'KINDA' Safe House 

sds

เซฟเฮ้าส์สไตล์โมเดิร์นตั้งตระหง่านอยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ ขนาดของบ้านใหญ่โตจนผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจ บริเวณภายในเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ลูกบอลกลมๆ ใต้เพดานฉายแสงไฟวอร์มไวท์สีส้มทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

เคยคิดว่าในอนาคตถ้ามีเงินพอที่จะสร้างบ้านเป็นของตัวเอง คงสร้างแบบสไตล์โมเดิร์นโทนสีขาวสะอาดตา ผมชอบความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความทันสมัย

“ชอบมั้ย” เจ้าของบ้านเอ่ยถามพลางเหลือบตามอง ผมจึงแกล้งกลอกสายตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“ก็ดี”

“หมายถึงคนหรือบ้าน”

“พูดธุระของคุณมาเลยดีกว่า จะบอกได้หรือยังว่าพาผมมาที่นี่ทำไม” ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าจะนำเรซูเม่มาให้รอนด้าที่นี่ แต่เขากลับลากผมมาก่อนวันนัดหมายแถมยังพามาในเวลาดึกดื่นก็อดสงสัยไม่ได้

“เดินตามผมมา”

“คุณจะพาผมไปไหน?”

“ตามมาเหอะน่า”

“ถ้าคุณไม่บอกผมก็ไม่ไป” เสียงแข็งกระด้างจากผมส่งผลให้ร่างสูงที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดบ้านหยุดชะงัก นัยน์ตาคมหันมามองก่อนน้ำเสียงทุ้มต่ำจะเอ่ยพูดราวกับต้องการท้าทาย

“ทำไม คุณกลัวผมหรือไง”

“คุณไม่เห็นมีอะไรที่ผมต้องกลัว” พูดพลางยักไหล่อย่างยียวน ถ้ากลัวคงไม่ยอมนั่งรถมาจนถึงที่นี่ ผมไม่ได้อ่อนต่อโลกหรือใสซื่อจนไม่รู้ว่ารอนด้ามีสิ่งใดแอบแฝง แต่ที่ยอมมาเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากผมกันแน่

“พาไปห้องนอนผม”

“ห้องนอนคุณมีอะไรน่าสนใจ?”

“ผมไง”

“เหรอ งั้นผมคงต้องขอตัวกลับเพราะคุณไม่ได้น่าสนใจสำหรับผม”

“ปากดี”

“…”

“คุณดื้อกว่าเดิมรู้ตัวมั้ยครินต์”

เพียงประโยคเดียวที่ทำหัวใจผมเต้นแรงจนแทบกระเด็นออกจากอก รอนด้าพูดเหมือนว่าเขาจำผมได้แล้ว ไหนจะแววตาเว้าวอนราวกับคนมองต้องการขอร้องให้ผมหยุดพยศและทำตามที่เขาบอก

ซึ่งได้ผล ผมยอมเดินตามร่างสูงจนมาถึงห้องนอนขนาดใหญ่ ภายในห้องสะอาดสะอ้านสิ่งของทุกชิ้นถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ แถมสไตล์การแต่งห้องด้วยโทนสีขาวตัดสีดำยังดูดีมีรสนิยมสมกับเป็นเขา

ผมมองไปรอบบริเวณห้องเพื่อต้องการสำรวจ พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับกรอบรูปสีขาวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอน สองเท้าค่อยๆ เดินเข้าไปหาของสิ่งนั้นอย่างอัตโนมัติ หากตอนนี้มีเครื่องวัดชีพจรคงจะพบว่าหัวใจผมกำลังเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่ง

ภาพฟิล์มที่ผมถ่ายคู่กับรอนด้าตอนอยู่เยอรมันถูกอัดใส่กรอบไว้อย่างสวยงาม และมันเป็นภาพเดียวกับภาพที่ผมใช้ยืนยันว่าเราสองคนเป็นแฟนกันตอนเขาความจำเสื่อม ก่อนบินกลับมาประเทศไทยผมตั้งใจทิ้งรูปนี้ไว้ในห้องที่เราเคยแชร์ร่วมกันพร้อมจดหมายที่เขียนถึงเขาอีกหนึ่งฉบับ เพราะหวังลึกๆ ว่ารอนด้าอาจจะกลับไปที่นั่นอีกครั้งหากจำผมได้

