“คืนนี้มึงไปงานเลี้ยงฉลองป่ะ”

“…”

“ไอ้ครินต์!”

“ฮะ?”

“ตั้งใจตัดขนาดนั้นเลย?” บุคคลที่นอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟาชะเง้อหน้ามองมาทางผมราวกับนึกสงสัย เมื่อกี้ผมได้ยินที่ไอ้กะเพรามันถามแต่ที่ยังไม่ตอบเพราะสติกำลังจดจ่อกับฟุตเทจวิดีโองานสัมมนา

งานจบไปแล้วก็จริงแต่ภารกิจผมยังไม่เสร็จสิ้น สุดท้ายหน้าที่ตัดต่อคลิปรวบรวมบรรยากาศของงานเพื่อส่งให้อาจารย์ก็ไม่พ้นมือคนถนัดทางด้านนี้อย่างผม ส่วนไอ้กะเพราที่นอนอืดเป็นพะยูนเกยตื้นอยู่บนโซฟาอาสาว่าจะมาช่วย แต่ที่เห็นคือมันมาเปลี่ยนสถานที่เล่นมือถือมากกว่า เปลืองค่าไฟค่าแอร์ห้องกูฉิบหาย!

“ตั้งใจดิวะ ดูด้วยว่าใครตัด”

“จ้าคนเก่ง แล้วคืนนี้ยังไง”

“ไม่แน่ใจ งานยังไม่เสร็จ”

“ระดับมึงอะ”

“ไม่ต้องอวย มึงอยากไปก็พูด” ได้ข่าวจากเหรัญญิกว่างบกองกลางเหลือบานเบอะ พวกเพื่อนในเซกมันเลยหาที่ลงด้วยการจัดงานเลี้ยงฉลองปิดจ็อบงานสัมมนา

“ได้แดกของฟรีใครไม่อยากไปบ้างวะ พวกไอ้เขตต์ปิดโซนเลี้ยงเลยนะ”

“เงินกองกลางทั้งนั้น”

“งั้นมึงยิ่งต้องไป ห้ามเสียสิทธิ์ตัวเองเด็ดขาด”

“คืนนี้ค่อยว่ากัน” ผมพูดพลางหันหน้ากลับมามองจอแมคบุ๊กเพื่อตัดงานต่อ ความจริงก็อยากไปรีแลกซ์ดื่มน้ำสีอำพันให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ยังตัดต่อคลิปไม่เสร็จและต้องส่งอาจารย์ภายในวันพรุ่งนี้

ปกติผมตัดต่อคลิปวิดีโอเร็วมาก ฉายา Fast editor ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่ที่งานนี้ผมตัดช้ายิ่งกว่าเต่าคลานเพราะเห็นวิทยากรรับเชิญทีไรก็กดหยุดคลิปเพ่งมองหน้าเขาแทบทุกครั้ง ทุกท่วงท่าตอนรอนด้านั่งอยู่บนเวทีช่างดูดีจนน่าหมั่นไส้

 

“ชื่อและที่อยู่เซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของผม ถ้าคุณอยากฝึกงาน ต้องเอาเรซูเม่มาให้ผมที่นี่เท่านั้น”

 

พลันนึกถึงคำพูดของรอนด้าเมื่อสามวันก่อน มันจะมีบริษัทไหนนัดเด็กฝึกงานให้ไปส่งเรซูเม่ที่เซฟเฮ้าส์ส่วนตัว โคตรไม่น่าไว้ใจ!

“ถ้าแฟนเก่าลืมมึง..มึงจะรู้สึกยังไงวะ” ผมหมุนเก้าอี้หันไปถามไอ้กะเพราอย่างไม่เกริ่นนำเรื่อง แค่อยากแลกเปลี่ยนมุมมองความรู้สึกจากเพื่อนก็เท่านั้น

“ถามทำไม”

“ตอบมาเหอะน่า”

“ถ้ากูยังรักก็คงรู้สึกเจ็บมั้ง แต่ถ้าไม่รักแล้วก็คงเฉยๆ”

“แล้วถ้าเขาจำชื่อจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับมึงไม่ได้เลยอะ”

“นี่แฟนเก่าหรือควาย มันจะความจำสั้นถึงขนาดแค่ชื่อก็จำไม่ได้เลยไง”

“เขาไม่ได้ความจำสั้น แต่เขาความจำเสื่อม..”

