3 ตอน Chapter III
โดย Raccool
III
“ข้าพักที่นี่ได้ไหม”
เป็นคำขอร้องจากเทพจากนรก
“หือ”
“ข้าไม่อยากกลับบ้าน”
“คุณหนีออกจากบ้านมาหรือ”
“ไม่เชิงหรอก แต่ก็ประมาณนั้น พวกพี่ชายน่ารำคาญกับพวกบริวารไม่ยอมให้ข้ากินขนมหวานมาหลายปีแล้ว”
เขาขมวดคิ้วกับคำแปลกๆ ที่ฮาเดสเอ่ยใช้อีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจนัก คนผู้นี้อาจมีบางส่วนในสมองผิดปกติ
“ข้าชื่อฮาเดส เจ้าล่ะ”
“เซี่ยนปิ่น...” แน่นอน เขาแปลกใจกับชื่อของอีกฝ่าย ถึงขั้นต้องเอ่ยทวน “...ฮาเดส...ฮาเดสที่เป็นเทพแห่งความตายน่ะนะ”
“ฮาเดสเป็นจ้าวนรกและเทพแห่งความมั่งคั่งต่างหาก เทพแห่งความตายน่ะชื่อธานาทอส ผู้ช่วยข้าเอง”
“...”
“ชาวตะวันออกอย่างเจ้าคงไม่คุ้นเคยกับตำนานเรื่องพวกนี้สินะ ไม่เป็นไร มนุษย์ชอบจำผิดเรื่องนี้บ่อยๆ ข้าไม่
ถือโทษหรอก เพราะเจ้าทำขนมอร่อย”
“...”
เซี่ยนปิ่นไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด ลูกค้าตรงหน้าประหลาดเกินกว่าทำความเข้าใจ แต่ลูกค้าที่รักขนมที่เขาทำขนาดนี้ หายากมากจริงๆ
“เอาล่ะ ข้าอิ่มแล้ว ห้องนอนอยู่ไหน”
ไม่เข้าใจจริงๆ นั่นแหละ
เจ้าของร้านจำใจให้ลูกค้าแปลกหน้านิสัยประหลาดเข้าค้างที่ร้านร่วมคืน โดยที่เขาขัดใจไม่ได้ และไม่คิดจะทำอย่างนั้น น่าแปลกใจในตัวเองเหมือนกันที่จู่ๆ ก็ยอมให้คนแปลกหน้าที่เจอกันไม่ถึงวันเข้าห้องนอน ลึกลงไปในใจ สัญชาตญาณบางอย่างของเขาบอกว่าอย่าขัดคำสั่งหรือความต้องการของคนนี้จะดีกว่า...
เขาไม่ต้องเดินทางไปไหนเลยนอกจากไปซื้อวัตถุดิบ เหตุเพราะชั้นสองของร้าน นอกจากจะเป็นที่เก็บของแล้ว ยังเป็นห้องนอนของเขาอีกด้วย
เขาตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่แต่ในร้านนี้มาตั้งนานแล้ว
ที่สำคัญคือเขาตัดสินใจใช้ชีวิตคนเดียว...
ไม่บ่อยนักที่จะมีแขกมาเยี่ยมเยียนเช่นนี้ พ่อแม่เขามาเยี่ยมแค่ช่วงเวลาเดียวก็กลับ พวกเพื่อนๆ เขาเองก็เช่นกัน แค่แวะมาเยี่ยมเยียน ทานขนมสักระยะ เขาไม่เคยต้องต้อนรับแขกข้ามคืน
เพราะฉะนั้นจึงไม่มีห้องนอนแขก... และจ้าวนรกต้องบรรทมร่วมเตียงกับมนุษย์โลกอย่างช่วยไม่ได้
ฮาเดสไม่นึกสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ใช่กับเซี่ยนปิ่น เขานอนแทบไม่หลับทั้งคืน เพราะมีคนแปลกหน้านอนร่วมเตียง เขาไม่ชินเอามากๆ
คนที่นอนข้างตัวผิวกายเย็นเหมือนศพ...
นอนหงายมือประสานอกแน่นิ่ง ไม่เหมือนคนเป็นเลยสักนิด
ไหนจะใบหน้าซีดขาวนั่นอีก
“อยากกินชานมไข่มุก...”
