2 ตอน ตอนที่ 1 เริ่มต้นทำความไม่รู้จัก (1/2)
โดย Pillow Mellow
เสียงบ่นงุ้งงิ้งของเด็กหนุ่มอายุ 17 ปีในชุดนักเรียนยังคงเป็นเสียงเดียวที่ดังในรถยนต์คันใหม่ที่เพิ่งไปรับจากศูนย์มาเมื่อวาน บรรณวิช์หรือที่น้องชายเรียกแบ็งค์โดยไม่มีคำว่า’ พี่’ นำหน้าเหลือบมองน้องชายด้วยหางตาพลางพรูลมหายใจออกมาเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน
เรื่องความเอาแต่ใจต้องยกให้เขา ทั้งที่พ่อกับแม่ก็ไม่ได้เลี้ยงแบบตามใจแต่ไม่รู้ว่าไปเอานิสัยแบบนี้มาจากไหน ขณะขับรถไปตามถนนเส้นทางที่คุ้นเคย แบ็งค์ก็มองย้อนกลับมาที่ตัวเอง อาจจะเป็นเขาเองที่ผิด แต่จะให้ทำไงได้ พอน้องชายอ้อนด้วยดวงตาแป๋วๆ เหมือนลูกหมาใจมันก็พร้อมจะอ่อนยวบทุกที เพียงน้องบอกว่าอยากได้นก เขาก็สรรหานกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาให้ พอน้องบอกอยากได้ไม้เขาก็พร้อมถือขวานเข้าป่าไปตัดไม้ที่ดีที่สุดมาประเคนลงตรงหน้า
ครั้งนี้ก็ตั้งใจจะซื้อสร้อยเส้นนั้นให้จริงๆ ทว่าสินค้าชิ้นสุดท้ายกลับถูกขายออกไปก่อนที่เขาจะเดินทางกลับมาไทย
“แบ็งค์ดูนี่สิ” เสียงบ่นงุ้งงิ้งหายไปแล้ว เมื่อคนเป็นพี่ชายละสายตาจากถนนมองไปยังน้องชายก็พบว่ารายนั้ยกำลังก้มหน้ามองหน้าจอมือถือด้วยความสนอกสนใจ
“ดูได้ไงขับรถอยู่”
“ก็จอดรถแล้วดู”
“รู้นะว่าวัยรุ่นใจร้อน แต่น้องใจเย็นๆ ได้ป่าว อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว”
“ขัดใจน้องเก่งขึ้นนะ ใช่สิ เราไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อนแล้วนี่” ถ้าแบ็งค์ขัดใจเก่ง คงไม่มีใครในโลกนี้ตามใจน้องชายเขาอีกแล้ว
แม้จะสงสัยว่าในมือถือนั้นมีอะไรแต่แบ็งค์ก็ไม่คิดจะจอดรถอย่างที่น้องชายต้องการ ปล่อยให้อีกคนจับจ้องหน้าจอไปเรื่อยๆ กระทั่งรถคันสวยนิ่งสนิทข้างรั้วบ้านนั่นแหละจึงแบมือไปขอมือถือมาดู
“ไหน มันมีอะไรน่าสนใจนัก”
“แบ็งค์ดูโพรไฟล์คนนี้” เด็กมัธยมที่หงุดหงิดเพราะไม่ได้ดั่งใจหายไปแล้วเหลือเพียงเด็กที่กำลังตื่นเต้นดีใจเหมือนได้รับของขวัญในเทศกาลสำคัญ
หากบอกว่าเจ้าของโพรไฟล์รูปกำไลข้อมือคอลเลคชั่นดาวเคราะห์แอดมาได้จังหวะเหมาะพอดีก็ไม่ผิดเลย
เพราะนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้เป็นเจ้าของกำไลข้อมือรุ่นลิมิเต็ดซึ่งเจ้าตัวเดินโฉบมองที่หน้าร้าน Lolly D มาเป็นเดือนแล้ว
“แล้วไง จะขอซื้อต่อเหรอ”
“อือ” คนที่ตั้งตัวเป็นแฟนคลับตัวยงของสินค้าแบรนด์ Lolly D พยักหน้าหงึกหงักเหมือนตุ๊กตาตัวเล็กๆ ที่ตั้งบนคอนโซลรถคันเก่าของพ่อ ไม่ว่าเวลาจะหล่อเลี้ยงให้น้องชายเติบโตแค่ไหนแต่ในสายตาแบ็งค์เจ้าเด็กที่ลืมตาดูโลกหลังจากเขา 8 ปีก็ยังดูตัวเล็กตัวน้อยเท่ากำปั้นเสมอ
“มันอยากได้ขนาดนั้นเลยนะ”
“ใช่สิ ตั้งแต่ตอนเห็นรูปในเว็บน้องก็ดูรูปก่อนนอนทุกคืนเลย”
“เป็นเอามากอะบีน”
“พี่” บีนเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงออดอ้อนพลางเกาะแขนอย่างที่ชอบทำและมักจะได้ผลเสมอ “น้องอยากได้จริงๆ พี่ช่วยคุยหน่อย”
“ก็คุยเอง”
“ไม่เอา พี่แหละคุย พี่เป็นผู้ใหญ่”
“มันยุ่งจริงๆ เลยวะ ก็คือยังไงก็จะเอาใช่มั้ย”
“อือ”
“ถ้าเขาอัปราคาล่ะ”
“สู้สิ”
“เงินใคร”
“เงินพี่”
“เกินตัวมั้ยบีน”
“น้องสัญญา ถ้าได้สร้อยเส้นนี้น้องจะไม่ขออะไรอีก” รู้อยู่แก่ใจว่าคำของน้องชายเชื่อไม่ได้แต่ถึงอย่างนั้นแบ็งค์ก็จรดปลายนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ สานต่อข้อความที่น้องชายตัวดีพิมพ์ค้างเอาไว้
B.: ขอซื้อต่อได้มั้ย
กว่าเอิร์ธจะออกกำลังกายเสร็จก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว เจ้าของความสูง 183 เซนติเมตรในสภาพผ้าขนหนูพันกายท่อนล่างกันผีบ้านผีเรือนอุจาดตากับเส้นผมที่ยังชื้นทิ้งกายลงบนปลายเตียง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูขณะรอให้เส้นผมแห้ง
ข้อความจากแอปแอดเฟรนด์ทำให้เจ้าตัวประหลาดใจ คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นนิดหน่อย แม้รู้อยู่แก้ใจว่าสองพี่น้องที่เจอตรงลานจอดรถชอบงานของเขา แต่ถึงขั้นรู้ว่าสร้อยบนข้อมือในสภาพเลือนลางเหมือนไม่ตั้งใจถ่ายบนโพรไฟล์คือสินค้ารุ่นลิมิเต็ดซึ่งขายหมดไปแล้วนี่สามารถเรียกว่าแฟนพันธุ์แท้เลยได้มั้ย
Earth: ไม่ลองไปดูที่ร้านล่ะครับ
B.: ถ้าที่ร้านมีขายคงไม่มาขอซื้อต่อจากคุณหรอก
เพี้ยะ!