“ใครวะ”

“…” ไอ้กะเพราเบิกตาโตยิ่งกว่าไข่ห่านเมื่อเห็นผมเงียบ ก่อนมันจะโพล่งถามดังลั่นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อย่าบอกว่าแฟนเก่ามึง!?”

“อือ”

“ทำไมมึงไม่เคยเล่าให้กูฟังเลยวะ” ด้วยอานุภาพของความอยากรู้อยากเห็น เพื่อนตัวดีมันรีบดีดตัวเองให้ลุกนั่งบนโซฟาพลางจ้องหน้าผมราวกับต้องการเค้นเอาคำตอบ

“มันนานแล้วอะ ก่อนกูจะเข้ามหา’ ลัยอีก”

“โห..มึงอย่าบอกว่าแฟนคนแรก”

“อือ”

“ทำไมมึงกับเขาถึงเลิกกันอะ”

“เขาไล่กู เพราะเขาจำกูไม่ได้..”

ผมตัดสินใจเล่าเรื่องรอนด้าให้ไอ้กะเพราฟัง บางครั้งการระบายกับเพื่อนที่ไว้ใจคงดีกว่าเก็บเอาไว้คนเดียว

อย่างที่ผมบอกไอ้กะเพรา รอนด้าไม่ได้ตั้งใจลืมเรื่องราวระหว่างเราสองคน แต่เขาความจำเสื่อมเพราะประสบอุบัติเหตุรถคว่ำที่เยอรมันหลังจากเป็นแฟนกับผมได้ไม่ถึงสองเดือน

คืนนั้น..รอนด้านัดเดิมพันแข่งรถกับเพื่อนเฉกเช่นทุกครั้ง ปกติถ้าสติสัมปชัญญะไม่เต็มร้อยเขาไม่มีทางลงแข่งเด็ดขาด ทว่าเดิมพันครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา รอนด้าไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนก่อนลงสนามแข่งและที่สำคัญเขาไม่บอกผมสักคำ

รอนด้ารู้ดีว่าถ้าบอก ผมห้ามไม่ให้เขาลงแข่งแน่นอน

สุดท้ายเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นก็มาถึง เพื่อนสนิทของรอนด้าโทรมาบอกผมว่าเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเนื่องจากขับเฉี่ยวกับรถผู้เข้าแข่งขันอีกคัน ก่อนจะเสียหลักชนเข้ากับแท่งแบริเออร์จนรถเหินหมุนกลางอากาศและตกลงมากระแทกรั้ว

ตอนได้ฟังเหมือนโลกทั้งใบของผมมันสลายลงมาอย่างฉับพลัน ผมรีบพุ่งตัวไปยังโรง’ บาลที่ทีมกู้ภัยพารอนด้าเข้ารักษาตัว ซึ่งได้รับข่าวดีจากแพทย์ว่าเขารอดชีวิตแต่มีอาการบาดเจ็บสาเหตุและศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนขั้นรุนแรงจนเกิดภาวะสูญเสียความทรงจำ

ผมยังจำได้ดีว่าตอนนั้นตัวเองร้องไห้หนักจนแทบหายใจไม่ออก ทำได้เพียงภาวนาให้รอนด้าฟื้นขึ้นมาและจำผมได้ แต่สุดท้ายคำอธิษฐานของผมก็ไม่เป็นจริง

ผ่านไปหลายวันกว่ารอนด้าจะฟื้น ทว่าพอฟื้นขึ้นมาเขาจำได้เพียงพ่อกับแม่ นอกนั้นรอนด้าจำใครไม่ได้สักคนแม้กระทั่งผม

“Wer bist du und warum hältst du meine Hand?”

คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียงรีบสะบัดมือหนีราวกับไม่พอใจที่ถูกผมคว้ามือเขามากุมไว้ นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยมองผมด้วยความรักตอนนี้มันช่างว่างเปล่า แย่ไปกว่านั้นรอนด้าสบถใส่ผมเป็นภาษาเยอรมันที่แปลเป็นไทยได้ว่า..

‘มึงเป็นใคร มาจับมือกูทำไม?’ รอนด้าจำผมไม่ได้จริงๆ ครับ

“รอน..นี่ครินต์ไง” ผมเลือกที่จะพูดตอบรอนด้าเป็นภาษาไทย เพราะหวังลึกๆ ว่าจะช่วยกระตุ้นความทรงจำของเขาให้กลับมาบ้าง ซึ่งคนตัวสูงก็เลิกคิ้วมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ

“มึงพูดภาษาไทยได้ด้วยเหรอวะ” ผมส่งยิ้มกว้างพลางรีบตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสดใส

“ได้ดิ..รอนจำได้มั้ยว่าครั้งแรกที่เราเจอกัน รอนทักครินต์เป็นภาษาไทยด้วย” คนตัวสูงนิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเชิดหน้ามองผมอย่างขมึงทึง

“จำไม่ได้ แล้วกูก็ไม่รู้จักมึงด้วย!”

