4 ตอน Seminar
โดย Minol.ta
ชีวิตของเด็กปีสี่เสมือนขาข้างหนึ่งหย่อนลงหุบเหวไม่เกินจริงเลยครับ หากมีเพื่อนช่วยดึงก็อาจเรียนจบได้อย่างใจหวัง แต่ถ้าเพื่อนมันผลักหลังเมื่อไหร่กูได้ดิ่งลงเหวจนเรียนไม่จบเป็นแน่แท้
ถ้าทำงานคนเดียวผมโคตรถนัดเพราะสามารถคอนโทรลทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่งานส่วนใหญ่ของเด็กสื่อสารมวลชนล้วนต้องทำเป็นกลุ่มเป็นก้อน ระดมทั้งสมองและพละกำลัง อาทิ ปริญญานิพนธ์ หนังสั้น งาน Mass Festival ไหนจะงานปลีกย่อยกระจุบกระจิบอีกมากมาย เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น
อย่างตอนนี้ผมก็กำลังวิ่งวุ่นในงาน ‘อยากให้แมส Productions ให้โดน’ งานสัมมนาของผมและผองเพื่อนที่เตรียมการกันมาร่วมเดือนจนมาถึงวันจริง
แหกขี้ตาตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อรีบเข้าคณะมาช่วยเพื่อนดูแลความเรียบร้อย ส่วนหน้าที่หลักของพีอาร์อย่างผมในวันนี้คือคอยต้อนรับบรรดาอาจารย์และวิทยากรรับเชิญ รวมไปถึงการทำสรุปภาพรวมของงานทั้งหมดเพื่อส่งให้อาจารย์ที่ปรึกษาประเมินภายหลังจบงาน
อยากลาออกจากการเป็นนักศึกษาก็คงไม่ทัน ว่าที่ผู้กำกับชื่อดังในอนาคตกำลังรอผมอยู่!
“คุณอชิรวิชญ์มากี่โมงวะ” ไอ้กะเพราถามขึ้น หลังจากผมกับมันทยอยต้อนรับอาจารย์ที่มาร่วมงานให้เข้านั่งประจำเก้าอี้ที่จัดเตรียมไว้ให้
“นัดไว้แปดโมง”
“แต่นี่แปดโมงครึ่งแล้วนะ”
“ก็เลทไง คิดว่าตัวเองเก่งมากมั้ง” งานสัมมนาเริ่ม 9 โมง วิทยากรรับเชิญขึ้นพูดตอน 10 โมง แต่ที่นัดมาก่อนเวลาเพราะทีมงานต้องทบทวนหัวข้อในการบรรยายให้อีกครั้ง แล้วดูสิครับ..ป่านนี้รอนด้าก็ยังไม่โผล่หัวมา
ตั้งแต่วันไปแจกการ์ดเชิญที่มินอลเฮ้าส์ ผมก็ไม่ได้เจอหน้าและพูดคุยกับรอนด้าอีก ได้แค่หวังว่าเขาจะไม่เล่นตุกติกด้วยการเบี้ยวนัดเพราะรับปากกับผมไว้อย่างดิบดี
“แต่คุณอชิรวิชญ์ก็เก่งจริงนะมึง กูโคตรอยากเจอตัวจริงเขาเลย” ผมเบ้ปากอย่างอดไม่ได้ หลังจากไอ้กะเพรามันพูดเยินยอคุณอชิรวิชญ์ ผู้ชายที่หลายคนยกย่องว่าเป็น Smart Handsome แต่สำหรับผมรอนด้าก็คือรอนด้า มนุษย์ชอบกวนประสาทจนกระตุ้นอวัยวะเบื้องล่างอย่างเช่น ฝ่าเท้า ให้กระตุกอยู่บ่อยครั้ง
ปล่อยให้ไอ้กะเพรามันสรรเสริญรอนด้าแบบไม่คิดจะโต้แย้ง เพราะไม่อยากดับฝันเพื่อนด้วยการบอกว่าคนที่มันยกย่องเทิดทูนเป็นแฟนเก่าของเพื่อนรักอย่างกู
ผมไม่เคยเล่าเส้นทางความรักให้ไอ้กะเพราฟังสักครั้ง ไม่ได้อยากปิดบังแต่ไม่รู้ว่าจะรื้อฟื้นเรื่องราวในอดีตไปทำไม ได้แค่เก็บทุกอย่างไว้ในความทรงจำของตัวเอง
“เชี่ย หล่อมาก”
“ใครวะ”
“มึงถามกู แล้วกูจะถามใครล่ะ” ถามกูได้ครับ..
