VII

 

ฮาเดสทำงานได้เพียงไม่ถึงสัปดาห์ ก็มีเรื่องวุ่นวายให้ปวดหัวอีกครั้ง จ้าวแห่งนรกรู้ดีว่าสองพี่ชายไม่ปล่อยให้เขามีความสุขบนโลกมนุษย์ได้นานนักหรอก

ซุสก้าวเข้ามายังร้านขนมหวานในวันที่ฝนตกลงเม็ดหนัก แต่ไม่มีลมพายุ ฮาเดสรับรู้ได้ตั้งแต่วินาทีที่ซุสปรากฏตัวขึ้นมาในรัศมีสิบสามกิโลเมตรรอบตัวเขา

อันที่จริงเขารับรู้การมีถึงของเหล่าเทพเจ้าได้หมดนั่นแหละ เหมือนที่เหล่าเทพเองก็รับรู้การมีอยู่ของเหล่าเทพอีกองค์

ฮาเดสรับรู้การมาถึงของซุส แต่ก็ไม่ได้หาทางไล่หรือหลบหนี

กลับกันด้วยซ้ำ จ้าวนรกรออยู่ที่เดิม ไม่ขยับไปไหน รอเวลาที่เทพแห่งสายฟ้าปรากฏตัว

พี่ชายคนโตทำเป็นสั่งอาหารสักอย่างสองอย่าง ก่อนจะพุ่งตรงไปยังโต๊ะที่ฮาเดสใช้นั่งประจำ มันเป็นจังหวะที่ในร้านยังไม่มีจานให้ต้องเก็บพอดี จ้าวนรกจึงมีเวลาละเลียดขนมหวานตรงหน้า

ซุสหยุดยืนอยู่ตรงหน้าน้องชายคนเล็ก

“ฮาเดส! กลับนรก!”

“ไม่!!”

บทสนทนาเริ่มขึ้นเป็นคำสั่ง และคำปฏิเสธก็เอ่ยขึ้นตามมาติดๆ

“เจ้ากำลังถูกมนุษย์หลอกนะ!”

ฮาเดสถอนหายใจพรืด หลังจากที่ค่อยๆ ยกแก้วชาขึ้นมาจิบชาอุ่นๆ ไปหนึ่งอึก

“เฮอะ” ฮาเดสกระแอม “คิดว่าข้าเป็นใคร อย่างข้าน่ะหรือจะโดนมนุษย์หลอก”

“น้องข้า เจ้าไม่รู้หรอกว่ามนุษย์นั้นร้ายกาจเพียงใด เจ้านั่นขังเจ้าไว้ในร้านขนม หลอกเจ้าด้วยขนมหวาน ทำให้เจ้าสูญเสียพลัง!”

ซุสพยายามอธิบายด้วยเหตุผล

“ข้าเต็มใจอยู่ที่นี่ บราวนี่ชีสเค้กอร่อย!”

ส่วนฮาเดสก็มีเหตุผลของตัวเองเหมือนกัน

“ฮาเดส...เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เจ้ากำลังถูกโลกมนุษย์กลืนกิน”

“เสียสติจริงหรือ สูญเสียพลังรึเปล่า ถูกกลืนกินรึเปล่า หากอยากพิสูจน์ก็มาสู้กับข้าสิ ซุส”

“น้องข้า เจ้าก็รู้ ยามฝนตกเช่นนี้เราสู้กันไม่ได้ ฝนมาจากถิ่นของข้า น้ำเป็นของโพไซดอน และน้ำยังเป็นทางเชื่อมคนตายซึ่งเป็นอาณาเขตของเจ้า รวมถึงข้าไม่ได้มาเพื่อต่อสู้กับเจ้า”

“เช่นนั้นก็นั่งลง แล้วลองทานเลม่อนทาร์ตนี่ดูสิ”

“น้องข้า...”

“ข้าแบ่งให้ก็ได้ เอ้า”

“...”