เพียงกดส่งข้อความไปไม่ถึง 2 วินาทีก็ถูกน้องชายที่นั่งอยู่ข้างๆ กันฟาดเข้าให้จนเกือบจะฟาดกลับ ยังดีที่ยั้งมือเอาไว้ได้ทัน
“ตีทำไมเนี่ย”
“พี่ก็พูดกับคุณเขาดีๆ หน่อยสิ ถ้าเขาไม่ยอมขายให้พี่รับผิดชอบไหวมั้ย”
“ไม่ขายก็ไม่ซื้อดิ มาทรงนี้โก่งราคาแน่ๆ”
“ผู้ใหญ่มองโลกในแง่ร้ายจัง”
Earth: เสียใจด้วยครับ
B.: สร้อยราคาพันสอง ผมขอซื้อต่อพันห้าเลย ได้มั้ย
B.: น้อยไปหรอ งั้นสองพันแล้วกัน สุดๆ แล้ว
Earth: ขายไม่ได้ครับ
B.: อ่อ สองพันน้อยไป งั้นสองพันห้าแล้วกันคุณ สุดๆ แล้วหมดตัว
Earth: ไม่เกี่ยวกับเงินครับ
B.: งั้นสามพันขาดตัว ขอเลขบัญชี
Earth: ขอโทษนะครับ
B.: เอางี้คุณ งั้นสามพันห้าร้อย ไหวสุดที่ราคานี้ ถ้าแพงกว่านี้คงต้องขอผ่อน
Earth: อยากได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ
B.: เอ้า อัปราคาให้ตั้งกี่เท่ายังดูไม่ออกอีกเหรอครับเนี่ย
B.: ผมว่าผมก็ชัดเจนแล้วนะ
Earth: พันสองครับ
B.: พูดแล้วไม่คืนคำนะคุุณ ผมแคปหลักฐานไว้หมดแล้ว
Earth: ครับ
นิ้วที่กำลังไล่หารูปภาพคิวอาร์โค้ดบัญชีธนาคารหยุดชะงัก อธิษฐ์ถึงกับหลุดขำออกเสียง แทนที่จะกลัวเขาโกงแต่กลับกลัวคืนคำเรื่องราคา
Earth: โอนแล้วแจ้งชื่อที่อยู่ได้เลย จัดส่งให้วันถัดไป
“เย้!”
เด็กหนุ่มวัย 17 ถึงกับโห่ร้องด้วยความดีใจไม่สนว่านี่เป็นเวลาดึกดื่นมากแค่ไหนจนคนเป็นพี่ชายส่ายหน้าระอา ขณะมือหนากดโอนเงินอิดออด ใจก็กลัวโดนโกงแต่ถ้าไม่ยอมโอนเจ้าน้องชายตัวดีคงไม่ยอมปล่อยเขาไปนอนแน่ๆ ถ้าสมมติว่าเรื่องราวมันดำเนินไปในเส้นทางที่แบ็งค์คิดเอาไว้ ก็ถือซะว่าให้บทเรียนน้องชายแล้วกัน
ขณะคนเป็นพี่ชายคิดมากมายขนาดนั้น บีนกลับนั่งจ้องนิ้วพี่ชายด้วยตาเป็นประกายเต็มเปี่ยมด้วยความคาดหวัง
ที่สุดแล้วเขาก็ได้เป็นเจ้าของสร้อยเส้นนั้นจริงๆ
สร้อยข้อมือคอลเลคชั่นดาวเคราะห์ที่หมายปอง
“พี่ส่งสลิปให้แล้ว เราก็ไปแจ้งโอนแล้วส่งชื่อที่อยู่ให้เขาซะ”
“ขอบคุณค้าบ น้องรักพี่แบ็งค์ที่สุดเลย” ปากก็พูดไปอย่างนั้นราวกับตั้งโปรแกรมอัตโนมัติเอาไว้ส่วนเจ้าตัวน่ะเหรอ ทิ้งตัวลงนอนและกดเข้าแอปแอดเฟรนด์เพื่อสานต่อภารกิจพิชิตสร้อยข้อมือแล้ว
บีน ชื่อจริงคือบุลวัช อายุ 17 ปี เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5 แผนกศิลป์-คำนวนของโรงเรียนรัฐแห่งหนึ่ง งานอดิเรกไม่มี แต่ชื่นชอบงานเครื่องหนังของร้าน Lolly D เป็นที่สุด
นอกจากสินค้าที่ดูเท่ห์คูลแล้ว ตัวผู้บริหารที่มีอายุเพียง 26 ปีก็ดึงดูดความสนใจของg-kไม่น้อย เรียกได้ว่ามีคุณอธิษฐ์เป็นแรงบันดาลใจเลยก็ว่าได้
