“...ฉันจำได้ว่ามีแสงจ้า จ้ามาก ๆ ตอนนั้นก้นยังไม่แตะเก้าอี้เลยด้วยซ้ำ เชื่อไหม จู่ ๆ ก็มองไม่เห็นอะไรเลย แสงมันสว่างจ้าจนต้องหลับตา เหมือนตาบอดอยู่ชั่วขณะ แล้วหน้าก็ร้อนไปหมด พวกตำรวจพยายามจะหยุดซอนย่า ฉันได้ยินเสียงปืนด้วย เธอคงพยายามจะหนี ฉันได้ยินแค่เสียงเท่านั้น เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรนะ รู้แต่ พวกตำรวจพยายามจะหยุด แต่ก็ยังไม่ทัน”

“เล่ามาตั้งนาน สรุปแล้ว พลังพิเศษที่ว่าคืออะไรวะ” เวดถามจี้

“แสงไง ก็บอกแล้วว่าเป็นแสงจ้า ๆ”

“แสงอะนะ”

“ใช่ แสง” แอนโธนี่ย้ำ

เวดหันมาหาเธอ “ไม่เข้าใจแฮะ แสงทำอันตรายคนเราได้ด้วยเหรอ”

“คงเหมือนกับเวลาที่เรามองพระอาทิตย์ตอนเที่ยงไม่ได้ แสงมีความร้อนนะ” อเล็กซิสเดาก่อนหันกลับไปทางแอนโธนี่ “แบบนี้ใช่หรือเปล่า”

“ใช่ ๆ ประมาณนั้นแหละ หรือไม่ก็...ซอนย่าอาจจะควบคุมแสงได้ หลังจากที่ทุกอย่างสงบ พอลืมตาได้ ฉันเห็นหลอดไฟแตกหมดเลย มีเด็กผู้หญิงสองคนได้รับบาดเจ็บ ผิวไหม้ แล้วก็ลืมตาไม่ขึ้น พวกเธอถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลแล้ว”

กลุ่มของอเล็กซิสแลกเปลี่ยนข่าวสารกับกลุ่มของแอนโธนี่ ทั้งหมดคุยกันผ่านห้องขัง “ฉันคิดว่าซอนย่าคงกลัว พอเห็นไอ้เก้าอี้พวกนั้น เธอก็เลยระเบิดพลังออกมา เธอคงไม่ได้ตั้งใจจะแสดงให้พวกเราดูหรอก”

“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหนแล้ว”

“ไม่รู้เหมือนกันแฮะ ไม่รู้ว่าพวกเขาพาเธอไปที่ไหนด้วย”

อเล็กซิสมองไปยังห้องขังของครูโดบี้ส์กับน้องสาวของเธอ ตอนนี้ในห้องว่างเปล่า ไม่มีผู้ต้องขังอยู่

“แล้วเรื่องสอบสวนล่ะ เป็นไง” เวดยังคงซักต่อ

“ยกเลิกไปแล้ว แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ ว่ายกเลิกตลอดไปหรือแค่ชั่วคราว”

อดีตกัปตันทีมฟุตบอลหันกลับมาหาออสโล่กับอเล็กซิส “ซอนย่า โรมูลเลอร์คือใคร ฉันไม่เห็นรู้จักเลย”

อเล็กซิสกลอกตา คุยตั้งนาน

“รุ่นน้องพวกเราปีนึง เธอเป็นคนเงียบ ๆ แต่นิสัยดีนะ” ออสโล่ตอบ “ฉันนึกว่านายรู้จักคนเยอะแยะซะอีก”

เวดส่ายหน้า “ไม่เยอะหรอก นายจะให้ฉันรู้จักทุกคนในโรงเรียนไม่ได้หรอกนะ มันเป็นไปไม่ได้ แล้วยิ่งนายเพิ่งบอกว่าคนนี้เป็นคนเงียบ ๆอีก จะให้ฉันรู้จักคนเงียบได้ไงวะ”

“ฉันเห็นซอนย่าในงานปาร์ตี้ที่บ้านนายออกจะบ่อย”

“โธ่ ฉันไม่ได้รู้จักแขกที่มาทุกคนหรอก พอฉันบอกเพื่อน ๆ ว่า เฮ้ย จะจัดปาร์ตี้นะเว้ย ทุกคนก็แห่มาบ้านฉันเอง ชวนกันปากต่อปากมั้ง ฉันยังไม่รู้เลยว่านายก็มาด้วย จนกระทั่งโดนจับมาด้วยกันนี่แหละ อเล็กซ์ เธอรู้จักซอนย่าคนนี้หรือเปล่า”

อเล็กซิสพยักหน้า “รู้จักสิ เธอเป็นนักร้องในคณะประสานเสียงของโรงเรียนนี่นา”

“ถ้างั้น แสดงว่าคนนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงจริง ๆ สินะ” เวดหันไปหาเบลินดาที่นั่งไกลออกไป “ยินดีด้วยนะ” เขาปรบมือเป็นจังหวะช้า ๆ “เธอช่วยพวกตำรวจหาตัวกลุ่มเสี่ยงเจอแล้ว เย่”

“พอเถอะ ปล่อยเธอไปเถอะ” ออสโล่ขอ “แค่อย่าไปยุ่งกับเธอก็พอ ทำได้ไหม”

“จ้า พ่อนักบุญออสโล่” เวดงึมงำ

สองชั่วโมงต่อมา นายตำรวจเข้ามาปล่อยตัวกลุ่มแอนโธนี่ยกกลุ่ม อเล็กซิสเอาหน้าแนบกับลูกกรงจนหัวแทบจะทะลุออกมา ตั้งแต่ผ่านขั้นตอนการสอบสวนแสนหฤหรรษ์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินเสียงสัญญาณปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์เอ๋ย ได้โปรดตอบรับคำขอของฉันด้วย

สายตาของเธอจ้องไปยังกลุ่มแอนโธนี่ เมื่อพวกตำรวจสั่งให้พวกเขาออกมา หลายคนกลับมีท่าทีรีรอ

“อ้าว ไม่อยากกลับบ้านกันเหรอไง พวกเธอเป็นอิสระแล้ว”

