไม่อยากมา เหมือนถูกบังคับให้มาอะไรแบบนั้น พอรู้ว่าที่นั่นมีไว้สำหรับแคสนักแสดงถ่ายโฆษณา เขาโวยวายและพยายามจะหนีออกไปให้ได้ แต่เขาเด่นมากเลยนะ พวกผู้หญิงมองเป็นตาเดียว ฉันยังจำได้เลยว่าพอจอห์นเห็นเขาเท่านั้นแหละ จอห์นก็บอกให้เอาไมเคิลเป็นนักแสดงหลักทันที ส่วนจอห์นจะไปเป็นตัวประกอบแทน คือ ฉันรู้ว่าเขาเล่นมุกนะ แต่สายตาของจอห์นเหมือนอยากจะปั้นเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง”

“แค่นี้เหรอ” เวดถามจี้

เธอทำเสียงจิ๊จ๊ะใส่นิสัยช่างซักของเพื่อนชาย

“เขาจ้องอเล็กซิสกลับด้วย” มินนี่ตั้งข้อสังเกต

“ใช่สิ เพราะพวกเราจำกันได้ ดูจากสีหน้าก็รู้ แต่เขาไม่พูดกับฉันเหมือนกัน เมื่อเช้านี้ฉันเจอเขาที่โรงอาหาร ก็เลยเข้าไปทักและชวนมานั่ง แต่แทนที่เขาจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ กลับตอบด้วยการเดินหนี” อเล็กซิสหัวเราะในลำคอ

ตอนนี้เด็กหนุ่มคนนั้นหันกลับไปแล้ว

“ใช่ เขาเป็นแบบนี้แหละ พอใครคุยด้วยก็เดินหนี” โนเอลว่า “เจอเหมือนกัน”

“อ้อ ฉันว่า ก็แค่เด็กผู้ชายธรรมดา พวกพิลึกอะไรแบบนั้น” เวดทำราวกับเขาไม่สนใจ แต่ไม่อาจกลบน้ำเสียงอิจฉาได้

“เขาหล่อมาก...มากกว่านายหลายเท่าเลย” ถ้าจะพูด มินนี่ไม่สนใครทั้งนั้น เวดขยับตัว นิ่วหน้า “เขาเป็นหนึ่งในหนุ่มที่เทสซ่าปลื้มสุด ๆ ทั้งนาย เด็กคนนั้น แล้วก็...”

“มินนี่ อย่าเผาพี่ตัวเองสิ” โนเอลสั่นหัว

เด็กสาวไม่ได้พูดเกินจริงหรอก ไมเคิลเป็นเด็กหนุ่มที่พวกผู้หญิงลืมจอห์น ลีลอยด์ทันทีที่เขาปรากฏตัว เธอจำช่วงเวลานั้นได้ดี เพราะเหตุนี้จอห์นจึงหันมาแซวตัวเองก่อนที่ใครจะเริ่ม คงไม่เป็นการพูดเกินจริงถ้าจะเปรียบว่าไมเคิลงดงามราวกับเทพบุตรเลยทีเดียว อาจเป็นเพราะสีผมที่ต่างจากคนอื่น และอเล็กซิสยอมรับว่าเธอเองก็เป็นพวกผู้หญิงในกลุ่มนั้นแหละ ที่ลืมจอห์นเสียสนิท

“เธอเป็นนางแบบด้วยเหรอ” มินนี่ถาม ท่าทางเหมือนสนใจ อเล็กซิสไม่แน่ใจว่าเธอควรดีใจหรือไม่ที่ทำให้มินนี่สนใจตัวเองได้

“ไม่เชิงหรอก ฉันยังเป็นมือสมัครเล่น พวกตัวประกอบนะ” อเล็กซิสตอบ

มินนี่ขยับตัวมานั่งปลายเบาะ เอามือเท้าคาง จ้องหน้าเธอ “ถ้าอย่างนั้นคนนั้นก็เป็นนายแบบเหมือนกันใช่ไหม เขาเป็นสเป็กเธอหรือเปล่า ฉันเห็นว่าเขามอง ๆ เธออยู่ตั้งแต่พวกเราเข้ามาในนี้แล้ว”

“ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นหรอกมินนี่ เชื่อเถอะ” อเล็กซิสเม้มปาก ก่อนจะย้ำคำตัวเอง “ฉันเพิ่งบอกไปแล้วไงว่าพวกเราเคยเจอกันมาก่อน”