และดูเหมือนตอนนี้พระเจ้าจะรักบีนเป็นพิเศษ
‘อธิษฐ์ กิจวัฒนา’
ชื่อที่ปรากฏบนจ่าหน้าพัสดุตำแหน่งผู้ส่งคือชื่อเจ้าของร้าน Lolly D ไม่ผิดแน่ ไม่มีทางที่บีนซึ่งเป็นแฟนคลับตัวยงจะจำผิด
ที่แท้เจ้าของโพรไฟล์รูปกำไลข้อมือก็คือคุณอธิษฐ์ กิจวัฒนานี่เอง
บีนไม่คิดปล่อยโอกาสอันดีนี้หลุดมือไป เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับโอกาสได้พูดคุยกับคนที่ชอบ
B.: ได้รับสร้อยข้อมือแล้วนะครับ
Earth: ปลอดภัยดีนะครับ
B.: กล่องบุบนิดหน่อยแต่ของข้างในปลอดภัยดี
Earth: ครับ
B.: พี่คือเจ้าของร้าน Lolly D ป่ะครับ
เอิร์ธที่กำลังจะวางโทรศัพท์ลงเมื่อถึงเวลาต้องเข้าประชุมถึงกับละทิ้งความตั้งใจแรก เขาจับจ้องข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พลางคิดว่าทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้ หรือว่าเขาเคยพูดอะไรที่คล้ายกับเป็นการเปิดเผยตัวตนหรือเปล่า
B.: ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรครับ แต่ครั้งหน้าเวลาส่งของรบกวนอย่าเอาชื่อคนอื่นมาแอบอ้างนะครับ
Earth: ยังไงนะครับ
B.: ถ้าคุณไม่ใช่เจ้าของร้าน Lolly D ก็ไม่ควรส่งของโดยใช้ชื่อเจ้าของร้านนะครับ
Earth: คุณรู้ได้ยังไงว่านั่นเป็นชื่อเจ้าของร้าน
แม้ว่าสินค้าแบรนด์ Lolly D จะเป็นที่นิยมและแม้ว่าเอิร์ธจะเคยให้สัมภาษณ์ตามสื่อทางอินเตอร์เน็ตบ้างแต่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่รู้ชื่อของคนเป็นเจ้าของหรอก เช่นนั้นเมื่ออีกฝ่ายถามราวกับรู้จักกันเขาจึงอดแปลกใจไม่ได้
B.: จะไม่รู้ได้ไง ทุกบทสัมภาษณ์พี่เอิร์ธบนเว็บผมตามอ่านหมดแล้ว
Earth: เป็นแฟนคลับ?
เอิร์ธเชื่อสนิทใจว่าเจ้าของยูสเซอร์เนม B อ่านสัมภาษณ์ของเขาจริงๆ เพราะนอกจากชื่อนามสกุลแล้ว แม้กระทั่งชื่อเล่นอีกฝ่ายก็รู้จัก ครั้งแรกเลยที่เจอกับสถานการณ์แบบนี้ ถามว่าดีใจไหม ก็ต้องตอบว่าดีใจอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนั้นสมองก็กำลังคิดหาวิธีการรับมือกับการเป็นคนดังไปด้วย
B.: เป็นหรือไม่เป็นก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคุณ
Earth: จะไม่เกี่ยวได้ไงครับ เพราะถ้าคำตอบคือใช่ ผมก็คงดีใจมาก
B.: พี่เอิร์ธ?
Earth: ครับ
Earth: ดีใจที่คุณชอบงานผมนะครับบรรณวิช์
ที่จริงแล้วเอิร์ธไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่หรอกว่าคนที่ตนกำลังคุยด้วยคือใครกันแน่ แต่ก็ลองเรียกอีกฝ่ายด้วยชื่อที่ปรากฏในสลิปโอนเงินดู หากใช่ก็ถือว่าดวงดีแต่ถ้าไม่ก็คงจะต้องขอโทษอีกฝ่ายจากใจจริง
“บรรณวิช์?”
