8 ตอน สงครามน้ำลาย
โดย JES
เวลาตีสอง คาเลบและเบียนน่าไม่อาจข่มตานอนหลับได้สนิท เพราะลูกคนที่สามยังไม่กลับบ้าน พวกเขาพยายามโทรหาเอโลดี้อยู่หลายรอบ แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติดสักที เพราะสายโทรศัพท์ที่บ้านเอโลดี้มีคนถือสายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเพื่อนของลูกสาวก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ทั้งสองเริ่มวิตกกังวลและกลัวไปต่าง ๆ นานา จินตนาการว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับอเล็กซิสก็เป็นไปได้ ทำไมโทรศัพท์ไม่ว่างเลยสักที เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเรื่องที่บ้านมิลเลอร์แน่นอน เขาลองโทรเข้าบ้านมิลเลอร์เพื่อเช็กว่ายังมีงานปาร์ตี้จัดอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าติดสายเหมือนกับบ้านเอโลดี้ คาเลบจึงคิดอยากขับรถไปคฤหาสน์หลังนั้นให้รู้แล้วรู้รอด
“ทำไมพ่อกับแม่ไม่นอนกันอีกคะ” ไบรซ์เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เธอคงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่นอน และคงได้ยินเสียงคนในห้องรับแขก
เจสซี่ก็เดินลงมาจากห้องตัวเองเหมือนกัน “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมยังไม่นอนกัน”
“น้องสาวของพวกเธอยังไม่กลับมาเลย” เบียนน่าบอก “พวกเราโทรหาเพื่อน ๆ อเล็กซิสไม่ได้เลย สายยุ่งอยู่ตลอดเวลา”
คาเลบที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเบอร์มือถือของคุณมิลเลอร์บ่นออกมา “ไม่มี ผมไม่มีเบอร์เขา ไปบ้านเขาเลยดีกว่า ให้ตายเถอะ ผมน่าจะเตือนให้อเล็กซิสเอามือถือไปด้วย ขี้ลืมจริง ๆ”
“อาจจะแค่กลับดึกก็ได้มั้งคะ” ไบรซ์ว่า
“ตีสองแล้วนะ เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าเป็นแบบนั้น น้องก็ต้องโทรมาบอกพวกเราแล้วสิ!”
“ใช่ครับ ถ้าน้องไม่ดื่มจนเมา เวลาเมามีสติที่ไหน” เจสซี่เดา “เดี๋ยวผมโทรหาแมทให้ก็แล้วกัน น้องสาวของเขาก็คงอยู่ที่งานปาร์ตี้เหมือนกับอเล็กซ์”
แต่เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นก่อน คาเลบกระโดดเพียงก้าวเดียวก็ไปถึงโทรศัพท์แล้ว คนที่โทรมาคืออเล็กซิสนั่นเอง เขาโล่งใจ คาเลบส่งสัญญาณบอกภรรยาให้สบายใจได้
“ลูกอยู่ที่ไหน รู้ไหมว่าพวกเราเป็นห่วง...อะไรนะ อยู่ที่สถานีตำรวจเหรอ ทำไมถึงอยู่ที่นั่น”
เหมือนมีสปริงติดอยู่ใต้ฝ่าเท้าคนทั้งคู่ เพียงก้าวเดียว เบียนน่าก็มายืนอยู่ข้างเขาเช่นกัน พอคาเลบวางสาย เขารู้สึกตัวชาไปชั่วขณะ และเมื่อขยับแข้งขาออก ก็ก็รีบวิ่งไปที่บันได ลืมเบียนน่าไปสนิท แต่ก็ยังไม่ไวเท่าเบียนน่าอยู่ดี เธอคว้าแขนเขาไว้ทัน “เกิดอะไรขึ้นกับลูกคะ ทำไมเธออยู่ที่นั่น คุณอย่าเดินหนีพวกเรานะ”
“โดนจับตรวจสารเสพติดหรือเปล่าคะ” ไบรซ์แสดงความเห็น ในเมื่อน้องสาวไปงานปาร์ตี้ ก็มีแต่เรื่องนี้เท่านั้นแหละ
คาเลบปฏิเสธ “เปล่า โดนรัฐบัญญัติ 2966 เล่นงาน เด็กในงานทุกคนถูกจับหมดเลย”
“หา! ทั้งหมดเลยเหรอคะ” ไบรซ์ร้อง “เป็นไปไม่ได้หรอก”
“มันเป็นไปแล้วลูก เพราะอย่างนี้ไง สายแต่ละบ้านถึงไม่ว่าง หรือไม่ก็ไม่มีใครรับ”
คาเลบรับรู้ถึงสายตาของเบียนน่า แต่เขาไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเธอในยามที่หัวใจตัวเองตกไปอยู่ตาตุ่ม ไอ้พวกฝันร้ายบ้านั่น...