ซึ่งเขาก็กลับไปจริงๆ และตอนนี้ผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้เลย

“รอน..” ผมเรียกชื่อคนที่เพิ่งก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเสียงสั่น ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มบางเบาที่มุมปากพลางพูดด้วยท่าทีทะเล้น

“ผมน่าสนใจขึ้นมาหรือยัง”

“คุณจำผมได้ตั้งแต่ตอนไหน” คนถูกถามไม่ตอบแต่เดินไปนั่งตรงเตียงนอนพร้อมใช้ฝ่ามือตบหน้าตักตัวเองราวกับต้องการเชิญชวน

“มานั่งตักผมก่อนแล้วจะบอก”

“ผมไม่เล่น!” ส่งเสียงดุจนคนตัวสูงหัวเราะขบขัน อยากรู้เรื่องที่รอนด้าจำผมได้ใจจะขาดแต่เจ้าตัวก็แกล้งเฉไฉพูดจากวนอารมณ์อยู่ได้

“ดีใจที่คุณสนใจผมแล้ว”

“เลิกกวนประสาทสักที”

“คุณมีเวลาให้ผมมั้ยล่ะ”

“ได้”

“…”

“ผมมีเวลาให้คุณ..ทั้งคืน”

คนตรงหน้ากระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนร่างสูงโปร่งจะลุกขึ้นยืนและผายมือเชิญผมให้เดินตามเขาไปยังระเบียงห้อง บรรยากาศภายนอกเย็นสบายภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิดแต่พร่างพราวไปด้วยดาวดวงน้อยใหญ่ที่ทอแสงเป็นประกายอย่างระยิบระยับ

กลิ่นองุ่นจากควันบุหรี่ Marlboro Splash ลอยคลุ้งหลังจากคนสูบพ่นมันออกมาราวกับต้องการปลดปล่อยความเครียดภายในใจ ผมเดินเข้าไปยืนเกาะขอบระเบียงอยู่ข้างๆ เขาพลางจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาแทบไม่กะพริบตา “ครินต์ไม่ชอบดูดบุหรี่”

“…”

“แต่ทุกครั้งที่รอนดูดบุหรี่ ครินต์จะเดินมาจ้องตลอด”

ทุกประโยคที่รอนด้าพูดออกมาและสรรพนามที่แทนตัวเองว่า ‘รอน’ มันชัดเจนว่าเขาจำผมได้แล้วจริงๆ

“บอกผมได้มั้ย คุณจำผมได้ตั้งแต่เมื่อไหร่..” มวนบุหรี่ในมือหนาถูกเจ้าของยกสูบสารเคมีเข้าปอดพร้อมพ่นควันสีเทาออกมาอีกครั้ง แววตากรุ้มกริ่มที่เคยจ้องจะกวนอารมณ์ผมบัดนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและอ่อนโยน

เกือบสิบปีที่ผมไม่ได้รับแววตาแบบนี้จากคนรัก มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งดีใจและเจ็บปวดในคราเดียวกัน

“หลังจากเรียนจบ ม.6 ผมกลับไปเยอรมันอีกครั้ง..” รอนด้าเริ่มเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียดยิบราวกับเขาเองก็รอวันที่จะได้พูดเรื่องราวเหล่านี้กับผมมาแสนนาน

รอนด้าบอกว่าหลังจากความจำเสื่อมและพูดไล่ผมในครั้งสุดท้ายที่เจอกันตอนอยู่เยอรมัน เขาไม่สามารถสลัดภาพที่ผมกำลังร้องไห้มองเขาด้วยแววตาเจ็บปวดได้เลยสักครั้ง

ตั้งแต่มาเรียนที่ประเทศไทย รอนด้าบอกว่าเขาคุยกับคนอื่นตั้งมากมายแต่พออยู่คนเดียวทีไรภาพใบหน้าผมก็เข้าไปวนเวียนในความคิดของเขาตลอด

“ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงคุณ และมันยิ่งทรมานมากขึ้นไปอีกครินต์..เพราะผมจำคุณไม่ได้”

“…” ภาพคนตรงหน้าเริ่มพร่ามัวเพราะผมปล่อยให้น้ำตาได้ระบายความเจ็บปวดตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ไม่ใช่แค่ผมที่เจ็บปวด..รอนด้าก็รู้สึกเจ็บไม่ต่างกันเลยสักนิด

ผมเจ็บที่พยายามลืมเขาแต่ไม่เคยลืม ส่วนเขาเจ็บเพราะพยายามจำผมแต่กลับจำไม่ได้

“จนไอ้กุมภ์มันแนะนำให้ผมกลับไปที่เยอรมัน มันบอกให้ผมลองไปในที่ที่ผมเคยอยู่กับคุณ”

รอนด้าบอกว่ากุมภ์คือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมปลายที่ประเทศไทย และเป็นผู้ชายคนเดียวที่เขารู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เจอครั้งแรกจนเอ่ยปากขอจีบเล่นๆ ทว่ากุมภ์กลับมีรุ่นพี่ที่ชอบอยู่แล้วเขาจึงยอมถอยและกลายเป็นเพื่อนซี้กันจนถึงทุกวันนี้

“ตอนฟังไอ้กุมภ์มันแนะนำผมโคตรตลก แค่ไปสถานที่เดิมๆ จะทำให้ผมจำคุณได้ยังไง”

“แต่คุณก็ไป”

“อืม”

“…”

“ผมตัดสินใจถามมัมและมัมบอกว่าผมเคยแชร์ห้องอยู่กับคุณ”

“คุณบอกว่ากลับไปเยอรมันหลังจากจบ ม.6 ห้องนั้นก็คงมีคนย้ายไปอยู่ใหม่แล้วหรือเปล่า”

“ใช่ ตอนผมไปที่นั่นอีกครั้งมีคนเข้ามาอยู่ใหม่แล้ว แต่ผมขอพวกเขาเข้าไปในห้องนั้น”

“…”

“แล้วมันก็น่าทึ่งมากครินต์ แค่ผมก้าวเข้าไปในห้องนั้น..ภาพความทรงจำที่ผมเคยอยู่กับคุณมันหลั่งไหลเข้ามาในความคิดจนหัวผมแทบระเบิด”

“…”

“แต่ในวันที่ผมจำคุณได้ ผมก็เสียคุณไปแล้ว”

“แล้วภาพถ่ายที่ผมทิ้งไว้ คุณไปเจอมันได้ยังไง”

“ผมลองไปถามเสมียนที่ดูแลอะพาร์ตเมนต์ว่าคุณได้ฝากอะไรถึงผมมั้ย เขาก็ให้จดหมายที่คุณเขียนทิ้งไว้พร้อมรูปใบนี้มา เสมียนบอกว่าแม่บ้านที่เข้าไปทำความสะอาดห้องเก็บมันมาให้เขา”

“คุณรู้มั้ยรอน..ผมโคตรอยากเกลียดที่คุณลืมเรื่องของเรา แต่ผมไม่เคยเกลียดคุณได้เลย”

“ผมขอโทษ” ฝ่ามือหนาเอื้อมมากอบกุมใบหน้าผมไว้พลางใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา

“…”

“ภาพที่คุณร้องไห้ผมไม่เคยสลัดมันออกจากความคิดได้เลยสักครั้ง”

“…”

“ตาโตๆ ของคุณมันเศร้าหมองแถมยังเบะปากงอแงเหมือนเด็กถูกแม่ทิ้ง หน้าคุณตอนร้องไห้มันขี้เหร่จนทำผมหลอนมาหลายปีเลยรู้มั้ย”

“รอน” ถลึงตาใส่คนพูดจายียวนจนเจ้าตัวหัวเราะร่วน ตอนคบกันเวลาผมไม่สบายใจรอนด้ามักจะหาเรื่องมาพูดแกล้งเพื่อดึงความสนใจให้ผมเปลี่ยนไปด่าเขาแทน

“ผมแค่ไม่อยากเห็นคุณร้องไห้เพราะผมอีก”

“แต่ผมก็ไม่เข้าใจคุณอยู่ดี”

“ไม่เข้าใจอะไร?”