“ทำไมจะไม่รู้จัก ครินต์เป็นแฟนรอนไง”

“ครินต์ไหนกูไม่รู้จัก กูไม่มีแฟนมึงอย่ามามั่ว จะไปไหนก็ไปอย่ามายุ่งกับกูอีก!” ฝ่ามือหนาผลักอกผมให้ออกห่างพลางโวยวายเสียงดังอย่างไม่พอใจ ก่อนเจ้าตัวจะกดปุ่มฉุกเฉินเรียกพยาบาลจนผมถูกเชิญให้ออกจากห้องพักผู้ป่วย

ที่สำคัญรอนด้ายังสั่งกับทางโรง’ บาลด้วยว่า..ห้ามให้คนแปลกหน้าอย่างผมเข้าเยี่ยมเขาอีกเด็ดขาด

สมองโล่งเลยครับตอนนั้น คิดอะไรไม่ออกเพราะรู้สึกมืดแปดด้าน แต่ผมก็ไม่ละความพยายาม เอ่ยปากขอร้องกับพ่อแม่ของรอนด้าให้ผมช่วยไปดูแลเขาระหว่างพักรักษาตัว ซึ่งท่านทั้งสองก็ตกลงและยอมให้ผมพบเข้าพบลูกชายอีกครั้ง แต่สิ่งที่ผมคิดเอาไว้มันไม่ง่ายเลยสักนิด

รอนด้าอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายกว่าปกติ แม่เขาบอกผมว่าหลายครั้งที่เจ้าตัวมักจะถามเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ พอคิดไม่ออกก็หงุดหงิดจนเริ่มเครียด ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากอาการป่วยที่กำลังเผชิญอยู่

แย่ไปกว่านั้น รอนด้าไล่ตะเพิดทุกคนที่เข้าใกล้

“มัมพามันเข้ามาทำไม!?” ใบหน้าบึ้งตึงถามผู้เป็นแม่เสียงเข้ม ก่อนจะตวัดสายตามองผมอย่างไม่เป็นมิตร

“รอนยูคามดาวน์ นี่แฟนลูกไง”

“ผมไม่มีแฟน”

“รอนลองดูภาพนี้ก่อนนะ” ผมพูดพลางเดินเข้าไปยื่นรูปฟิล์มที่เราสองคนเคยถ่ายคู่กัน นัยน์ตาคมเพ่งมองรูปถ่ายจนคิ้วขมวดราวกับกำลังสับสน แต่เพียงเสี้ยววินาทีรอนด้าก็เปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นปกติพร้อมตะคอกใส่ผมด้วยน้ำเสียงดุดัน

“กูอาจจะเคยเป็นแฟนกับมึง แต่โทษทีว่ะ..นอกจากตอนนี้กูจะไม่รู้สึกรักมึงแล้ว กูยังรำคาญมึงมากด้วย”

“…”

“ตอนคบกันกูคงไม่ได้จริงจังกับมึงมั้ง เพราะถ้ากูรักมึงจริง กูคงไม่ลืมมึงง่ายขนาดนี้”

“…”

“อย่ามายุ่งกับกูอีก”

ใบหน้าหล่อคมคายเริ่มเลือนรางเมื่อดวงตาผมพร่าไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลลงมากระทบเนินแก้ม มันเป็นความรู้สึกเจ็บแต่ไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับไปได้เลย

ถ้าหากรอนด้าไล่ผมเพราะหมดรักคงจะรู้สึกโกรธหรือเกลียดเขาได้อย่างง่ายดาย แต่ในความเป็นจริงที่เขาไล่เพราะสูญเสียความทรงจำ ซึ่งผมก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก

คล้อยหลังไม่กี่วันผมรู้จากพ่อรอนด้าว่าเขาบินมาประเทศไทยพร้อมแม่ ครอบครัวรอนด้าต้องการให้ลูกชายมารักษาตัวและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศไทย เพราะทางฝั่งแม่ของรอนด้าก็มีธุรกิจเสริมความงามที่นี่