“ใครสักคนแจ้งตำรวจว่ามีกลุ่มต้องสงสัยตามรัฐบัญญัติอยู่ในงานปาร์ตี้ พวกตำรวจก็เลยมา อเล็กซิสเพิ่งได้จับโทรศัพท์เมื่อครู่ เพราะจำนวนโทรศัพท์ที่นู่นไม่พอสำหรับจำนวนเด็กที่ถูกคุมตัว” เขามองหน้าลูกชาย ถึงเวลาแล้วที่เจสซี่จะได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่ตัวเองเรียนมา แม้โอกาสจะริบหรี่ก็ตามเถอะ “เจสซี่ ลูกไปโรงพักกับพ่อนะ ส่วนไบรซ์ ลูกจัดกระเป๋าให้น้องที พ่อว่าน้องอาจจะอยากเปลี่ยนเสื้อ”
“ทำไมล่ะคะ อเล็กซ์ต้องอยู่ที่นั่นทั้งคืนเลยเหรอ” ลูกสาวถาม ท่าทางตกใจมาก “หนูคิดว่าเราน่าจะเอาตัวเธอออกมาได้ภายในคืนนี้เสียอีก มันเป็นเรื่องตลกแน่ ๆ ค่ะพ่อ พวกเขาจะจับเด็กทุกคนแล้วตัดสินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มต้องสงสัยทั้งหมดได้ยังไงกัน”
เจสซี่ส่ายหน้า “เธอไม่รู้เหรอไงว่ากฎหมายนี้เข้มงวดขนาดไหน พวกตำรวจต้องสอบสวนทุกคนที่อยู่ในงานปาร์ตี้ก่อน ซึ่งน้องเราก็ต้องถูกสอบสวนด้วย จนกว่าจะเสร็จขั้นตอนทุกอย่าง พี่คิดว่าคงใช้เวลาประมาณสองสามวัน”
“สองสามวันเชียวเหรอ” ไบรซ์ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
หรืออาจจะมากกว่านั้น คาเลบคิดแต่ไม่กล้าพูดออกไป ความฝันที่คอยหลอกหลอนเขานั้นเล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวราวกับมีคนมากดปุ่มรีเพลย์
เบียนน่ายังคงยืนนิ่ง เธอกำลังคิดในสิ่งที่สามีของเธอคิดอยู่เช่นกัน หญิงสาวนึกถึงความฝันประหลาดที่คาเลบชอบเล่าให้ฟังเสมอ แน่นอนว่าในเวลานี้ เธอกลัวมาก คาเลบประคองใบหน้าของเธอ “ทุกอย่างจะเรียบร้อย เชื่อเถอะ”
“คุณพยายามบอกกับตัวเองมากกว่า” ภรรยาของเขาพูด จากนั้นพยักหน้าช้า ๆ พยายามที่จะเชื่อคำพูดของสามี
“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” เจสซี่มองทั้งสองคนอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกเจสซี่ ลูกพร้อมไปหรือยัง”
“พร้อมนานแล้วครับ”
**********
คาเลบและเจสซี่มาถึงสถานีตำรวจภายในสิบนาทีต่อมา พวกเขาเจอผู้ปกครองมากมายดาหน้ามายังสถานีหลังจากที่ได้รับโทรศัพท์จากบุตรหลานแจ้งข่าวคราวดังกล่าว คาเลบจำเป็นต้องจอดรถไว้ริมถนนแทนที่จะจอดในที่จอดรถ เพราะเต็มหมดแล้ว พวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งชายและหญิง จำต้องรับมือกับอารมณ์อันเกรี้ยวกราดและคำผรุสวาทมากมายของพวกผู้ปกครอง (ที่ถูกปลุกยามดึก) เหมือนกับพวกเขากำลังรับมือกับคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน คาเลบรีบเดินตรงไปยังโต๊ะประชาสัมพันธ์ก่อนที่คนอื่นจะแซง
“ผมมาหาอเล็กซิส เดวิสครับ”
เจ้าหน้าที่สาวกวาดตามองจอคอมพิวเตอร์สีขาวสกปรก จากนั้นผายมือไปทางโซฟา “รอเรียกก่อนนะคะ” เสียงของเธอห้วนแม้ใช้คำสุภาพ ปราศจากความอ่อนหวานนุ่มนวลเจือปน เจสซี่พาเขาไปนั่งตรงที่ว่าง ส่วนตัวเองสำรวจอยู่รอบ ๆ พ่อแม่บางคนจำกันได้ก็ทักทายแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก ความตึงเครียดกระจายไปทั่วไปห้อง ทุกคนต่างกังวลว่าบุตรหลานของตัวเองจะเป็นอย่างไร
“ทำไมพวกคุณจับลูกสาวฉันไว้ เธอไม่ได้ทำผิดอะไรเลย เธอไม่สมควรถูกจับแบบนี้!”