“แต่เขาไม่เคยมองเทสซ่าเกินห้าวินาทีเลยนะ เขามองเธอตั้งสิบวินาที”

โนเอลหัวเราะ “นี่น้องนับด้วยเหรอ” สายตาที่เขามองน้องสาวคนเล็กเหมือนกับเวลาที่พ่อมองชาร์ลี

มินนี่พยักหน้าหงึก ๆ

“เขาไม่ใช่สเป็กของอเล็กซิสหรอก” เวดสรุปเอาเอง

“อ้าว นายรู้ได้ยังไงล่ะ เขาน่ารักจะตาย” อเล็กซิสเผลอปากไว แต่มันเป็นความผิดมหันต์ เพราะเวดไม่ชอบใจที่เธอชมเด็กหนุ่มคนนั้น

“คือ ถ้าเปรียบเทียบกับแฟนเก่าของเธอนะ ผู้ชายจะต้องผมสีทอง ตัวสูง หล่อ แล้วก็เป็นนักกีฬา นิสัยดี อ่อนโยน”

“เวด...อย่าเริ่มได้ไหม ฉันไม่ใช่คาร์เตอร์” อเล็กซิสเกือบลืมไปแล้วว่าเวลาโดนมีดแทงข้างหลังมันเป็นอย่างไร แค่คิดถึงครอบครัวและเพื่อนมันทรมานน้อยเกินไปใช่ไหม ทำไมเขาต้องขุดเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาพูดให้เธอกระอักเลือดเล่น

“โทษ ก็แค่ตอบมินนี่เฉย ๆ” เขายักไหล่

“เปล่า นายไม่ได้จะตอบเธอ นายตั้งใจแกล้งฉันต่างหาก”

“นายหมายถึงตัวเองเหรอ ว่านายเป็นสเป็กของอเล็กซิส แต่ฉันว่านายไม่ใช่คนอ่อนโยนนะ” มินนี่ว่า ไม่สนใจว่าการใช้คำพูดของเธอนั้นมีปัญหา อย่างไรก็ตาม อเล็กซิสไม่คิดว่าเวดจะสนใจ เขาสมควรโดนซะบ้าง

“ใช่ มินนี่พูดถูก นายนิสัยไม่ดี” เธอย้ำคำมินนี่

“เด็ก ๆ ไม่ทะเลาะกันน่า” โนเอลแทรกขึ้น เขาทำตัวราวกับเป็นผู้เฒ่าของกลุ่ม “มินนี่ อย่าถามเรื่องส่วนตัวของคนอื่น” พอโดนพี่ชายปราม มินนี่จึงเอนหลังพิงไปกับพนักเก้าอี้ กลับไปนั่งมองคนในคลับด้วยสายตาช่างฝันเหมือนเดิม ไม่สนใจพวกเวดกับอเล็กซิสอีก

“ขอโทษ” เวดกระซิบบอก

“นายไม่ได้อยากขอโทษหรอก เพราะนายเป็นแบบนี้ทุกที” อเล็กซิสบ่น “ตั้งแต่พวกเรามาอยู่ที่นี่ นายก็ทำตัวเหมือน...”

“ก็แค่อยากรู้ว่าเธอลืมหมอนั่นแล้วหรือยัง” เวดไม่ยอมแพ้ “ถ้าเธอลืมเดวี่ได้แล้ว ทำไมเธอต้องหงุดหงิดใส่ฉันด้วยล่ะ”

“ฉันหงุดหงิดเพราะนิสัยนายต่างหาก แล้วฉันบอกเมื่อไหร่ว่าลืมเขาได้แล้ว”

โนเอลนั่งเงียบ เมื่อบทสนทนาที่คุยกันอยู่ดี ๆ กลายเป็นบททะเลาะ อเล็กซิสรู้ดีว่า ถึงเขาทำเป็นไม่สนใจ แต่เขากำลังฟังอยู่ “รู้อะไรไหม เวด ไปหาคาร์เตอร์ซะ ถ้านายอยากฝึกลับฝีปากล่ะก็ และถ้านายอยากรู้ ใช่ ฉันยังรักเดวี่อยู่ พอใจไหม”

พอฟังจบ เวดลุกขึ้นทันที เขาเดินไปหาเทสซ่าแล้วสั่งให้ออสโล่กลับมานั่งที่โต๊ะ ส่วนตัวเองก็เต้นกับผู้หญิงแทน ไม่สนใจว่าออสโล่จะรู้สึกอย่างไร เทสซ่าเองก็ยินดีที่เขามาแทนออสโล่