ตอนรู้ว่ารอนด้าไม่ได้อยู่ที่เยอรมันแล้วหัวใจผมสลายไม่ต่างจากคนอกหัก รู้สึกเคว้งคว้างเก็บตัวอยู่แต่ในห้องร่วมสัปดาห์ จะบินกลับไทยก็ไม่ได้เพราะเป้าหมายในการไปเรียนที่เยอรมันคือสอบรับใบ Abitur ตอนจบเกรด 12

โคตรแย่เลยครับ ช่วงเวลาที่เหมือนตัวเองถูกทิ้งไว้เพียงลำพังแม่งทรมานฉิบหาย กว่าจะผ่านพ้นไปได้แต่ละวันก็เสียน้ำตาเพื่อพยายามล้างความทรงจำที่เคยมีร่วมกับรอนด้าอย่างมากมาย

ทำได้เพียงพูดปลอบตัวเองว่าเขาไปเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว ส่วนผมก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปโดยที่ไม่มีเขาเช่นกัน

 

“สตอรี่ความรักของมึงนี่เอาไปเขียนบททำหนังได้เลยนะ” ไอ้กะเพราพูดแซวด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ หลังจากผมเล่ามหากาพย์ความรักของตัวเองให้มันฟังจนจบ

“มึงก็เขียนบทดิ เดี๋ยวกูกำกับหนังเรื่องนี้เอง”

“คงกำกับไปร้องไห้ไปอะดูทรง”

“สัด”

“ฮ่าๆ กูถามมึงจริงๆ นะ”

“ว่า?”

“ตอนนี้มึงยังรักรอนด้าอยู่เปล่าวะ กูเห็นมีคนเข้ามาจีบมึงตั้งเยอะแยะ แต่มึงก็ไม่เอาใครเลย” ผมนิ่งเงียบไปพักใหญ่เมื่อไอ้กะเพรามันถามขึ้น

ผมไม่ได้ปิดตายเรื่องความรักหรือไม่เปิดใจให้คนอื่น แต่หลายคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตหลังจากเลิกกับรอนด้า เพียงผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไปจริงๆ เพราะไม่ว่าจะคุยกับกี่คนผมก็ไม่ได้รู้สึกรักถึงขั้นต้องคบเป็นแฟน สุดท้ายจบที่ต่างคนต่างแยกย้ายและเป็นแบบนี้แทบทุกครั้ง

“ไม่ได้รักเท่าเมื่อก่อน”

“แสดงว่ามึงก็ยังรัก”

“ไม่รู้ดิ..ถ้าเลือกได้กูก็ไม่อยากรักรอนแล้วเหมือนกัน แต่พอกูกลับมาเจอเขาอีกครั้ง แม่งโคตรใจสั่นเลยว่ะ”

“เดี๋ยวนะ! กลับมาเจอกันอีกคือยังไง?” ไอ้กะเพราร้องถามเสียงหลงด้วยท่าทีตกใจ ผมยังไม่ได้บอกมันว่ารอนด้าก็คือคุณอชิรวิชญ์ CEO มินอลเฮ้าส์ที่มันชื่นชมเขานักหนา

และไม่มีความจำเป็นที่ผมจะต้องปิดบัง ตัดสินใจบอกเพื่อนสนิททันที

“รอนด้าคือคุณอชิรวิชญ์”

“ฮะ!?”

“ไม่ได้ยินที่กูพูดไง”

“ดะ ได้..ได้ยินชัดเต็มสองรูหูเลยเพื่อน แต่เรื่องที่มึงบอกช็อกโลกกูมาก”

“มึงห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด”

“กูรู้หรอกน่า แต่อึ้งแดกฉิบหายเลย ไม่คิดว่าคุณอชิรวิชญ์จะคบมึงด้วย”

“คำพูดมึงแปลกๆ นะ”

“ฮ่าๆ กูแหย่เล่น! แต่ตกใจจริงว่ะ”

“ช่างแม่งเหอะ เรื่องมันผ่านไปนานละ”

“แต่มึงกับคุณอชิรวิชญ์ก็ถือว่ายังไม่เลิกกันเปล่าวะ”

“ไม่เลิกไรล่ะ ตอนกลับมาเจอกันครั้งแรกแม้แต่ชื่อกูรอนยังจำไม่ได้”

“เขาแค่จำมึงไม่ได้ถึงไล่มึง แต่เขาไม่เคยบอกเลิกมึงไม่ใช่ไง” ผมหยุดคิดตามสิ่งที่ไอ้กะเพรามันพูด ก็จริงของมัน..