ทุกคนพร้อมใจหันไปมองหญิงสาวที่กำลังส่งเสียงดัง เสื้อผ้าหลากสีสันบนตัวเธอดึงดูดสายตาคนได้ดีพอกับเสียงตะโกนเหมือนหวูดเรือ หญิงสาวแหกปากด่าทอเจ้าหน้าที่ก่อนที่เท้าของเธอจะเหยียบเข้ามาในสำนักงานเสียอีก
“เราต้องคุมตัวเด็กทุกคนที่อยู่ที่นั่นเพื่อทำการสอบสวนขั้นต่อไป คุณนายคะ รบกวนนั่งรอทางนั้นด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่หญิงชี้มือไปที่โซฟาด้วยท่าทางและสีหน้าแบบที่คาเลบเจอเมื่อครู่
แต่หญิงสาวไม่ขยับตาม “เธอออกจากงานก่อนที่พวกคุณจะไปถึงงานปาร์ตี้ของเด็กคนนั้น เธอกำลังกลับบ้าน คุณจะไปลากตัวเธอระหว่างทางแบบนั้นไม่ได้ ฉันไม่สนหรอกนะว่าคุณมีหมายจับอะไร แต่พวกคุณไม่มีสิทธิทำแบบนี้เพราะลูกของฉันไม่ได้อยู่ที่นั่น”
คาเลบสาบานได้เลยว่าเห็นเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกล้ำกลืนคำพูดและโทสะที่สาดเข้ามาราวกับห่ากระสุนลงไปเฮือกใหญ่ เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะคงสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดตาม หญิงสาวที่ตะโกนอยู่นั้นชื่อ แมรี่ คาร์เตอร์ เป็นแม่ของเบลินดา คาร์เตอร์ ประธานสภานักเรียนและหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนรัฐบาล ลูกสาวของเธอสอบติดวิทยาลัยเดียวกับอเล็กซิส และตอนนี้ คุณนายคาร์เตอร์กำลังเบี่ยงประเด็น ไม่ว่าลูกสาวของเธอจะเคยอยู่ที่นั่นหรือไม่ ความจริงก็คือ หากลูกสาวของเธอเป็นแขกในงานนั้น นั่นแหละคือเหตุผลที่ตำรวจจับเด็กสาวเอาไว้ แต่ก็นะ ทุกคนก็อยากจะช่วยลูกตัวเองกันทั้งนั้น
“เราคุมตัวลูกสาวของคุณเพื่อสืบสวนค่ะ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณรายงานพวกเราว่า มีการกระทำที่บ่งบอกว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามรัฐบัญญัติปี 2966 พวกเราภูมิใจที่เธอทำหน้าที่พลเมืองที่ดี แต่ตามกฎหมาย เรายังต้องสอบสวนเธอเพื่อขอข้อมูลและสืบหาความจริงอีก โปรดเข้าใจพวกเราด้วยค่ะ ขอให้คุณใจเย็น ๆ แล้วนั่งรอนะคะ”
คาเลบและเจสซี่มองหน้ากันทันที พวกเขาบังเอิญทราบตัวการของเรื่องยุ่ง ๆ นี้แล้วสิ
“แล้วทำไมถึงจับลูกฉันไว้ในคุกยะ”
ผู้ปกครองทั้งหมดลุกขึ้นยืนอย่างเหลืออด ทั้งหมดจ้องหญิงสาวอย่างโกรธเคือง โดยเฉพาะคุณมิลเลอร์ พ่อของเวด “หยุดโวยวายได้แล้ว! เอาละครับทุกท่าน ทีนี้เรารู้กันสักทีนะครับ ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องวุ่นในวันนี้ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณโกหกคำโตเลยทีเดียว แถมยังทำให้พวกเราลำบากกันทั้งหมด"