ฮาเดสว่าพร้อมตัดเลม่อนทาร์ตในจานตนให้พี่ชายคนโต ซุสจนคำพูด จนต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่น้องร่วมสายเลือดที่ยืนอยู่นอกร้าน

แน่นอนว่าฮาเดสเองก็รับรู้การมาถึงของพี่ชายคนรองเช่นกัน

“โพไซดอน ข้ารู้ว่าเจ้าดูอยู่ ช่วยทำอะไรสักอย่างทีสิ”

จ้าวแห่งท้องฟ้าว่า ส่วนจ้าวมหาสมุทรก็ปรากฏกายมาชะโงกดูทางหน้าต่าง โพไซดอนรักน้ำจึงชอบเวลาฝนตก และต้องการจะอยู่ข้างนอกมากกว่าหลบใต้หลังคา ถึงอย่างนั้นปัญหาเรื่องพวกนี้เขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยครึ่งหนึ่ง เทพแห่ง
ท้องทะเลตากฝนจนพอใจจากนั้นจึงค่อยเดินเข้าร้านมานั่งร่วมกับพี่น้องทั้งสอง หยดน้ำที่เกาะตัวมลายหายไปก่อนที่จะทำพื้นร้านเปียก

“เลมอนทาร์ตกินคู่กับน้ำอะไรถึงจะดี?

โพไซดอนเอ่ยถาม

“โพไซดอน!”

ถัดมาก็เป็นพี่ใหญ่ที่ร้องเสียงหลง

“ชาสักแก้วก็ดีนะ คาโมมายล์หรือเอิร์ลเกรย์?

ส่วนฮาเดสน้องเล็กก็ตอบรับอย่างดี

“อะไรก็ได้ อืม อร่อยดีนี่”

“ใช่ไหมล่ะ”

“โพไซดอน เรามาเพื่อพาฮาเดสกลับนรกนะ...”

“ท่านพี่จริงจังเกินไปแล้ว”

“ในนี้ต้องมียาพิษแน่ๆ!”

ซุสกรีดร้องอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าน้องชายคนรองดันเออออ
ไปกับฮาเดส แถมยังตักกินขนมหวานหน้าตาเฉย

“เจ้าจะอยู่ที่นี่นานเกินไปแล้ว ฮาเดส”

“ข้ายังอยากกินเค้กอยู่นี่”

“ที่นรกมีวิญญาณเชฟขนมหวานเก่งกาจอยู่เยอะแยะ ทำไมเจ้าไม่ให้พวกเขาทำของหวานให้เจ้าล่ะ”

“ทำไม่ได้ ในนรกไม่มีวัตถุดิบที่ดีพอ แถมวัตถุดิบที่นำมาจากโลกมนุษย์ก็กลายเป็นฝุ่นผงเมื่อสัมผัสกลิ่นอายในนรก รวมถึงพวกขนมบนโลกมนุษย์ด้วย มันอยู่ในนรกได้ไม่นานก็กลายเป็นฝุ่น เสียรสชาติด้วย”

“ข้าจะลองหาวิธี”

“กินบราวนี่มั้ย”

ฮาเดสไม่ใส่ใจซุส เขาหาทุกวิธีแล้ว มันไม่มีทางไหนเลยที่จะสามารถกินขนมที่ชอบได้ในนรก ถึงได้ต้องหนีขึ้นมาบนโลกมนุษย์นี่อย่างไร

“เจ้าจะกินมากไปแล้วนะ”

“ไม่ต้องห่วง ร่างกายข้าไม่เป็นเบาหวานหรือโรคอะไรหรอก”

“ข้าไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น”

“ข้าไม่อ้วนหรอกท่านพี่ ท่านก็เห็นว่าข้ากินดีทุกวัน แต่รูปร่างยังคงเหมือนเดิม”

“ที่ข้าห่วงคือพลังของเจ้ากำลังถดถอยต่างหาก!”

“แต่ข้าสดชื่นมากยามได้กินของหวานของที่นี่ โดยเฉพาะชานมไข่มุก!”

“...”

ฮาเดสยิ้มร่า ส่วนด้านซุสนั่งเงียบมีโพไซดอนที่นั่งกิน
เลม่อนทาร์ตสลับกับชาเอิร์ลเกรย์อย่างเงียบๆ คอยสังเกต
พี่น้องของตนอย่างไม่คิดจะเข้าไปเถียงแทรก

จ้าวนรกอมยิ้มที่ได้กินขนมหวาน แต่แววตานั้นเจือความโศก...ซุสไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเขามีความสุขกับอะไรอยู่ จ้าวแห่งท้องฟ้าสนใจแค่ว่านรกกำลังวุ่นวายเพราะเขาไม่อยู่ทำหน้าที่

ฮาเดสผิดจริง เขายอมรับ กระนั้นตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา เขาก็อยากให้คนอื่นรับรู้ความเหนื่อยล้าจากการรับมือคนตายของเขาบ้าง