“แล้วตอนนี้โลกก็เหวี่ยงให้มึงกลับมาเจอเขาอีกครั้ง ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณอชิรวิชญ์จำมึงได้ขึ้นมา บางทีเขาอาจจะยังรั..”

“กูตัดงานต่อละ! เดี๋ยวเสร็จไม่ทันคืนนี้”

“อะไรวะ..” ไอ้กะเพราบ่นพึมพำ เมื่อถูกผมตัดบทสนทนาด้วยการพูดแทรกมันขึ้นมาดื้อๆ

“คืนนี้มึงจะไปแดกเหล้าไม่ใช่เหรอ”

“ตกลงมึงไปใช่ป่ะ!?”

“เออ”

“งั้นรีบตัดงานเลยเพื่อน เดี๋ยวกูนอนเป็นกำลังใจให้” ขอบคุณมาก!

และขอบคุณคำพูดของมึงที่ช่วยชี้ทางสว่างให้ความรู้สึกกู อย่างที่ไอ้กะเพรามันบอก รอนด้ายังไม่เคยบอกเลิกผมเลยสักครั้ง ถ้าการกลับมาเจอกันรอบนี้และผมสามารถทำให้เขาจำเรื่องราวในอดีตได้ ถึงตอนนั้น..

รอนด้าจะยังรักผมเหมือนที่ตอนนี้ผมยังรักเขาอยู่หรือเปล่า

ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะนำเรซูเม่ไปให้รอนด้าที่เซฟเฮ้าส์และฝึกงานที่บริษัทเขาให้ได้

 

 

22.23 น.

สุดท้ายก็ไม่มีอะไรง่ายสำหรับผมเลยครับ..

ผมอยากทำให้รอนด้ากลับมาจำเรื่องราวระหว่างเราสองคนได้อีกครั้ง แต่ผมลืมไปว่าปัจจุบันรอนด้าก็มีคนของเขาอยู่แล้ว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโลกกลมหรือโลกต้องการตอกย้ำความรู้สึกของผมกันแน่ ผับบาร์ในกรุงเทพฯ มีตั้งหลายร้อยแห่งแต่ผมดันบังเอิญมาเจอรอนด้าที่นี่ ผับที่ผมกับเพื่อนในเซกมาเลี้ยงฉลองปิดจ็อบงานสัมมนา

ที่สำคัญรอนด้าไม่ได้มาคนเดียว เขากำลังนั่งดื่มอยู่กับคุณเกรท ผู้ชายหน้าตาน่ารักที่เป็นเพื่อนร่วมคอนโดเดียวกับผม

ทว่ารอนด้าคงไม่เห็นผมเพราะเจ้าตัวนั่งอยู่ริมระเบียงบนชั้นสองที่เป็นโซนนั่งชิล ผับที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากแต่มีทั้งโซนสำหรับขาแดนซ์และโซนนั่งชิลแยกกันอย่างชัดเจน ซึ่งบริเวณชั้นหนึ่งที่เป็นโซนแดนซ์ติดหน้าเวทีถูกอัดแน่นไปด้วยบรรดาเพื่อนในเซกเกือบห้าสิบชีวิตที่ปิดโซนเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้

“ผู้ชายที่มากับคุณอชิรวิชญ์เป็นใครวะ” หลังจากนั่งดื่มกันได้ร่วมชั่วโมง ไอ้กะเพราคงเห็นผมมองไปยังระเบียงชั้นสองอยู่บ่อยครั้งก็เป็นฝ่ายถามขึ้น มันเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจและรู้ทันผมแทบทุกเรื่อง

ผมไม่ได้บอกไอ้กะเพราว่าเจอรอนด้า แต่มันก็สังเกตจากท่าทางของผมจนได้

“ชื่อเกรท”

“มึงรู้จักด้วยเหรอ”

“เพื่อนข้างห้องที่คอนโด”

“เชี่ย! โลกมันจะกลมไปเปล่าวะ”

“กูก็ว่างั้น”

“เขาเป็นแฟนคุณอชิรวิชญ์เหรอ”

“กูก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงใช่” พูดพลางหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมากระดก ภาพที่ทั้งสองคนกอดกันนัวเนียในห้องทำงานของรอนด้ายังติดตาไม่หาย

“แฟนใหม่คุณหน้าคุ้นๆ เหมือนคนที่คุณบอกว่าไม่มีอะไร..”