เพื่อนผมแดงเดินกลับมาที่โต๊ะแล้วนั่งลงข้าง ๆ อเล็กซิสด้วยท่าทางโล่งใจมากกว่าโกรธเคือง “เป็นอะไรของเขา นี่ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”

พอไม่มีเบลินดา คาร์เตอร์ เวดจึงหาคนทะเลาะคนใหม่ ซึ่งก็คืออเล็กซิส เขาชอบกระตุ้นให้อเล็กซิสโหยหาวันเก่า ๆ เธอพยายามที่จะใช้ชีวิตตามหลักการของเขาแล้ว แต่มันยากกว่าที่คิดไว้มาก เหตุการณ์แม้เพิ่งผ่านมาไม่นาน แต่กลับเหมือนผ่านมาเป็นปี ถึงกระนั้น อเล็กซิสยังจำได้ว่าเธอเสียใจขนาดไหนเมื่อรู้ว่าเดวี่กับจูนทำอะไรลับหลัง แต่ตอนนั้นอเล็กซิสยังมีครอบครัวและเพื่อนที่คอยให้กำลังใจ ไม่เหมือนตอนนี้

บางทีอาจเป็นเพราะความเหงา เธอคิดว่าลืมความเจ็บปวด แต่ยิ่งโหยหายิ่งเจ็บ

มันยากนะ ที่จะกลับไปเป็นตัวเองเหมือนเมื่อก่อน ในเมื่อฉันสูญเสียทุกอย่างไปแล้ว นายคิดว่าฉันต้องทำอย่างไรเหรอเวด คบกันนายทันทีอย่างงั้นเหรอ

“โอเค พวกเธอตีกันอีกแล้วจริง ๆ สินะ” ออสโล่สรุป เมื่อเธอไม่ตอบ

“นายก็รู้ เขาชอบย้ำแผลเก่าฉันอยู่เรื่อย” เธอฟ้องเพื่อน

“ก็เขาเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองนี่นา” ออสโล่พูด “ฉันว่า แทนที่หมอนั่นจะทำตัวเป็นกูรูเรื่องความรัก เขาควรเรียนรู้ที่จะเป็นคนสุภาพอ่อนน้อม แล้วจีบเธอให้สำเร็จเสียก่อน”

“นี่แหละ ข้อเสียของความรักหนุ่มสาว มีแต่ใช้อารมณ์กันทั้งนั้น” โนเอลพึมพำลอย ๆ ขึ้นมา

อเล็กซิสไม่พอใจที่เขาใช้คำว่า ความรักหนุ่มสาว จึงโต้ตอบไป “โธ่ คุณปู่ ความรักของเด็ก ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องไร้สาระไปทุกเรื่องหรอกนะ และระหว่างฉันกับเวดไม่ได้เรียกว่าความรักด้วย”

เขายกมือขึ้นทั้งสองข้าง ทำท่าเหมือนยอมแพ้ “ไม่เอาน่า ฉันไม่ทะเลาะกับพวกเธอหรอก ต้องไปทำหน้าที่พี่ชายก่อนแล้ว” จากนั้นโนเอลก็เดินอาด ๆ ตรงไปยังเวดกับเทสซ่าที่ดูเหมือนจะถึงเนื้อถึงตัวกันมากขึ้น

ออสโล่ถอนหายใจ “หมอนี่เด็กจริง ๆ พยายามเรียกร้องความสนใจจากเธออยู่นั่นแหละ”

“แล้วนายรู้สึกอย่างไรล่ะ ออสโล่” อเล็กซิสพยักพเยิดไปทางเพื่อนตัวเองกับสาวผมดำ

เขาหัวเราะ “เอาจริง ๆ นะ ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่หึงหวง ไม่รู้สึกแย่กับเวดด้วย ฉันเพิ่งเจอเทสซ่านะ เธอสวยก็จริง แต่ว่า...ฉันยังคิดถึงคริสติน่าอยู่ เพราะอย่างนี้ ฉันถึงเข้าใจเธอไงล่ะ อเล็กซ์ ดังนั้น หลังจากนี้ เลิกช่วยเขาจับคู่ให้ฉันได้แล้ว”