เพราะไอ้คนที่พวกน้องผู้หญิงยืนจับกลุ่มเม้าท์มอยด้วยสายตาลุกวาวก็คือเกสท์คนสำคัญของงาน แม้รูปร่างสูงโปร่งกำลังเดินมาจากระยะไกลสายตา แต่ท่วงท่าที่ดูสุขุมและน่าเกรงขามแสดงให้เห็นถึงออร่าผู้บริหารจนคนเดินผ่านต้องเหลียวหลังมอง
เพียงไม่นานเจ้าของร่างล่ำสันก็ก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้า รอนด้าใส่ชุดสูทผูกไทที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาแสนแพง เส้นผมสีน้ำตาลยาวประบ่าถูกมัดรวมเป็นหางม้าไว้ทางด้านหลัง คิ้วเข้มดกดำ ใบหน้าหล่อคมคายออกไปทางลูกครึ่งฝรั่ง นัยน์ตาคมแฝงความเจ้าเล่ห์ราวกับมีเวทมนตร์สะกดให้ใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้มอง
แม้จะรู้สึกหมั่นไส้ประติมากรรมชิ้นเอกที่พระเจ้าสร้างสรรค์ให้เกิดมาเป็นตัวเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ารอนด้าเป็นคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ
ตัดภาพมาที่สารรูปของผมในตอนนี้ สวมกางเกงยีนเสื้อยืดที่สกรีนชื่องานสัมมนาอย่างเด่นหรา แตกต่างจากคนตรงหน้าราวเจ้าชายกับสุนัข
อย่าคิดว่าผมจะเปรียบตัวเองเป็นหมาวัดนะครับ เพราะผมจะเป็นน้องหมาพันธุ์ทิเบตันมาสทิฟฟ์เท่านั้น นอกจากจะกล้าหาญและแข็งแกร่ง ยังราคาแพงที่สุดในโลกด้วย
“มองอะไรหมา”
“ใครหมา! ถึงผมจะเป็นแค่นักศึกษาแต่คุณช่วยทักทายอย่างสุภาพด้วยนะครับ”
“นี่ไง..”
“หมาจริงๆ มึง” ไอ้กะเพราสะกิดไหล่ผมยิกๆ ให้หันไปมองทางด้านหลัง ก็พบว่าน้องผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังยืนอุ้มน้องหมาพันธุ์ชิวาวาพร้อมฉีกรอยยิ้มกว้างส่งให้จนเห็นฟันขาวครบสามสิบสองซี่
แม่งเอ๊ย กูหน้าแตกละเอียดแบบหมอไม่รับเย็บ! แต่ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจว่ารอนด้าตั้งใจกวนประสาทผมแน่นอน เพราะตอนพูดสายตาเจ้าเล่ห์ไม่ได้มองหมาแต่มองหน้าผมยังไงล่ะ
“แต่คุณก็หมา”
“…”
“หมามุ่ย..แสบๆ คันๆ ดี”
หายใจเข้าพุทธโธ หายใจออกธัมโม ถ้าไม่ติดว่าไอ้คนที่โน้มตัวมาพูดจายียวนพลางหัวเราะในลำคอราวกับนึกขบขันเป็นวิทยากรของงานสัมมนา ผมคงกระโดดกัดหูมันให้ขาดสะบั้นบัดเดี๋ยวนี้ เจ็บใจฉิบหายเลยโว๊ยยยยยยยยย!
“มึง”
“อะไร”
“นี่ใช่คุณอชิรวิชญ์มั้ยวะ” ไอ้กะเพราถาม ขณะมันกำลังมองตามหลังรอนด้าที่เดินเข้าไปในงานแทบไม่กะพริบตา
“เออ”
“โห โคตรหล่อเลยอะ”
หล่อแต่ขมยิ่งกว่ายาแก้ไอตราเสือดาว กูคอนเฟิร์ม!