นั่นมันชื่อจริงพี่แบ็งค์นะ
บีนอ่านชื่อที่ปรากฏในข้อความแบบออกเสียงจนคุณครูที่กำลังสอนอย่างขมักเขม้นตรงหน้ากระดานหันมาขยับแว่นจับจ้อง ทว่าเด็กหนุ่มที่กำลังบ่นกับตัวเองกลับไม่รู้สึกตัวเลย
“นายบุลวัช ถ้าจะเล่นมือถือก็ออกจากห้องเรียนของชั้นไป” ชื่อที่ถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงน่ากลัวทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งแล้วเก็บโทรศัพท์อย่างเร่งรีบ
แม้ว่าจะไม่ได้แอบเล่นโทรศัพท์มือถือในห้องเรียนแล้วแต่ข้อความสุดท้ายที่เจ้าของร้าน Lolly D ส่งมาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเด็กนักเรียนจนหมดคาบ
“พี่เอิร์ธเอาชื่อนั้นมาจากไหนวะ”
ถามตัวเองไปก็ไร้ประโยชน์ สู้ถามคนที่จู่ๆ ก็เรียกชื่อนั้นออกมายังจะดีกว่า
B.: รู้ได้ยังไงว่าผมชื่อบรรณวิช์
Earth: สลิปโอนเงินไงครับ
B.: อ่อ งั้นถามอะไรหน่อยได้มั้ย ถ้าพี่ใช่พี่เอิร์ธจริงๆ ก็น่าจะตอบได้แหละ
Earth: ครับ?
B.: สินค้าคอลเลคชั่นใหม่ออกเมื่อไหร่อะ
Earth: ความลับครับ
B.: พี่เอิร์ธปลอมของแท้
Earth: สรุปปลอมหรือของแท้อะครับ
B.: พี่กวน
Earth: เอ้า ก็บรรณวิช์พิมพ์มาแบบนี้
เรียก...
บีนพิมพ์คำนั้นค้างไว้ขณะครุ่นคิดว่าควรใช้ชื่อเล่นตัวเองหรือชื่อเล่นพี่ชายดี เอาจริงก็ไม่ค่อยพอใจนักหรอกที่ถูกเข้าใจผิดว่าชื่อนั้น แต่ถ้าจะให้เฉลยก็ไม่กล้าเพราะกลัวคนที่ตัวเองชื่นชมจะเสียหน้า
หากชื่อจริงไม่ใช่ชื่อตัวเอง อย่างน้อยก็อยากให้อีกฝ่ายรู้จักชื่อเล่นที่แท้จริง
B.: เรียกบีนก็ได้ครับ
Earth: น้องชายบีนเลิกบ่นแล้วเนอะ
เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว
ถามว่าบุลวัชกล้าแก้ไขความเข้าใจผิดให้กลายเป็นถูกไหม ตอบเลยว่าไม่ ถ้าจะให้หักหน้าคนที่ตัวเองชื่นชอบ สู้เล่นตามน้ำซะยังจะง่ายกว่า
B.: อ่อ ครับ ชอบมากใส่ไม่ถอดเลย 555
Earth: ดีใจที่ชอบครับ
ฟีตแบคดีๆ ทำให้รู้สึกอุ่นวาบในอก แม้อีกคนจะไม่ได้ต่อบทสนทาแล้วแต่เอิร์ธกลับเอาแต่จ้องมองข้อความสั้นๆ นั้นไม่ละสายตา
ทั้งที่ตั้งใจจะลบแอปแอดเฟรนด์ทิ้งแล้วแท้ๆ แต่เห็นทีคงต้องคิดใหม่
ในตอนนี้เองที่เอิร์ธได้รู้ว่าทำไมแอปหาเพื่อนถึงเป็นที่นิยมนัก นั่นคงเป็นเพราะมันคือโอกาสที่เราจะสามารถพบเจอกับผู้คนมากมายที่ชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนโดยไม่ต้องเสียเวลาออกไปข้างนอก ซึ่งนั่นอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่งอกเงยขึ้นในอนาคต
ในตอนนี้เอิร์ธไม่ได้มองไกลถึงขั้นนั้น อย่างน้อยๆ ในปัจจุบันเขาก็บังเอิญได้เจอคนที่พูดเต็มปากเต็มคำว่าเป็นแฟนคลับของเขา ชื่นชมงานที่เขาและทีมตั้งใจทำ ทั้งยังเป็นลูกค้าประจำซึ่งเฝ้ารอคอยสินค้าคอลเลคชั่นใหม่อย่างใจจดใจจ่อ เพียงเท่านั้นอธิษฐ์ก็มีแรงใจมากพอที่จะสร้างสรรค์งานอันเป็นเอกลักษณ์แล้ว
TBC.
#รักพี่ไม่มีหลอก
Comments (0)