“แล้วพวกเขาล่ะครับ” แอนโธนี่ชี้ไปยังห้องขังที่อเล็กซิสอยู่ “คุณจะปล่อยพวกเขาด้วยหรือเปล่า คุณเจอกลุ่มเสี่ยงแล้วนี่ครับ”

อเล็กซิสนึกอยากจะหอมเขาสักฟอด

“พวกเขาถูกตัดสินแล้วว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย (“ฮะ! ฉันเนี่ยนะ กลุ่มต้องสงสัย” เวดตะโกนแทรก) ถ้าพวกเธอไม่ไป ฉันจะจับพวกเธอเข้าไปใหม่ แล้วนาย ไอ้หนูมิลเลอร์ หุบปากไปเลย”

“ทำไมล่ะ” เวดถาม “คุณปล่อยพวกเขาไปได้ ทำไมไม่ปล่อยพวกเรา พวกคุณเจอกลุ่มเสี่ยงแล้วนะ พวกเราไม่ใช่สักหน่อย”

“ฉันว่าฉันเพิ่งบอกไปแล้วนะว่าพวกนายถูกตัดสินแล้ว ว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย” โจเซฟตอบ แล้วหยิบไม้กระบองขึ้นมาอวด “อยากโดนฟาดอีกรอบไหมล่ะ”

อเล็กซิสไหล่ตก เดินกลับมายังที่นั่งประจำตัว เธอหัวเราะเสียงแห้งประหนึ่งอดสูตัวเองเมื่อครู่ พอสบตามองออสโล่ ก็เห็นเขานั่งพิงกำแพง ยิ้มให้เพื่อนทั้งสอง พร้อมกระดิกเท้า “พวกนายยังหวังกันอยู่อีกเหรอ”

“ใช่” เธอยอมรับ “มีปัญหาเหรอ”

“เปล่า ไม่ได้จะขัดเธอสักหน่อย อเล็กซ์ก็” ออสโล่ส่ายหน้า “เอาเถอะ ฉันไม่รู้จะทำอะไรแล้ว ไม่คิดหวังอะไรแล้วด้วย คงมีแต่นอนนี่แหละ ฝันดีนะ ทั้งสองคน” เด็กหนุ่มผมแดงเอนหลังลงบนพื้นแข็ง ๆ พวกเขานอนแบบนี้กันมาสามวันเต็ม มันไม่สบายเอาเสียเลย อเล็กซิสปวดหลังมาก

“พวกเขาโชคดีเนอะ” อเล็กซิสยังคุยกับเวดต่อ “ไม่ต้องเจอการสอบสวนแบบพวกเรา ไม่ถูกตัดสินแบบพวกเรา แถมยังถูกปล่อยตัวอีก ฉันภาวนาให้ตัวเองโชคดีแบบนั้นบ้าง”

เวดลูบไหล่เธอเบา ๆ “เข้าใจ ๆ ฉันรู้สึกเหมือนเธอนั่นแหละ แต่ทำอะไรไม่ได้อย่างที่หมอนี่ว่า”

พวกเขานั่งเงียบกันอยู่สักพัก สายตาของอเล็กซิสมองไปยังออสโล่ที่กำลังหลับสนิท

เวดเอ่ยขึ้นมาว่า “ตลกดีนะ...เกิดเห็นด้วยกับหมอนี่เฉยเลย สิ่งเดียวที่เราทำได้ คือนอนอย่างเดียวจริงด้วยสินะ”

อเล็กซิสขำ

เวดเอนหลังลงบ้าง “เธอจะนอนบนแขนฉันก็ได้นะ หรือตรงนี้ก็ได้” เขาทุบอกตัวเองเบา ๆ ยิ้มให้อเล็กซิสอย่างเจ้าเล่ห์ เธอเตะขาเขาไปหนึ่งที ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างออสโล่

“นายว่าพวกตำรวจพาพวกครูไปไหน” อเล็กซิสถามถึงครูโดบี้ส์และพยาบาลสตีเว่น

“ไม่รู้สิ หวังว่าคงไม่ได้เอาไปทำทารุณกรรมอะไรอีกนะ”

ในห้องขังทั้งหมด ตอนนี้เหลือผู้ต้องขังอยู่เพียงสี่คน บรรยากาศวังเวงลงทันที

 

กี่ชั่วโมงผ่านไปเธอไม่ค่อยแน่ใจ แต่ยังไม่เช้าแน่นอน อาจเป็นช่วงประมาณตีสาม อเล็กซิสตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีคนเขย่าตัว เธอกะพริบตาเพื่อปรับสายตา พอหันมาจึงเห็นนายตำรวจในชุดเครื่องแบบนั่งยอง ๆ อยู่ข้างตัว อารามตกใจ อเล็กซิสเกือบร้องออกมาแล้ว แต่เขาเอามือปิดปากเธอได้ทัน จากนั้นสั่นหัวไม่ให้เธอพูดอะไร แสงไฟจากหลอดนีออนส่องให้เห็นสีหน้าและดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาด คล้ายกับมีบางสิ่งปั่นป่วนในท้อง บรูซกระซิบบอกว่ามีโทรศัพท์มาถึงเธอ มีเหตุฉุกเฉินบางอย่างเกิดขึ้นกับครอบครัวของอเล็กซิส

ประตูห้องขังเปิดค้างไว้ บรูซคงเข้ามาข้างในเพื่อปลุกเธอโดยเฉพาะ ดูเหมือนว่าเขาไม่อยากรบกวนเด็กคนอื่นที่นอนอยู่

“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาคะ”

คิ้วทั้งสองข้างเลิกขึ้น เหมือนนายตำรวจต้องการบอกว่าอย่าถามให้มากความ อเล็กซิสอดแปลกใจไม่ได้ บรูซไม่เหมือนกับคุณลุงใจดีก่อนหน้านี้ แต่เธอลุกขึ้นแต่โดยดี แถมยังเผลอไปเตะออสโล่เข้า เลยเผลอปลุกเพื่อนโดยไม่ได้ตั้งใจ “จาปายหนายตอนเน้” เขาถามทั้งที่ยังงัวเงีย และเมื่อเขาเห็นเจ้าหน้าที่อยู่ในห้องขัง ออสโล่ตื่นขึ้นมาทันที “เฮ้ย”

