1 ตอน He lived next door
โดย Minol.ta
ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้สึกโกรธ หงุดหงิด รำคาญ หรืออยากหนีจากเสียงที่ลอยเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อน ส่วนผมก็เคยเหมือนกันครับ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังรู้สึกอย่างที่สาธยายมาทั้งหมด
กูทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยย!!!
ตึ้ง! ตึ้ง! ตึ้ง!
[ฮัลโห..]
"ไอ้เหี้ย! ไอ้ข้อศอกแมว ไอ้เล็บขบไส้เดือน ไอ้.. ไอ้กิ้งก่าตัดต่อพันธุกรรม บ้านมึงไม่เคร่งเรื่องมารยาทหรือไง นี่เหรอวะสเปิร์มตัวเดียวที่รอดมาได้ ช่วยทำตัวให้สมกับที่แม่มึงเบ่งออกมาหน่อยโว้ยยยยยย!!!"
[ไม่ได้เบ่งเลยมึง แม่กูผ่าคลอด..]
"กะเพรา!"
[ฮ่าๆๆ โล่งยังอะ]
"โล่งละ"
[ไฟลุกหัวขนาดนี้ ไอ้คนข้างห้องอีกอะดิ]
"เออดิ กูคอมเพลนกับนิติไปตั้งหลายรอบ แม่งเงียบไปได้สองวันมันเอาอีกแล้ว"
[ขายคอนโดทิ้งเลย]
"โน! ทำไมกูต้องแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ไอ้คนต้นเหตุดิต้องรับผิดชอบ มารยาทในการอยู่ร่วมกับคนอื่นเท่ากับศูนย์ อีกอย่างกูเพิ่งผ่อนคอนโดได้แค่ 2 งวด มึงจะให้กูขายแล้วเนี่ยนะ จิตใจมึงทำด้วยอะไรกะเพราาาา"
[แล้วจิตใจมึงทำด้วยอะไร ไอ้เหี้ย..โมโหมันแต่โทรมาด่ากูแทบทุกครั้ง กูรับบทเป็นชักโครกตลอด]
"กูไม่ได้ด่ามึงนะ แค่อยากระบายความอัดอั้นตันใจ"
[แต่ไม่กล้าไปด่ามันตรงๆ]
"อือ มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบมีปัญหากับคนอื่น"
[กูเข้าใจ แต่ถ้ามึงไม่ไปเคลียร์กับมันด้วยตัวเอง คนที่ประสาทแดกจะเป็นมึง]
กดวางสายจากเพื่อนสนิทอย่างคิดไม่ตก ถอนหายใจระรัวราวกับคนแบกโลกไว้ทั้งใบ โดยมีสาเหตุมาจากคนข้างห้องผมเองครับ ไม่รู้ว่าตอนกลางคืนมันกระหายทำกิจกรรมอะไรนักหนา เสียงดังโครมครามจนทะลุมายังห้องผม ให้เดาก็คงไม่พ้นเรื่องสิบแปดบวก เพราะเสียงที่กระทบผนังห้องคือเสียงหัวเตียงแน่นอน ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์!
อย่าเพิ่งงงว่าคนใจกากแต่ปากเก่งแบบผมมันเป็นใคร ผมชื่อ "ครินต์" เรียกแบบเต็มยศก็คือ "ครินต์ ทฤนห์ ไทวกฤต" เป็นนักศึกษาปี 4 ที่กำลังใกล้ตายอยู่รอมร่อ เพราะร่างกายได้ถวายให้กับการทำธีสิสอันหฤโหดอย่างหนักหน่วง ทั้งที่ความจริงผมควรได้ฉลองครบรอบวัย 24 ปี ของตัวเองด้วยการนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์แล้วเป็นผู้ควบคุมทีมงานทุกคนในกองถ่ายภาพยนตร์
ใช่ครับ ความฝันอันสูงสุดในชีวิตคือการได้เป็นผู้กำกับชื่อดังของวงการบันเทิง
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน กูจะหลุดพ้นจากปริญญานิพนธ์อันเส็งเคร็งนี้ไปได้อย่างไร ส่งให้อาจารย์ที่ปรึกษาตรวจกี่ครั้งก็โดนแก้ยับตลอด อย่าแปลกใจว่าทำไมผมถึงยังเรียนไม่จบ ทั้งที่อายุเกินเกณฑ์การศึกษาระดับปริญญาตรี ผมไม่ได้เป็นเด็กเกเรนะครับ การันตรีด้วยว่าที่บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับสองวงเล็บถ้าธีสิสผ่าน
