เมื่อกลับมาจากมินอลเฮ้าส์และถึงคอนโด ผมรีบตรงดิ่งไปหยิบซองจดหมายในลิ้นชักโต๊ะทำงานด้วยความรวดเร็ว ซองสีดำที่มีแผ่นกระดาษเขียนบอกความในใจประมาณ 2-3 บรรทัด พร้อมระบุชื่อผู้เขียนไว้อย่างชัดเจน

“Nicasio Worrachodpakorn” ชื่อจริงและนามสกุลของแฟนเก่าผมเองครับ ตอนคบกันรอนด้าเคยบอกผมว่าเขาใช้นามสกุลแม่มาตั้งแต่เกิด ทว่าปัจจุบันเวลาผ่านมาเกือบสิบปีทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ

“อชิรวิญช์ มอริส” คว้าโทรศัพท์มือถือมาเปิดอ่านชื่อเจ้าของมินอลเฮ้าส์อีกครั้ง ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกวูบโหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก รอนด้าคนเดิมที่ผมเคยรู้จักได้หายไปจากโลกนี้แล้ว เขาเปลี่ยนทั้งชื่อจริงและนามสกุลโดยที่ผมไม่รู้มาก่อน

โชคชะตาก็เล่นตลกกับผมฉิบหาย บุคลากรเก่งๆ ในสายงานสื่อสารมวลชนมีตั้งมากมาย แต่เพื่อนในเซกดันลงความเห็นอย่างพร้อมเพรียงว่าต้องการคุณอชิรวิชญ์ซึ่งก็คือรอนด้า แฟนเก่าที่แม้แต่ชื่อผมเขายังจำไม่ได้ด้วยซ้ำ

และที่น่าตลกมากไปกว่านั้นคือลึกๆ ในใจผมไม่เคยโกรธรอนด้าได้เลยสักครั้ง ผมรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะลืมเรื่องราวระหว่างเราสองคน หากจะมีใครสักคนที่ผมรู้สึกโกรธก็คงเป็นตัวเอง

โกรธตัวเองที่ยังรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อรู้ว่ารอนด้ายังจำผมไม่ได้ โกรธตัวเองที่ยังจมปรักกับอดีต โกรธที่ยังไม่เคยลืมรักครั้งแรก ทั้งที่อีกฝ่ายใช้ชีวิตแบบเดินไปข้างหน้าโดยไม่มีภาพผมในความทรงจำของเขาแม้แต่นิดเดียว

แต่ถ้าถามว่าผมอยากลืมเขาไหม..

 

"หรือจะให้ผมหลงคุณดีครับ คุณครินต์คนสวย"

 

น้ำเสียงแพรวพราวที่เคยคุ้นหูยังทำให้ผมใจสั่นได้เสมอ ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากที่เพิ่งถูกรอนด้าจูบยังรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งใบหน้า สัมผัสจากคนที่ผมกล้าพูดกับตัวเองได้อย่างเต็มปากว่ายังรักเขา

คำตอบคือผมไม่เคยคิดที่จะอยากลืมรอนด้าเลยครับ ไม่เคยเลยสักครั้ง..

เพราะมันไม่มีความจำเป็นที่ผมต้องลืมเขา ในเมื่อความทรงจำของผมที่มีรอนด้าอยู่ในนั้น เราสองคนโคตรมีความสุข

ทุกครั้งที่หลับตา..ผมก็ยังคิดถึงเขาเสมอ

 

เมื่อ 9 ปีก่อน

ณ ประเทศเยอรมัน

“ขอให้เจอเมทน่ารักด้วยเถอะ สาธุ” ผมยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตรงหน้าประตูห้อง ใครผ่านมาเห็นก็คงรู้แน่นอนว่าไอ้เด็กนี่มันต้องเป็นคนไทย!