“โทษที พอดีมีเรื่องฉุกเฉินนิดหน่อย” เธอกระซิบบอก ระหว่างนั้น เวดยังคงนอนกรนสนั่นลั่นห้อง บรูซเดินออกแล้วเร่งให้เธอตามเขาออกไปไว ๆ

เมื่อเธอยืนอยู่ข้างนอกแล้ว บรูซไขกุญแจปิดล็อกอีกครั้ง เขาไม่ลืมบอกออสโล่ให้นอนหลับต่อให้สบาย อย่างไรก็ตาม เมื่ออเล็กซิสหันกลับมา ออสโล่ยังคงมองตามอยู่จนเธอเดินหายไป

“เรื่องไม่ดีเหรอคะ ครอบครัวหนูเป็นอะไรคะ” อเล็กซิสกลุ้มใจ ยิ่งนายตำรวจเร่งให้เธอเดินตาม เธอก็ยิ่งเครียด กลัวว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีจริง ๆ

“เดี๋ยวก็รู้เอง”

สถานีตำรวจในเวลานี้เงียบสงบผิดกับบรรยากาศวุ่นวายในวันแรกที่เธอมาถึง อเล็กซิสไม่เคยย่างกรายเข้ามาในนี้มาก่อนเลยจนกระทั่งถูกจับกุม ไม่มีนักโทษที่ต้องรอกระบวนการทางกฎหมายอื่น นอกจากเด็กวัยรุ่นทั้งสี่คน

ประตูห้องข้างหน้าแง้มเปิดเล็กน้อย อเล็กซิสจึงได้ยินเสียงโทรทัศน์ดังลอดออกมาจากข้างใน เธอมองเข้าไปผ่านช่องว่าง เห็นเจ้าหน้าที่โจเซฟและคู่หูสาวนั่งหลับฟุบอยู่กับโต๊ะ เพราะเธอเจอสองคนนี้บ่อยกว่าเจ้าหน้าที่คนอื่น พอเห็นท่าทางสลบไสลสิ้นฤทธิ์ ผิดจากสีหน้าเครียดทำเป็น
เคร่งขรึม อเล็กซิสจึงนึกขันอยู่ในใจ เธอไม่ค่อยแน่ใจตำแหน่งของคนทั้งคู่เท่าไร แต่น่าจะไม่มีขั้นสูง อเล็กซิสเหลือบมองสำรวจยศบนบ่าของบรูซ มันไม่ได้ต่างจากยศบนบ่าของเจ้าหน้าที่กำลังอู้หลับอยู่เช่นกัน

บรูซกระซิบเร่งให้เธอเดินเร็วขึ้น อเล็กซิสเดินผ่านห้องอาหารของพวกเจ้าหน้าที่ที่ดูเหมือนกับห้องครัวขนาดย่อม ตอนนี้คงมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตรงด้านหน้าสำนักงานสักหนึ่งหรือสองคน ระหว่างนั้นอเล็กซิสครุ่นคิดวุ่นวายอยู่แต่กับเรื่องที่บ้านว่าจะเป็นอย่างไร เธอเป็นห่วงเบียนน่ามากกว่าใครทั้งหมด เพราะครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ซึ่งก็คือเมื่อเช้านี้ เบียนน่ายังทำใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำที่ลูกถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัย

อเล็กซิสเพิ่งสังเกตว่าท่าทางของนายตำรวจใจดีผู้นี้เปลี่ยนไปจริง ๆ และเมื่อทั้งสองควรจะต้องเลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังห้องเยี่ยม เพราะตู้โทรศัพท์ประจำอยู่บริเวณหน้าห้องเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังและตรงล็อบบี้ แต่เขากลับพาไปอีกทาง

อเล็กซิสชะงักฝีเท้า ใจคอไม่ค่อยดี “คุณตำรวจคะ ทางนั้นไม่ใช่ทางที่เราจะไปไม่ใช่เหรอคะ ต้องไปที่ห้องเยี่ยมผู้ต้องขังนะคะ”

บรูซจับแขนเธอ “ทางนี้แหละ เรามีตู้โทรศัพท์ตั้งหลายที่ แม่หนู เธอลืมไปแล้วเหรอ ว่าฉันทำงานที่นี่”

เขาพูดถูก แต่อเล็กซิสรู้สึกไม่ดีเลย เด็กสาวค่อย ๆ ดึงมือเขาออกอย่างสุภาพ “แล้วใครโทรมาเหรอคะ เรื่องด่วนที่ว่า เกี่ยวกับอะไร”

“ถ้าเธอถามอีกรอบ ฉันจะตบให้หายสงสัยเลย เชื่อไหม”

เขาถอดหน้ากากคุณลุงใจดีออกเรียบร้อยแล้ว อเล็กซิสใจสั่น เธอมองไปข้างหน้าซึ่งไม่ได้ทำให้เธอไว้ใจเขามากขึ้นเลย อย่างไรก็ตาม เด็กสาวพยักหน้า แต่พอนายตำรวจหันกลับไป เธอวิ่งหนีทันที

“ช่วยด้วย”

วัตถุแข็งบางอย่างกระแทกเข้ากับหลัง อาจเป็นไม้กระบอง ความเจ็บปวดเฉียบพลันทำให้เธอชะงักฝีเท้า นายตำรวจคว้าตัวเด็กสาวไว้ได้ทัน เขาปิดปากเพื่อกันไม่ให้เธอร้องแล้วลากตัวเธอกลับไป อเล็กซิสถูกจับโยนเข้าไปในห้องเก็บของ พอเธอเงยหน้าขึ้นจึงเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกล่ามโซ่ทั้งแขนและขาติดกับกำแพง ที่ตามีผ้าปิดตาคาดไว้ ตรงปากมีเทปปิดทับเช่นกัน ผมสีดำของเธอหลุดลุ่ยออกจากเปียทั้งสองข้าง เด็กสาวมีรอยช้ำและรอยเลือดทั่วตัว สิ่งที่น่าสยดสยองกว่าอะไรทั้งหมดคือเลือดที่กระโปรง น้ำตาของเธอไหลออกมาจากผ้าปิดตาเป็นสาย ข้างซอนย่า มีนายตำรวจอีกคนนั่งเฝ้าอยู่ เสื้อตัวบนของเขาหลุดออกจากกางเกง เขาไม่สวมเข็มขัด แถมยังนั่งสูบบุหรี่หน้าตาเฉยราวกับรอเธออยู่แล้ว