ช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอยเริ่มต้นขึ้น โรงหนังของคณะที่จองคิวไว้ล่วงหน้าถึงสองเดือนตอนนี้แน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่มาร่วมงาน แสงไฟสปอตไลต์สาดส่องไปบนเวทีอย่างระยิบระยับ เสียงซาวด์ดนตรีจากลำโพงทั่วทิศดังกระหึ่มพร้อมประธานซึ่งก็คือไอ้เขตต์ เพื่อนร่วมเซกของผมที่เดินออกมาจากหลังเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานสัมมนา ยิ่งใหญ่ตระการตามากเว่อร์
เสร็จสิ้นพิธีขั้นต้นต่อด้วยการแสดงละครเวทีสั้นในธีมเดอะมิวสิคัล เรียกเสียงหัวเราะสร้างความสนุกสนานได้อย่างท่วมท้น ก่อนจะมาถึงจุดไคลแมกซ์ของงานที่หลายคนตั้งตารอคอย
“และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญทุกท่านพบกับเกสท์คนพิเศษที่จะมาร่วมพูดคุยกันในหัวข้อ ‘อยากให้แมส Productions ให้โดน’ เจ้าของโพรดักชันส์ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ คุณอชิรวิชญ์ มอริสสสสส ขอเสียงปรบมือด้วยค้าบ”
ซาวด์เปิดงานว่ายิ่งใหญ่แล้ว ซาวด์เปิดตัววิทยากรแม่งคูณร้อยไปเลยครับ หัวใจผมเต้นแรงจนไม่รู้ว่าตื่นเต้นเพราะเสียงดนตรี หรือเป็นเพราะชายหนุ่มหุ่นล่ำในชุดสูทสีน้ำเงินเข้มที่เพิ่งเดินออกมานั่งอยู่บนเวทีกันแน่
“คุณอชิรวิชญ์มีอะไรจะกล่าวทักทายกับคนที่มาร่วมงานมั้ยครับ”
“ปกติผมไม่ชอบรับงานที่ไม่มีบัดเจ็ทเป็นการตอบแทน อย่างเช่นงานสัมมนาของนักศึกษาอย่างพวกคุณ แต่ที่ผมยอมมาเป็นเกสท์ในวันนี้เพราะใจอ่อนให้กับสายตาอ้อนวอนจากพีอาร์ของงาน”
เชี่ย! พูดบ้าอะไรของเขาวะ ผมไปส่งสายตาขอร้องอ้อนวอนตอนไหนไม่ทราบ รอนด้าแม่งตั้งใจยั่วอารมณ์ผมชัดๆ ยิ่งเห็นนัยน์ตาเจ้าเล่ห์ที่มองมายิ่งอยากควักลูกตามันโยนให้หมาแดก
“ฮ่ะๆ คุณอชิรวิชญ์เป็นคนอารมณ์ขันนะครับเนี่ย งั้นผมว่าเรามาเริ่มทอล์กกันเลยดีกว่าครับ ฮ่ะๆ”
ไอ้จอมพลผู้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรรีบเปลี่ยนเรื่องคุยพลางแสร้งหัวเราะได้ฝืดที่สุดในชีวิต แค่พูดทักทายก็ทำคนทั้งงานหน้าเหวอ สมกับเป็นรอนด้าจริงๆ!
“ผมทราบมาว่ามินอลเฮ้าส์เพิ่งก่อตั้งได้ไม่ถึงสามปี และที่สำคัญคุณอชิรวิญช์เรียนจบทางด้านบริหาร ทำไมจู่ๆ ถึงมาเปิดโพรดักชันส์ผลิตสื่อบันเทิง ได้แรงบันดาลใจมาจากไหนเหรอครับ”
“เงินครับ แค่ผมมีเงิน..ผมจะเปิดกิจการเกี่ยวกับอะไรก็ได้”
หลากหลายท็อปปิกจากพิธีกรถูกถามขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรอนด้าก็ตอบทุกคำถามด้วยความฉะฉานผสมความกวนในแบบของเขา
สมัยตอนคบกัน รอนด้าเคยบอกว่าถ้าเรียนจบเขาต้องดูแลกิจการโรงแรมระดับห้าดาว รวมไปถึงสถานบันเทิงใต้ดินและกาสิโนถูกกฎหมายชื่อดังในเยอรมันที่รับช่วงต่อจากพ่อ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวเลือกเรียนบริหาร
แต่สิ่งที่ทำผมแปลกใจคือรอนด้าก่อตั้งโพรดักชันส์รับผลิตสื่อบันเทิงในไทย ทั้งที่เขาเคยบอกว่าไม่ชอบงานสายนี้ แล้วคนอย่างรอนด้าต่อให้มีเงินมากมายขนาดไหน ถ้าหากอะไรที่ไม่ชอบจริงๆ เขาไม่มีทางลงทุนไปกับสิ่งนั้นแน่นอน
เป็นผมก็ว่าไปอย่าง ถ้ามีเงินเพียงพอคงเปิดบริษัทผลิตสื่อบันเทิงตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แต่ทุกวันนี้ยังรับจ็อบเสริมตัดต่อคลิปวิดีโอให้ยูทูบเบอร์เพื่อเอาเงินมาผ่อนคอนโดอยู่เลย ชีวิต..