บินข้ามฟ้าข้ามทะเลมาจากประเทศบ้านเกิด ออดอ้อนขอเงินจากพ่อแม่เพื่อมาเรียนระดับมัธยมปลายที่ประเทศเยอรมัน พากเพียรเรียนภาษาอังกฤษหลายปีเพราะอยากมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตในโลกกว้าง ในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ

ต้องขอบคุณครอบครัวที่ซับพอร์ตผมอย่างเต็มกำลัง

แหงนมองป้ายตรงประตูที่มีเลขห้องกำกับไว้ด้วยความตื่นเต้น สถานที่ที่ผมยืนอยู่เป็นอะพาร์ตเมนต์ใกล้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา Gymnasium ในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ผมตั้งใจไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะสอบรับใบประกาศนียบัตร Abitur ระดับ ม.6 ให้ได้

แล้วที่ผมพูดถึงรูมเมทเพราะอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้เป็นระบบ WG ซึ่งเป็นการแชร์ห้องพักร่วมกับนักเรียนคนอื่น โดยภายในจะมีห้องนอนส่วนตัวแยกของใครของมันแต่แชร์ห้องส่วนกลางด้วยกัน ค่าเช่าเดือนหนึ่งอยู่ที่ 350 ยูโร หรือประมาณหนึ่งหมื่นสองพันกว่าบาท ที่นี่ค่อนข้างแพงแต่ผมเช็กมาแล้วว่าระบบรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวดีเลิศ

ผมกดออดหน้าประตูห้องเพื่อส่งสัญญาณเรียกบุคคลภายใน พนักงานดูแลอะพาร์ตเมนต์แจ้งไว้ล่วงหน้าว่าห้องที่ผมจะมาอยู่มีคนเช่าอยู่ก่อนแล้ว เพียงแค่ห้องนี้ยังไม่มีสมาชิกใหม่มาร่วมแชร์

แอ๊ดดด

ประตูห้องถูกเปิดพร้อมเผยให้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งไว้ผมยาวประบ่ากำลังยืนอ้าปากหวอมองผมราวกับคนตกตะลึง

หน้ากูมีอะไรติดอยู่หรือเปล่าวะ?

“Hello, I’ m Khrin”

“…” ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก

“I’ ve just moved to this apartment”

“…” ฝรั่งหน้าหล่อนัยน์ตาสีฟ้ายังคงยืนจ้องผมแทบไม่กะพริบตา บอกตามตรงว่าผมเริ่มทำตัวไม่ถูกแล้ว ช่วยตอบอะไรกลับมาสักนิด!

“Nice to meet you”

“มีแฟนหรือยัง” ดะ เดี๋ยวก่อนนะ!!!

คราวนี้กลายเป็นผมที่ยืนหน้าเหวอเบิกตาโตเพราะอึ้งแดกอย่างกะทันหันถึงสองเรื่อง เรื่องแรกคือหมอนี่ทักทายผมด้วยการถามสถานภาพ และเรื่องที่สองคือเขาพูดภาษาไทยได้

“นายเป็นคนไทยเหรอ!?”

“แม่เป็น” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้อง ผมจึงรีบลากกระเป๋าเดินตามเขาไปทันที

“แสดงว่านายเป็นลูกครึ่ง?”

“อือ” เขาขานตอบพลางนั่งลงบนโซฟาตัวยาวกลางห้อง ผมมองหน้ารูมเมทตัวเองด้วยความตื่นเต้น ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เจอเพื่อนร่วมห้องที่พูดภาษาเดียวกัน

“มองหน้าทำไม อยากเป็นเมียกูไง” เชี่ย..

เป็นโชคดีของผมจริงๆ ใช่ไหมที่ได้ไอ้หมอนี่เป็นรูมเมท ทำไมนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลที่มองมาผมสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล

“เมียอะไรล่ะ เราเพิ่งเคยเจอกันนะ!”