ข้างหลังอเล็กซิส ปืนของบรูซจ่อมาที่กลางลำตัว พลันเหงื่อทะลักออกมาเต็มมือ อเล็กซิสตัวชาวาบราวกับช่วงขากลายเป็นหิน

“อีนี่มันร้อง ไม่รู้ว่าพวกโจเซฟกับเฮลก้าได้ยินหรือเปล่า ส่วนเจ้าไซลาสนอนหลับเป็นตายอยู่หน้าสำนักงาน โรเจอร์ออกลาดตระเวนอยู่ในเมือง”

“นายก็ออกไปเช็กก่อนสิวะ ว่าพวกมันได้ยินเสียงยัยนี่หรือเปล่า” คนที่นั่งอยู่ออกคำสั่ง เขาตัวไม่สูงและไม่เตี้ย แต่ตัวใหญ่กว่าบรูซ เธอแทบไม่เคยเห็นหน้าเขา ชื่อที่ติดอยู่ตรงหน้าอกเขียนว่า คาเมรอน อเล็กซิสได้ยินเสียงบรูซเปิดประตู เด็กหญิงพยายามทำใจให้สงบ ที่นี่คือสถานที่ที่พวกตำรวจกักตัวซอนย่าไว้ ทั้งล่ามและทรมานเธอ อเล็กซิสก็จะเป็นรายต่อไปในอีกไม่ช้า นายตำรวจสองคนนี้ใช้กลหลอกให้เธอออกมาเพื่อจุดประสงค์ที่ไม่ดี

“ซอนย่า!” อเล็กซิสเรียก ร่างของเด็กสาวขยับเล็กน้อย เหมือนรับรู้ว่าอเล็กซิสอยู่ในห้องด้วย คาเมรอนส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่เอา ไม่พูด”

“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” มันเป็นคำถามที่โง่มาก อเล็กซิสรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมพวกเขาถึงพาเธอมาที่นี่ แต่เมื่อครู่เธอโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด ซอนย่าสามารถทำให้คนพวกนี้ตาบอดได้...แต่ยังไงล่ะ เธอไม่รู้วิธีที่จะช่วยเด็กคนนั้น แถมจะช่วยตัวเองยังลำบาก มีตำรวจตั้งสองคน พร้อมกับไม้กระบองสองด้าม และปืนสองกระบอก

บรูซกลับเข้ามา “พวกเขายังหลับอยู่”

“เออ งั้นทำเร็ว ๆ ฉันเบื่อยัยเด็กนี่แล้ว” คาเมรอนชี้ไปที่ร่างซอนย่า “ถึงตาแกละ”

อเล็กซิสยังคงมองไปรอบ ๆ คาเมรอนวางไม้กระบองกับวิทยุสื่อสารทิ้งไว้บนโต๊ะ ยกเว้นปืนที่เขาถือไว้ เขายังคงพูดอยู่กับเพื่อนตำรวจเหมือนเพิ่งนึกอีกเรื่องขึ้นมาได้

“เออ บรูซ...ฉันคิดว่ามีเด็กผู้หญิงสองคนไม่ใช่เหรอ อีกคนไปไหนล่ะ”

“อีกคนหลับเป็นตาย ปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น แต่เด็กคนนี้สวยสุดแล้ว”

คาเมรอนเอียงคอพิจารณาก่อนยิ้มกว้าง “เออ สวยจริง เขยิบมาแม่หนู”

อเล็กซิสไม่ขยับ แต่อ้อนวอนแทน “หนูขอร้องนะคะ ปล่อยหนูไปเถอะ หนูจะไม่บอกใคร หนูสาบาน” คิดสิ อเล็กซ์ คิด เธอต้องหาทางออกได้

“เอาเชือกมัดไหม หรือใช้เทปดี” บรูซเสนอไอเดีย พวกเขาคุยกันราวกับทำเรื่องพรรค์นี้เป็นปกติ

“อย่าเลย ปากยัยนี่น่าขยี้ ใช้ปืนคุมก็พอ เราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก”

พวกเขาคุยกัน ไม่สนใจคำขอร้องของเธอเลย “ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” เธอพยายามขอความเมตตาทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครฟัง “พวกคุณเป็นตำรวจ อย่าทำแบบนี้เลย หนูขอร้อง”

บรูซยกปืนขู่ให้เธอเงียบปาก ส่วนอีกคนถอดกางเกงลง

“อย่าส่งเสียง ถอดเสื้อออก อย่าทำเป็นไม่เข้าใจที่ฉันสั่ง เด็กสาวสมัยนี้ไม่มีใครซิงกันแล้ว ไม่ต้องมาทำอิดออดน่า ถอดเสื้อซะ แสดงให้ดูหน่อยสิ ว่าเธอเก่งแค่ไหน”

“เฮ้ย ๆ ฉันก่อนสิวะ ตาแกคือยัยผมดำ” คาเมรอนเตือนเพื่อนตำรวจ ตอนนี้เขาสวมแค่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว บรูซทำเสียงฮึ่ม ๆ แต่ไม่ตอบโต้อะไร อเล็กซิสพยายามเค้นสมอง เธอมองซอนย่า ซอนย่าทำให้พวกเขาตาบอดได้...แต่ตอนนี้เธอถูกล่ามอยู่ บรูซเดินเข้าไปหาเด็กสาวผมดำ เขาลูบต้นขาเธอ เด็กหญิงตัวสั่น พยายามจะขัดขืนแม้ถูกล่าม

“อย่า อย่าทำอะไรเธอ ได้โปรดเถอะ” อเล็กซิสโพล่งออกไปอีก คิดสิ อเล็กซ์ มันต้องมีทางออกน่า “หนู...จะทำทุกอย่างให้พวกคุณพอใจที่สุด แต่ได้โปรดอย่าทำร้ายหนูกับเธอเลย” เด็กสาวพูดออกไปทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร แต่เธออยากต่อเวลาให้ตัวเอง จึงพ่นคำพูดออกไปอย่างนั้น ส่วนสมองพยายามเค้นหาวิธีเอาตัวรอด

คาเมรอนหัวเราะในลำคอ “บรูซ ยัยนี่พยายามต่อรองว่ะ เธออยากทำข้อตกลงกับเราหรือ”