นางคาร์เตอร์จ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่มัดเป็นมวยอยู่ข้างท้ายทอยหลุดลุ่ยเมื่อเธอหันซ้ายหันขวา มองหน้าแต่ละคน หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ไม่แยแสสายตาคนอื่น “ประทานโทษนะคะ ลูกสาวของฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
นายมิลเลอร์เปลี่ยนสายตาจากโกรธเคืองเป็นเหยียดหยามทันที “งั้นคุณควรทราบไว้นะครับ ว่าพวกเขากำลังถ่ายวิดีโอแกล้งเพื่อนกันอยู่ มันเป็นมายากล ผมมองพวกเขาอยู่ตลอด ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงบ้าบออะไรนั่นสักหน่อย ไม่ใช่แม้แต่กลุ่มต้องสงสัยด้วยซ้ำ ลูกคุณปากมากแล้วยังโง่อีก”
“นี่คุณกล้าดียังไง!”
“ลูกสาวคุณโกหก” พวกผู้ปกครองที่อยู่ข้างคุณมิลเลอร์เริ่มตะโกนใส่หญิงสาว แต่ละคนต่างมีอารมณ์เดือดกันทั้งนั้น เมื่อคุณมิลเลอร์เห็นว่ามีหลายคนสนับสนุนเขา จึงไม่ยอมหยุดโจมตีคู่กรณีง่าย ๆ เขาโพล่งความคิดแย่ ๆ หนึ่งขึ้นมา “รู้แล้ว ลูกสาวคุณก็เข้าชิงทุนเหมือนกันนี่นา เธอคงอยากจะป้ายสีลูกชายผมสินะ ใช่สิ ผมแน่ใจว่าเพราะเหตุผลนี้แน่ ๆ” พลันเขาหันมาสบตากับคาเลบพอดี “เธอป้ายสีลูกสาวของคุณหมอด้วยนะครับ”
คาเลบอยากหายตัวไปเดี๋ยวนั้น เขาโกรธแมรี่ คาร์เตอร์หรือไม่ แน่นอนสิว่าโกรธมาก แต่การที่พวกเขามานั่งทะเลาะกับนางคาร์เตอร์ไม่เป็นผลดีต่อเด็ก ๆ เอาเสียเลย ตรงกันข้าม มันอาจจะทำให้เรื่องแย่ลงมากขึ้นไปอีก
ทว่านางเจสเซ่นส์ แม่ของออสโล่ยกมือขึ้น “ลูกชายของฉันก็ด้วยค่ะ ลูกสาวคุณจงใจแกล้งลูกชายฉันชัด ๆ” เธอคิดไม่เหมือนคาเลบ เธอขอเข้าร่วมสงครามน้ำลายนี้
คาเลบเหลือบมองเจสซี่ น่าแปลกใจที่ลูกชายหัวร้อนกลับยังคงสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโกรธเคือง สายตาของเขาจับตามองคนทั้งหมดแล้วรับฟังคนทะเลาะกันอย่างประเมินสถานการณ์ ริมฝีปากเผยอรอยยิ้มน้อย ๆเหมือนพอใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ลูกคิดว่าไง เจสซี่”
“อย่ายุ่งกับพวกเขาเลยพ่อ นั่งเฉย ๆ ดีกว่า” เขากระซิบเตือนคาเลบ ทั้งที่ปกติแล้ว คำพูดนี้ควรเป็นฝ่ายคาเลบที่พูดเตือนเขามากกว่า “กฎหมายนี้ให้อำนาจกับพวกตำรวจเต็มที่ ถ้าเราเชื่อฟัง ทำตัวเรียบร้อย ก็จะดูดีในสายตาเจ้าหน้าที่ แถมยังเป็นประโยชน์กับอเล็กซ์ด้วย” เขาอธิบาย
“ตอนนี้ ผมแน่ใจแล้วว่าน้องจะปลอดภัย ไม่ต้องกังวลนะครับพ่อ มันชัดเหลือเกินว่าเด็กสาวคนนั้นโกหกคำโต พวกเขาจะตรวจสอบข้อมูลของอเล็กซ์ ผลการเรียนเอย ประวัติการรักษาพยาบาลเอย แล้วพอพวกเขาไม่พบสิ่งผิดปกติ บวกกับเมื่อเบลินดาสารภาพ ก็เป็นปัญหาของพวกเธอแล้ว ไม่เกี่ยวกับน้อง”