“คุณบอกว่าจำผมได้ตั้งนานแล้ว แต่ทำไมตอนผมกลับมาเจอคุณครั้งแรกที่ห้องคุณเกรท คุณถึงแกล้งจำผมไม่ได้”

“แล้วถ้าวันนั้นผมบอกว่าจำคุณได้ คุณจะกลับมาเป็นแฟนกับผมมั้ยครินต์”

“…”

“ผมเคยไล่คุณขนาดนั้น ผมไม่กล้าหวังว่าคุณจะยังรักผมเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่พยายามอะไรเลย”

“หมายความว่าไง”

“คุณคิดว่าผมสร้างมินอลเฮ้าส์ขึ้นมาทำไมครินต์ คุณก็น่าจะรู้ว่าผมไม่ชอบงานสายนี้เลยสักนิด”

“ผมไม่อยากคิดว่าคุณจะสร้างมันขึ้นมาเพราะผม”

“ใช่ ผมก่อตั้งมินอลเฮ้าส์เพราะคุณ”

“…”

“ตั้งแต่จำคุณได้ ผมตามสืบจนรู้ว่าคุณเรียนที่ไหนใช้ชีวิตยังไง แล้วผมก็รู้ด้วยว่าคุณเคยคุยกับใครบ้าง”

“แต่คุณก็ไม่เคยเข้ามาหาผม”

“อืม ผมไม่กล้าหรอกครินต์ ผมโคตรรู้สึกผิดกับคุณ”

“ทำตัวเป็นพระเอกละครหลังข่าวไม่สมกับเป็นคุณเลยนะรอน”

“อย่าบอกว่าคุณโกรธที่ผมไม่กลับมาหา”

“ใช่! ผมกำลังโกรธที่คุณคิดเองเออเองแล้วเอาแต่หลบอยู่ในเงามืด”

“…”

“ถ้าให้ผมเดา ที่คุณบอกว่าสร้างมินอลเฮ้าส์เพราะผมและทุ่มเทจนมันโด่งดังเป็นที่ยอมรับในสายงานนี้ มันคงเป็นกับดักที่คุณต้องการล่อให้ผมอยากมาทำงานที่บริษัทของคุณ”

“คุณฉลาดและยังรู้ทันผมเหมือนเดิม”

“แน่นอนว่าผมฉลาด แต่คนโง่คือคุณ!”

“คามดาวน์ครินต์ ทำไมความพยายามของผมถึงถูกคุณด่า”

“ก็คุณมันโง่จริงๆ รอน โง่ๆๆ อื้อ..” คำด่าที่กำลังพ่นด้วยความโมโหกลืนหายเข้าไปลำคอ เมื่อรอนด้าคว้าต้นคอผมเข้าไปบดจูบอย่างดูดดื่ม ทว่าอารมณ์คุกรุ่นภายในใจมันมากจนยากที่จะเคลิ้มกับรสจูบ ผมรีบใช้มือดันแผงอกแกร่งให้ออกห่างพลางตวาดเขาเสียงดัง

“ไม่ต้องมาจูบผม! ถ้าแน่จริงทำไมคุณไม่หลบอยู่ในเงามืดให้มันตลอด คุณจะพาผมมาที่นี่ทำไม”

“เพราะตอนคุณร้องเพลงอยู่บนเวที สายตาที่คุณมองผม ใบหน้าของคุณที่เต็มไปด้วยน้ำตา มันเหมือนตอนที่ผมพูดไล่คุณ”

“…”

“แล้วที่ผมพาคุณมาที่นี่ในคืนนี้ ผมแค่อยากถามว่าคุณยังรักผมหรือคุณแค่เจ็บปวดที่เห็นผมอยู่ในชีวิต”

“ใช่รอน ผมเจ็บปวดที่เห็นคุณ”

“…”

“แล้วผมยิ่งเจ็บมากขึ้นไปอีก..ที่ไม่เคยเลิกรักคุณได้เลย”

“ครินต์..”