“ร้องเพลงอะไรของมึง”

“แฟนใหม่หน้าคุ้นไง มึงไม่เคยฟังเหรอ” ไอ้เคยอะเคย แต่มึงจะร้องจี้ใจดำกูทำไมไม่ทราบ! รู้สึกเจ็บช้ำหัวใจจนต้องเทเบียร์ใส่แก้วเพิ่มอย่างเร็วรี่

แอลกอฮอล์ไม่ได้ช่วยให้ลืมคือเรื่องจริง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นเพื่อนช่วยย้อมใจในช่วงเวลาที่ความรู้สึกจมดิ่งขนาดนี้

“ไปแดนซ์กับพวกไอ้เขตต์กันป่ะ หน้าเวทีสนุกฉิบหาย”

“มึงไปเหอะ กูไม่ค่อยสันทัดว่ะ” ไอ้กะเพราพยักหน้าหงึกหงักเป็นการรับรู้ ก่อนมันจะลุกไปแจมกับเพื่อนหลายคนที่ยืนถือแก้วเต้นอยู่ตรงฟลอร์ด้านหน้าเวที

ปล่อยผีกันอย่างสุดเหวี่ยงให้คุ้มกับเงินที่ปิดโซนฉลอง ส่วนผมเลือกที่จะนั่งดื่มเงียบๆ เพราะไม่ถนัดเรื่องเต้นสักเท่าไหร่

ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง เบียร์ห้าหกขวดที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหมดไปอย่างรวดเร็ว แสงไฟหลากสีในผับสาดมากระทบม่านตาจนต้องกะพริบตาถี่อยู่บ่อยครั้ง ผลจากการยกแก้วเบียร์กระดกแบบไม่พักคือตอนนี้ผมเริ่มมึนหัวแล้วว่ะ

“โหลเทสๆ 1 2 3 ฉลามขึ้นบก 4 5 6 จิ้งจกยัดไส้” ผมรีบเงยหน้าจากแก้วเบียร์เมื่อได้ยินเสียงคนพูดลองไมค์มันเล่นมุกห้าบาทสิบบาท ก็พบว่ามนุษย์ที่กำลังยืนถือไมค์ส่งยิ้มหวานตาฉ่ำปรืออยู่บนเวทีคือไอ้เขตต์ เพื่อนหน้าหล่อแต่หัวใจตุ๊กตาบาร์บี้

มันบอกกับทุกคนว่าตัวเองเป็นเมะคิง แต่ความจริงมันคือเคะควีนที่เป็นฝ่ายรับในสนามรบบนเตียงมานับครั้งไม่ถ้วนต่างหาก

“เนื่องจากนักร้องของทางร้านกลับไปแล้ว ผมเห็นเพื่อนๆ หลายคนบ่นว่าเหงาหู” กูยังไม่ได้ยินใครบ่นสักคน

“เพราะฉะนั้นผมจะอัญเชิญเพื่อนที่เสียงไพเราะที่สุดในจักรวาลขึ้นมาร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟังเป็นบุญหู”

ใครวะ?

“ขอเสียงเพื่อนทุกคนปรบมือให้กับไอ้ครินต์ ผู้รับบทเป็นเดอะแบกประจำงานสัมมนาของพวกเราด้วยค้าบบบบบบ” ไอ้เหี้ยยยยยยยย กูขอใหม่อีกทีสิ

“ทำหน้างงอีก เพื่อนครินต์มึงรีบขึ้นมาร้องเพลงให้ไวเลยครับ”

สัดเอ้ย! ไม่บอกไม่กล่าวให้กูรับรู้ชะตากรรมตัวเองล่วงหน้าเลยสัดนิด แสงไฟสปอตไลท์ในผับก็ส่องมาหาประหนึ่งกำลังเปิดตัวดาราระดับโลก

แล้วกูเลือกอะไรได้ไหม เลือกที่จะไม่ไปร้องเพลงได้หรือเปล่า.. แต่เห็นทีคงจะไม่ได้ เพราะตอนนี้สายตาแทบทุกคู่จ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว รู้สึกกดดันจนต้องรีบลุกเดินไปบนเวทีด้วยความรวดเร็ว

จบงานเมื่อไหร่ กูสาบานว่าจะตบกะโหลกไอ้เขตต์ให้หัวหลุดจากบ่า!