“เข้าใจแล้ว” อเล็กซิสตอบรับเสียงอ่อน

สถานการณ์ต่าง ๆ ทำให้เวด อเล็กซิส และออสโล่สนิทกันมากขึ้น ในขณะที่เบลินดาหาเพื่อนใหม่และต่างฝ่ายต่างทำเป็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ที่เหลืออีกสามคนจึงมักเกาะกลุ่มกัน สิ่งที่ทำให้อเล็กซิสอึดอัดคือการที่เวดคิดว่าเขากำลังจะกลายเป็นแฟนของเธอ เขาเป็นเพื่อนที่ดีมาก ยกเว้นนิสัยน่ารำคาญข้อนี้ข้อเดียว บางครั้ง จู่ ๆ เขายกเรื่องเดวี่กับจูนขึ้นมาพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอหน้าตาเฉย อเล็กซิสยอมรับว่า บาดแผลที่จูนกับเดวี่เทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลที่พวกตำรวจและรัฐบาลทำกับเธอ แต่แผลเป็นก็คือแผลชนิดหนึ่ง มันอาจจะไม่เจ็บปวดเหมือนแผลสด แต่เมื่อคุณมองเห็นมัน คุณจะนึกออกว่าความเจ็บปวดแบบนั้นเคยทำร้ายคุณอย่างไร

โนเอลเดินกลับมาที่โต๊ะพร้อมกับเทสซ่า ใบหน้าของเธอแดงจัด และมันไม่ใช่เพราะเหล้า “ฉันไม่ใช่เด็ก ๆ แล้วนะพี่!

“แต่เธอทำตัวเป็นเด็กเอง อย่าเล่นหูเล่นตาไปทั่วได้ไหม เลิกเล่นได้แล้ว อย่ามาเล่นเกมอะไรแบบนี้”

“พี่ไม่ใช่พ่อสักหน่อย ฉันอยากจะทำอะไรก็ได้!

“ฉันไปหาเครื่องดื่มเพิ่มดีกว่า” อเล็กซิสกระซิบบอกออสโล่แล้วรีบหนีออกมาจากจุดนั้น

“เฮ้ย รอด้วย” ออสโล่ตามมา “นี่มันวันอะไรวะเนี่ย วันทะเลาะแห่งชาติเหรอไง ไปทางไหนก็เจอแค่คนตีกัน”

พวกเขาสั่งไลท์เบียร์มาคนละแก้วและตัดสินใจนั่งแอบอยู่หลังน้ำพุไวน์ ทั้งสองคุยสัพเพเหระไปเรื่อย พอไม่มีเวด อเล็กซิสสามารถพูดความคิดของเธอออกมาให้ออสโล่ฟังได้มากกว่า ยกเว้นเสียแต่ว่า ถ้าเธอคิดจับคู่เรื่องเขากับเทสซ่าอีก ออสโล่ก็จะขายเธอทันที

“นั่นเบลินดานี่” ออสโล่ชี้

อเล็กซิสมองตาม เห็นอดีตประธานนักเรียนกำลังนั่งคุยอยู่กับเพื่อนกลุ่มใหม่อย่างสนุกสนาน เบลินดาปรับตัวกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนกับที่เวดทำได้ คงเป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาเหมือนกัน เธอดูมีความสุขมากขึ้น หากนับจากวันที่ถูกจับมาด้วยกัน

“นายยังคุยกับคาร์เตอร์อยู่ ฉันเห็น” อเล็กซิสพูด “นายไม่โกรธเธอเลยเหรอ”

เขาสั่นหัว “หายโกรธไปแล้ว พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนี่นา ฉันค่อนข้างเห็นใจเบลนะ พวกเธอสองคนเย็นชาใส่เขามากไปหน่อย”

อเล็กซิสจ้องตาออสโล่เขม็ง ชี้นิ้วไปที่หน้าตัวเอง “ฉันเนี่ยนะ เย็นชาเหรอ เขาตั้งใจจะให้ฉันถูกจับเลยนะ”

“ฉันรู้ ๆ อย่างน้อยเธอก็แค่ไม่สนใจเบล ก็ยังดี ฉันก็ไม่ได้จะว่าเธอสักหน่อย”

อเล็กซิสถอนหายใจอย่างแรง “ออสโล่ ฉันรู้ว่านายใจอ่อนง่าย โอเค ฉันอาจไม่บ่น ไม่กล่าวโทษคาร์เตอร์ แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะเตือนนายให้ระวังคนแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคาร์เตอร์คิดอะไรอยู่ แถมเธอยังไม่เคยขอโทษพวกเราเลยด้วยซ้ำ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายยังคุยกับคนแบบนั้นได้ นับถือจริง ๆ”

