CW : canon divergence,สปอยเควสเทพเจ้าบทอินาซุมะ,สปอยเควสโลกของเอ็นคะโนะมิยะ,สปอยเควสโลกชูมัตสึบัง,สปอยเควสในตำนานของอายาโตะ,อาจจะหลุดคาร์แรกเตอร์,มีกล่าวถึงเลือด,Head-canon

 

**เนื้อหาที่อยู่ในแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้ถูกแต่งเสริม ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในเกมแต่อย่างใด

//ไทม์ไลน์ในตอนนี้เล่าตั้งแต่เจอกันถึงสาเหตุที่ทั้งคู่มาคบกันได้อย่างไร//

 

 

✿✿✿✿✿✿

 

The world could fall

We'd still be standing tall

And when you think all hope has gone.

My beating heart will drive you on

I will fight for you, give my life to you

 

✿✿✿✿✿✿

 

ลมรำเพยพากลิ่นอ่อนหวานอ้อยอิ่งอยู่ตรงปลายจมูก เสียงรองเท้ากระทบทางเดินเบา ๆ แสงแดดยามบ่ายฉายเงาเฉียง ทอดบนพื้นหินสลับสีส้มสีเทาราบเรียบ บุรุษสูงโปร่งในชุดเครื่องแบบขุนนางสีขาวสะอาดสะอ้านก้าวเป็นจังหวะเนิบช้า ออกจากเทนชูคาคุมุ่งหน้าสู่ถนนย่านฮานะมิซากะ ตลอดทางพลลาดตระเวนที่ตรวจตราความเรียบร้อยของย่านการค้า ต่างหยุดทำความเคารพเจ้ากรมยาชิโระเฉกเช่นทุกวัน

ตาคมกวาดมองย่านที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนคลาคล่ำ เดินสวนสัญจรกันไปมา กลับเงียบเหงาลง

อายาโตะถอนหายใจ เขาหมุนตัวกลับไป เงยหน้ามองปราสาทอันวิจิตรงดงามของโชกุนสายฟ้าผู้เกรียงไกร

นับตั้งแต่ท่านโชกุนมีคำสั่งปิดประเทศ และคำสั่งล่าวิชั่นถือกำเนิดขึ้นมา อินาซุมะเหมือนตกอยู่ในเงามืด ในยามนี้คลื่นที่เคยอยู่ใต้น้ำมาตลอดโผล่พ้นผิว แปรเปลี่ยนเป็นพายุอันบ้าคลั่งกลืนกินทุกอย่างที่ขวางหน้า

กรมเทนเรียวยึดถือคำสั่งของโชกุนบังหน้า อาศัยทำสงครามกับกองทัพฝ่ายต่อต้าน ผลาญงบประมาณกองทัพ เงินภาษีประชาชนเหมือนกระดาษติดไฟ กรมคันโจวที่ฉกฉวยโอกาสขูดรีดชาวต่างชาติบนเกาะริโตว ล้วนแล้วแต่ตักตวงผลประโยชน์เข้าตระกูลตน หลอกลวงเบื้องสูง ดูดายต่อความลำบากของประชาชน

ความหมายของคำว่านิรันดร์ ในสายตาเทพเจ้าเป็นเช่นไร เขาไม่ได้ใส่ใจมากเท่าใดนัก ในมุมมองของเขาที่เป็นข้าหลวงรับใช้อยู่เคียงข้างไรเดน โชกุนมาหลายชั่วอายุคน มีแต่ต้องทำหน้าที่ของตนต่อไป

คำพูดของบิดามารดา เขายังจารึกไว้ในก้นบึ้งหัวใจ

ตระกูลคามิซาโตะไม่มีวันทรยศต่อธงนารุคามิ ไม่มีวันหันดาบใส่ไรเดนโชกุน

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

เจตจำนงของคามิซาโตะ อายาโตะจะไม่มีวันผันแปร

ในฐานะของเจ้ากรมยาชิโระ ในฐานะผู้นำตระกูลคามิซาโตะ

แต่ในฐานะ ‘อายาโตะ’ เองเล่า…

ชายหนุ่มสลัดคำถามสุดท้ายที่ผุดขึ้นมาในใจออกไป เขาไม่เคยมีฐานะอายาโตะ ตั้งแต่ท่านพ่อจากโลกนี้ไป ตั้งแต่เขาต้องก้าวขึ้นมานำหน้าทุกคนในตระกูลคามิซาโตะ

สายลมเอื่อยเปลี่ยนเป็นลมกระโชกแรง ชายหนุ่มกระชับเสื้อให้เข้าที่ก่อนจะเดินต่อ

“ลมเปลี่ยนทิศหรือ?” เขาพึมพำกับตนเอง ตาสีอเมทิสต์กลิ้งกลอกไปมา หูเงี่ยฟังเสียงฝีเท้า

“นายท่าน” นินจาคนหนึ่งโผล่กายพ้นร่มไม้ เขาคุกเข่าลงข้างตัวผู้เป็นนาย

“ว่าอย่างไร”

“คุณโทมะไปรับคนผู้หนึ่งมาจากกองเรืออัลคอร์ของกัปตันเป๋ยโต่วขอรับ” ชายผู้นั้นลุกขึ้นยืนพร้อมกับรายงานสิ่งที่ตนได้รู้มา

อายาโตะเลิกคิ้วสูง ก่อนจะอ้อตอบรับ สีหน้าราบเรียบ มุมปากกระตุกเล็กน้อย

“เป็นดั่งคำเล่าลือหรือไม่”

“กระผม…พูดไม่ถูกขอรับ เรียกได้ว่าคิดไม่ถึง” น้ำเสียงของเขามีร่องรอยความกังวลใจชัดเจน อายาโตะเหลือบมองเสี้ยวหน้าของผู้ติดตาม

“ว่าต่อไปสิ”

“เธอ…” นินจาหนุ่มมองเจ้านายก่อนจะพูดต่อ

เธอ? สรรพนามที่ออกมาจากปากนินจาหนุ่มทำให้อายาโตะเริ่มสนใจ

“ดูเด็กกว่าที่คิดขอรับ และเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง”

“อืม” เขาพยักหน้ารับ อย่างไรเสียชาวต่างชาติที่พึ่งมาถึงเกาะริโตวผู้นี้ ก็มีชื่อเสียงระบือไกล ฝีมือคงไม่ใช่เล่น ๆ จะประมาทไม่ได้

“อย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกหลอกเชียว” เขาเตือนสติลูกน้องของตน อายาโตะดูออกว่าเขากำลังนึกปรามาสนักเดินทางสาวในใจ นินจาผู้นั้นสะดุ้งโหยงก่อนจะพยักหน้ารับคำหนักแน่น

“อีกเรื่องหนึ่งขอรับ ดูเหมือนเธอน่าจะเจอเจ้ากรมคันโจวดักทางเอาไว้ ไม่ให้เข้ามาเมืองด้านใน”

อายาโตะหัวเราะออกมาเล็กน้อย

“จับตาดูต่อไป แต่ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”

หากเธอคนนี้มีฝีไม้ลายมือจริง การเอาตัวรอดจากตาเฒ่าฮิอิรางิคงไม่ใช่เรื่องยากอันใดนัก

“แต่เหมือนคุณโทมะจะออกตัวช่วยหญิงสาวคนนี้นะขอรับ” นินจาหนุ่มลังเลเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องนี้ดีหรือไม่

“มันจะไม่ส่งผลกระทบต่อกรมยาชิโระใช่ไหมขอรับ” เพราะตอนนี้กรมยาชิโระประกาศตนเป็นกลาง ไม่มีส่วนร่วมกับสงครามกับฝ่ายต่อต้านจากเกาะวาทัตสึมิ หรือการล่าวิชั่น

สีหน้าของเจ้ากรมยาชิโระเปลี่ยนเป็นเย็นชาแวบหนึ่ง ดวงตาคมสีม่วงอ่อนฉายความแข็งกร้าว

