4 ตอน ตอนที่ 2 ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไป (1/2)
โดย Pillow Mellow
มีนาคม
นับจากวาเลนไทน์มาจนถึงกลางเดือนมีนาคมก็เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้วที่เอิร์ธกับบีนพัฒนาความสัมพันธ์จากคนคุยเป็นคนรัก
“พี่เอิร์ธวันนี้ก็สดใสอีกแล้วนะคะ”
คนมีความรักมักจะมีออร่าความสดใสเปล่งประกายวิบวับอยู่รอบกาย คิดว่าไม่เกินจริง เพราะเอิร์ธในตอนนี้ก็เปล่งออร่าเรืองรองเช่นนั้น ไม่มีพนักงานร้านหรือเพื่อนร่วมงานคนไหนไม่เคยทักเรื่องนี้ นอกจากดูสดใสขึ้นแล้ว งานที่เขาสนใจในช่วงนี้ก็เป็นงานที่เต็มไปด้วยความฟรุ้งฟริ้งแหวกไปจากคอนเส็ปเดิมๆ ที่เคยทำมา
คงต้องยกความดีความชอบให้รักระยะไกล
บีน...
ขนาดไม่ได้เจอหน้ากันยังอินเลิฟขนาดนี้ เอิร์ธไม่คิดเลยว่าหากได้ใช้เวลาด้วยกันจริงๆ เขาจะคลั่งรักขนาดไหน
“เมื่อไหร่จะพามาเปิดตัว” เอิร์ธทำเพียงแค่ยิ้มให้กับคำถามของรุ่นพี่คนสนิท
คะนึงนิจ หรือพี่ข้าวฟ่าง อายุ 27 เคยเป็นนักออกแบบฝีมือดี กระทั่งความรักที่ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้ความคิดสร้างสรรค์ไม่ทำงาน ตอนนี้นอกจากเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญแล้วงานประสานงานทั้งหมดเธอก็เป็นฝ่ายดูแลและสามารถทำออกมาได้ดีทีเดียว
ต้องยอมรับว่าการที่สินค้าแบรนด์ Lolly D เดินทางมาไกลได้ขนาดนี้ก็เพราะมีเธอเป็นกำลังสำคัญ
“คนในความลับเธอคงไม่ใช่เด็กต่ำกว่า 18 อีกนะ ขอร้องเลย อย่าหาทำ”
“เห็นเอิร์ธเป็นพวกเจ็บแล้วไม่จำเหรอพี่ฟ่าง”
“ใครจะไปรู้แก”
“อายุ 25 อะ อ่อนกว่าเอิร์ธปีนึง เพราะงั้นพี่ฟ่างสบายใจได้เลย”
“แล้วไปเจอกันได้ไง” วันๆ นอกจากทำงานหน้าคอมพิวเตอร์และออกไปดูหน้าร้านช่วงเย็น ข้าวฟ่างก็ไม่เห็นว่าซีอีโอหนุ่มจะไปไหน เช่นนั้นจึงอดสงสัยไม่ได้
“เขาเป็นแฟนคลับงานแบรนด์เรา”
“หือ ยังไงนะ ขอแบบละเอียดๆ หน่อยได้มั้ย” ข้าวฟ่างเอ่ยถามเสียงสูง
“ก็แค่นั้นแหละพี่”
“แค่นี้ไม่ได้สิ”
“แล้วพี่ฟ่างอยากได้แค่ไหนครับ”
“ก็...”