คาเลบหลบตาลูกชาย ผู้เป็นพ่อหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่ได้โล่งใจเหมือนกับเจสซี่ การตรวจสอบประวัติการรักษา นี่แหละปัญหาใหญ่ เขานึกถึงแมรี่ สตีเว่น พยาบาลที่บันทึกข้อมูลเท็จให้กับเด็ก ๆ ถ้าพวกเขาสืบสวนถึงขั้นตอนนี้ แมรี่กับอเล็กซิสแย่แน่ ๆ หากถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัยว่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงก็ไม่ได้เบาไปกว่าถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรอก
เขาเห็นภาพทะเลสีดำอันมืดมัว...ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า ปกป้องลูกสาวของลูกด้วย อย่าให้เธอจมหายไปในทะเลนั้นเลย
“พวกเขาแค่อ่านข้อมูลใช่ไหม” เขาถามลูกชายอีกครั้ง อยากให้ตัวเองแน่ใจว่าฝันร้ายจะไม่มีวันเป็นจริง สองพ่อลูกเดินหนีออกห่างจากสงครามอารมณ์ระหว่างนางคาร์เตอร์ นายมิลเลอร์ และผู้ปกครองคนอื่นเพื่อถกเถียงเรื่องของอเล็กซิสได้สะดวก
“ผมไม่แน่ใจนัก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ถ้าเบลินดาสารภาพความจริง เราคงรับน้องกลับบ้านได้ภายในพรุ่งนี้ แต่เมื่อไหร่ ผมไม่แน่ใจ อาจจะตอนบ่าย หรือไม่ก็ช่วงเย็น”
คาเลบกอดคอลูกชาย พวกผู้ปกครองเริ่มถกเถียงกันรุนแรงมากขึ้น แต่เพราะทั้งสองถูกเรียกตัวให้เข้าไปหาลูกสาวได้ก่อน จึงเป็นโอกาสดีที่จะหนีออกจากฉากนั้น
เจ้าหน้าที่พาพวกเขาไปยังห้องเยี่ยมผู้ต้องขัง ห้องเยี่ยมค่อนข้างเล็กกะทัดรัด มีเพียงโต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้อีกสาม อเล็กซิสนั่งรออยู่แล้ว หน้าตาสะลึมสะลือเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เมื่อเธอเห็นทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนทันที แต่เพราะแขนถูกกุญแจมือล็อกเข้ากับโต๊ะ เธอจึงหงายหลังล้มลงไปกับเก้าอี้ หัวใจของเขาฟีบลงเมื่อเห็นแบบนี้ อเล็กซิสยิ้มให้ทั้งสองอย่างเหนื่อยอ่อน
“หนูขอโทษนะคะที่รบกวนพ่อกับพี่ แถมยังปลุกเวลานี้อีก”
“อย่าห่วงพวกเราเลย เธอเป็นไงบ้าง ได้นอนบ้างหรือยัง” เจสซี่ถาม เห็นชัด ๆ ว่าเขาเป็นห่วงน้องสาวมาก
อเล็กซิสสั่นหัว “นอนไม่ได้เลย พวกเขาจับพวกเราขังรวมไว้ในห้องขัง มีคนเยอะมากอยู่อัดกันเป็นปลากระป๋อง แล้วพวกเราก็คุยกันตลอดเวลา ตอนแรกพวกเรารู้สึกกลัวนะ อย่างเปปเปอร์กับเกรต้าร้องไห้ตั้งแต่ถูกจับจนถึงตอนนี้ ดูสิ ไหล่หนูเปียกหมดเลย เกิดเรื่องแบบนี้ ใครจะหลับลง ทุกคนมัวแต่ถกเถียงกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบได้”