“พวกเขาอยากจะทำอะไร ก็ให้ทำไป” อายาโตะทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะก้าวเดินต่อไป

โทมะไม่เคลื่อนไหวโดยไม่มีสาเหตุ อีกทั้งอายาโตะรู้แจ้งแก่ใจว่านั่นคงเป็นคำสั่งของอายากะ

น้องสาวของเขาคงคิดหาทางช่วยผู้คนที่กำลังตกระกำลำบาก แม้อายาโตะไม่ได้อยากให้น้องสาวของตนเข้ามายุ่งเรื่องการเมืองเท่าใดนัก

แต่เห็นทีเรื่องในคราวนี้จะตึงมือเขาจนเกินไป อายาโตะจึงปล่อยให้อายากะทำตามใจ โดยที่เขาไม่เข้าไปวุ่นวาย แต่ก็ต้องคอยเฝ้าดูแลไม่ให้เกิดอะไรผิดพลาด เขาเป็นด่านหน้าของกรมยาชิโระก็มีหน้าที่ปัดป้องคมดาบจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งภายในและภายนอกอินาซุมะ เพื่อปกป้องบ้านเพียงหนึ่งเดียวของเขา ‘ตระกูลคามิซาโตะ’

การเมืองภายในอินาซุมะไม่สู้ดีนัก นับตั้งแต่ตัดขาดจากภายนอก อายาโตะพยายามไม่ให้ชูมัตสึบังเคลื่อนไหวมากจนเกินไป ด้วยเกรงว่าอาจจะตกเป็นเป้าสายตาของเฒ่าจิ้งจอกมากเล่ห์อย่างเจ้ากรมเทนเรียวและเจ้ากรมคันโจว อีกทั้งเขายังรอการสนับสนุนจากฝั่งศาลเจ้าใหญานารุคามิ ที่ตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร

จนกระทั่งนักเดินทางสาวต่างถิ่นผู้นั้นก้าวเท้าเหยียบผืนแผ่นดินอินาซุมะ

ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

อายาโตะได้ยินเรื่องราวของลูมีนผ่านจากปากของน้องสาว โทมะ และซายุ รวมถึงเหล่านินจาที่แทรกซึมอยู่ไปทั่วอินาซุมะ เรื่องราวของเธอทำให้เขาประหลาดใจได้ไม่เว้นแต่ละวัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เธอเข้ามาแทรกแซงชูมัตสึบังด้วยตนเอง

อายาโตะเลิกคิ้วมองกระดาษโน๊ตบนโต๊ะทำงานตัวยาวของตนแล้วหัวเราะในลำคอ

‘สายลับถูกนักเดินทางกำจัดไปหมดแล้ว’

‘โมโมโยะปลอดภัย’

‘นักเดินทางช่วยฟาทุยคนหนึ่งเอาไว้’

ชายหนุ่มพยักหน้ากับตนเอง

แสงไฟสีส้มภายในห้องส่องสว่างสะท้อนเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลา ภาพเงาทึบพาดบนฉากหลังดอกสึบากิสีทองไหวเอนเบา ๆ ตามการขยับตัวของชายหนุ่ม

วีรกรรมของลูมีนตลอดสี่ห้าเดือนที่เขาได้ฟังมาทั้งหมด ทำให้เขาอยากไปพบกับเธอด้วยตนเองแล้ว มีอะไรจะน่าทึ่งไปมากกว่า บุกเดี่ยวช่วยจากการล่าวิชั่นโทมะกลางลานเทวรูปเทพสายฟ้า รบกับกองทัพของท่านโชกุน เปิดโปงความผิดของคุโจว ทาคายูกิ ตาเฒ่าสารพัดพิษจนผมร่วง ตะลุยเข้าไปในเทนชูคาคุอย่างกล้าหาญ อีกทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากยาเอะกูจิ

ทุกอย่างเพราะเธอผู้เดียวทำให้เกิดการขยับของปีกผีเสื้อจนทำให้สายฟ้าสงบ

แม้ไม่อยากเชื่อ อายาโตะก็ต้องยอมรับว่ามีเรื่องมหัศจรรย์เช่นนี้เกิดขึ้น

ลูมีน ชื่อนี้ถูกจดจำลงในหัวของเจ้ากรมยาชิโระอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะไม่เคยเห็นหน้าค่าตา เขาก็ประทับใจในตัวเธอเหลือเกิน

อายาโตะยกกระดาษแผ่นเล็กขึ้นเหนือเชิงเทียน จ่อปลายมันกับเปลวเพลิงที่กำลังเริงระบำ ไฟลุกลามเลียกระดาษน้อยอย่างรวดเร็ว แปรสภาพลายเป็นผงขี้เถ้า ดวงตาสีอเมทิตส์วาวโรจน์จับจ้องอยู่บนกองสีดำ

หากเขาสามารถนำคนผู้นี้มาใช้ได้ จะดีเพียงไร

มุมปากชายหนุ่มหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม

 

วันที่เขาได้เจอลูมีนก็มาถึง หลังจากการตรากตรำทำงานหนัก เพราะไรเดนโชกุนมีคำสั่งยกเลิกการปิดประเทศ สามกรมก็ถูกเรียกเข้าเทนชูคาคุ ไปประชุมคร่ำเคร่งติดกันหลายวัน

วันนี้เขากลับมาถึงบ้าน พักผ่อน ได้ยินคนในชูมัตสึบังรายงานข่าวลือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสองกรมที่จะมีการเกี่ยวดองกัน

อายาโตะนึกขัน การแต่งงานในช่วงนี้หรือ ไม่รู้ว่าตาเฒ่าสองคนในคุกรู้แล้วจะเต้นผางหรือเปล่า

เขาได้นอนหลับเต็มอิ่มเสียที วันนี้ได้ใช้เวลาผ่อนคลายจากงานเอกสารมาเดินหมากกับโทมะ

เล่นกันยังไม่ทันจบเกม เสียงสดใสเจื้อยแจ้วก็ดังขึ้นมาจากหลังฉากกำบัง

เขาคุ้นหูคล้ายเคยได้ยินเสียงนี้ผ่าน ๆ

อายาโตะจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งคนเคยมารายงานว่าท่านโชกุนมายืมชุดชงชาในคฤหาสน์ แต่โชกุนไม่ได้ต้องการพบเขา รวมถึงท่านยังมาเยือนพร้อมกับนักเดินทางสาวด้วย เขาเห็นว่าในเมื่อโชกุนไม่ได้อยากพบหน้าเขา ไม่ไปพบก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกที่ควร

น้ำไม่ขุ่นไม่เอาอะไรลงไปกวนที่ก้นให้ตะกอนขึ้นมาจะดีกว่า

“อายากะ โทมะ พวกเรามาหาแน่ะ!”

“ขออนุญาตรบกวนหน่อยนะ โทมะ อายากะอยู่หรือเปล่า”

“พวกเธอนี่เอง?” อายาโตะได้ยินเสียงโทมะลุกออกไป

“ไม่ได้เจอกันนานเลย แต่ตอนนี้คุณหนูไม่อยู่น่ะ คือ….”

อายาโตะหลับตา นั่งหลังตรงแหน็ว

“เสียงนี้ หรือจะเป็นนักเดินทางคนนั้นหรือโทมะ?”