“ไหนว่ามีประชุมเช้า เข้าเลยมั้ยครับ”
คนถูกขัดถึงกับเบ้หน้าแต่เพราะคุณซีอีโอออกปากถึงขนาดนั้นและเมื่อมองนาฬิกาบนข้อมือก็พบว่าได้เวลาแล้วจริงๆ จึงยอมเดินนำอีกฝ่ายไปยังห้องประชุมแต่โดยดี
คอนเส็ปของสินค้าที่จะออกในช่วงปลายปีถูกนำเสนอจากทุกฝ่ายตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทุกคอนเส็ปมีเอกลักษณ์และน่าสนใจจนไม่สามารถตัดสินใจได้ทันที ตัวอธิษฐ์เองอยากได้งานธีมฤดูหนาวแน่นอนว่าเขานึกถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถ้าความคิดของเขาได้รับเลือกก็คงเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปเยือนที่นั่นและพบกับคนรัก แต่น่าเสียดายที่ยังสรุปอะไรไม่ได้ซักอย่าง
การประชุมอันยาวนานทำเอาเหล่าพนักงานหมดสภาพและหมดเรี่ยวแรง อธิษฐ์เองก็เมื่อยล้าจนคิดว่าตัวเองคงไม่สามารถขับรถกลับคอนโดได้
ทว่า...
Been: พี่เอิร์ธ อยู่ม้าย
Been: ก๊อกๆ หายไปทั้งวันเลยน้า คนทางนี้คิดถึงรู้ป่าว
ข้อความที่คนรักส่งมาอาจจะคลายความเหนื่อยล้าทางกายไม่ได้ แต่ก็ทำให้อธิษฐ์ยิ้มได้และมีกำลังใจ
Earth: เพิ่งออกจากห้องประชุม
Earth: คิดถึงบีนจะแย่อยู่แล้วครับ
Been: คนปากหวานมักเจ้าชู้นะรู้ป่าว
Earth: ก็หวานกับคุณคนเดียวอะครับ
Earth: บีนก็ลองพูดหวานๆ ให้พี่ฟังบ้างสิ
Been: ก็คอลมาสิเดี๋ยวจะพูดให้ฟัง
Earth: จริงนะ
Been: อือ
อีกฝ่ายยังไม่อ่านข้อความที่บีนส่งไปด้วยซ้ำ เสียงเรียกเข้าจากแอปพลิเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นซะแล้ว
หลังจากการสอบปลายภาคสุดท้ายของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จบลง บีนก็รับรู้ได้ถึงอิสรภาพที่ซุกซ่อนตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ดื่มด่ำกับมันได้ไม่นานหรอก เพราะวันจันทร์หน้าก็ต้องไปเรียนพิเศษตามใจแม่แล้ว ดังนั้นช่วงสัปดาห์นี้เขาจึงตั้งใจจะอ้อนพี่เอิร์ธให้เยอะๆ เลย
“ไงครับ ว่างคุยเหรอ”
“ได้เสมอ”
“ที่นั่นกี่โมงแล้วนะ”
“สนใจเวลามากกว่าบีนเฉย”
“ไม่ใช่ครับ พี่จะสนใจเวลามากกว่าแฟนได้ยังไงเอ่ย”
“ก็พี่เอิร์ธถามถึงเวลา”
“ถามถึงเวลาก็ไม่ได้ด้วย”
“ม่าย” อธิษฐ์ถึงกับหลุดขำให้กับพฤติกรรมเด็กๆ ของอีกฝ่าย กระทั่งถูกถามด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจังนั่นแหละจึงหยุดหัวเราะ “แล้วประชุมเป็นไงบ้างอะ”
“ไอเดียเยอะจนเลือกไม่ถูกเลยครับ”
“พนักงานของพี่เอิร์ธต้องมีแต่คนเจ๋งๆ แน่เลย”
“ก็ซีอีโอเจ๋งอะครับ”
“ค้าบบบบ พี่ซีอีโอเจ๋งที่สุดแหละ”
“เหมือนประชด”
“ไม่คิดเล็กคิดน้อยสิ บีนไม่ใช่คนคิดอะไรซับซ้อนแบบนั้นหรอก ชมก็คือชมครับ”
“แฟนพี่เป็นผู้ใหญ่อายุ 25 ที่น่ารักขนาดนี้ได้ยังไงครับเนี่ย”
เอ่อ...