ถ้าหากว่าฮาเดสไม่ละเมอออกมา เขาคงคิดว่าได้นอนข้างผีจริงๆ เซี่ยนปิ่นนอนกระสับกระส่ายไปทั้งคืน รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว
ผิดกับคนแปลกหน้าที่ได้หลับเต็มอิ่มอย่างสงบสุขในรอบร้อยปี
ฮาเดสเหนื่อยล้าจากการขึ้นมาโลกมนุษย์ การได้นอนอย่างเต็มอิ่มโดยไร้เสียงทรมานของพวกวิญญาณทำให้เขา
มีแรง กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหน่อย
พอเขาตื่นก็พบว่าเจ้าของร้านไม่อยู่บนห้องเสียแล้ว ก่อนที่จะได้สงสัย เขาก็ได้กลิ่นหอมลอยมาจากชั้นล่าง ฮาเดส
รีบลงไปชั้นหนึ่งของร้านทันที
“ข้าวเช้าไหม” เจ้าของร้านถาม เขาลงมาเตรียมเปิดร้านแต่เช้า และทำมื้อเช้าเผื่อไว้ด้วย
ฮาเดสยิ้มรับ ไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ
แซนวิชกับซุปหัวหอมอร่อยไม่แพ้ขนมหวาน คนนี้มีความสามารถในเรื่องอาหารจริงๆ ฮาเดสกินหมดจานไม่พอ เขาขอเพิ่มอีกต่างหาก เซี่ยนปิ่นไม่ได้หวงอาหารหรือคิดว่าจะขาดทุน เขาทำซุปในปริมาณมากเผื่อเป็นข้าวเที่ยงและเย็น แต่ไม่คิดว่ามันจะหมดภายในมื้อเดียว
เอาเถอะ คนกินมีความสุขเขาก็ดีใจ
มื้ออื่นค่อยออกไปซื้อตามมินิมาร์ทเอาก็ได้...
วันนี้ลูกค้าก็เข้าร้านเยอะอย่างผิดปกติอีกแล้ว
หนุ่มชาวไต้หวันเริ่มคิดแล้วว่าลูกค้าประหลาดที่เขาต้อนรับแถมให้ค้างคืนด้วยจะเป็นเทพแห่งความมั่งคั่งจริงๆ
เซี่ยนปิ่นไม่รู้ความจริงที่ว่าทำเลของเขาไม่เหมาะกับการทำมาหากิน ทางสามแพร่งหน้าร้านเป็นเส้นทางของพวกภูตผี ทำให้ร้านถูกบังตา น้อยคนที่จะสังเกตเห็นร้านนี้
แต่พอฮาเดสมาถึง ภูตผีเร่ร่อนเกเรที่ใช้เส้นทางนี้เป็นทางสัญจรก็หนีกระเจิง ไม่มีใครอยากยุ่งกับจ้าวนรก
จากร้านที่ถูกบังตา ก็เริ่มมีผู้คนมองเห็นและหลั่งไหลเข้ามา และจากที่ลูกค้าเริ่มเข้าร้านเมื่อวาน ก็เริ่มมีกระแสบอกกันปากต่อปาก
ฮาเดสกินขนมทุกเมนูที่เซี่ยนปิ่นทำอย่างละชิ้น นั่ง
จับจองอยู่ในมุมอับของร้านที่เดิม
จ้าวนรกพยายามทำตัวไม่เป็นที่น่าสงสัยให้มากที่สุด เขานั่งหันหลังให้ทางเข้าร้าน ดูผิวเผินเหมือนลูกค้าทั่วไป แต่หากลองเดินเข้าไปใกล้ ก็จะเห็นว่าเขามีใบหน้าเปี่ยมสุขที่ปิดยังไงก็ไม่มิด
เจ้าของร้านที่เป็นทั้งคนทำขนม คนคิดเงิน และคนเสิร์ฟ ได้เดินไปมาทั่วร้านอยู่แล้ว พอเห็นเสี้ยวหน้าของฮาเดส ก็อดยิ้มตามไม่ได้
ไม่เคยคิดว่าขนมตัวเองจะทำให้คนที่ได้กินมีสีหน้าเช่นนี้
เขาบรรลุการเป็นเชฟขนมหวานแล้ว
จากที่ร่ำเรียนการทำขนม จนมาเปิดร้านเอง เวลาก็ผ่านไปได้ปีกว่า และเขาเพิ่งจะรู้สึกว่าตนได้รับการยอมรับเป็นครั้งแรกก็ตอนที่จ้าวนรกมากินขนมของเขา พร้อมทำหน้าล้นไปด้วยความสุข
“เดี๋ยวข้ามานะ”
ในบ่ายแก่ๆ หลังจากที่เซี่ยนปิ่นทำอาหารกลางวันให้ฮาเดสกินเสร็จสรรพ จ้าวนรกกลับเดินออกไปนอกร้านโดยไม่บอกอะไรไปมากกว่านั้น
ทิ้งจานที่ว่างเปล่าไว้ที่โต๊ะ
เขาทำอาหารให้ฮาเดส เพราะลูกค้าเอาแต่ใจไม่ยอมกินอาหารแช่แข็ง ขณะที่ตัวเองต้องต้อนรับลูกค้าจึงเลือกกินไม่ได้นัก เขาฟาดขนมปังในร้านสะดวกซื้อ และรีบจัดการเสิร์ฟของหวานต่างๆ ตามออเดอร์