“ขอรับ” หลังจากได้รับการยืนยันจากคนสนิท อายาโตะก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนอย่างไม่รีบร้อนมากนัก

“ได้ยินอายากะเล่าถึงคุณให้ฟังบ่อย ๆ …”

“ในที่สุดวันนี้ก็ได้รับเกียรติ ได้พบหน้ากันเสียที ผมคือผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลคามิซาโตะ และกรมยาชิโระ คามิซาโตะ อายาโตะครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้ม ท่าทีสุภาพอ่อนน้อมสะกดสายตานักเดินทางสาวให้ตรึงอยู่บนร่างของเขา

ร่างสูงหมุนตัวกลับมา ยืนตรง นัยน์ตาคมสีอเมทิสต์สบกับดวงตากลมโตสีอำพัน อายาโตะเดินอ้อมโต๊ะหนังสือไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ

“ลูมีนค่ะ” เธอแนะนำตัวอย่างเรียบง่าย สั้นได้ใจความพร้อมกับรอยยิ้มบาง

 

✿✿✿✿✿✿

 

นับตั้งแต่วันนั้นอายาโตะก็ได้มีโอกาสพบกับลูมีนบ่อยครั้ง เขารู้อยู่แล้วว่าเธอมักมาช่วยงานฝ่ายกิจการทั่วไปของกรมยาชิโระ และทุกการเคลื่อนไหวของสาวน้อยคนนี้ไม่เคยเล็ดลอดสายตาเขาไปไหน ตั้งแต่เธอย่างเท้าเข้ามาในอินาซุมะแล้ว

ได้พูดคุยกันบ่อยครั้ง ยิ่งสนิทสนม ถึงแม้เธอจะโดนเขาแกล้งพูดให้เธอเล่าอะไรให้ฟัง แต่เธอก็ไม่ตกหลุมพรางเขาง่าย ๆ มิหนำซ้ำยังระแวงเขาอีกด้วย ไม่รู้ว่าเพราะเรื่องระหว่างกรมเทนเรียวกับกรมคันโจวในครั้งนั้น เธอมองเขาในมุมไหนบ้าง

แต่สิ่งที่เขาสะกิดใจคือคำพูดหนึ่งของลูมีนที่พูดขึ้นมาระหว่างที่เขากับเธอเดินเตร็ดเตร่กันอยู่ในเมือง ลูมีนกำลังจะกลับที่พักของตน แล้วเขาเป็นคนอาสาไปส่งโดยอ้างว่าจะไปร้านตัดชุดยูกาตะในย่านการค้า เป็นทางผ่านพอดีจึงขอร่วมทางไปด้วย

“พอได้มาเดินกับคุณข้างนอกแล้วฉันก็ลดอาการเกร็งลงไปเยอะเลย” ลูมีนพูดขึ้นมาระหว่างที่รอไปม่อนแวะซื้อขนม

คิ้วเรียวเลิกสูง เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าคนตัวเล็กกว่า ลูมีนเองก็กำลังเหลือบมองเขาอยู่เช่นกัน

“หมายถึงอย่างไรหรือครับ”

“บรรยากาศรอบตัวคุณมั้ง” หญิงสาวยักไหล่เล็กน้อย ปอยผมสีบลอนด์สองข้างขยับไปตามการเคลื่อนไหวของเธอ ดวงตากลมกะพริบปริบ

“คุณคือเจ้ากรมยาชิโระ ฉันเป็นแค่นักเดินทาง ผจญภัยไปเรื่อย พูดจาโผงผาง ในขณะที่คุณทำงานอยู่ในห้อง อ่านเอกสารยาก ๆ แก้ปัญหาในวังที่ฉันไม่เข้าใจด้วยแผนการอันซับซ้อน”

เขาไม่เข้าใจคำพูดของเธอ หรือแม้แต่จุดประสงค์ที่จู่ ๆ เธอก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เปรียบเทียบระหว่างตัวตนของเขากับเธอ

แน่นอนเขาคือเจ้ากรมยาชิโระ แล้วมันแปลกตรงไหนกัน เขามักวางตัวสุภาพ สุขุม ปฏิบัติตัวต่อทุกคนอย่างเท่ากัน

หรือการทำแบบนี้มันทำให้เธออึดอัด? เขาต้องปรับตัวหรือว่าอย่างไรกัน?

สีหน้าของอายาโตะยังคงเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มยังคงนิ่งรอฟังเธอ

จนกระทั่งประโยคถัดมาของลูมีน พูดสรุปสาเหตุว่าทำไมเธอถึงพูดประเด็นนี้

“อันที่จริงฉันก็รู้จักคนแบบคุณมาเยอะ แต่ว่าแต่ละคนต่างกับคุณมากอยู่ ทุกคนจะมีสักวันหนึ่งที่แสดงตัวตนของตัวเองออกมา…” ลูมีนเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันก่อนจะพูดต่อ

“แต่กับคุณ ดูเหมือนคุณคือเจ้ากรมยาชิโระตลอดเวลา เจอกันกี่ทีคุณก็ยังเหมือนเดิม”

“มันก็เลยทำให้ฉันรู้สึกเกร็งมั้งคะ แต่พอคิดได้ว่านี่ก็เป็นคุณ”

“คุณก็คืออายาโตะไม่ได้เป็นคนอื่น แถมยังชอบเอาของประหลาดให้โทมะกิน หลัง ๆ ฉันเลยลดความรู้สึกเกร็งตอนได้คุยกับคุณลงบ้าง” รอยยิ้มผลิบนใบหน้าหวาน ขณะเดียวกันที่นัยน์ตาคมเบิกกว้าง เงาในดวงตาสีม่วงอ่อนฉายภาพหญิงสาวเรือนผมสั้นสีบลอนด์

เสียงของลูมีนสะท้อนก้องในศีรษะของอายาโตะ

‘คุณก็คืออายาโตะ ไม่ได้เป็นคนอื่น’

เขาส่งเสียงขึ้นจมูกก่อนจะหัวเราะออกมา

“มันน่าขำเหรอคะ?” ลูมีนถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“เปล่าครับ” อายาโตะส่ายหน้า

แค่มันน่าขันหน่อย ๆ ที่เขาในการรับรู้ของเธอตอนนี้คืออายาโตะ

ลูมีน…เธอจะรู้หรือไม่ว่า ในฐานะเจ้ากรมยาชิโระและผู้นำตระกูลคามิซาโตะ

มันไม่มีวันที่เขาจะได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตในฐานะ ‘อายาโตะ’

ให้เธอเข้าใจไปเช่นนี้ก็ดีแล้ว เธอไม่รังเกียจหน้ากากหนังมนุษย์ที่เขาสวม อีกทั้งยังพูดกับตรง ๆ เป็นเรื่องที่ทำให้ใจของเขาชุ่มชื้นยิ่งนัก

จากทีแรก เขารักษาระยะห่างกับเธอ เพราะแค่สนใจว่านักเดินทางผู้นี้มาพร้อมกับเรื่องน่าทึ่งเต็มไปหมด ผ่านไปนานวันเข้าพอได้พบเจอะเจอกันเป็นประจำ พูดคุยสัพเพเหระกันเรื่อย ๆ ในใจของอายาโตะก็เกิดความรู้สึกอบอุ่นราวกับอาบแสงอาทิตย์ยามบ่าย ความสุขยามได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันแค่กับลูมีน เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวง อยากครอบครองเวลาทั้งหมดของเธอเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว

เขาเจ็บปวด ยามเห็นเธอยืนยิ้มอยู่กับโทมะ เขารู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเธอบอกกับเขาว่าเธอมาหาเขา เขาอิ่มเอมทุกคราที่เห็นพวงแก้มใสซับสีเรื่อตอนโดนเขาหยอกล้อ

วันและเวลาผันผ่าน ก่อเกิดเป็นความรู้สึกสมัครรักใคร่ในตัวหญิงสาวต่างแดนคนนี้

สิ่งแรกที่คามิซาโตะ อายาโตะตระหนักได้คือความรู้สึกของเขาที่มีต่อลูมีนมันคือเรื่องที่เขาไม่อยากปล่อยผ่าน อีกทั้งไม่อยากปล่อยมือจากเธอ