อเล็กซิสปฏิเสธ “เปล่าค่ะ นะ...หนูรู้ว่าพวกคุณต้องการอะไร...หนูรู้ว่าจะทำให้พวกคุณมีความสุขได้อย่างไร อย่าทำร้ายหนูได้ไหมคะ หนูเป็นเพียงเด็กผู้หญิงที่ไม่อยากให้หน้ากับลำตัวมีรอยแผล หนูรักรูปร่างหน้าตาของตัวเอง พวกคุณจะเรียกหนูมาทำอะไรแบบนี้กี่ครั้งก็ได้ ขอแค่อย่าลงไม้ลงมือกับหนูและเธอก็พอ”

“ถ้าพวกเราไม่ล่ามเด็กคนนี้ไว้ เธอจะฆ่าพวกเรา อย่าห่วงไปเลยฉันเบื่อเด็กคนนี้แล้วล่ะ” คาเมรอนจ้องเธอ หันเหความสนใจมาจนหมด “พิสูจน์คำพูดตัวเองสิ นี่ฉันก็มือเปล่านะ ไม่ได้จะตบตีอะไรสักหน่อย”

“เธออยากลองกับพวกเราพร้อมกันว่ะ” บรูซผละจากซอนย่า เขาไม่ปิดบังความตื่นเต้นและแรงกระหายภายในเลย แต่คาเมรอนไม่ชอบความคิดนี้

“ไม่ แกไปเล่นกับยัยนั่น” นายตำรวจเดินมาหาอเล็กซิสแล้วกระชากผมเธอ ลากเหยื่อไปไว้ข้างตัวไม่ยอมให้เพื่อนเล่นกับของเล่นชิ้นใหม่ด้วย อเล็กซิสล้มลุกคลุกคลาน ปากร้องด้วยความเจ็บปวด แต่เขายังดึงผมเธออยู่อย่างนั้น ไร้ซึ่งเมตตา ดวงตาของเขาสื่อให้เห็นถึงสิ่งสกปรกที่อยู่ในสมองอันวิปริต เธอมองเหงื่อของเขาที่กำลังไหลพลั่ก ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังตื่นเต้นและหมายมั่นที่จะย่ำยีเหยื่อตรงหน้าแทบไม่ไหว พอเขาเห็นเธอไม่ขยับก็เร่งเร้า “ไหนว่าจะทำให้ฉันพอใจไง ทำให้ดูสิ แต่เธอต้องทำให้ฉันดูคนแรกนะ ถ้าฉันพอใจ เธอค่อยไปดูแลเขา”

อเล็กซิสจ้องไปยังวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านหลังเขา ตัดสินใจแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้มีอำนาจเหนือกว่า “ค่ะ หนูจะพิสูจน์ให้ดู นั่งลงสิคะ”คาเมรอนยิ้มแล้วนั่งลง อเล็กซิสเลื่อนมือไล่จากขาของเขาไปยังหน้าท้อง

“ยิ้มสิ” เด็กสาวทำตามอย่างว่าง่าย เธอยิ้ม

“ฮึ อีกะหรี่”

พอเธอเหลือบเห็นว่าบรูซหันกลับไปสนใจซอนย่า และคาเมรอนโน้มตัวลงมาจูบ เธอปล่อยให้เขาจูบผม ลูบไล้ใบหน้าของเธอตามแต่ที่เขาอยากจะทำ พอสบโอกาส อเล็กซิสโขกหัวตัวเองกับหัวนายตำรวจอย่างแรง จากนั้นเอื้อมมือคว้าเจ้าวิทยุสื่อสารในขณะที่เขากำลังมึนงง เมื่อคว้าแล้วรีบฟาดมันเข้ากับหัวของเขาอีกที

เขาร้องโหยหวนพร้อมกับสบถคำหยาบมากมาย

อเล็กซิสฟาดอีกรอบ ร่างใหญ่ล้มลงจากเก้าอี้ เมื่อนั้นบรูซหันมาเล็งปืนใส่เธอ อเล็กซิสจึงไม่กล้าขยับ แต่เมื่อเห็นว่านายตำรวจยังไม่กล้าทำอะไร เธอจึงเข้าใจทันทีว่าเขาไม่ต้องการให้มีเสียงดังเล็ดลอดเพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน อเล็กซิสจึงรีบกดปุ่มแล้วตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย ห้องเก็บของ ช่วยด้วย”

“อีเวร”

อเล็กซิสปาวิทยุเข้าใส่หน้าบรูซ เขาผงะ วินาทีนั้นปืนที่ถือในมือตกลง ขึ้นชื่อว่านักเรียนหัวกะทิไม่ใช่คำกล่าวลอย ๆ อเล็กซิสจับเก้าอี้ที่คาเมรอนเคยนั่งตรงเข้าฟาดใส่ไอ้ปีศาจอัปลักษณ์สุดแรง คาเมรอนร้องเสียงหลง อเล็กซิสยังฟาดใส่อีกคนที่ตรงเข้ามาหยุด ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  เป็นเสี้ยวเวลาที่เธอเห็นว่าตัวเองอาจจะรอดจากสถานการณ์นี้ ทุกวินาทีล้วนมีค่า อเล็กซิสพยายามที่จะไม่ให้ตัวเองสูญเสียแม้เพียงวินาทีเดียว เธอรีบวิ่งไปที่ประตูโดยที่ปากร้องขอความช่วยเหลือไปด้วย เด็กสาวหมุนลูกบิด...กรีดร้อง

ทว่ายังช้าเกินไปอยู่ดี ทั้งสองไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นวายร้ายในคราบตำรวจจิตใจดี มือแข็งแรงข้างหนึ่งยึดข้อเท้าเธอไว้แล้วลากกลับมา อเล็กซิสทรงตัวไม่อยู่จึงหน้าคะมำล้มลงกับพื้น ครั้งนี้ คางฟาดกับพื้นไปด้วย เธอได้ชิมเลือดตัวเองจนได้ คาเมรอนโกรธเลือดขึ้นหน้า เขาใช้ไม้กระบองฟาดตัวเด็กสาวอย่างแรง ทุกแรงกระทบเจ็บไปถึงกระดูก นี่คงเป็นความรู้สึกของเวดในตอนนั้น อเล็กซิสยกแขนขึ้นป้องกัน สู้ไม่ถอย เธอได้กลิ่นเหงื่อของมัน และสุดท้าย เขานอนกดเธอไว้สำเร็จ มือสกปรกล้วงเข้าเสื้อชั้นในทันที เด็กสาวไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้อีกต่อไปเพราะถูกปิดปากไว้สนิท คาเมรอนยั้งมือชั่วครู่เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินก่อนจะพยายามรุกล้ำเสื้อผ้าของเหยื่อต่อ