“รู้จักวันแรกก็เป็นเมียได้ อยากลองป่ะล่ะ” ผมรีบเดินถอยกรูดด้วยความหวาดระแวง ซึ่งไอ้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็หัวเราะดังลั่น

“หัวเราะทำไม เราเริ่มกลัวนายแล้วนะ!” ผมพูดพลางถลึงตาใส่คนตรงหน้า

“พูดเพราะซะด้วย”

“ก็เราเพิ่งรู้จักกัน”

“ชิลๆ น่า”

“…”

“อายุเท่าไหร่”

“16”

“กู 17” เขาเป็นรุ่นพี่ผมหนึ่งปี

“พี่ชื่ออะไร” แม้หมอนี่จะน่ากลัวแต่ผมจำเป็นต้องผูกมิตรไว้ เพราะยังไงเขาก็เป็นรูมเมทที่ต้องแชร์ห้องร่วมกันไปอีกนาน

“รอนด้า”

“ชื่อเท่อะ”

“อยากได้เป็นแฟนป่ะ”

“เอาอีกแล้วนะ!”

“ฮ่าๆๆ” ดูจากท่าทางทะเล้นผมว่ารอนด้าคงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เขาแค่อาจเป็นคนขี้แกล้งชอบพูดแหย่คนอื่นเล่น มั้งนะ..

“ทำไมพี่ถึงพูดภาษาไทยกับผม รู้ได้ไงว่าผมเป็นคนไทย” ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาข้างคนตัวสูงพร้อมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“พระที่คอ”

“ห๊ะ?”

“สร้อยพระที่คอมึงเหมือนของแม่กู มีแต่คนไทยป่ะที่ใส่สร้อยพระ”

“โห สังเกตเก่งอะ”

“มึงชอบคนเก่งเหรอ”

“ถามแปลก ใครๆ ก็ชอบคนเก่งป่ะ”

“กูเก่ง”

“อะไร”

“บอกเฉยๆ เผื่อมึงจะชอบกู”

“พรีเซนต์ตัวเองเว่อร์ ทำไมพี่ดูเจ้าชู้จังวะ”

“ลองคบกูดิ จะได้รู้ว่าเจ้าชู้หรือเปล่า”

“พี่แม่ง เราเพิ่งรู้จักกันนะเว้ย”

“เป็นรูมเมทมันน่าเบื่อ..”

“ดะ เดี๋ยว พี่จะขยับเข้ามาทำไม!?” ผมพูดเสียงตะกุกตะกักด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ คนตัวสูงเขยิบเข้ามาใกล้จนผมกระเถิบก้นถอยหลังชนกับพนักพิงโซฟา

ใบหน้าหล่อคมคายค่อยๆ โน้มเข้ามาจนผมต้องรีบหลับตาปี๋ ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะกระซิบข้างหูผม

“เป็นอย่างอื่นสนุกกว่าเชื่อดิ”

ให้ตายเหอะพระเจ้า! ปกติผมไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกหรือใสซื่อจนไม่รู้เรื่องราว ทว่าตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอใครรุกหนักขนาดนี้มาก่อน แล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อกี้หัวใจผมเต้นแรงมาก กลิ่นน้ำหอมผู้ชายอ่อนๆ จากตัวรอนด้า น้ำเสียงแพรวพราวที่กระซิบข้างหูผม นัยน์ตาคมที่จ้องมองมาอย่างเจ้าเล่ห์ ผู้ชายคนนี้เซ็กซ์แอพพีลสูงมาก

ท่องเอาไว้ไอ้ครินต์ มึงมาเรียน มึงมาเรียน มึงมาเรียนนนนนนนนนน

ห้ามหลงคารมรูมเมทเด็ดขาด!!!