“ร้องเพลงอะไรของมึงวะ” ผมกระซิบกระซาบถาม แต่เพื่อนตัวดีมันชอบเล่นใหญ่ครับ พูดตอบผมใส่ไมค์จนเสียงดังไปทั่วร้าน

“เพลงอะไรก็ได้เลยค้าบ ทุกคนรอฟังเพื่อนครินต์อยู่ค้าบ”

“สัด”

ยืนนิ่งคิดเกือบหนึ่งนาทีว่าจะร้องเพลงอะไร พลันสายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับบุคคลร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ริมระเบียงบนชั้นสอง และตอนนี้เขาก็กำลังมองมาที่ผมเหมือนกัน

ผมคิดออกแล้วว่าจะร้องเพลงไหน

“ก่อนที่ผมจะร้องเพลงนี้ ผมต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะครับ ถ้าหากเพลงนี้มันอาจจะเผลอไปจี้ความรู้สึกหรือทำให้ใครบางคนเสียน้ำตา เหมือนกับผม..”

เสียงปรบมือเสียงโห่แซวจากเพื่อนดังเข้ามาโสตประสาท ทว่าสายตาผมก็ไม่สามารถละไปจากใครบางคนได้เลยครับ

ได้แค่หวังว่าเพลงที่ผมจะร้องต่อไปนี้ มันจะดังไปถึงใครบางคนที่ผมอยากถามเขาว่า นอกจากชื่อผม..มีอะไรที่รอนด้ายังพอจำได้อีกไหม

 

“จำอะไรได้บ้างไหม เกี่ยวกับฉันคนเก่า..”

“…”

“เพลงเดิมๆ ที่เคยเป็นของเรา เธอยังร้องยังฟังอยู่ไหม”

“…”

“ไม่รู้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นที่มันดึกๆ เธอยังเหงายังเหมือนวันเก่าๆ อยู่ไหม”

“…”

“ไม่รู้ว่าภาพแววตาที่เธอได้เคยมองมา จะเปลี่ยนไปสักแค่ไหน”

“…”

แสงไฟที่ส่องไปกระทบใบหน้าหล่อคมคาย มันทำให้ตอนนี้ผมยิ่งมองเห็นรอนด้าได้อย่างชัดเจน

“นอกจากชื่อฉัน มีสิ่งอื่นอีกไหมที่เธอยังใส่ใจและพอจำมันได้อยู่”

ทำไมสายตาที่เขามองมา ผมสัมผัสได้ถึงความตัดพ้อที่อยู่ในนั้น..

“เศษจากความรักยังเหลือไหมก็ไม่รู้ ในความทรงจำเธอยังมีฉันอยู่บ้างไหม..”

ชัดเจนจนผมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมากระทบเนินแก้มอย่างไม่รู้ตัว ภาพความทรงจำในอดีตฉายชัดเข้ามาในความรู้สึก และไม่สามารถยืนอยู่บนเวทีได้อีกต่อไป

ผมรีบเดินจ้ำอ้าวออกมานอกร้านเพราะไม่อยากตอบคำถามเพื่อน ความรู้สึกอึดอัดใจที่กลั้นไว้ตั้งแต่เดินเข้าร้านและเห็นรอนด้าอยู่กับคุณเกรทพังทลายลงมาจนไม่เหลือซาก สุดท้ายผมก็ไม่ได้เข้มแข็งอะไรเลย

โกรธตัวเองที่ยังรักเขา โกรธตัวเองที่ยังไม่เคยลืมเขาได้เลยสักครั้ง

“คิดถึงแฟนเก่าหรือไง” ผมรีบยกมือปาดน้ำตาและหันขวับมองไปยังต้นเสียง เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพลางยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งมาให้

“ไม่เป็นไร”

“รับไปเหอะน่า” รอนด้าพยายามยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือแต่ถูกผมผลักออก

“ผมไม่อยากรับของจากคุณ”

“มือไปจับอะไรมาบ้างก็ไม่รู้ มันสกปรกนะครับ รู้มั้ย..” ประโยคสุดท้ายรอนด้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนผมใจสั่น ก่อนร่างสูงจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจร้อน ฝ่ามือหนาที่ถือผ้าเช็ดหน้าค่อยๆ ยื่นมาซับคราบน้ำตาบนใบหน้าผมอย่างแผ่วเบา 

“ครินต์ร้องไห้ทำไมคะ”

“เรื่องของผม แล้วคุณช่วยอยู่ห่างๆ ผมด้วย” เมื่อตั้งสติได้ผมรีบใช้มือดันแผงอกแกร่ง แต่รอนด้ากลับไม่ยอมเขยิบตัวถอยห่างแถมยังคว้ามือผมไปจับอย่างถือวิสาสะ

“ปล่อย”

“ไปคุยกันในรถ”

“ไม่ไป ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ!”