แต่เธอเป็นนักเดินทางไม่มีวันที่เธอจะลงหลักปักฐานกับใคร ข้อนี้อายาโตะเองก็รู้ ดังนั้นเจ้ากรมยาชิโระจึงได้แต่เก็บงำความรักที่นับวันมีแต่จะพอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ ไว้กับตัว ไม่คิดจะเอ่ยปากสร้างพันธะให้ทั้งตนเองและเธอ

 

✿✿✿✿✿✿

 

แต่ทว่า เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ลูมีนขาดการติดต่อไปนานร่วมเดือนกว่า ถึงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเธอเคยกลับมาจากการสำรวจเหมืองรอยแยกที่หลีเยว่ ตามคำขอของกิลด์นักผจญภัย

แต่เรื่องที่เขารู้สึกตงิดใจคือ นินจาของชูมัตสึบังที่เขาส่งให้ไปคอยจับตาดูร่วมกับอารักขาเธอก็ไม่มีข่าวส่งกลับมาหาเขาเลย แม้แต่นิดเดียว ทั้งที่ปรกติจะมีส่งมาเป็นระยะ ๆ

ผ่านมาอีกสองสัปดาห์ นินจาคนนั้นโผล่หน้ามาพร้อมอาการเหนื่อยล้า เขารายงานต่อเจ้านายของตนว่า นักเดินทางลงไปยังเมืองลับแลใต้น้ำในเกาะวาทัตสึมิ ที่ชื่อเอ็นคะโนะมิยะ เป็นพื้นที่หวงห้ามของทางเกาะวาทัตสึมิ

เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากการรับมือกับกองกำลังแห่งห้วงลึก อาการบาดเจ็บทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวได้สะดวก เรื่องหนีจึงเป็นเรื่องลำบาก ทำได้แต่ซ่อนตัวอยู่กับเพื่อนตัวเล็กของเธอ

เขาเองก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดหากไม่ได้ลูมีนเป็นคนต้านทานศัตรูเอาไว้ อาวุธที่ศัตรูใช้นั้นเขาไม่คุ้นเคยเสียเลย ทำให้รับมือลำบาก เธอปล่อยให้เขาหนีขึ้นมาส่งข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ให้ด้านบนได้รับรู้

“แจ้งคนของเกาะวาทัตสึมิหรือยัง?” อายาโตะเผลอถามเสียงดังจนนินจาผู้นั้นสะดุ้งโหยง

“แจ้งแล้วขอรับ ทางซังโกโนะมิยะกำลังจัดเตรียมคนลงไปช่วยเธอ” สองมือของอายาโตะที่วางอยู่บนโต๊ะกำเข้าหากันแน่น

เขาหลับตาสนิท ระหว่างคิ้วมีรอยย่น ความคิดร้อยแปดปรากฏในหัว ใจร้อนรุ่มดั่งโดนไฟเผา ได้แต่ปรับลมหายใจเข้าออกช้า ๆ ท่องกับตนเองว่าใจเย็นเข้าไว้

ลูมีนเป็นถึงผู้กอบกู้วิกฤตของมอนด์สตัดท์ อีกทั้งยังเคยประมือกับไรเดนโชกุนมาแล้ว เธอต้องไม่เป็นอะไร…

แต่จากที่นินจาผู้นี้รายงานมา ดูท่าอาการบาดเจ็บเธอจะหนักเอาการ และหากประวิงเวลาไปเรื่อยเธออาจจะเป็นอะไรร้ายแรง

“ตอนที่นายกลับมา มีคนลงไปช่วยเธอหรือยัง” ในใจของอายาโตะเครียดขึง

นินจาหนุ่มส่ายหน้า

“เห็นว่าท่านซังโกโนะมิยะบอกว่าต้องจัดเตรียมกำลังพลก่อนขอรับ ข้างใต้เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่รู้จัก รวมถึงอันตรายที่ทางคนของซังโกโนะมิยะไม่เคยพบเจอ รวมถึงสภาพอากาศตอนนี้ค่อนข้างเลวร้ายพอสมควร” ยิ่งฟัง อกซ้ายก็ยิ่งบีบรัดเข้าหากันจนเขาเจ็บปวด พลันในมโนภาพปรากฏดวงหน้าหวานขึ้นสีจัด รอยยิ้มที่เธอส่งมาให้เขาแปรเปลี่ยนเป็นภาพเธอหลับตา ไม่มีลมหายใจ ใจของเจ้ากรมยาชิโระก็ดิ่งวูบ

อันตรายที่ไม่เคยพบเจอ? ขนาดคนของซังโกโนะมิยะยังไม่เคยลงไปสำรวจ กลับไว้ใจคนต่างถิ่นให้ลงไปสำรวจหรือ!?

ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันจนเป็นเส้นตรง เหงื่อเม็ดเล็กผุดบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา

“สั่งการลงไป” ชายหนุ่มเอ่ยปาก สองมือที่กำแน่นจนกระดูกหลังมือปูดโปนสั่น

“ถึงนินจาในชูมัตสึบังที่อยู่รอบ ๆ เกาะวาทัตสึมิให้เตรียมพร้อมออกเดินทาง…”

“ขอรับ!?” นินจาหนุ่มเงยหน้ามองเจ้านายตนเองแบบไม่เข้าใจมากนัก

“เดี๋ยวนี้!” อายาโตะย้ำเสียงดังหนักแน่น หน้าอกสะท้อนขึ้นลงด้วยความร้อนใจ

“ขอรับ!” เมื่อได้ยินคำสั่งเจ้านาย คนเป็นลูกน้องก็รีบรับคำ แล้วถอยหลัง แต่ก่อนออกจากห้องไป เขายืนนิ่งคิดทบทวนกับภาพเมื่อสักครู่

ว่านายเหนือหัวของชูมัตสึบังหน้าถอดสี ดูร้อนรนจนไม่เหมือนเป็นคนเดิมใช่หรือไม่ แล้วก็ได้แต่เก็บภาพนี้ไว้เป็นความลับก่อนจะไปถ่ายทอดคำสั่งจากอายาโตะถึงทุกคน

 

✿✿✿✿✿✿

 

นี่เป็นครั้งแรกที่อายาโตะผลีผลาม ทำอะไรตามความรู้สึกตนเอง

เพียงแต่ว่าเขารู้สึกดี ที่ตัดสินใจไม่ผิด เจ้ากรมยาชิโระเร่งพาหน่วยลับของตนเดินทางมาพบกับทางซังโกโนะมิยะ และรีบลงไปเมืองโบราณลับแลที่ชื่อเอ็นคะโนะมิยะ เพื่อช่วยเหลือนักเดินทางสาวที่ลงไปสำรวจเพียงคนเดียว

ใจหนึ่งชายหนุ่มรู้สึกกรุ่นโกรธที่พวกเขาให้เธอลงมาที่นี่เพียงคนเดียว

สภาพอากาศสุดเลวร้ายที่ทำให้ทุกคนหายใจได้ไม่คล่องนัก ในซากโบราณสถานที่ใจกลางซากปรักหักพังของเมืองเก่า ไดนิชิ มิโกชิ เขาได้พบกับร่างบางที่แสนคุ้นเคยนอนทอดอยู่ ข้างกายของเธอมีเพื่อนตัวเล็กลอยอยู่ สีหน้ากังวลของไปม่อนยิ่งทำให้ใจของอายาโตะจมดิ่ง

“อายาโตะ!? โคโคมิ!??? ละ-ลูมีน มีคนมาช่วยแล้ว!” พอไปม่อนได้ยินเสียงฝีเท้าคนจำนวนมากมุ่งมาทางนี้ เดิมทีเจ้าภูตตัวเล็กก็รีบหาอะไรมาเตรียมช่วยลากลูมีนที่ยังคงนอนไปหลบ แต่พอเห็นคนรู้จักเธอก็แทบจะปล่อยโฮ

“ลูมีนนอนไปตั้งแต่สองสามชั่วโมงก่อนแล้ว แต่ดูท่าทางจะไม่ดีขึ้นเลย”