อเล็กซิสหยุดพูดครู่หนึ่ง ทำหน้าเจ็บปวดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “แล้วก็เรื่องทุน...ได้ยินว่าคนที่เข้าชิงทุนทุกคนถูกคัดชื่อออกหมดแล้ว” เด็กสาวดูเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าข้อหาที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เมื่อเธอเห็นว่าคาเลบและเจสซี่ทำหน้าสงสัยว่าเธอทราบได้อย่างไร อเล็กซิสจึงอธิบายต่อ “ไรอันเป็นคนบอกพวกเราค่ะ พ่อของเขาทำงานที่ซานโบซ่า โพสต์ และก็เป็นผู้ปกครองคนแรกที่มาถึงสถานีตำรวจด้วย ไรอันบอกว่า หนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้ ไม่สิ ที่จะออกวันนี้จะลงข่าวว่า พวกเราถูกจับด้วยข้อหาใช้ยาเสพติด และในกลุ่มคนที่ถูกจับ มีเด็กที่เข้าชิงทุนรัฐบาลด้วย ซึ่งชื่อของพวกเขาจะถูกคัดออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิทันที”
คาเลบไม่สนใจเรื่องทุนการศึกษาแล้ว เขาเอาแต่ภาวนาให้ลูกได้รับอิสรภาพมากกว่าสิ่งอื่นใด เพียงแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าอเล็กซิสเศร้าใจ เขาเข้าใจดีว่าลูกคงผิดหวังที่ตัวเองถูกถอนชื่อออกด้วยข้อหาเท็จ
“ฉันอยากได้ทุนนะพี่ แล้วจะไม่คิดมากถ้าไม่ได้รับทุน แต่ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลนี้...”
“เบลินดา คาร์เตอร์เป็นคนรายงานตำรวจ” เจสซี่เผย “หวังว่าจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นนะ ถ้าพวกกรรมการ...เอาเป็นว่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชื่อของเธอจะกลับไปอยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิอยู่ดี”
เด็กสาวทำหน้างง ค่อนข้างสับสนมากกว่าหงุดหงิด “คาร์เตอร์นะเหรอ จริงเหรอ ทำไมเธอทำแบบนั้นล่ะ”
“พี่ได้ยินพวกเขาเถียงกัน พ่อของเพื่อนเธอ ชื่ออะไรนะ มิลเลอร์น่ะ กล่าวหาว่าเบลินดา
อยากกำจัดคู่แข่ง”
“ถ้าเกิดพวกเขารู้ว่าเธอโกหก ฉันก็กลับบ้านได้แล้วใช่ไหม แล้วฉันจะยังมีโอกาสได้ทุนอยู่ใช่ไหม ไม่สิ ไม่น่าหรอกพี่ ฉันไม่คิดว่าทันแล้ว พวกเขาจะประกาศผลตอนเช้านี้แล้ว ไม่ทันแล้วล่ะ แต่จริงเหรอ ฉันไม่เคยคิดว่าคาร์เตอร์จะทำแบบนั้นเลยนะ เธอเป็นคนเถรตรงมาก เท่าที่รู้จัก ไม่น่าใช่คนนิสัยแบบนั้น”
เจสซี่ทำเสียงฮึ่ม ๆ สายตาจิกน้องสาว “พี่อยากให้เธอทำจริง ๆ เพราะพวกเขาจะได้ปล่อยน้องของพี่สักทีไงเล่า”
อเล็กซิสหันมาหาพ่อตัวเอง “พ่อคะ ทำไมเงียบจัง พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า หนูทำให้พ่อโกรธหรือคะ หรือพ่อผิดหวังในตัวหนู”
สติของคาเลบไม่ได้จดจ่ออยู่กับลูกสาวตรงหน้า แต่อยู่กับเด็กสาวในความฝันต่างหาก ใบหน้างามพิสุทธิ์ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย เธอบอกลาแล้วจากไป แม้ตอนนี้พวกเขาคิดว่าเธอจะได้รับการปล่อยตัว แต่ลางสังหรณ์ของเขากลับส่งสัญญาณอันไม่พึงประสงค์เหมือนกำลังจะบอกเป็นนัยถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
“พ่อครับ/คะ” เจสซี่กับอเล็กซิสเรียก