คนอายุ 25 ปลอมถึงกับไปต่อไม่ถูก จู่ๆ ความรู้สึกกระอักกระอ่วนก็จุกในอกจนอยากจะอาเจียน เป็นเวลา 4 เดือนแล้วที่เขาอิ่มเอมกับความสุขที่ได้รับมาจากการโกหก ถามว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีไหม ก็ดีแต่ในขณะเดียวกันก็เหนื่อยจนไม่อยากทำอะไร แม้กระทั่งอ่านหนังสือก่อนสอบปลายภาค
“ถูกชมว่าน่ารักถึงกับเงียบไปเลยเหรอครับ”
“เขินอยู่ไง”
“อยากเห็นหน้าตอนเขินจังเลย ถ่ายรูปมาให้ดูหน่อยสิ”
“ไม่เอา” บีนปฎิเสธทันควัน หลังจากส่งรูปนั้นไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พี่เอิร์ธก็ขออีกและแน่นอนว่าบีนยอม เขาพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะถ่ายรูปโดยไม่ให้เห็นหน้า เลี่ยงสิ่งแวดล้อมรอบกาย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ซักวันคนเก่งๆ อย่างพี่เอิร์ธต้องสงสัยแน่ๆ เมื่อถึงตอนนั้น บีนไม่อยากคิดเลย
“ทำไมล่ะ พี่แค่อยากเห็นหน้าคนน่ารักตอนเขินเอง ไม่ได้เหรอครับ”
“น่ารักแล้วพี่เอิร์ธชอบมั้ย”
“ชอบสิครับ คุยกับคนน่ารักแล้วชุ่มชื่นหัวใจดีออก”
“พี่เอิร์ธชอบบีนที่เป็นแบบนี้มั้ย”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ ก็ต้องชอบอยู่แล้วสิครับ ทุกอย่างที่เป็นบีนพี่ชอบหมดเลย และถ้าไม่ชอบก็คงไม่ขอสถานะแฟนทั้งที่เพิ่งเคยเจอหน้ากันครั้งเดียวหรอก”
พี่เอิร์ธเจอหน้าบรรณวิช์ครั้งเดียวก็จริงแต่บีนน่ะเจอพี่เอิร์ธที่ร้านบ่อยเลย
พี่เอิร์ธชอบออกมาที่หน้าร้านตอนประมาณหกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มและบีนก็หาเหตุให้ต้องเดินผ่านหน้าร้านในช่วงเวลานั้นประจำเพื่อแอบมองอีกฝ่ายเหมือนพวกถ้ำมอง หลายครั้งที่อยากจะเข้าไปทักทายและแสดงตัวว่านี่คือบีนไง ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เขาในชุดนักเรียนไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
เหนื่อยแล้ว...
ยิ่งพี่เอิร์ธบอกว่าชอบบีนมากเท่าไหร่ บีนก็ยิ่งอยากแสดงตัวต่อหน้าอีกคนมากเท่านั้น อยากคบกันแบบคู่รักคู่อื่นๆ อยากคุยกันและสบตา อยากจับมือและสัมผัสกัน อยากทำกิจกรรมอะไรก็ตามที่สานสัมพันธ์รักของพวกเราให้ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นและอิ่มเอมด้วยความสุข
เห้อ
เสียงถอนหายใจที่ไม่สามารถจำนวนครั้งได้ด้วยนิ้วมือดังขึ้นอีกครั้ง จนเพลงซึ่งเป็นเจ้าของห้องถึงกับถอนหายใจแข่งดังๆ หนึ่งทีแล้วเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตาเบื่อหน่าย
“ถ้ามึงจะแค่มาเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์ให้ห้องกูล่ะก็ เชิญกลับนะ”