สักนิดก็ยังดี

แต่คงเพราะฮาเดสปล่อยเรื่องนี้ไว้นานเกินไป เทพเจ้าทุกองค์คิดว่าเขารับมือได้ เขารับมือไหว ไม่มีใครถามเขาสักคำ

แค่เพราะเขาทำได้ดี ไม่ได้แปลว่าอยากทำ

ครั้นจะมางอแงขอเปลี่ยนหน้าที่ก็สายเกินไปแล้ว

คนตายมีมากขึ้นทุกวัน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าครั้งอดีต

ในปัจจุบันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้อดตายเพราะขาดอาหาร สงคราม ภัยบพิบัติ หรือแม้กระทั่งโรคต่างๆ ส่วนใหญ่มนุษย์ตายด้วยน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง

ไม่อุบัติเหตุรถชนที่เกิดเพราะความสะเพร่าของมนุษย์ ก็ฆ่าตัวตาย

อย่างหลังจะเยอะหน่อย

แล้วหน้าที่รับผิดชอบคนตายคือใครล่ะ ก็เขาอย่างไร นรกจะบรรจุวิญญาณคนตายไม่พออยู่แล้ว งานล้นมือจนวุ่นวาย เขาทำหน้าที่อย่างขะมักเขม้นมาตลอดหลายสิบปี หลายร้อยปี

และเขาเหนื่อย

จ้าวนรกจะเหนื่อยไม่ได้หรือไง

พวกทวยเทพองค์อื่นไม่ได้มารับมือคนตายเป็นล้านๆ คนเหมือนเขานี่

“ข้าแค่อยากขอเวลาสักพักในการพักผ่อน”

ฮาเดสว่า เอ่ยความต้องการออกมาจากใจจริง

“เวลาสักพักของเจ้านั้นนานแค่ไหนกัน ตอนนี้ก็เกือบเดือนแล้วที่เจ้าไม่อยู่เฝ้านรก พวกคนตายวุ่นวายกันไปหมด”

เขาถอนหายใจ เวลาพักร้อนของเขาช่างแสนสั้นเมื่อเทียบกับเทพองค์อื่นๆ

หนึ่งเดือนในหนึ่งปียังถือว่ามากไปสำหรับซุส

ใจคอจะให้ทั้งปีเขาพักแค่หนึ่งวันหรือไง

“ข้าทำงานมาโดยตลอด ท่านพี่”

“ข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจทำงาน”

“ผลตอบแทนของคนตั้งใจทำงานสำหรับเหล่าบริวารของข้าคือให้เวลาพัก เพิ่มเงินเดือน แล้วข้าเล่า...ข้าได้อะไรจากการทำงานหนัก”

“เจ้าก็ได้ความน่าเกรงขามอย่างไร”

“ท่านคิดจริงหรือว่านั่นเป็นสิ่งที่ข้าต้องการ”

“ฮาเดส ความน่าเกรงขามไม่ดีอย่างไร เหล่ามนุษย์เคารพเจ้า หวาดกลัวเจ้า เทิดทูนเจ้า”

“แต่ไม่ทำขนมให้ข้า”

“ขนมจะไปสำคัญอะไร”

ฮาเดสหมดความอดทน เขากระแทกถ้วยชาลงกับโต๊ะเสียงดังจนน้ำในถ้วยกระเด็นออกมาเลอะเทอะ

“ท่านไม่เคยเข้าใจ ไม่คิดจะทำความเข้าใจข้าเลย”

“ข้าเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้า ฮาเดส”

จ้าวนรกทั้งเสียใจ ทั้งโกรธ แต่เขาไม่อยากเปิดศึกในร้านขนมที่เขารัก จ้าวนรกคิดว่าพี่ใหญ่คนนี้เกินเยียวยาเสียแล้ว ซุสไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกเขา แต่ไหนแต่ไรพี่ชายเขาก็มักจะมีอำนาจเหนือเทพองค์อื่น และซุสก็คิดว่าตนสามารถสั่งการเทพเจ้าทุกองค์ได้เสมอ

ถ้าเช่นนั้นเขาจะทำให้ซุสได้รู้เสียบ้าง

ว่าไม่มีใครสั่งการจ้าวนรกได้

“ข้าจะไม่กลับนรก!”

ประกาศก้องต่อหน้าเศษเลมอนทาร์ต


 

#หมายจับฮาเดส