 

จากวันแรกที่ผมมาอยู่เยอรมันจวบจนปัจจุบันผ่านมาเกือบสองเดือน นอกจากการได้รู้จักเพื่อนใหม่ต่างสัญชาติ สังคมใหม่ การเรียนรู้ที่เปิดกว้างให้อิสระทางความคิด อีกสิ่งหนึ่งที่ได้รู้คือรูมเมทของผมนิสัยดีกว่าที่คิดไว้มาก

ครั้งแรกที่เจอรอนด้าผมฟันธงในใจว่าเขาต้องเป็นผู้ชายเจ้าชู้แน่นอน ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกที่เขาแสดงออกทั้งคำพูดและกิริยาท่าทาง ทว่าพอได้อยู่ใกล้ชิดกันแทบทุกวันทำให้ผมรู้ว่าเฟิร์สอิมเพรสชั่นในครั้งแรกเป็นเพียงนิสัยขี้เล่นอีกมุมหนึ่งที่เขาแสดงออกต่อคนที่ประทับใจเท่านั้น

รอนด้าบอกว่าเขารู้สึกถูกชะตาและประทับใจผมตั้งแต่แรกเจอ

ฟังดูตลกแต่มันคือนิสัยของเขาจริงๆ ครับ รอนด้าเป็นมนุษย์ที่ชอบแกล้งคนอื่นมาก กวนประสาทแบบสุดโต่งจนถูกผมด่าอยู่หลายครั้ง แต่ในทางกลับกันเขามักเป็นคนที่สร้างสีสันและเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างได้เสมอ รอนด้าเคยบอกผมว่าการแกล้งคนอื่นคือความสุขที่หาที่ไหนไม่ได้

รอนด้าไม่เคยพูดสักครั้งว่ากำลังจีบผม คำพูดทีเล่นทีจริงที่เขาชอบแหย่ผมไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ แต่การกระทำที่เจ้าตัวแสดงออกต่อผมต่างหากที่ทำให้ใจสั่นอยู่บ่อยครั้ง เห็นท่าท่างดูไม่เอาไหนแต่รอนด้าเป็นที่ปรึกษาได้ดีมากครับ

เขาคอยดูแลแนะนำและช่วยเหลือคนต่างถิ่นอย่างผมแทบทุกเรื่อง อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมทึ่งคือรอนด้าไม่เคยล่วงเกินผมเลยสักครั้ง แม้เขาจะชอบพูดจากะล่อนหว่านเสน่ห์เมื่อมีโอกาส แต่สัมผัสที่ผมได้รับจากรอนด้ามากสุดคือจับมือผมข้ามถนนและยีศีรษะผมเวลาเจ้าตัวหมั่นไส้ผมมากๆ

ซึ่งทุกอย่างที่เป็นตัวตนของรอนด้าค่อยๆ ซึมซับเข้ามาในความรู้สึกผม รู้ตัวอีกทีผมก็ตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ไปแล้วครับ

“มองอะไร” คนตัวสูงหันมาถามผมด้วยสีหน้าสงสัย ขณะเราสองคนกำลังนั่งดูหนังด้วยกันอยู่ในห้องส่วนกลาง

“พี่เคยมีแฟนมากี่คนแล้ว”

“ให้ทาย”

“นับไม่ถ้วน”

“ไม่เคยมี”

“ไม่น่าเชื่อ..”

“โกหกแล้วได้อะไร”

“แล้วพี่เคยมีเซ็กซ์กับใครมั้ย”

“เคย ครั้งแรกตอนเรียนเกรด 9” เชี่ย..มีเซ็กซ์ครั้งแรกตั้งแต่ตอนเรียน ม.3

“มีเซ็กซ์แต่ไม่เคยมีแฟนเนี่ยนะ”

“ก็แค่เซ็กซ์ ไม่ได้รักกัน”

“โคตรไวไฟเลย”

“แปลกตรงไหน เด็กอายุ 16 ยังเข้าร้านเหล้าได้แล้ว”

“โห จริงเหรอ”