“เธอก็มองฉันดีไป ก็แค่สงสารเขา”

“นายดูสิ คาร์เตอร์มีเพื่อนใหม่แล้ว มีความสุขดีโดยที่ไม่ต้องมีพวกเรา เธอไม่ต้องการความสงสารหรอกออสโล่ ฉันรู้ว่านายไม่ได้คิดอะไร แต่ฉันกลัวว่าเธอจะทำร้ายนาย หรือหลอกใช้นาย อยู่ห่างคนแบบนี้ไว้ดีกว่า ฉันอยากเตือนนายเท่านี้แหละ”

ออสโล่พยักหน้า แต่เธอรู้ดีว่าเขาเป็นคนดีเกินกว่าจะยอมฟังคำเตือนของเธอ

จู่ ๆ มีเสียงเคร้งดังขึ้น เหมือนมีวัตถุบางอย่างหล่นลงข้างตัว อเล็กซิสมองตามที่มาของเสียง เห็นวัตถุลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าชิ้นเล็กทำจากโลหะ ไม่สิ ไม่ใช่โลหะ อเล็กซิสไม่แน่ใจ สีของมันเป็นสีขาวประกายทอง มีเพชรรูปไข่เม็ดเล็ก ๆ ประดับอยู่บนเรือนร่างสวยงามของมัน เธอหยิบดู พบว่าของที่ว่าเป็นไฟแช็ก

“ว้าว” ออสโล่ทึ่ง เมื่ออเล็กซิสยื่นให้ดู

“ของใครเนี่ย น่าจะแพงน่าดู”

“ไฟแช็กเหรอ”

“ใช่” อเล็กซิสเปิดฝาออก

“ขอโทษนะ นั่นของฉันเอง” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเหนือหัว อเล็กซิสและออสโล่เงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มตาหล่อจัดมองลงมา

“มันสวยมากเลย” เธอบอกเขาแล้วส่งคืนให้ ยังคงอึ้งเล็กน้อย เขารับไว้แล้วใช้นิ้วสัมผัสมือเธออย่างจงใจ เหมือนมีกระแสไฟส่งผ่านมาทันที อเล็กซิสรู้สึกร้อนวูบที่ใบหน้า

“ใช่...คนนั้นหรือเปล่า”

“พวกเธอจำฉันได้เหรอ” เขาถาม

ทั้งคู่พยักหน้า

ชายหนุ่มคนนี้น่าจะอายุมากกว่าพวกเขาไม่กี่ปี อาจจะเป็นนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่ที่แน่ ๆ เขาอ่อนกว่าโนเอล เขาคือหนุ่มหล่อที่ยิ้มให้อเล็กซิสในโรงอาหารเมื่อสามวันก่อน และตอนนั้นเองที่เวดเริ่มแสดงท่าทีหึงหวง ทำนิสัยเสียอย่างที่เธอเจออยู่ตอนนี้

“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”

“เอ่อ...พวกเรานั่งคุยกัน” ออสโล่ตอบ แต่ทำสีหน้าราวกับว่าถามโง่ ๆ

“ตรงนี้เลยเหรอ”

น่าแปลกนัก เพียงแค่เขาเลิกคิ้วถามกลับยิ่งน่ามอง

“มันเงียบกว่าที่อื่น” เด็กสองคนยืนขึ้น เพราะเมื่อยคอที่ต้องแหงนหน้าคุย พอยืนแล้วจึงเห็นว่าเขาสูงกว่าอเล็กซิสไม่มาก และน่าจะมาจากครอบครัวร่ำรวย เธอตัดสินเอาจากเสื้อผ้ามีราคาที่เขาใส่ บุคลิกท่าทาง การยืน สายตา ล้วนมีมาดเหมือนนักธุรกิจ แต่ก็ยังดูเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่ปั้นแต่ง ทั้งหน้าตา องค์ประกอบต่าง ๆ ให้ความรู้สึกราวกับว่าเขาเดินออกมาจากนิตยสารแฟชั่นผู้ชาย ชายหนุ่มตัดผมสั้นจัดทรงเนี๊ยบ ดูมีสไตล์ ใบหน้าเนียนไร้ซึ่งหนวดเครา

“บี.อาร์. คือยี่ห้อไฟแช็กเหรอ”

“เปล่า ชื่อย่อของฉันเอง”

ดวงตาสีอำพันของชายหนุ่มมองสลับระหว่างอเล็กซิสและออสโล่ “แล้วคนผมบลอนด์ล่ะ”