“ไม่เอา กูไม่อยากฟังแม่บ่น” นับตั้งแต่วันที่ผลการเรียนรวมของระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ออกแม่ก็บ่นไม่หยุดเลย บางครั้งพ่อที่ไม่ค่อยพูดก็มาช่วยบ่น คิดเอาเถอะว่ามันหนักหนาแค่ไหน
“มึงไปทำอะไรให้เขาบ่นอีกล่ะ”
“เกรด”
“เกรดมึงทำไม”
“2.3”
“เชี่ยไอ้บีน ปกติถึงผลการเรียนมึงจะไม่ค่อยดีแต่ก็ไม่เคยได้น้อยกว่า 2.5 ไม่ใช่เหรอวะ”
“อือ ก็นั่นแหละแม่ถึงบ่นไง”
“สมควรโดนมั้ยล่ะ มึงเอาเวลาไปจดจ่อกับอะไรเกรดมึงถึงได้ลดขนาดนี้”
“ที่มึงเคยตั้งข้อสันนิษฐานมั่วๆ ว่ากูมีความรักอะ กูมีจริงๆ นะ”
“ห๊ะ!” เพลงถึงกับร้องเพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ตลอดหลายปีที่คบกันมาตั้งแต่เด็กจนโตเขาไม่เคยเห็นเพื่อนสนใจหรือชายตามองสาวที่ไหนเลย พอได้ยินว่ามันมีความรักจะให้เชื่อในทันทีก็เป็นเรื่องยาก
“กูเจอเขาในแอปแอดเฟรนด์อะมึง เขาเป็นเจ้าของแบรนด์และร้าน Lolly D เป็นคนขายสร้อยข้อมือเส้นนี้ให้กู” สร้อยข้อมือที่บีนใส่ติดแขนไว้ตลอดถูกยื่นไปให้เพื่อนดู “พวกเราคุยและคบกันมา 4-5 เดือนแล้ว”
“แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน มีแฟนเป็นผู้ใหญ่ขนาดนั้น เขาก็น่าจะให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนของมึงได้สิ”
“ปัญหาคือเขาไม่รู้ว่ากูเป็นนักเรียน”
“คือยังไงวะ” ทุกประโยคของเพื่อนน่ามึนและชวนสงสัยจนต้องวางปากกาในมือลง
“เขาคิดว่ากูคือพี่แบ็งค์ คิดว่ากูทำงานอยู่สวิต เอาจริงเพลงตอนนี้กูเริ่มสับสนละว่ากูคือใครกันแน่”
“มึงก็คือไอ้บีน นักเรียนที่กำลังจะขึ้นชั้นม.6 พร้อมกับเกรดเฉลี่ย 2.3 ไง”
“กูคือบุลวัชรเนอะ”
“อือ เป็นบุลวัชรที่ถ้าไม่จัดการความสัมพันธ์นี้ให้เข้าร่องเข้ารอย เทอมหน้ามึงอาจจะเป็นบุลวัชรที่โดนแม่บ่นเพราะได้เกรดเฉลี่ยไม่ถึง 2 ก็ได้”
“มึงแช่งกูอะเพลง” แค่คิดว่าเกรดตัวเองอาจจะร่วงลงอีกบีนก็แทบจะปล่อยโฮออกมาแล้ว
“มึงรู้ดีที่สุดบีนว่าเกรดมึงร่วงขนาดนี้เพราะอะไร”
จริง บีนรู้ดีว่าทำไมการเรียนถึงได้ย่ำแย่และทำให้แม่ผิดหวัง นั่นก็เพราะเขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับคำโกหก สมองทั้งหมดถูกใช้ไปเพื่อหาวิธีรั้งพี่เอิร์ธไว้ใกล้ๆ ตัว
“มึงต้องหาทางแก้ไขอะบีน ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ตัวมึงจะแย่เอานะ”
“ต้องเลิกกับพี่เอิร์ธเหรอวะ”
“หรือไม่ก็เลิกโกหก”
หรือบางทีการเลิกโกหกอาจจะนำมาซึ่งการเลิกรากับพี่เอิร์ธก็ได้ ใครจะไปรู้
TBC.
#รักพี่ไม่มีหลอก
Comments (0)