“คุณอชิรวิชญ์มีเทคนิคการทำงานอย่างไร พอจะช่วยแชร์ให้พวกเราฟังได้มั้ยครับ เพราะผลงานของมินอลเฮ้าส์ถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในสายงานนี้มากเลยครับ”
“ผมขอตัดเรื่องการทำงานออกไปนะครับ เพราะผมแทบไม่ได้ไปแอสโซซิเอทตอนลูกน้องทำงาน ผลงานที่พวกคุณเห็นก็มาจากฝีมือของลูกน้องผมทั้งนั้น..ผมไม่ได้เป็นคนผลิตสื่อ ผมแค่ใช้เงินซื้อความตั้งใจของลูกน้องทุกคน”
“ใช้เงินซื้อความตั้งใจ แบบไหนเหรอครับ”
“โลกนี้มันขับเคลื่อนด้วยเงิน คนทำงานเขาจะเหนื่อยไปทำไมถ้าไม่อยากได้เงินเป็นการตอบแทน คุณว่าถูกมั้ยครับ”
“ครับ”
“นั่นแหละครับ ผมแค่จ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องมากกว่าเงินเดือนขั้นต่ำประมาณสามเท่า แค่นี้ลูกน้องผมก็มีแพสชั่นในการทำงาน สุดท้ายแล้วคนที่มีกำลังใจในการทำงาน ย่อมผลิตผลงานดีๆ ออกมาเพราะมันเกิดจากความตั้งใจจริงไม่ได้ฝืนทำเพียงเพราะมันเป็นหน้าที่”
“โห คุณอชิรวิญช์ใจป้ำมากเลยครับ”
“ผมไม่ได้ใจป้ำ ผมแค่ไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว ผมได้กำไรมหาศาลจากการใช้แรงลูกน้องผลิตผลงานให้ ผมได้หน้าจากทุกคนแค่เพราะเป็นเจ้าของบริษัททั้งที่ไม่ได้ลงแรงทำงาน เนี่ย..แค่ผมมานั่งพูดหล่อๆ บนเวทีทุกคนก็พร้อมจะปรบมือให้ผม แล้วลูกน้องผมได้อะไรครับ”
“…”
“ผมเชื่อว่าการแบ่งปัน มันคุ้มกว่าการกดขี่ลูกน้องเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว คำว่าเงินซื้อความสุขไม่ได้ผมคิดว่ามันไม่จริง สุดท้ายนี้..ผมขอให้นักศึกษาทุกคนได้เจอบอสดีๆ แบบผมนะครับ”
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงหนัง แม้ประโยคสุดท้ายจากวิทยากรจะน่าหมั่นไส้มากแค่ไหนแต่ก็อดชื่นชมไม่ได้
รอนด้าเป็นคนเก่งผมรู้ดี หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งตอนได้ฟังทัศนคติด้านการทำงานของเขา อีกมุมหนึ่งในตัวผู้ชายคนนี้ที่ทำให้ผมตกหลุมรักมาตลอด ผมแพ้คนเก่ง..
งานสัมมนาสำเร็จและลุล่วงไปด้วยดี ผู้คนที่มาร่วมงานทยอยออกจากโรงหนังจนหมด เหลือเพียงสตาฟอย่างพวกผมที่กำลังช่วยกันเก็บสถานที่ให้เรียบร้อยดังเดิม
“ทฤนห์”
“ครับอาจารย์” ผมหันไปขานรับอาจารย์ถนอมขวัญ อาจารย์ที่ปรึกษาประจำเซกที่ผมเรียนอยู่
“เห็นเธอเคยมาปรึกษาอาจารย์ว่าอยากสหกิจที่มินอลเฮ้าส์”
“ใช่ครับ แต่ตอนนี้ไม่..”
“วันนี้อาจารย์มีโอกาสคุยกับคุณอชิรวิชญ์ เห็นว่าเธอมีความตั้งใจจริงที่อยากจะฝึกงานที่นั่นเลยพูดฝากฝังให้”
“โหอาจารย์ ไม่เห็น..”