“กำลังเต้นอยู่”

“อ้อ...” เขามองไปยังเวดที่กำลังเต้นกับสาวคนอื่น เพราะเทสซ่านั่งอยู่กับโนเอล เอามือยันคางทำหน้ามุ่ยไม่พูดไม่จา

“แล้วพวกเธอไม่เต้นกันเหรอ”

อเล็กซิสสั่นหัว “อ้อ ไม่หรอก”

“ไม่ชอบเหรอ”

“ก็ชอบ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”

“เอ้อ เอางี้นะ ฉันปล่อยให้พวกเธอสองคนคุยกันแล้วกัน บาย” ออสโล่โน้มตัวลงเหมือนบอกลา แล้วหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเธอ

“เฮ้ย อย่าทำงี้สิ” เธอเรียก แต่เขาไม่ยอมกลับมา “นายนี่มัน...แสบกว่าที่คิด” เธอพึมพำแล้วหันกลับมาหาชายหนุ่มข้าง ๆ เขากำลังจ้องเธออยู่ แม้ไม่มีรอยยิ้ม แต่สายตาสื่อความหมายได้ดีว่าขบขัน เขาเข้าใจในสิ่งที่ออสโล่ทำ

“นายอยู่ที่นี่มานานแล้วหรือยัง” เธอตัดสินใจถาม

“เกือบสามอาทิตย์แล้ว”

พอ ๆ กับพวกเทสซ่าเลย “แล้วนายเคยเห็นจอห์น ลีลอยด์ไหม”

“ใครเหรอ”

“นายไม่รู้จักเขาเหรอ” เด็กสาวทำตาโต

“ไม่นะ” เขายืนยัน ดูจากสีหน้าแล้ว อเล็กซิสแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหก “เขาเป็นใครเหรอ”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” อเล็กซิสผิดหวังเล็ก ๆ เทสซ่าพูดถูก ไม่มีใครเคยเจอจอห์นที่นี่จริง ๆ

“ในเมื่อเธอไม่เต้น ถ้าอย่างนั้น มาดื่มเป็นเพื่อนฉันไหม”

เวลาเขายิ้ม เหมือนมีประกายแสงสาดเข้าตา เขามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจทีเดียว โดยเฉพาะดวงตาและสีหน้าที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับเทพบุตรในคราบมนุษย์ เพียงแต่ว่า ปีกของเขาเป็นสีดำ ทุกครั้งที่เธอสบตา ดวงตาสีน้ำตาลอมเหลืองคู่นี้เหมือนมีมนต์ทำให้เธอลืมตัว ยิ่งเวลาเขากัดริมฝีปากแล้วเหยียดยิ้ม อเล็กซิสรู้สึกเหมือนมีคนเร่งอุณหภูมิในบริเวณนั้น ที่สำคัญ เขาไม่ได้ปกปิดกับดักที่ซ่อนอยู่หลังดวงตาคู่นั้นไว้เลย ไฟในดวงตาตรงหน้าส่องสว่าง ปราศจากเสียงล่อลวง เพียงแค่รอให้เธอลองเข้าไปสัมผัสว่ามันร้อนแค่ไหน

“เฮ้อ เสียงเพลงดังจริง ๆ” เขาบ่น มือที่ถือแก้วจ่อเข้าไปในน้ำพุไวน์ “ไม่ตอบถือว่าเออออ ฉันชื่อเบนจามิน แต่เรียกว่าเบนก็พอแล้ว เธอชื่ออะไรล่ะ” เขาแนะนำตัวเอง พร้อมยื่นมือมาอย่างเป็นทางการ

“อเล็กซิส” เธอเขย่ามือนั้น อีกครั้งที่เหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าส่งผ่าน อเล็กซิสพยายามไม่จ้องตาเขา

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ อเล็กซิส”

ทำไมนะ แค่รอยยิ้มธรรมดาถึงทำให้เขินได้ขนาดนี้ เด็กสาวคิด ชายคนนี้กับหนุ่มผมสีเงินทำให้เธอเกิดความรู้สึกดีที่ได้อยู่ในสวรรค์ลวงตาแห่งนี้ ถ้าหากเดวี่ไม่ได้นั่งอยู่ในใจ อเล็กซิสอาจจะลองเสี่ยงเล่นกับไฟ แต่ทำไมเดวี่ถึงยังอยู่ เขาควรออกไปจากใจได้แล้ว ถึงคนคนนี้จะดูอันตราย แต่เขาก็ไม่ได้เสแสร้ง ทำไมต้องสนใจคนที่นอกใจแล้วเลิกกันไปแล้วด้วย แค่คุยกันเล่น ๆ คงไม่เป็นไรมั้ง โอ๊ยนี้คิดอะไรมากมาย ช่วยไม่ได้ ฉันเป็นผู้หญิงนี่นา และพวกผู้หญิงมักมีคิดเยอะแยะ ตีกันไปหมด