“คาเมรอน ฉันว่าพวกเขาได้ยินว่ะ ถ้า...โจเซฟมา พวกเราตายแน่”

“หุบปาก ไอ้ขี้ขลาด แกออกไปเช็กสิวะ ฉันขอสั่งสอนยัยตัวแสบนี่สักหน่อย”

พวกคุณต้องได้ยินบ้างเซ่ อเล็กซิสหวังว่าตำรวจสองนายจะสังเกตเห็นหรือรับรู้ว่ามีอาชญากรรมอุบาทว์เกิดขึ้นในโรงพักที่ตัวเองประจำอยู่ มันเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของเหยื่อ

หรือพวกเขาแค่เมินเฉยต่อเรื่องนี้กันแน่

หัวใจของเธอเกือบจะระเบิดออกมาเมื่อได้ยินคำพูดสกปรกที่ออกมาจากปากเน่า ๆ ของมัน อเล็กซิสไม่อาจฟังถ้อยคำน่าเกลียดต่าง ๆ นานาที่คาเมรอนวางแผนจะทำกับเธอได้ เธอนึกถึงครอบครัวแล้วร้องไห้ หยาดน้ำตารดลงบนมือหยาบช้า เขาเริ่มถอดกางเกงของเธอ แต่โชคดีที่มันเป็นกางเกงยีนทรงสกินนี่ที่ถอดยากกว่าปกติ “หยุดใส่กางเกงสกินนี่ได้แล้วสาว ๆ เพื่อสุขภาพของคุณเอง” เธอเคยอ่านบทความนี้ในหนังสือพิมพ์ แต่มันอาจช่วยปกป้องคุณจากการถูกข่มขืนได้ ถ้าเธอรอดไปได้ เธอสาบานว่าจะภักดีต่อกางเกงยี่ห้อเล็กซี่ไปจนตาย

อเล็กซิสยกแขนที่บาดเจ็บขึ้นสู้สุดฤทธิ์ คาเมรอนยังคงฟาดและตบเธอเหมือนระบายอารมณ์เล่น ๆ

“ไอ้บ้า เด็กจะตายเอา” บรูซเตือน

“ฉันจะเอากับศพมันนี่แหละ”

“พอแล้ว คาเมรอน”

“มีใครโผล่หัวมาเหรอไงวะ”

“เปล่า ไม่ได้ยินเสียงไร”

“แกก็เอาอีนั่นซะทีสิ”

ราวกับเป็นทาสเมื่อหลายพันปีก่อน ผู้มีอำนาจไม่ใช่แค่ทำลายชีวิตเธอ แต่ยังลดระดับความเป็นมนุษย์ในตัวเธอด้วย จะมีเหยื่ออีกกี่คนที่ถูกพวกเลวระยำพวกนี้ปฏิบัติราวกับเป็นสิ่งของไร้ค่า

“ฉันไม่อยากเอากับศพโว้ย” บรูซจับไหล่คาเมรอนเพื่อหยุดไม่ให้เขาทำร้ายเด็กสาวจนถึงตาย พวกเขาปล่อยให้อเล็กซิสมีเวลาได้หายใจ ความเจ็บปวดครอบงำไปทั่วร่าง ทั้งสองคนทะเลาะกันเอง

“เอาเธอกลับไปห้องขังก่อน ถ้าพวกมันนั้นมาเห็น พวกเราตายแน่”

นี่คือนรกบนดินเหรอ อเล็กซิสพยายามจะคลานหนี

“ไม่เร็วเท่าไรนะ” คาเมรอนดึงผมเธอไว้ “มาช่วยฉันถอดไอ้กางเกงเวรนี่ทีสิวะ”

“หยุดได้แล้วคาเมรอน โจเซฟกับเฮลก้าอาจจะไม่ได้ยิน แต่อย่าลืมว่าไซลาสกับโรเจอร์อาจจะได้ยินก็ได้!

ปัง!

แสงปาฏิหาริย์สาดส่องเข้ามาในห้องพร้อมกับที่ร่างสัตว์ร้ายที่ชื่อคาเมรอนลอยลิ่วไปกระแทกกำแพงฝั่งตรงข้ามเพราะถูกลูกถีบเข้าอย่างจัง บทสนทนานั้นเงียบลงทันที

บรูซผงะ เมื่อเห็นโจเซฟจัดการเพื่อนตัวเองไป

“พวกแกทำบ้าอะไรวะ”

อเล็กซิสได้ยินเสียงนายตำรวจหนุ่ม แต่เธอมองไม่เห็นเขา “ช่วย...ด้วย” เด็กสาวได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือ

“เซฟ ใจเย็น ๆ สิวะ ค่อย ๆ คุยกันดีกว่า พวกเราสนุกกับเด็กสองคนนี้ด้วยกันก็ได้นะ นายว่าดีไหมล่ะ” คาเมรอนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน พยายามจะเจรจากับเพื่อนอีกคน

“พวก...แก...ทำบ้าอะไรวะ!” มันไม่ใช่คำถาม อเล็กซิสค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก เธอเกาะขาโต๊ะราวกับเป็นขอนไม้ในทะเล

“ถ้าแกไม่เข้าใจก็อย่าโกรธฉันละกัน” คาเมรอนเอื้อมมือไปหยิบปืนแต่ช้าเกินไป โจเซฟยิงไปหนึ่งนัด กระสุนเจาะเข้าที่ต้นขา ชายร่างเปลือยล้มลงร้องโหยหวนเหมือนสุนัขข้างถนน