นัยน์ตาคมเลื่อนไปที่ร่างเล็กที่ยังคงนอนหลับใหลไม่ได้สติ เขาใช้สายตากวาดสำรวจ เนื้อตัวมอมแมม ชุดกระโปรงสีขาวมีร่องรอยฉีกขาด บาดแผลที่เลือดแห้งกรังบนไหล่

เขาขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูน ชายหนุ่มพยักเพยิดให้แพทย์ที่ตามมาด้วยเข้าไปตรวจเธอ

“หวังว่าเธอจะไม่เป็นอะไรนะคะ” เสียงใสเจือความหวาดหวั่นดังขึ้นมาข้างตัวเขา อายาโตะเหลือบมองเสี้ยวหน้าซังโกโนะมิยะ โคโคมิ

เขาพรูลมหายใจยาว “แล้วเหตุใดท่านซังโกโนะมิยะถึงส่งให้เธอลงมาที่นี่คนเดียวกัน”

น้ำเสียงเย็นชาราวกับน้ำในฤดูหนาวทำให้ผู้นำเกาะวาทัตสึมิร้อนรน

“จริง ๆ แล้วพวกเรากำลังจะตามมาสมทบเธอค่ะ แต่ทหารอีกหน่วยที่บาดเจ็บจากการสู้เหล่าทหารในชุดทมิฬนั่น—”

อายาโตะขมวดคิ้ว ถึงแม้ไม่อยากกล่าวโทษทางเธอก็ตาม เขารู้เหตุผลแน่ชัดอยู่แล้ว ทหารฝั่งเกาะวาทัตสึมิกำลังขาดแคลน ส่วนหนึ่งเพราะหย่าศึกกับทางฝั่งเกาะนารุคามิแล้วแต่ละคนกลับบ้านเกิด หรืออีกส่วนที่บาดเจ็บจากการทำศึกกับทหารโชกุน พอมาเจอศึกภายในอีก

“ถึงมันจะเป็นความผิดของฉัน แต่ไม่คิดว่าการที่เจ้ากรมยาชิโระเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในเกาะวาทัตสึมิเช่นนี้ จะรู้ถึงหูไรเดนโชกุนหรือคะ” โคโคมิหันไปมองอีกฝ่ายเต็มตา

“เธอรับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยดาบแห่งมัจฉาที่สอง ขึ้นตรงต่อกองกำลังบนเกาะวาทัตสึมิ” ผู้นำแห่งซังโกโนะมิยะเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย

เธอรู้ดีว่าควรจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร หากไม่ใช่เพราะเขาพาคนของเขาเข้ามาที่เกาะวาทัตสึมิยามวิกาล แล้วต้องเร่งร้อนเดินทางกันขนาดนี้

เธอห่วงลูมีนมากแค่ไหน เธอรู้ดี แต่การทำอะไรโดยมีแบบแผนจะปลอดภัยต่อทุกคนรวมถึงลูมีนด้วย ใครเล่าจะคิดว่าเจ้ากรมยาชิโระออกจะแตกต่างจากที่เธอได้ยินมา ดูเขาจะร้อนใจเรื่องลูมีนมากเสียจนไม่เป็นอันทำอะไร โคโคมิสังเกตท่าทีเขามาตลอดการเดินทางลงมายังเอ็นคะโนะมิยะ

“การที่ฉันส่งคนของตนเองไปทำอะไร ที่ใด ไม่ได้มีหน้าที่รายงานต่อเจ้ากรมยาชิโระ”

“ท่านอายาโตะ ท่านไม่คิดว่าการกระทำครั้งนี้ออกจะเสียมารยาทเกินไปหน่อยหรือ”

ริมฝีปากเรียวหยักเป็นรอยยิ้ม

เธอข่มขู่เขาหรือ?

แต่ช่างเถิด รอบนี้เขาปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกนำพา รู้ตัวอีกทีเขาก็พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้แล้ว

“ก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนกันดีหรือไม่ท่านซังโกโนะมิยะ”

ตั้งแต่อายาโตะลงมายังที่แห่งนี้ เขาก็พอจำได้เลา ๆ แล้ว ถึงเรื่องเล่าของคนบนเกาะวาทัตสึมิ อีกทั้งเรื่องเทพเจ้าที่คนบนเกาะนี้บูชา หากอายาโตะเดาไม่ผิด จุดประสงค์ของโคโคมิก็คงเป็นตามแบบที่เขาคิด

โคโคมินิ่งเงียบคอยฟังข้อเสนอของเขา หางตายังคอยแลมองว่าแพทย์ที่อายาโตะพามาด้วยจะพอเพียงต่อการรักษาลูมีนหรือไม่

อายาโตะเองก็มองเข้าไปด้านใน พอเห็นว่าลูมีนได้สติแล้ว เท้าข้างหนึ่งเขาก้าวไปด้านหน้าเอง แต่ก็ชะงักเอาไว้ก่อนเพราะเขานึกถึงเรื่องที่จะพูดกับโคโคมิขึ้นมาได้ก่อน

“ผมไม่พูดเรื่องที่นี่ ท่านไม่แพร่งพรายเรื่องที่ผมเอาคนมาบุกเกาะวาทัตสึมิยามวิกาล”

“ตกลงค่ะ” มิโกะแห่งซังโกโนะมิยะพยักหน้ารับ

ถึงแม้โคโคมิจะห่วงความปลอดภัยของลูมีนมากเท่าใด

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เธอพะวงว่าหากเรื่องที่คนบนเกาะวาทัตสึมิพยายามจะกอบกู้สิ่งที่หลงเหลือในเมืองใต้น้ำแห่งนี้ถึงหูไรเดน โชกุนคงไม่ดีมากเท่าใดนัก พวกเธอต้องการเก็บเรื่องนี้ให้เงียบมากที่สุด และดูจุดประสงค์ของเจ้ากรมยาชิโระแล้ว ไม่ได้มาเพื่อคุกคามทางเธอแต่อย่างใด

โคโคมิมองตามแผ่นหลังชายร่างสูงโปร่งที่ก้าวไว ๆ เข้าไปในไดนิชิ มิโกชิ หญิงสาวเดินตามเขา แต่หยุดอยู่หน้ากรอบประตู โคโคมิยืนมองลูมีนยันตัวลุกขึ้นมาจากเสื่อฟาง ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษส่งยิ้มให้กับเจ้ากรมยาชิโระ ในขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ประคองตัวนักเดินทางสาวไว้ในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม

การมาเยือนครั้งนี้ของเจ้ากรมยาชิโระ ดูแล้วก็คงเพราะนักเดินทางสาวคนนี้ไม่ผิดแน่

ใบหน้าใสของโคโคมิแต้มรอยยิ้ม

จะว่าอย่างไรดีล่ะ การที่จู่ ๆ ถูกคนบุกเข้ามาชิงตัวนักเดินทางที่เธอชอบ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าหน่วยดาบแห่งมัจฉาที่สองไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้…ก็รู้สึกเจ็บใจอยู่หน่อย ๆ

แต่พอคิดถึงสีหน้าของลูมีนยามได้พูดถึงเจ้ากรมยาชิโระแล้ว โคโคมิก็พอจะเข้าใจ

 

“คุณมาได้ยังไงคะ?” ลูมีนออกจะตกใจนิดหนึ่งตอนได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เพียงแต่เธอพยายามลืมตายังไงก็ไม่ขึ้น เพราะอาการบาดเจ็บที่ไหล่สาหัสมาก อีกทั้งความเหนื่อยล้าง่วงงุนถ่วงเปลือกตาให้หนักกว่าเดิม

พอโดนกรอกยาขมลงลำคอ นอนพักสักครู่ เปิดตาขึ้นมาก็เจอกับใบหน้าหล่อเหลาที่เธอเคยนึกว่าจะไม่ได้เจอกันเสียแล้ว