สุดท้าย อเล็กซิสพยายามตั้งสติตัวเอง หนุ่มหล่อร้อนแรงส่งไอ อันตรายขนาดนี้ล้วนน่ากลัว เธอควรจำว่าเดวี่สอนบทเรียนอะไรไว้กับเธอบ้าง “เอ่อ ขอตัวก่อนนะ ฉันต้องกลับไปที่กลุ่มแล้ว” สุดท้ายเธอหักห้ามใจไม่หลงไปในกับดักเสน่ห์ของเขา

“เหรอ แต่เพื่อน ๆ เธอดูกำลังสนุกกับ...”

เด็กสาวมองไปทางเวดที่กำลังเต้นอย่างเมามัน ใบหน้าแดง ไม่สนว่าเตะหรือเหวี่ยงใส่ใครไปบ้าง เทสซ่ากับโนเอลก็ดื่มหนักราวกับกำลังแข่งกันอยู่ มินนี่...มินนี่ก็คือมินนี่ ส่วนออสโล่โบกมือให้เธอกับเบน 

“เห็นไหม” เขายิ้ม เป็นรอยยิ้มเหมือนผู้ชนะ

ไอ้ออสโล่ ไว้ทีฉันนะ

“โอเค...” เธอไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ความคิดสองอย่างเถียงกันอยู่ในหัว ในเมื่อชายหนุ่มคนนี้สนใจเธอ และเขาก็ดูดีเอามาก ๆ ทำไมเธอจะไม่ให้โอกาสตัวเองเล่า แค่คุยคงไม่เป็นอะไรมั้ง ชีวิตจะได้สดชื่นขึ้นมาบ้าง อีกอย่างเธอก็ยังโสด ถึงเวลาเตะเดวี่ออกไปจากใจได้แล้ว

“ฉันไม่เต้นนะ แต่ถ้าคุยกันเฉย ๆ ก็ได้ เอ่อ นายมาจากไหนเหรอ” เด็กสาวจ้องไปที่เท้าตัวเอง

“เมืองหลวง”

มิน่า แค่รองเท้าก็แพงกว่าเสื้อผ้าของฉันทั้งตัวแล้ว

“แล้วเธอมาจากที่ไหนเหรอ อเล็กซิส”

“เรียกอเล็กซ์เถอะ ถ้าอยากจะพูดให้สั้นลง ฉันมาจากซานโบซ่า อยู่ในรัฐอิดริน่าน่ะ”

แต่เบนกลับหัวเราะ

“ขำอะไรเหรอ”

อีกแล้ว ถ้าเธอขอให้เขาหยุดยิ้มแบบนั้นได้จะแปลกหรือเปล่า เพียงแค่สายตาก็ทำให้เธอกระวนกระวายอยู่ไม่สุข พอจ้องกลับก็เหมือนถูกดวงตาคู่นั้นสแกนไปทั่วร่าง

“เพื่อนสนิทของฉันชื่ออเล็กซ์เหมือนกัน”

“อ้อ อย่างงี้นี่เอง เขาเป็นผู้ชายใช่ไหม” พูดจบ อเล็กซิสเม้มปากตัวเองทันที ยัยโง่ พูดอะไรไป ทำไมจู่ ๆ ถึงทำตัวโง่ขึ้นมา

“แน่นอน เขาเป็นผู้ชาย ฉันไม่ค่อยเห็นผู้หญิงชื่ออเล็กซ์เท่าไร” โทนเสียงบ่งบอกว่าขบขัน พอสายตาของเขาเลื่อนมาที่คางและคอ อเล็กซิสเบี่ยงตัวหลบสายตาทันที อาการเขินอายนั้นหายวับไป เพราะบาดแผลพวกนี้ทำให้เธอนึกถึงวันนั้น

“โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะมอง แต่ฉันเห็นแผลที่...”