“แต่ผมมี”

“บอกให้ปล่อยผมไง!” ผมโวยวายเสียงดังพลางขืนตัวสุดพลังแต่ก็สู้แรงยักษ์จากคนตัวโตกว่าไม่ได้ เราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันพักใหญ่ แต่สุดท้ายคนแพ้ก็คือผมเพราะถูกรอนด้าลากเข้ามานั่งในรถยนต์คันหรูของเขาจนได้

“เปิดประตูรถให้ผมลงเดี๋ยวนี้!”

“เงียบ! แล้วเลิกโวยวายด้วย” เสียงเข้มพูดดุด้วยท่าทีขึงขัง แต่ผมไม่กลัว!

“ทำไมจะโวยวายไม่ได้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาลากผมขึ้นรถ”

“อยากให้ผมมีสิทธิ์ในตัวคุณมั้ยล่ะ”

“จะทำอะไร! ไม่ต้องมาใกล้ผมเลยนะ” ผมแห้วใส่รอนด้าเสียงหลง เมื่อเขาโน้มตัวเข้ามาใกล้จนผมต้องใช้มือดันแผงอกแกร่งอีกรอบ

ผมโคตรไม่ชอบเวลาถูกรอนด้ามองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ มันดูไม่น่าไว้ใจ!

“ไม่อยากให้ทำก็อย่าดื้อ”

“ผมไม่ได้ดื้อ!”

“ถ้าไม่ดื้อก็นั่งนิ่งๆ ห้ามโวยวาย”

“คุณจะพาผมไปไหน”

“เซฟเฮ้าส์”

“ผมไม่ไป!”

“คุณไม่มีสิทธิ์เลือก”

“อย่ามาเผด็จการกับผม”

“ถ้าเผด็จการใช้ไม่ได้ งั้นผมเผด็จศึกคุณเลยดีมั้ย” ไอ้..!!!

“เหี้ย”

“ด่าได้อีก ผมชอบ”

“โรคจิต”

“ก็เหมาะกับคนปากดีอย่างคุณ”

“ถ้าผมปากดีคุณก็คงปากแจ๋วเปรี้ยวหัวน้ำส้ม จะมายุ่งกับผมทำไม ไม่ไปส่งแฟนคุณหรือไง”

“ผมไม่มีแฟน”

“แล้วคุณเกรทล่ะ”

“ถามทำไม หรือว่าคุณหึงผมกับเกรท..”

“หึงก็บ้า! ผมไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ”

“เดี๋ยวคืนนี้ก็เป็น”

“หมายความว่าไง”

“ถ้าถึงเซฟเฮ้าส์แล้วผมจะบอก”

คุณเคยรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกหลอก แต่ยอมให้เขาหลอกไหมครับ สุดท้ายผมก็นั่งนิ่งอย่างโง่ๆ จนมาถึงเซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของรอนด้าจนได้

 

twitter #นอกจากชื่อผม


เพลงนอกจากชื่อฉัน ของ ActArt


โรคความจำเสื่อม (Amnesia) 

เป็นภาวะสูญเสียความทรงจำ คนป่วยอาจจะสูญเสียข้อมูล ข้อเท็จจริงหรือประสบการณ์ส่วนตัว แต่ไม่ได้ทำให้เกิดความบกพร่องของสมรรถนะภาพทางสมองนะคะ ผู้ป่วยจะยังสามารถจดจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร ใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยสาเหตุของโรคความจำเสื่อมมีปัจจัยมาจากหลายอย่างเลยค่ะ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเกินไปเป็นเวลานาน ผลกระทบจากอุบัติเหตุหรืออาการบาดเจ็บบริเวณศีรษะ โดยโรคความจำเสื่อมสามารถบำบัดและหายขาดได้นะคะ 

โดยหลักๆ Amnesia จะมีอยู่หลายประเภท

ความจำเสื่อมย้อนหลัง (Retrograde amnesia)

ความจำเสื่อมไปข้างหน้า (Anterograde amnesia)

ความจำเสื่อมชั่วคราว (Transient global amnesia หรือ TGA)


Minol.ta talk

ส่วนอาการของคุณอชิรวิชญ์จะจัดอยู่ในประเภทไหน ต้องรอติดตามต่อแล้วววว (´ε` )♡