ใจหนึ่งตอนที่เธอวิ่งไล่ล่าอัศวินอสรพิษทมิฬกำลังหนีพวกเธอ จังหวะที่เจ้านั่นจะสลัดเธอหลุด มีอีกคนหนึ่งโผล่จากด้านหลัง พุ่งทะยานโจมตีเธอ คมดาบลมฝังเข้าเต็ม ๆ ที่ไหล่ซ้าย เป็นผลให้ได้รับบาดแผลเหวอะหวะ อัศวินตัวโตเงื้อดาบสูง หมายฟาดย้ำที่เดิมให้ศัตรูแดดิ้น

เรื่องที่คาดไม่ถึงก็ดันเกิดขึ้น ตอนที่เธอล้มลงไปมีคนเข้ามาช่วยพวกเธอ เขารับดาบนั้นแล้วผลักมันออกไป ท่าทางดูละล้าละลังรับมือไม่ถูกกับอาวุธของอัศวินอสรพิษทมิฬ ช่วงที่เขากำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาก็โดนอัศวินอสรพิษทมิฬที่ลูมีนคิดว่าหนีไปแล้วย้อนกลับมา จ้วงหอกหมายเอาชีวิต ลูมีนกัดฟัน ใช้พลังเฮือกสุดท้ายจับดาบกระโดดแทงเข้าที่จุดอ่อนมันจนล้มตึง ทั้งสามถึงรอดมาได้ โดยที่อีกคนไม่ได้รับบาดเจ็บ สุดท้ายเลยได้แต่ฝากฝังให้เขากลับขึ้นไปแจ้งข่าวแก่โคโคมิ ส่วนตนเองพักผ่อนรอให้บาดแผลสมาน

ทว่าสภาพอากาศที่คอยกัดกร่อนทำให้แผลสมานช้ากว่าเดิมจนเธอเริ่มเป็นกังวล แม้เลือดจะหยุดไหล แต่ความลึกของแผลก็ทำให้เธอไข้ขึ้นนอนซมไปวันสองวัน ยาที่พกมาด้วยเริ่มหมด คนที่ขึ้นไปส่งข่าวก็ยังไม่มีความคืบหน้า

ลูมีนยังไม่อยากมาทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่เสียหน่อย เธอยังอยากเดินทางไปที่อื่น เพื่อตามรอยเท้าพี่ชาย ค้นหาคำตอบที่พี่ชายเธอเคยพูดเอาไว้

ทว่าอีกสิ่งที่ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของหญิงสาวคือใบหน้าของเจ้ากรมยาชิโระ

ไม่รู้ว่าเหตุใดลูมีนถึงหวาดหวั่นขึ้นมา หากไม่ได้พูดคุยกับเขาอีกสักหน่อยเธอคงเสียดายมากแน่ ๆ

ใจของหญิงสาวหนักหน่วงเหมือนโดนลูกตุ้มถ่วง คิดแต่ว่าชะตาเธอยังไม่ขาดเร็ว ๆ นี้หรอก เลยเผลอหลับเอาแรงไปเสียนาน

พอตื่นมาได้เจอกับคนที่เคยอยู่ในความฝัน ทำให้ใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ อีกทั้งเขายังพาคนมาช่วยเธอด้วย? พร้อมกับโคโคมิ?

พอเห็นเช่นนี้แล้วในอกซ้ายของลูมีนก็อุ่นวาบ

“พักสักหน่อยเดี๋ยวอาการน่าจะดีขึ้น พอที่จะออกเดินทางได้ครับ” แพทย์วัยกลางคนซับเหงื่อบนหน้าผาก เขาทำความสะอาดแผล ใส่ยา ให้เธอกินยาบรรเทาอาการอักเสบและไข้แล้ว คาดการณ์ว่าหลังยาออกฤทธิ์สักครึ่งวันคงจะกลับขึ้นบนผืนผิวน้ำได้

อายาโตะพยักหน้ารับ เขาลุกขึ้นกล่าวขอบคุณกับแพทย์ประจำตระกูล เดินนำพาเข้าไปส่งที่แคมป์ชั่วคราวที่พวกเขาปักหลักกันอยู่ด้านบนไดนิชิ มิโกชิ

ไปม่อนเห็นเพื่อนสาวไม่เป็นอะไรแล้วก็โล่งอก ภูตตัวจิ๋วเป่าปาก สีหน้าผ่อนคลาย

“ลูมีน ตกใจแทบแย่แน่ะ ตอนที่ไปม่อนตบแก้มเธอเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นอะ! ทำไมชอบทำให้ไปม่อนใจหายใจคว่ำ” ไปม่อนเข้าไปกอดที่หน้านักเดินทางสาว ส่งเสียงร้องไห้ไม่มีน้ำตา

ลูมีนตบหลังไปม่อนเบา ๆ เธอเอาแก้มไถกับพุงคู่หูที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเธอมานาน

“ฉันจะทิ้งไปม่อนได้ไง เดี๋ยวไปม่อนกลายเป็นอาหารฉุกเฉินของพวกบัทติมัลวิชาร์ป”

“ลูมีน!??? ถ้าไม่เห็นว่าเธอเจ็บอยู่นะ ไปม่อนจะตี!” ไปม่อนกอดอกทำแก้มป่องมองหน้าเธอ ลูมีนหัวเราะออกมาเสียงใส

“ไปม่อน ๆ” โคโคมิเดินเข้ามาสะกิดไปม่อน “ไปช่วยเตรียมอาหารให้ลูมีนกันดีกว่าค่ะ”

ไปม่อนมองลูมีนสลับกับโคโคมิแล้วพยักหน้าตบอกตน

“ลูมีนรอไปม่อนนะ! รับรองจะทำอาหารที่คนป่วยกินแล้วฟื้นพลังได้เต็มที่มาแน่ ๆ ฮี่ ๆ”

“ได้เลย” ลูมีนแปะมือกับไปม่อน เธอมองเพื่อนสาวบินตามโคโคมิออกไปข้างนอก

ตอนนี้ภายในห้องกลับมาเงียบสงบ เธอกำลังจะนอนลง แต่มีอีกคนหนึ่งเขามาก่อน

อายาโตะเดินเข้ามานั่งลงข้างเสื่อฟางของเธอ ลูมีนเลยยังไม่นอนลงไป

“คุณอายาโตะ?” พอเห็นอีกฝ่ายแค่จ้องหน้าตนเฉย ๆ ลูมีนก็เริ่มรู้สึกเขิน เธอเบนสายตาหลบนัยน์ตาคมสีม่วงอ่อนของเขา

“คุณเป็นอะ—” พลันร่างบางถูกรวบเข้าอ้อมกอด ใบหน้าของเธอปะทะกับแผงอกแกร่ง ริมหูได้ยินเสียงหัวใจเต้นกระหน่ำเหมือนกลอง

“คุณอายาโตะ ทำอะไรน่ะ!” ลูมีนลุกลี้ลุกลน จู่ ๆ เธอก็โดนอีกฝ่ายคว้าตัวไปกอด กำลังจะดันอีกฝ่ายออก แต่ก็ใช้แรงเยอะไม่ได้เพราะจะกระทบกับบาดแผลบนไหล่ซ้ายที่พึ่งจะสมาน

“ผมเป็นห่วงเธอ” เสียงนุ่มสั่นเครือกระซิบแผ่ว

ลูมีนชะงักงัน สมองตื๊อไปชั่วคราว ความรู้สึกหนึ่งแทรกซึมเข้ามาภายในหัวใจ

ราวกับว่าคนที่กอดเธออยู่เป็นคนละคนกับที่เธอเคยรู้จัก

“คุณเป็นห่วงฉัน?” ลูมีนทวนคำพูดเขา อายาโตะผละตัว ดันร่างเธอออกจากอ้อมแขนเบา ๆ

เขาสบตาเธอ เธอมองตาเขา

“ใช่ ผมเป็นห่วงเธอมาก”