แต่เป็นเพราะช่วงชีวิตหลังจากเรียนจบระดับมัธยมปลายที่ประเทศเยอรมัน ความทะเยอทะยานมันเข้าครอบงำจนทำให้ผมตัดสินใจหยุดเรียนไป 2 ปี อยากลองหาประสบการณ์ทำงานด้วยการตระเวนยื่นใบสมัครตามโพรดักชันส์เฮ้าส์หรือองค์กรผลิตภาพยนตร์ต่างๆ ทว่าไม่มีบริษัทไหนรับเด็กวุฒิ ม.6 อย่างผมเข้าทำงานแม้แต่ที่เดียว
ความเหลื่อมล้ำในสังคมช่างน่าหงุดหงิด สุดท้ายผมก็ถูกครอบครัวไซโคให้เรียนมหา'ลัยเพื่อจะได้นำใบปริญญาไปใช้ในการเบิกทางชีวิต พ่วงด้วยการมีสังคม เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง อาจารย์ สายสัมพันธ์ที่จะชักนำเราไปสู่สิ่งที่คาดหวัง ตอนฟังพ่อพูดเกลี้ยกล่อมผมมองว่ามันโคตรไร้ความน่าภูมิใจในตัวเอง เกิดมาทั้งทีทำไมเราถึงจะประสบความสำเร็จด้วยตัวเองไม่ได้
แต่ก็นั่นแหละครับ.. มันเป็นสิ่งที่ผมต้องก้มหน้ายอมรับในโลกที่คอนเนกชันเป็นใหญ่
รู้สึกว่าตัวเองขี้บ่นเว่อร์
หลังจากโทรปรึกษาหารือกับ "กะเพรา" เพื่อนผู้หญิงร่วมเซกที่รู้จักตั้งแต่ตอนเรียนปี 1 และมันเป็นเพื่อนมหา'ลัยเพียงคนเดียวที่ผมสนิทด้วย กะเพรามันบอกให้ผมไปขอเจรจากับคนข้างห้องด้วยวิธีสันติ ปกติผมไม่ชอบความวุ่นวาย คุณสมบัติในการทำความรู้จักกับคนอื่นแทบติดลบ แต่สถานการณ์ที่กำลังเผชิญมันทำให้ผมไม่มีทางเลือก เนื่องจากทำมาหมดทุกหนทางแล้ว ทั้งแจ้งนิติ ติดโพสอิทเตือนหน้าประตู ว่ากล่าวในไลน์กลุ่มคอนโด ทว่ามนุษย์ข้างห้องมันก็ยังไม่มีจิตสำนึก
ครินต์คนนี้จะกำราบมันเอง! รีบเปิดแมคบุ๊กแล้วท่องโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
“มีเซ็กซ์อย่างไร เพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนข้างห้อง”
“อย่าปล่อยให้ความสุขบนเตียงนอน ต้องอยู่บนความเดือดร้อนของคนอื่น!”
สารพัดฮาวทูลดเสียงไม่พึงประสงค์จากกิจกรรม 18+ ที่ผมค้นหาจากเว็บไซต์และกำลังนั่งจดประหนึ่งเขียนเรียงความ อย่าคิดว่าผมจะเดินแจ้นไปเคาะประตูห้องมันแบบโต้งๆ ข้อมูลในสมองต้องพร้อมเท่านั้น! ผมจะใช้วิธีสันติอย่างที่กะเพราแนะนำด้วยการเขียนสิ่งที่มันควรปฏิบัติตอนมีเซ็กซ์ เพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนข้างห้องอย่างผม
ช่างเป็นการเจรจาที่ละมุนละม่อมแถมยังได้แอบสั่งสอนมันด้วย นึกแล้วก็น่าสะใจชะมัด ความคิดผมโคตรเจ๋ง จดข้อมูลเสร็จเรียบร้อยก็พร้อมพุ่งชนไปเลยสิครับ
ก๊อกๆๆ
ผ่านไปเกือบ 5 นาที ผมทำได้เพียงยืนกลอกตามองบนอย่างเหม็นเบื่อ ไม่มีวี่แววว่าบุคคลในห้องจะเปิดประตูออกมาต้อนรับ หลังจากเคาะเรียกไปถึงสามครั้งถ้วน แต่ผมยังไม่ยอมถอดใจ แผ่นกระดาษในมือที่อุตส่าห์เขียนมาต้องเกิดประโยชน์ สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วยกแขนเตรียมเคาะประตูห้องอีกครั้ง
แอ๊ดดด
"มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ" มือผมค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เมื่อคนในห้องเปิดประตูออกมาพร้อมเอ่ยทักทายเสียงใส
คนที่ทำให้ผมโกรธ หงุดหงิด รำคาญ เขาเป็นผู้ชาย..