แม้เซี่ยนปิ่นจะสงสัย แต่ก็ออกไปตามหาไม่ได้ เขาได้แต่เสิร์ฟของหวานให้กับลูกค้าที่ยังหลงเหลืออยู่ในร้าน ฮาเดส
ออกไปนอกร้านได้สักพักแต่ก็ยังมีลูกค้าทยอยเข้ามาอยู่เรื่อยๆ เขาก้มหน้าทำงานจนกระทั่งขนมหมดตู้โชว์ เซี่ยนปิ่นอ้าปากค้าง ดูท่าเทพแห่งความมั่งคั่งได้มาเยือนเขาจริงๆ เสียแล้ว
เจ้าของร้านจำเป็นต้องปิดร้านก่อนเวลา ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะไม่มีลูกค้า แต่เป็นเพราะของหมดต่างหาก
ยังพอมีกาแฟหรือเครื่องดื่มอื่นให้ได้ขาย แต่เขาเองก็เหนื่อยมากแล้วสำหรับวันนี้ ไม่เคยทำงานจนเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน เขาวิ่งว่อนทั่วร้าน ทั้งรับเมนู คิดเงิน เสิร์ฟ เก็บจาน เก็บโต๊ะ ทำความสะอาด ชงกาแฟ ร่างเขาเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ แล้ว
ถึงจะดีใจที่ลูกค้าเยอะ แต่แบบนี้เห็นทีเขาน่าจะทำคนเดียวไม่ไหว
ขณะที่นั่งแผ่อยู่ในร้านพร้อมกับไม้กวาดในมือนั้นเอง เสียงกระดิ่งที่แขวนไว้กับประตูร้านก็ดังขึ้นมา
ฮาเดสกลับมาแล้ว...
อันที่จริง ไม่กลับมาก็ไม่แปลกอะไร เจ้าของร้านกับ
ฮาเดสไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรมากมายอยู่แล้ว เพียงแต่การที่ฮาเดสบอกว่าจะกลับมา ทำให้เขาเฝ้ารออย่างช่วยไม่ได้ และอดดีใจไม่ได้ที่คนแปลกหน้าเลือกที่จะกลับมา
ก็แหม...เทพแห่งความมั่งคั่ง...ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เซี่ยนปิ่นก็อยากได้ตัวเอาไว้เหมือนกันนะ
“คุณไปไหนมาหรือ”
“ซื้อชานมไข่มุก” ไม่ว่าเปล่า เขาชูแก้วชานมไข่มุกร้านดังขึ้นมา “ข้าซื้อมาเผื่อเจ้าด้วย อ่ะนี่”
ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยอะไร ฮาเดสยัดชานมไข่มุกที่ตนแสนโปรดปรานเป็นการให้กึ่งบังคับ
“ร้านนี้...ไม่ได้อยู่แถวนี้นี่”
“ใช่น่ะสิ ข้านั่งรถไฟฟ้าไปตั้งไกล แถมต้องต่อแถวเป็นชั่วโมงกว่าจะได้มันมา” ฮาเดสว่า เขายืมบัตรโดยสารของ
เซี่ยนปิ่น เดินทางโดยรถไฟฟ้าเหมือนมนุษย์ทั่วไปเพราะตั้งใจทำตัวเป็นมนุษย์ ฮาเดสชอบใจที่ได้เห็นทิวทัศน์ของโลกข้างบน เขาไม่ได้ขึ้นมาที่นี่นานหลายปี โลกมนุษย์ล้วนมีอารยธรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับจ้าวนรกที่อยู่ใต้พิภพมานาน
ริมฝีปากได้รูปอมหลอดใหญ่ ดูดชานมและไข่มุกเข้าโพรงปาก ลิ้มรสชาติหวานของชานมและเม็ดมุกที่รสชาติเข้ากับชา กัดเคี้ยวเม็ดนุ่มหนึบที่ไม่เหนียวจนเกินไป
“อร่อยที่สุด” วิจารณ์ตามความจริง
เซี่ยนปิ่นได้แต่มองตาปริบๆ
“นี่แก้วที่สองของข้าแล้วนะ แก้วก่อนหน้าหมดไปแล้วระหว่างทางกลับ”
“...”
“ว่าแต่ เจ้าไม่อยากลองทำชานมไข่มุกบ้างเหรอ”
“...”
“ว่าไงล่ะ ข้าออกทุนให้ได้นะ”
“เอ่อ...ไว้จะลองคิดดู”
ฮาเดสยิ้มรับ
“เจ้าจะต้องทำชานมไข่มุกได้อร่อยแน่ๆ” เอ่ยอย่างคาดหวัง
ทิ้งให้เจ้าของร้านขนมหวานได้แต่มองอีกฝ่ายเดินขึ้นชั้นสอง เป็นอีกครั้งที่เขาไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด
#หมายจับฮาเดส
Comments (0)