มากกว่าที่เขาเคยคิด มากจนเขาเผลอทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่คำนึงถึงสถานะที่เขาหวงแหนอยากรักษามันไว้แค่ไหน ไม่ได้คำนวณผลประโยชน์ ไม่ได้พะวงถึงผลลัพธ์ เขาทำอะไรผลีผลามเป็นครั้งแรกด้วยความถูกเวลาอันจำกัดบีบ

ห่วงแต่ว่าหากตัดสินใจช้า อาจจะไม่มีโอกาสได้กอดเธอแบบนี้

ความอบอุ่นจากร่างกายเธอยังทิ้งร่องรอยอ้อยอิ่งไว้บนกายเขา

ใบหน้าของอายาโตะเริ่มมีสีแดง ลูมีนเองก็เช่นกัน บรรยากาศชวนร้อนวูบวาบอวลแทรกในอากาศแปลกประหลาดของเอ็นคะโนะมิยะ

มือใหญ่เอื้อมไปลูบข้างแก้มเธอ นัยน์ตาสีอเมทิสต์ฉายแววความรักใคร่

“คุณทำเหมือนฉันเป็นน้องสาวคุณอีกคนแน่ะ” ลูมีนอดหัวเราะไม่ได้ เขาคงห่วงเธอตามสถานะคนสนิท คงไม่ได้มีอะไร…มากกว่านี้

แต่ไม่รู้ทำไม พอคิดถึงตรงนี้ ลูมีนก็รู้สึกเสียใจ

“ผมเป็นพี่ชายอายากะแค่คนเดียวนะครับ” เขาหยิกแก้มนิ่มของเธอเบา ๆ

“เคยบอกเธอไปแล้วนะ” อายาโตะเคยพูดแบบนี้กับเธอมาแล้ว ลูมีนนึกขึ้นมาได้ ตอนที่อยู่ที่กรมยาชิโระ

“อะ โอย หมายความว่ายังไงคะ?” ลูมีนตีมือเขา เธอผลักมือหนาออกห่าง แล้วลูบแก้มตนเอง

“หมายความว่าเธอเป็นน้องสาวผมไม่ได้หรอก” อายาโตะยิ้มออกมาบาง ๆ

ลูมีนก้มหน้า หลุบตาต่ำ

“จริงนั่นแหละ ฉันเองก็มีพี่ชายแค่คนเดียว”

“งั้น สนใจมาเป็นพี่สาวของอายากะหรือเปล่าครับ?” อายาโตะก้มหน้าลงมาเกือบชิดกับหน้าเธอ

“คะ?!?” ตากลมโตเบิกโพลง พวงแก้มสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดงแจ๋

“พี่สาว? คุณหมายความว่ายังไงคะ” ลูมีนหดคอ เบนตัวหลบเขา

“เธอคิดว่าไงล่ะ” อายาโตะย้อนถามกลับ เขาตวัดแขนโอบรอบเอวคอด รั้งเธอให้เข้ามาใกล้

“คุณแกล้งฉันเหรอ!” ลูมีนเอามือมากั้นกลางระหว่างหน้าเขากับเธอ

“ถ้าผมพูดจริงเล่า ลูมีน ถ้าผมพูดจริง” ริมฝีปากร้อนประทับจุมพิตบนฝ่ามือนุ่ม

ลูมีนดึงมือตนเองกลับมา เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากัน กลั้นใจถามคำถามหนึ่งออกไป พร้อมกับหัวใจที่ดีดเต้นจนเธออึดอัด

“คุณชอบฉัน?”

“เธอยังไม่บอกเลยว่าเธอคิดว่ายังไง” อายาโตะยิ้มแย้ม เขาช้อนตามอง ดวงตาคู่กลมโตฉ่ำวาวสีน้ำผึ้ง

“ฉันจะไปรู้คุณเหรอ ก็จู่ ๆ คุณโผล่มาที่นี่ แถมยังมากอดฉันอีก” นักเดินทางสาวบ่นอุบอิบ

“หรือคุณทำแบบนี้กับคนไปทั่ว”

อายาโตะสำลักอากาศ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน เขาโน้มใบหน้าเอาหน้าผากเขาไปชนกับหน้าผากเธอ

“ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร” อายาโตะพูด ลมหายใจอุ่นรดใบหน้าอีกฝ่าย กลิ่นกายบุรุษโอบลูมีน ในโสตประสาทได้ยินเสียงหัวใจของแต่ละคนเต้นตึกตักผสานกันเป็นจังหวะเดียว

“ผมไม่เคยร้อนใจเรื่องของคนอื่นนอกจากคนในครอบครัว แต่ว่าตอนที่ผมรู้เรื่องเธอ ผมนั่งแทบไม่ติด รู้ตัวอีกทีตัวเองก็ออกคำสั่งให้ทุกคนวิ่งวุ่นมาที่นี่” ริมฝีปากร้อนคลอเคลียอยู่บนริมฝีปากอิ่มขณะที่พูดไปด้วย

“ครั้งแรก…ที่ผมทำอะไรลงไปโดยไม่คำนึงถึงผลได้ ผลเสียที่จะเกิดขึ้น”

“ครั้งแรก…ที่ผมรู้สึกหากปล่อยมือคู่นี้ไป” สิบนิ้วของเขาประสานเข้ากับของเธอแล้วกุมเอาไว้

ดวงหน้าหวานสะท้อนอยู่ในนัยน์ตาสีม่วงอ่อน

“ผมจะต้องเสียใจแน่นอน”

ลูมีนกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งผาก หญิงสาวหลับตาลงไม่กล้าสบตากับเขาต่อ แพขนตาหนาของอีกฝ่ายปัดป่ายอยู่บริเวณเปลือกตาของเธอ

“ทุกเรื่องในวันนี้ ล้วนเป็นครั้งแรกของผม” อายาโตะพูดด้วยจังหวะเนิบช้า น้ำเสียงนุ่มนวล ไม่รีบร้อน

“ครั้งแรกที่ผมตัดสินใจโดยไม่คิดถึงตำแหน่งเจ้ากรมยาชิโระ ไม่ได้คิดถึงตระกูลคามิซาโตะ”

แต่เป็นตัวของอายาโตะเอง การตัดสินใจครั้งนี้ก็เพื่อไม่ให้ตัวเขารู้สึกเสียใจในภายหลัง

“คุณอายาโตะ” ลูมีนเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว เธอเขินอายเสียจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร หญิงสาวไม่ใช่คนโง่ที่จะมองไม่ออกว่าที่เขาแสดงท่าทีเช่นนี้กับเธอหมายความว่าอะไร สาวน้อยสูดลมหายใจเข้า รับรู้ได้ถึงริมฝีปากของอีกฝ่ายที่ทาบทับอยู่บนของตน

“จะดูโลภมากหรือเปล่า ถ้าผมบอกว่า ผมอยากปกป้องทั้งหมด”

ทั้งเธอ ทั้งตำแหน่งของตน ทั้งตระกูลคามิซาโตะ

มือที่กุมกันไว้แน่นขึ้น ลูมีนค่อย ๆ เปิดเปลือกตา มองลึกเข้าไปในแววตาของเขาฉายความแน่วแน่ หนักแน่นในคำพูดของตน

ลูมีนยกนิ้วชี้ขึ้นทาบบนริมฝีปากของเขา

“คุณใช่อายาโตะที่ฉันรู้จักจริง ๆ ใช่ไหมคะ” ไม่ใช่ว่าเขาเมาอากาศของเอ็นคะโนะมิยะจนเพี้ยนไปหรอกนะ ใช่ไหม?