ชายหนุ่มรูปร่างเรียวเล็ก สูงราวๆ 168 ซม. ตามความคาดเดา ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากชมพูอวบอิ่ม เรียกว่าน่ารักน่าเอ็นดูเลยทีเดียว มองยังไงก็ไม่อยากเชื่อว่าเป็นคนเดียวกับคนที่ทำให้ผมรู้สึกรำคาญใจแทบทุกวี่ทุกวัน
"ขอโทษนะครับ คุณเป็นเจ้าของห้องนี้หรือเปล่า"
"ใช่ครับ" เอาล่ะ ต่อให้หน้าตาน่ารักแต่ไร้จิตสำนึกกับเพื่อนร่วมคอนโด ผมก็จะไม่ปรานีอีกต่อไป!
"คือว่าคุณช่วย.."
"ใครมาเกรท ผมอยากสนุกต่อแล้ว"
เหมือนโลกหยุดหมุนอย่างฉับพลัน ทุกอย่างกำลังเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ คำพูดที่เตรียมพ่นสั่งสอนเพื่อนข้างห้องหลุบหายเข้าไปในลำคออย่างอัตโนมัติ แผ่นกระดาษที่นั่งจดข้อมูลร่วมชั่วโมงปลิวว่อนตกลงพื้นราวกับคนถือไร้เรี่ยวแรง
ผมกำลังตกใจ..ตกใจจนไม่สามารถระงับอาการใจสั่นขั้นรุนแรงได้
เมื่อมองเห็นใบหน้าบุคคลที่เพิ่งเดินออกมาจากภายในห้อง ก่อนเจ้าตัวจะโน้มแขนแกร่งเข้าไปคล้องรอบคอชายหนุ่มตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างกันด้วยท่าทางสนิทสนม นัยน์ตาคมตวัดมองราวกับสงสัยว่าผมเป็นใคร
แต่น่าแปลก..ที่ผมรู้จักเขาเป็นอย่างดี
ใบหน้าหล่อคมสไตล์หนุ่มตะวันตกที่ผมคุ้นเคย นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลแตกต่างจากคนเอเชียทั่วไปเพราะเขาเป็นลูกครึ่ง ไทย-เยอรมัน ความสูง 185 ซม. ที่ทำให้ผมต้องเงยหน้าคุยทุกครั้งเวลาอยู่ด้วยกัน เส้นผมสีน้ำตาลยาวประบ่าที่ผมเคยบอกให้ตัดสั้นแต่เจ้าตัวไม่เคยยอมตัด
ภาพความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาจนเผลอเรียกคนตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว
"รอน.."
"ผมชื่อรอนด้า" เจ้าของชื่อจ้องตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ แต่ผมเข้าใจเป็นอย่างดี
รอนด้าไม่เคยให้คนอื่นเรียกเขาว่า "รอน" นอกจากผม..
"คุณเป็นใคร" น้ำเสียงห่างเหินดังแทรกเข้ามาในความรู้สึก
ราวกับหัวใจถูกค้อนทุบซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในความทรงจำของรอนด้าคงไม่มีภาพผมอยู่ในนั้นเลยสักนิด
"รู้จักผมด้วยหรือไง" รอนด้าถามขึ้นอีกครั้ง ผมจึงรีบสลัดความฟุ้งซ่านทุกอย่าง แล้วพูดตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ไม่รู้จัก คุณแค่หน้าเหมือนเพื่อนผม"
"สรุปคุณมีธุระอะไรเหรอครับ ถึงมาเคาะห้องผม" ผู้ชายตัวเล็กที่ยืนอยู่ในวงแขนกว้างของรอนด้าถามขึ้น ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด คงรำคาญที่ผมมาเคาะห้องรบกวนเวลาดึกดื่น
แต่รู้ไว้ด้วยว่าพวกมึงน่ารำคาญมากกว่ากูหลายพันเท่า!
"อ่านแล้วช่วยกันปฏิบัติตามด้วยนะครับ เสียงดังรบกวนคนอื่น..มันน่ารำคาญ!"
ผมก้มเก็บแผ่นกระดาษที่ร่วงตกพื้นขึ้นมายัดใส่มือรอนด้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วรีบเดินกลับห้องตัวเองด้วยความรวดเร็ว
รอนด้า..
ความรักครั้งแรกที่สอนให้ผมรู้จักคำว่าเจ็บ
ความรักที่สอนให้ผมล้างความทรงจำด้วยน้ำตา
ความรักที่สอนให้ผมรู้ว่า..แฟนเก่าเส็งเคร็งมันมีอยู่จริง!
Twitter #นอกจากชื่อผม
Comments (0)