“อืม ที่นี่ไม่เหมือนประเทศไทยหรอก ผับบางที่เด็กก็เข้าได้แค่เวลาปิดจะเร็วกว่าพวกที่บรรลุนิติภาวะแล้ว”

“โคตรฟรีสไตล์เลยอะ”

“อยากไปป่ะล่ะ”

“ก็น่าสนใจนะ ปกติครินต์ชอบดื่มไวน์กับพ่อที่บ้านเพราะยังเข้าผับไม่ได้”

“ไม่เบา”

“ฮ่าๆ ทำไม..พี่คิดว่าครินต์เรียบร้อยเหรอ”

“ไม่..คิดว่าดื้อมากกว่า” เจ้าตัวพูดพลางยื่นมือมายีศีรษะของผม

“หัวยุ่งหมดแล้วเนี่ย!” แกล้งโวยวายไปอย่างนั้นแหละครับ ความจริงผมรู้สึกชอบทุกครั้งที่ถูกรอนด้าสัมผัสร่างกาย

“มันเขี้ยวว่ะ”

“ชอบครินต์เหรอถึงมันเขี้ยว” คนถูกถามถึงกับนิ่งเงียบไปเมื่อผมพูดจบ แต่ไม่กี่อึดใจใบหน้าหล่อเหลาก็โน้มเข้ามาใกล้ นัยน์ตาคมจ้องมองผมราวกับต้องการจะสื่อความรู้สึกภายในใจ

“แล้วถ้าบอกว่าชอบ..”

“โม้หรือเปล่า พี่ชอบพูดเล่นตลอด”

“ตอนแรกแค่ถูกชะตาเลยแกล้งเล่น”

“แล้วตอนนี้ล่ะ”

“อยากถูกครินต์เรียกว่าแฟน”

หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมาจากอก รอนด้าไม่ได้พูดเล่นเหมือนทุกครั้ง ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลที่มองมาผมสัมผัสได้ว่าเขากำลังรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ

“ตั้งแต่ตอนไหน” ผมเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงแผ่ว

“อะไร”

“พี่ชอบครินต์ตั้งแต่ตอนไหน”

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็อยากรีบกลับห้องเพราะอยากเจอหน้าครินต์” ผมหลุดยิ้มให้กับคำสารภาพของคนตรงหน้าด้วยความดีใจ ซึ่งพักหลังมานี่เจ้าตัวกลับห้องเร็วอย่างที่พูดทุกประการ

ช่วงแรกๆ ที่ผมเป็นรูมเมทกับรอนด้า คนตัวสูงกลับมาห้องตอนกลางคืนเพื่อหลับนอนเท่านั้น ผมเคยสงสัยว่าทำไมเจ้าตัวถึงกลับห้องดึกๆ ดื่นๆ แทบทุกวัน ทั้งที่โรงเรียนเลิกตั้งแต่ 4 โมงเย็น จนกระทั่งรอนด้าบอกว่าเขาชอบไปแข่งรถกับเพื่อน หากแข่งชนะก็เอาเงินเดิมพันไปปาร์ตี้ต่อที่คลับ

ใช้ชีวิตไม่เหมือนเด็กอายุ 17 ปีเลยสักนิด!

“เหมือนกัน”

“เหมือนตรงไหน” รอนด้ารีบถามผมกลับทันที

“รู้ตัวอีกทีครินต์ก็เผลอชอบคนกวนตีนซะงั้น”

“ถามจริง!?” คราวนี้กลายเป็นคนตัวสูงที่เบิกตาโต ผมจึงเอื้อมมือไปกอบกุมแก้มสากทั้งสองข้าง ก่อนจะประทับริมฝีปากจูบรอนด้าด้วยความอ่อนโยน

“เป็นแฟนกับครินต์นะ”

“ไม่ได้ดิ!”