ชายหนุ่มชะงัก ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มก่อนจะพยักหน้า

“อืม เป็นอายาโตะสิ”

“เกร็งหรือครับที่ผมเป็นอายาโตะ ไม่ใช่คามิซาโตะ อายาโตะ เจ้ากรมยาชิโระเหมือนตอนที่อยู่ในเมืองอินาซุมะ” ชายหนุ่มเห็นเธอจ้องเขาแบบพิจารณาอย่างเอาจริงเอาจังก็อดขำไม่ได้

ลูมีนส่ายหน้า “ฉันชอบนะคะ”

คราวนี้กลายเป็นอายาโตะที่นิ่งราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ในหูได้ยินแต่คำว่าชอบนะคะดังซ้ำไปซ้ำมา

“อันที่จริง ฉันก็ชอบคุณทั้งหมด ทุกด้านที่เป็นคุณ เพราะคุณคืออายาโตะนี่” คำพูดของลูมีนดุจดั่งค้อนอันมหึมา

คล้ายได้ยินเสียงอะไรพังทลายลง กำแพงอิฐชั้นหนาที่เคยก่อตัวในใจ กั้นไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้ามา

หญิงสาวกัดริมฝีปากแล้วคลายออก แก้มขึ้นสีระเรื่อ

“เธอนี่ เป็นสิ่งมหัศจรรย์กว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก” อายาโตะหัวเราะร่วนในลำคอ เขารั้งร่างบางมากอดแนบอก

ลูมีนโวยวายประท้วงที่เขาพูดเหมือนเธอเป็นสิ่งแปลกประหลาดอะไรที่ไม่เคยพบเคยเห็น อันที่จริงแล้วเธอเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เพียงแต่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนกอดเสียแน่นจนต้องบ่นไปชุดสองชุดแก้เขิน

“แปลว่าเธอตกลงแล้วนะ” อายาโตะจัดการรวบรัดตัดความ

คนที่ถูกกอดมีสีหน้างงงั้น “ตกลงอะไรคะ?”

 

✿✿✿✿✿✿

 

สรุปแล้วลูมีนกับอายาโตะก็ได้เริ่มความสัมพันธ์คนรักกันนับตั้งแต่นั้นมา

ภายใต้เงื่อนไข ใครไม่ถามก็ไม่พูดถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา และเธอเองก็บอกกับเขาแล้วว่าเธอยังมีภารกิจ เรื่องราวส่วนหนึ่งที่เธอยังบอกเขาไม่ได้ เธอยังต้องตามหาพี่ชายของเธอ คำตอบของโลกใบนี้ ซึ่งอายาโตะก็เข้าใจเธอดี

การที่ได้เห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุขคือเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับเขา

“ถ้าอยากพักเธอกลับมาที่กรมยาชิโระนะ ผมจะรออยู่เสมอ”

และเขาเองก็อยากเป็นที่พักพิง ที่ที่เธอสามารถย้อนกลับมาได้เหมือนบ้าน

“หวังว่าฉันกลับมาแล้วคุณจะพักผ่อนให้เพียงพอบ้างนะคะ” ลูมีนบ่นที่ช่วงนี้เขาทำงานหามรุ่งหามค่ำ อายาโตะได้แต่หัวเราะในลำคอ

“ก็กำลังนอนแล้วนี่ไง”

เช่นเดียวกับทุกครั้ง เขากับเธอมักมาใช้เวลาด้วยกัน ในคืนก่อนที่ลูมีนจะออกเดินทางไปที่ใดสักที่นาน ๆ

พวกเขานอนกอดก่ายให้ความอบอุ่นแก่กันและกัน ลูมีนกอดท่อนแขนแกร่งของคนรัก ซบใบหน้าลงไปพลางพยักหน้าเบา ๆ

“รอบนี้ฉันไปไม่นานหรอก จะรีบกลับมานะคะ”

“อืม พรุ่งนี้ผมมีประชุมแต่เช้า คงไม่ได้ไปส่งที่ท่าเรือ” อายาโตะพึมพำ ความง่วงงุนเริ่มถาโถม

“ไม่จำเป็นหรอก คุณไปทำงานน่ะถูกแล้ว” ลูมีนว่า เธอได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ พอเงยหน้าขึ้นไปมอง เธอก็เห็นใบหน้าคนรักหลับตาพริ้ม

“ฝันดีนะ อายาโตะ” ลูมีนยื่นหน้าไปประทับจุมพิตที่มุมปาก ตำแหน่งเดียวกับไฝเสน่ห์ของเขา

นักเดินทางสาวยิ้มออกมา

หากสักวันการเดินทางของเธอสิ้นสุด เธอกับเขาจะเป็นอย่างไรนะ?

แล้ววันนั้น เธอจะได้ลองตัดสินใจในแบบของตัวเธอเองบ้างหรือเปล่า

ในแบบที่เขาเคยทำ… ลูมีนปล่อยให้ความคิดของเธอไหลไปเรื่อยพร้อมกับจมลงสู่นิทรา

 

ตื่นเช้าขึ้นมาอายาโตะก็ไม่พบคนในอ้อมกอดแล้ว ลูมีนทิ้งข้อความเอาไว้พร้อมกับบอกว่าจะส่งของฝากมาให้เขาบ่อย ๆ ผ่านทางยูคิ (นินจาในชูมัตสึบังที่อายาโตะส่งให้ติดตามเธอไปด้วย)

อายาโตะสอดกระดาษโน๊ตแผ่นนั้นไว้ในหนังสือที่เขาใช้เก็บกระดาษที่เต็มไปด้วยข้อความที่ลูมีนเขียนถึงเขา

เขามองข้อความเก่า ๆ ที่แปะไว้เต็มหน้าหนังสือก่อนจะปิดมันลง ลุกขึ้นจากที่นอน ไปชำระร่างกายแต่งตัวเตรียมไปทำงานด้วยจิตใจที่แจ่มใส ต่อให้ต้องไปนั่งฟังพวกตาเฒ่าสารพัดพิษในที่ประชุม เขาก็มั่นใจว่าเขาจะจัดการทุกปัญหาผ่านไปได้อย่างราบรื่น สะสางงานทุกอย่างให้เรียบร้อย

ตั้งหน้าตั้งตาคอยวันและเวลาที่จะได้ใช้ร่วมกับลูมีนเมื่อเธอเดินทางกลับมา


 

Talk : สวัสดีค่ะ เราอยากเขียนตอนก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะมาเป็นแฟนกันค่ะ (เขิน กรี๊ดดด ตอนชงว่าพี่เขาเป็นแฟนน้องไม่เขินเท่าตอนเขียนลงฟิคว่าเขาเป็นแฟนกัน 5555 ) + แฟนเราเขาพูดสะกิดใจเรามาอย่างหนึ่งค่ะ ว่าที่เห็นในเควสเหมือนเห็นแค่ยาชิโระคอมมิชั่นเนอร์ (หรือเจ้ากรมยาชิโระนั่นแหละ) ไม่ได้เห็นตัวตนของอายาโตะเลย ทีนี้เราเลยมาคิดต่อจากคำพูดของแฟนว่า แล้วถ้าพี่เขาต้องทำอะไรสักอย่าง ในแบบที่เป็น "ตัวตนของตัวเองละ" เพราะจากประวัติพี่เขาดูทิ้งตัวตนในอดีตของตัวเองไปหมด ยืนหยัดเพื่อครอบครัว อะไรประมานนี้นั่นแหละค่ะ เลยออกมาเป็นตอนสั้น ๆ เท้าความถึงก่อนที่พวกเขาจะคบกันในไทม์ไลน์Canonค่ะ

หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ใด ๆ เป็นการตีความในแบบของเราทั้งหมดค่ะ ขอบพระคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ!

(มีคนแซวว่าถ้าเรารวมเล่มคู่นี้คงต้องแยกเล่ม ตอนแรกว่าจะเอารวมไปในเล่มAll Lumineที่กำลังทำ แต่ท่าจะไม่ไหวค่ะ สิริรวม ๆ ตอนนี้อยู่ราว ๆ 100+หน้าแล้ว อ้ย)