บรูซ จอมขี้ขลาด ยกมือสองข้าง ไม่กล้าสู้ “ไอ้เวรนี่มันบังคับฉัน!” แต่โจเซฟไม่เชื่อ กระสุนอีกนัดดังขึ้น บรูซล้มลงทับตัวคาเมรอน โจเซฟตรงเข้าฟาดไม้กระบองใส่เพื่อนตัวเองจนเลือดกระเซ็นไปทั่วตัว ดวงตาเย็นชาสีฟ้าคู่นั้น ในเวลานี้ละลายกลายเป็นทะเลเพลิง

“แก ควร ปก ป้อง พวก เขา ไม่ ใช่ ทำ ร้าย พวก เขา ทำ ได้ ไง วะ”

เขายั้งมือตัวเอง ปล่อยบรูซและคาเมรอนที่นอนใกล้ตายทิ้งไว้เพื่อหันมาดูเหยื่อสาว ใบหน้าของโจเซฟเต็มไปด้วยหยดเลือดกระเซ็น อเล็กซิสที่เห็นเหตุการณ์อยู่ตลอดกลัวถึงขีดสุด เข้าใจแล้วว่าทำไมบรูซดูพะวงว่าคนคนนี้จะได้ยินเสียง เขาตัวสูงใหญ่และมีกำลังมากที่สุด จนขนาดสองคนนี้สู้ไม่ได้ และเป็นโชคดีที่เขาไม่เข้าร่วมกับพวกเวรระยำสองตัวนี้ กระนั้นเธอยังคงกลัว จึงมุดลอดใต้โต๊ะ อเล็กซิสตกอยู่ในอาการหวาดผวาอย่างรุนแรง กลัวทุกสิ่งแม้กระทั่งคนช่วยชีวิต

“เกิดอะไรขึ้น” คู่หูสาวของเขาวิ่งเข้ามาแล้วยกมือปิดปากตัวเองเมื่อเห็นร่างบรูซกับ
คาเมรอนนอนจมกองเลือด

“เฮลก้า พวกเขาพยายามที่จะ...” โจเซฟหลบตาเด็กหญิง “ดูเอาเองเถอะ”

“สารเลว!” เฮลก้าด่าอยู่สองสามคำ จากนั้นเอื้อมมือมาที่อเล็กซิสที่แอบอยู่ใต้โต๊ะ พอเห็นท่าทางเป็นห่วงเป็นใย อเล็กซิสจึงกล้าออกมาจากที่กำบังชั่วคราว ตำรวจสาวโอบกอดเด็กสาวด้วยท่าทางปกป้อง “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรแล้วนะ” ความอ่อนโยนแรกที่เธอมอบให้กับผู้ที่ถูกจับกุม อเล็กซิสค่อย ๆ เหลือบตามองผู้ช่วยชีวิต แต่เขายังคงหลบตาเธอ ท่าทางที่เขาทำเวลาเจอพวกวัยรุ่นที่ถูกจับ วินาทีนั้น อเล็กซิสเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงทำหน้านิ่งแบบนั้นตลอดเวลา

ปกป้องไม่ใช่ทำร้าย

“ฉันจะปลดโซ่ออก แต่เธอต้องสัญญากับฉันนะว่าจะไม่ทำอันตรายพวกเรา ฉันจะส่งเธอไปโรงพยาบาล ครอบครัวของเธอจะไปที่นั่นด้วย ตกลงไหม” เขาพูดกับซอนย่าที่ถูกล่ามไว้อยู่

“เซฟ เด็กคนนั้นอันตรายกว่าที่คิดนะ” เฮลก้าค้าน

“เด็กได้รับบาดเจ็บ เธอรู้ว่าฉันหมายความว่ายังไงเฮลก้า ไม่น่าให้ไอ้เวรสองตัวนี้เฝ้าเลย...ถ้าฉันรู้ว่าพวกมันเป็นปีศาจในคราบมนุษย์ละก็”

อเล็กซิสเห็นเขาค่อย ๆ ปลดโซ่ออกอย่างระมัดระวังมื เหมือนกลัวว่าจะทำให้ซอนย่าเจ็บ พอโซ่หลุดออกจากตัว ซอนย่าล้มลงในอ้อมกอดนายตำรวจหนุ่ม เขาปลดผ้าปิดตาและดึงเทปออกจากปากเธอเบา ๆ ซอนย่ามองไปรอบ ๆ เหมือนหาอะไรบางอย่าง จนมาหยุดที่อเล็กซิสและเฮลก้า

“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เด็กสาวถามเสียงแหบแห้ง

อเล็กซิสพยักหน้าช้า ๆ น้ำตาไหลเงียบ ๆ

“ฉันได้ยิน...เธอ...พยายาม...ช่วยฉัน...”

“ไม่ต้องพูดแล้วสาวน้อย ฉันจะพาเธอไปหาหมอนะ อย่ากลัวไปเลย คนพวกนั้นทำอะไรเธอไม่ได้อีกแล้ว”

เด็กสาวหัวเราะทั้งน้ำตา ทันใดนั้น เธอเงยหน้ามองไปยังหลอดไฟในห้อง

“เซฟ!” เฮลก้ากดศีรษะอเล็กซิสลงกับอกของตัวเองทันที ทุกอย่างเงียบฉับพลัน ความร้อนเลียวาบทั่วแขน พร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวด เป็นเวลากว่าหลายนาทีกว่าที่ตำรวจสาวจะยอมปล่อยให้อเล็กซิสเงยหน้าขึ้นดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลอดไฟสองหลอดแตกคาเพดาน แขนทั้งสองข้างของเฮลก้าแดงเถือกเหมือนถูกแดดเผารุนแรง เมื่ออเล็กซิสมองไปที่โจเซฟ ใบหน้าของเขาซีกหนึ่งแดงเหมือนกับแขนของเฮลก้า ส่วนซอนย่านอนตายในอ้อมแขนที่แดงเถือก ใบหน้าของเด็กสาวมีรอยไหม้รุนแรง แต่ที่น่ากลัวคือดวงตาเหมือนถูกไฟจี้ทั้งสองข้าง มันบอดสนิท รวมทั้งลมหายใจของเธอด้วย ไม่มีใครได้รับอันตรายร้ายแรงถึงขั้นชีวิตหรือพิการ ยกเว้นโจเซฟที่เหมือนจะได้รับบาดเจ็บคล้ายไฟลวกหนักกว่าคนอื่น อเล็กซิสมองไม่เห็นว่าซอนย่าทำอะไรก็จริง แต่เธอรับรู้ว่ามันเป็นแบบไหน