“คุณอชิรวิชญ์เขาตอบตกลงกับอาจารย์มาแล้ว แต่เธอต้องลองไปยื่นเรซูเม่เพื่อให้เขาพิจารณาดูอีกทีตามขั้นตอน ส่วนนี่นามบัตรของคุณอชิรวิชญ์ เขาบอกอาจารย์ว่าถ้าเธอสะดวกส่งเอกสารเมื่อไหร่ให้โทรติดต่อเขาไปได้ทันที”
รับนามบัตรสีดำที่อาจารย์ถนอมขวัญยัดใส่มือให้มาแบบมึนงง เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว อาจารย์เล่นพูดเสนอชื่อผมไปแบบนั้น รอนด้าก็รู้หมดว่าผมอยากฝึกงานที่บริษัทเขา
ผมอยากฝึกงานที่มินอลเฮ้าส์ก็จริง แต่นั่นมันเมื่อก่อน! อาจารย์ไม่อัปเดตข้อมูลเลย ชีวิต..
ป่านนี้คุณอชิรวิชญ์พ่อคนดีของทุกคนคงกำลังหัวเราะเยาะผมด้วยความสะใจ มิหนำซ้ำเจ้าตัวยังรับคำฝากฝังจากอาจารย์ด้วยการบอกให้ผมโทรหา เหอะ! รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจนอยากด่า อาจารย์จะไปทันคนเจ้าเล่ห์อย่างรอนด้าทันได้ยังไง
ครั้งก่อนตั้งใจจูบผมในห้องทำงาน ผมยังไม่ได้ชำระคดีเลย!
“ไอ้กะเพรา”
“ว่า”
“เมื่อกี้มึงไปส่งคุณอชิรวิชญ์ที่ไหน”
“โรงจอดรถไง ก็มึงบอกให้กูไปส่งเขาแทนมึง”
“หน้าคณะใช่ป่ะ”
“ใช่ เอ้า..มึงจะไปไหน” ผมไม่ได้ตอบคำถามไอ้กะเพรา เพราะรีบวิ่งออกมาจากโรงหนังแล้วตรงดิ่งไปยังลานจอดรถหน้าคณะด้วยความรวดเร็ว
ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ ร่างสูงโปร่งในชุดสูทกำลังยืนพิงรถแอสตันมาร์ตินคันหรูราวกับกำลังรอใครสักคน ผมรีบเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ารอนด้าทันที
“มาเร็วกว่าที่คิด”
“เอานามบัตรของคุณคืนไป” ผมยื่นนามบัตรที่รับมาจากอาจารย์ถนอมขวัญส่งคืนให้เจ้าของมัน นอกจากรอนด้าจะไม่รับยังมองผมด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“คืนทำไมล่ะครับ คุณครินต์อยากฝึกงานที่บริษัทผมไม่ใช่เหรอ”
“คุณอย่ามากวนประสาท”
“อาจารย์ของคุณมาเรคอมเมนด์กับผมเอง”
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ผมไม่อยากฝึกงานกับบริษัทคุณแล้ว”
“น่าเสียดาย อาจารย์คงรักและเอ็นดูคุณเลยมาพูดฝากให้ แต่ลูกศิษย์กลับทำอาจารย์ขายหน้าซะงั้น”
“นี่คุณ!”
“คิดดูดีๆ ครินต์ ถ้าคุณลดอีโก้ลงมาสักนิด คุณคงรู้ว่าการฝึกงานที่บริษัทผมมันจะช่วยเปิดโอกาสให้คุณก้าวหน้าในอนาคต คนฉลาดอย่างคุณคงไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวตัดสินใจมากกว่าสมองหรอกมั้ง”
ต่อให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะลืมผม แต่น่าแปลก..รอนด้ายังรู้จักนิสัยและตัวตนของผมดีเหมือนเดิม
ผมยืนเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ผมต้องส่งเรซูเม่ให้คุณพิจารณาอีกทีใช่มั้ย”
“เยส”
“ผมสะดวกสัปดาห์หน้า เดี๋ยวจะเข้าไปยื่นเอกสารทิ้งไว้ที่บริษัทของคุณ”
“ไม่ได้ คุณต้องเอาเรซูเม่มาให้ผมที่เซฟเฮ้าส์”
“เซฟเฮ้าส์อะไร” รอนด้าไม่ตอบแต่ยื่นนามบัตรอีกใบส่งให้ผม
“KINDA”
“ชื่อและที่อยู่เซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของผม ถ้าคุณอยากฝึกงาน ต้องเอาเรซูเม่มาให้ผมที่นี่เท่านั้น”
twitter #นอกจากชื่อผม
Minol.ta talk
ได้กลิ่นทะแม่งๆ เหมือนน้องครินต์กำลังจะถูกล่อล่วง แต่ chapter นี้ต้องยกให้คุณรอนด้าเขานะคะ พ่อหนุ่ม Smart Handsome หรือเปล่า..
Comments (0)