“ตอนนี้ผมโคตรดีใจที่รู้ว่าคุณจำผมได้แล้ว แต่ผมไม่รู้เลยรอน..ว่าคุณยังรักผมเหมือนเดิมหรือเปล่า” คนตรงหน้านิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่ง ก่อนฝ่ามือหนาจะจับปลายคางผมให้เชยขึ้นพลางมองมาด้วยแววตาสื่อความหมาย

“ให้จูบของรอนแทนคำตอบ”

ครั้งนี้ผมหลับตาพริ้มรับสัมผัสจากรอนด้าด้วยความเต็มใจ คนที่เฝ้ารอให้เขาจำได้กำลังมอบจูบอันแสนหวานให้ราวกับต้องการปลอบประโลมความเจ็บช้ำที่ติดอยู่ในใจผมมาหลายปี

“รอนรักครินต์..” นับครั้งไม่ถ้วนที่ริมฝีปากของเราสองคนประกบเข้าหากันอย่างดูดดื่ม ความรู้สึกโหยหามันเอ่อล้นในใจจนยากที่จะหยุดเพียงแค่จูบ รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกคนตัวสูงอุ้มเข้ามาในห้องก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงไปพร้อมกับเขา

นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้อยู่ในอ้อมกอดของรอนด้าแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ริมฝีปากหยักไม่ได้พรมจูบไปตามเรือนร่างของผม สัมผัสหอมหวานจากเขาที่ผมโหยหามันมาตลอด

สำหรับรอนด้าไม่มีคำว่าเร็วเกินไป ในเมื่อหัวใจและร่างกายของผมยังอยากมอบให้เขาเพียงคนเดียวมาตลอด

ทุกครั้งที่น้ำเสียงแหบพร่าพร่ำบอกรักผมข้างหู ทุกครั้งที่เสียงหอบหายใจเสียงครวญครางของเราสองคนสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ผมรู้สึกมีความสุขเหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ต่างคนต่างตะกละตะกลามเข้าหากันราวกับต้องการชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไป

ผมรักรอนด้า..รักจนยอมดำดิ่งไปกับสัมผัสจากเขาตลอดทั้งคืน โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่ามีใครบางคนแอดไลน์มาหาขณะผมกับรอนด้ากำลังร่วมรักกัน

 

 

03.35 น.

Great ผู้ใช้คนนี้ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ

เพิ่มเพื่อน บล็อก รายงานปัญหา

 

Great : ผมรู้ว่าคุณไปกับรอนด้า

Great : ผมไม่รู้ว่ารอนด้าสนใจคุณหรือคุณตั้งใจอ่อยเขากันแน่

Great : แต่ผมอยากบอกให้คุณรู้เอาไว้

Great : ต่อให้คุณกับรอนด้าจะสนุกด้วยกันแค่ไหน

Great : สุดท้ายรอนด้าก็ต้องเป็นของผมคนเดียว

Great : เขาไม่มีทางทิ้งผมไปหาคุณได้

 

twitter #นอกจากชื่อผม


 

ภาพเซฟเฮ้าส์คุณรอนด้าจาก https://www.istockphoto.com/th


พอบอกว่าจำกันได้ลูกเราก็บึ้มๆ บั้มๆ กับคุณรอนซะแล้ว อิแม่จะเป็นลม.. น้องครินต์ผลักผู้ออกและมาอ่านไลน์ก่อนลูก หรือจะกดบล็อกไปเลยดีคะ 555555555 น้องเกรทก็ทักมาซะดึกเลย 

ส่วน น้องกุมภ์ เพื่อนของรอนด้ามีเรื่องเป็นของตัวเองนะคะ สามารถอ่านได้ที่เรื่อง MSN รุ่นพี่คนโปรด

เมื่อวานมีเหตุฉุกเฉินเลยไม่ได้อัพตามกำหนด กราบขออภัยทุกคนที่รอต๋า เจอกันอีกทีวันเสาร์หรืออาทิตย์นะคับ