“อ้อ พ่อแค่ไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ลูกออกไป” เขาเฉไฉ “แล้วพวกเขาคุมตัวลูกไว้ในไหนนะ”
เด็กทั้งสองมองหน้ากัน เพราะอเล็กซิสเพิ่งบอกเขาไปหยก ๆ
“ในห้องขังค่ะพ่อ มีคนประมาณสิบกว่าคนในห้องเดียวกัน ห้องขังเล็กมาก แต่ไม่แย่มาก คือตอนแรกพวกเราก็กลัวนะคะ แต่ตอนนี้มองเป็นเรื่องตลกไปแล้ว แต่ยังไงก็ยังยากที่จะข่มตาหลับในที่แบบนั้นอยู่ดี พื้นทั้งเย็นและแข็ง หลับไม่ลงหรอก อีกอย่างพวกเราอยากรู้สาเหตุด้วย”
คาเลบส่ายหน้า “มันไม่ใช่เรื่องตลกนะลูกรัก และลูกควรจริงจังกับสถานการณ์มากกว่านี้”
อเล็กซิสก้มหน้า หน้าเสียทันที “ขอโทษค่ะ หนูควรคิดก่อนพูด หนูหมายถึง พวกเราถูกจับกันยกโขยงแบบนี้ ก็เลยไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงจัง หนูรู้จักกฎหมายนี้ดีค่ะพ่อ แต่...เจสซี่ก็เพิ่งบอกว่าเบลินดาแจ้งความเท็จไม่ใช่เหรอคะ”
“มันไม่ใช่ความผิดของน้องสักหน่อย พ่อก็” พี่ชายแก้ตัวแทนน้องสาว เขาจับมือน้องแล้วลูบเบา ๆ “เธอไม่เป็นไรหรอก อย่าหาเรื่องใส่ตัวก็แล้วกัน เขาสั่งอะไรก็ทำ เชื่อพี่ ไม่มีอะไรต้องกังวล”
อเล็กซิสพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ผมฟ้องคุณและลูกสาวคุณแน่ ๆ ผมฟ้องให้หมด”
“เสียงของคุณมิลเลอร์ พ่อของเพื่อนเธอไง” เจสซี่บอกน้องสาว
“พ่อของเวดนี่เอง”
พวกเขาได้ยินเสียงผู้หญิงตามมาอีก คงเป็นนางคาร์เตอร์
เจสซี่ครุ่นคิดบางสิ่ง ก่อนจะตักเตือนน้องสาว “เออ อีกอย่างนะ บอกเพื่อนของเธอด้วย ให้เตือนพ่อของเขา ไอ้วิธีการขู่พวกเจ้าหน้าที่ ขู่คนอื่นไปทั่วแบบนี้มันไม่ได้ผลหรอก แต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก บางครั้งพวกเขาอาจไม่พบหลักฐานอะไรก็จริง แต่ก็ยังยัดข้อหาให้เราได้ เธอรู้ใช่ไหม พวกคนนิสัยไม่ดีแต่มีอำนาจอยู่ในมือ คนพวกนี้แต่เดิมก็ไม่มีความยุติธรรมอยู่ในตัว ยิ่งมีอำนาจในมือ นึกจะทำอะไรก็ทำ พวกเราไม่คุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ที่นี่สักคน ควรทำตัวน่ารักเข้าไว้ อย่าเสี่ยงทำอะไรไม่ดี พฤติกรรมแบบนี้รังแต่จะสร้างความเกลียดชัง บอกเพื่อนเธอด้วยนะ จะได้บอกพ่อเขาอีกที”
อเล็กซิสพยักหน้า “แน่นอน ถ้าบอกเขาทันนะ สรุปแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะได้กลับบ้านใช่ไหม”
“ถ้าไม่มีอะไรมากกว่านี้ ก็ได้กลับแน่นอน” เจสซี่ยืนยัน “พ่อก็อย่ากังวลไปเลย”
อเล็กซิสค่อยยิ้มออก “อย่าว่าหนูละกัน ถ้าหากพรุ่งนี้หนูจะนอนทั้งวัน”
คาเลบไม่ตอบ เจสซี่ยืนยันถึงขนาดนี้แล้ว เราควรจะเชื่อในคำพูดของลูก แต่ทำไม...ใจมันสั่นกลัวแบบนี้ คาเลบมองพี่ชายที่กำลังคุยกับน้องสาวด้วยแววตาเลื่อนลอย
มันเป็นแค่ความฝัน คาเลบ แค่ความฝันเท่านั้น
Comments (0)