“พระเจ้าช่วย! เซฟ นายเป็นอะไรหรือเปล่า” เฮลก้าตกใจกับสภาพคู่หูหนุ่ม

เขาส่ายหน้า ไม่ได้สนใจผิวแดงไหม้น่ากลัวที่แขนเลยสักนิด “เธอฆ่าตัวตายแล้ว” ทั้งสองมองหน้ากัน เหมือนจะพูดไม่ออกไปชั่วขณะ “เราต้องรายงานบอส ฉันจะเรียกไซลาสกับโรเจอร์มาช่วยจัดการไอ้เวรพวกนี้ ส่วนเธอพาเด็กคนนั้นกลับห้องขัง”

“แต่เธอก็บาดเจ็บนะ”

“เอาที่เธอเห็นควร อ้อ...เฮลก้า เธอต้องติดต่อครอบครัวโรมูลเลอร์กับครอบครัวเดวิสด้วย”

“อย่า” อเล็กซิสโพล่งออกมา

“อะไร” เขาดูผงะ

“พวกเขาเป็นห่วงฉันมากพอแล้ว” อเล็กซิสบอก แม่...แม่ไม่เป็นอันทำอะไรแน่

เฮลก้าส่ายหน้า “ยังไงพวกเขาต้องรู้อยู่ดี มากับฉันเถอะ เดวิส”

อเล็กซิสหมดสิ้นกำลังทุกอย่าง แม้แต่เพื่อคร่ำครวญ แม้น้ำตายังคงไหลเอื่อย ๆ อาบแก้มอยู่ก็ตาม ซอนย่า...ฆ่าตัวตาย ไฟโมหะลุกไหม้อยู่ภายในใจเด็กสาว ในหัวมีแต่คำถามว่า ทำไม มากมาย ลึก ๆ แล้ว อเล็กซิสเข้าใจเหตุผลของซอนย่าที่ตัดสินใจเช่นนี้ คนพวกนั้นรังแกซอนย่าในสภาพนั้น ถูกล่ามโซ่ ไร้ซึ่งหนทางสู้ เพียงแค่นึกก็เหมือนเห็นทุกอย่าง อเล็กซิสรู้สึกเหมือนมีก้อนอาเจียนไหลขึ้นมาจากคอ เธออยากจะอ้วกออกมา

เฮลก้าพาเธอไปยังห้องพยาบาล แขนทั้งสองข้างของอเล็กซิสเต็มไปด้วยรอยช้ำและแผลเล็ก ๆ มากมาย ตำรวจสาวนึกอยากส่งเธอไปโรงพยาบาลแต่เปลี่ยนใจไม่พาไป อเล็กซิสมองดูตัวเองในกระจก เธอไม่ใช่อเล็กซิสคนเดิมที่ตัวเองรู้จักอีกแล้ว เด็กผู้หญิงที่อยู่ในกระจกนั้นอยู่ในสภาพที่เลวร้ายที่สุด ทั้งร่างกายและจิตใจ

“พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น” ออสโล่ถามทันทีที่เห็นเธอกลับมา เวดกับเบลินดาเพิ่งตื่น พอทั้งสองเห็นสภาพอเล็กซิสต่างอ้าปากค้างด้วยกันทั้งคู่

“ทำไมต้องทรมานเธอด้วย” เพื่อนนักกีฬาชูวิ่งเข้าหาลูกกรง ยื่นแขนชูกำปั้นใส่ตำรวจสาว “คุณทำไปเพื่ออะไร!

“เปล่า เธอไม่ได้ทำ” อเล็กซิสบอกเขา

เฮลก้าส่ายหน้าเบื่อหน่ายคำต่อว่าของเวด พออเล็กซิสเข้าห้องขังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวเดินจากไปทันที เวดประคองเธออย่างระมัดระวังราวกับอเล็กซิสเป็นถ้วยกระเบื้องเคลือบ “เป็นอะไรไหม ทำไมพวกเขาไม่ส่งเธอไปโรงพยาบาล”

“เธอมองว่ามีแค่รอยช้ำกับแผลเล็ก ๆ เลยขอดูอาการก่อน” อเล็กซิสอวดแขนที่เต็มไปด้วยรอยแผลและยาให้เพื่อนดู “นายมีเพื่อนแล้วล่ะ เวด”

“เขาทำเหรอ” ออสโล่ขมวดคิ้ว “บรูซใช่ไหม”

อเล็กซิสพยักหน้า “ซอนย่าตายแล้ว ถูกล่ามโซ่ไว้ในห้องเก็บของ มีตำรวจเฝ้าเธออยู่ และ
บรูซกับเวรยามคนนั้น...”อเล็กซิสหยุด ไม่อยากพูดถึงมัน

“พวกเขาปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง อเล็กซ์...แล้วเธอ...”

อเล็กซิสส่ายหน้าให้เวด “พวกเขาเอาแต่ตี...ไว้ค่อยเล่าทีหลังได้ไหม ฉันไม่ไหวแล้ว”

เวดกับออสโล่พยักหน้า “ได้เลย เอาที่เธอสบายใจก่อน” เด็กหนุ่มทั้งสองช่วยกันจับเธอนั่งลงช้า ๆ อเล็กซิสรับรู้ความห่วงใยของเพื่อนทั้งสองเป็นอย่างดี เธอนึกขอบคุณในใจ

“ฉันไม่ง่วงแล้วล่ะ เธอนอนบนตักฉันก็แล้วกันนะ นอนบนพื้นไม่ดีหรอก” เวดเสนอ

“ไม่เป็นไร นอนได้”

“ไม่หรอก ๆ เขาพูดถูกนะ ตอนนี้เธอบาดเจ็บอยู่”

“ก็ได้ ขอบคุณพวกนายทั้งสองมากนะ”

ทันทีที่อเล็กซิสปิดตาลง เธอเอนศีรษะนอนบนตักของเวดในที่สุด ขณะนั้นนึกถึงเสียงคนที่สนทนากันเมื่อคืนก่อนได้แล้ว

“อย่าแตะต้องพวกเขานะ”

“พวกเธอจะมาแทนไหมล่ะ”

สองคนนั้น คือ บรูซกับครูโดบี้ส์นี่เอง