“ทำไม เมื่อกี้พี่ยังบอกว่าชอบครินต์”

“รอนต้องเป็นคนขอครินต์ก่อนดิ”

“แทนตัวเองว่าอะไรนะ?” ผมเลิกคิ้วถามเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าด้วยความแปลกใจ ปกติรอนด้ามักใช้สรรพนามแทนตัวเองกับผมว่า “กู” ที่สำคัญผมไม่เคยได้ยินเขาแทนตัวเองว่า “รอน” และยังไม่เคยมีใครเรียกเขาแบบนี้มาก่อน

“รอน..” คนตัวสูงพูดอ้อมแอ้มประหนึ่งคนเขินอาย ไอ้บ้าเอ๊ย! ผมแพ้รอนด้าโหมดแก้มแดงชะมัด

“น่ารักก็เป็นด้วย”

“ให้แค่ครินต์เรียกว่ารอนคนเดียว”

“จริงหรือเปล่า”

“จริงๆ นอกจากแด๊ดกับแม่ก็มีครินต์คนเดียวที่รอนอยากให้เรียกแบบนี้” ผมเขินจนรู้สึกว่าหน้าตัวเองกำลังร้อนผ่าว

รอนด้าทำให้ผมรู้สึกว่า..ผมกำลังเป็นคนพิเศษสำหรับเขา

“รอน..” ผมเรียกคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง

“หืม”

“ก็พูดมาดิ”

“พูดอะไร”

“อยากขอครินต์เป็นแฟนก่อนไม่ใช่เหรอ รีบๆ พูดเลยอยากมีแฟนแล้วเนี่ย” ใบหน้าหล่อเหลาหัวเราะร่วนเมื่อถูกผมจับแขนแกร่งแล้วเขย่าเหมือนเด็กงอแงอยากได้ของเล่น

“ครินต์”

“จ๋า”

“เป็นแฟนกับรอนนะครับ”

“เป็นครับ!” ผมขานรับคำขอเสียงหนักแน่น ก่อนแรงดึงดูดจะนำพาให้เราสองคนขยับตัวเข้าหากันแล้วประทับจูบด้วยความดูดดื่ม

รอนด้าเป็นครั้งแรกสำหรับผมแทบทุกอย่าง

รูมเมทคนแรก

รักครั้งแรก

แฟนคนแรก

จูบแรก และ..

 

“ซี้ดส์ แน่น” ผมมองร่างกำยำที่ขบกรามคำรามในลำคอราวกับคนทรมาน ใบหน้าหล่อเหลาเหงื่อแตกพลั่กไม่ต่างจากผมที่กำลังนอนทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

“อ๊ะ เจ็บ”

“ที่รัก..ให้รอนเอาออกก่อนมั้ย” ริมฝีปากหนาโน้มลงมาจูบผมอย่างปลอบประโลม ดวงตาคมฉายแววเป็นห่วงอย่างชัดเจน

“มะ ไม่ ครินต์อยากทำกับรอน” ผมเอ่ยตอบเสียงกระเส่า ร่างกายร้อนรุ่มจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แม้ครั้งแรกจะเจ็บปวดแต่ผมเชื่อว่าปลายทางมันต้องสวยงาม

ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมคิด สองเสียงร้องครวญครางดังระงมไปทั่วห้อง ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังโยกขยับแก่นกายเข้ามาในตัวผมเชิดขึ้นสูดปากด้วยความเสียวซ่าน ความรู้สึกพร่าเบลอจนสมองขาวโพลนราวกับหลุดลอยไปในห้วงสวาทอันเร่าร้อน

“อ๊ะ อ่า..”

“รอนรักเธอ”

“อ๊ะ รอน..” หลายครั้งที่เสียงทุ้มพร่ำบอกรักข้างหูผมเสียงหวาน ลมหายใจและร่างกายของเราสองคนสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นความเจ็บปวดที่ทำให้ผมโคตรมีความสุขเลยครับ

เซ็กซ์ครั้งแรกของผม


twitter #นอกจากชื่อผม