“แค่รอยช้ำกับแผลเป็นนิดหน่อย...นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะ”

“ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันอยากจะบอกว่า ฉันรู้วิธีลบรอยพวกนี้นะ” เขาไม่ตอบคำถามเธอ แต่โฟกัสที่รอยช้ำ “ในห้องพยาบาล มียาที่จะช่วยลบรอยพวกนี้ได้หมด ถ้าเธอสงสัยว่าฉันโกหกหรือเปล่า เธอลองดูสิ่งของรอบตัวก็แล้วกัน แล้วจะเข้าใจเอง ความรู้ที่พวกรัฐบาลปิดกั้นไว้ไม่ได้มีแค่เทคโนโลยีหรอกนะ”

เด็กสาวกวาดตาไปรอบ ๆ สนใจทันที “จริงเหรอ ลบได้หมดเลยเหรอ”

เขาพยักหน้า “อื้อ หมดเลย ลองไปดูไหมล่ะ ฉันจะพาไป” เขายื่นมือมา พร้อมกับรอยยิ้มที่ยากจะปฏิเสธได้ น่าขำที่มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกหมาป่าในคราบเจ้าชายล่อลวง แต่เธอกลับพร้อมเต็มใจรับข้อเสนอแสนยั่วยวน มองเห็นกับดักเป็นพรมแดง

“อเล็กซิส!

เทสซ่าตะโกนเรียกเสียงดัง เวดกลับไปนั่งที่โต๊ะแล้ว หรี่ตามองเบนเหมือนครั้งแรกที่เขาทำ อเล็กซิสอยากให้เขาเลิกทำท่าแบบนั้นสักที

เบนไม่ได้หันไปมอง แต่เหลือบมองพวกเขาผ่านหางตาเท่านั้น จากนั้นเขาเพียงหันมายิ้มน้อย ๆ “เพื่อนเธอเรียกแล้ว อย่าลืมไปเอายาที่นั่นล่ะ พวกผู้หญิงไม่ชอบมีรอยแผลเป็นหรอก จริงไหม”

“ขอบคุณเบน ขอบคุณจริง ๆ แต่นายจะไปแล้วเหรอ”

เขาเหยียดมุมปากข้างหนึ่งคล้ายกำลังแค่นยิ้ม “ครั้งหน้า หวังว่าเราคงจะมีเวลาคุยกันนานกว่านี้ แล้วเจอกัน”

เพียงแค่กะพริบตา เขาก็หายไปแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพอเทสซ่าเรียกเธอ เขาถึงรีบไป

“เธอคุยอะไรกับเขาน่ะ” เทสซ่าเดินตรงมาคล้องแขนเหมือนหวงเพื่อน อเล็กซิสเห็นภาพเอโลดี้ซ้อนขึ้นมา “หมอนั่นหล่อ รวย ทำตัวราวกับเป็นสุภาพบุรุษหลุดออกมาจากนิยาย แต่ตัวจริงน่ะ หมาป่าชัด ๆ บอกให้รู้ไว้เลยนะสาวน้อย เพราะฉันรู้จักหมอนี่มาก่อนเธออีก ร้ายจะตาย”

“ไม่ต้องห่วงหรอก เขาไม่ได้เสแสร้งสักนิด แต่เปิดเผยชัดเจนเลยล่ะ...แต่ว่านะ เทสซ่า หมาป่าตัวนี้คงเป็นหมาป่าที่มีเสน่ห์ล้นเหลือเลย เธอว่าไหม” อเล็กซิสหยอดเพื่อน

เทสซ่าสั่นหัว กอดอกแน่น “ไม่เอาน่า ใช่ว่าหนูน้อยหมวกแดงทุกคนจะมีนายพรานมาช่วยนะจ๊ะ หนูน้อยพวกนั้นถูกหมาป่ากลืนกินไปทั้งตัว เธอไม่เคยได้ยินพวกผู้ใหญ่สอนเหรอ ว่าอย่าเล่นกับไฟ”

ความรู้สึกที่เหมือนกลับไปอยู่โรงเรียนนี่คืออะไร อเล็กซิสพอเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงเรียกที่นี่ว่า หอพัก กัน



[1] Slippery Nipple ชื่อเครื่องดื่ม เช่นเดียวกับ Sex on the beach

 

[2] เกาะมนุษย์กินบัว Lotus-eaters Island มาจาก Odyssey เมื่อโอดิสซีอุสมาถึงเกาะนี้ คนของเขากินผลไม้ชนิดหนึ่งเข้าไป เกิดอาการหลงลืมว่าจะกลับบ้าน อยากอยู่ในเกาะเพื่อนกินผลไม้ชนิดนี้อย่างเดียว