“น้องอิง ป่ะป๊าไม่กินเผ็ดนะคะ”

“ป่ะป๊าแม่มึงー” อิงฟ้าที่เตรียมจะหันกลับไปสาดคำพูดอันรุนแรงใส่คนกวนตีนข้าง ๆ กันชะงักกึกราวกับเครื่องด่าที่โดนปิดสวิชต์ เธอเม้มปากฉับเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเผลอไปตกลงอะไรกับอีกคนไว้….

“เมื่อกี้หนูว่าไงนะคะ” เซียนที่เห็นท่าทางอย่างนั้นก็แสร้งทำเป็นเสียงดุใส่กันราวกับตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่างั้นแหละ อิงฟ้าจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด แล้วก็สะบัดหน้ากลับไปสับผักตรงหน้าต่อด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด แต่ไม่ยักจะบ่นอะไรออกมา

ไม่ใช่ว่าไม่อยากบ่น แต่เธอบ่นไม่ได้!!!

พลาด! เธอบอกเลยว่าเธอพลาดแล้วที่ตอบรับข้อเสนอบ้าบอคอแตกนั่น!!

ก็เธออุตส่าห์คิดไว้ว่าถ้าได้กระเป๋ามาแล้ว เธอก็จะทำเป็นแกล้งลืมสักหน่อย หรือไม่ก็ทำเป็นลอยหน้าลอยตาไม่ทำตามมันไปซะเฉย ๆ อะไรแบบนั้น มันก็คงจะทำอะไรเธอไม่ได้อยู่แล้วไหมถ้าเธอไม่ยอมสักอย่าง

ก็ใครมันจะไปคิดล่ะว่ามันขู่จะเอากระเป๋าเธอไปเผาทิ้งขึ้นมาจริง ๆ อะ!

“มองแบบนั้นคืออะไรคะ” คนตัวสูงเผยยิ้มอันแสนไร้เดียงสาออกมาอย่างซื่อ ๆ …ซื่อบ้าซื่อบออะไร อย่าคิดนะว่าเธอไม่เห็นมันแอบยิ้มเยาะเธออะ เธอคิดไปก็ยิ่งหงุดหงิดที่เห็นมันทำราวกับเป็นผู้ชนะอย่างอย่างไรนั้น

คอยดูเถอะ ผ่านวันนี้ไปได้เธอจะเอาคืนให้ได้เลย!

อิงฟ้าคิดพลางสับมีดลงบนเขียงอย่างแรงด้วยความหงุดหงิด พาลให้คนมองที่มัวแต่ยิ้มลำพองใจอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งอย่างแรง เซียนลอบกลืนน้ำลายมองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าหวาดระแวง

“อย่าพูดมากได้มั้ย..คะ!” อิงฟ้ามองค้อน แล้วก็หันกลับไปพยายามตั้งใจทำอาหารตรงหน้าเธอต่อ

เรื่องมาก สั่งให้เธอทำอะไรให้กินแล้วยังจะมาเลือกมาอีก กินนู่นก็ไม่ได้ กินนี่ก็ไม่ได้ ไอ้เราก็ทำเป็นแต่อาหารไทยหรือไม่ก็แค่เส้นพาสต้า สปาเกตตี้ง่าย ๆ แค่นั้นแหละ แล้วไอ้บ้านี่ดันอยากจะกินอาหารจีน!

เถียงกันเรื่องอาหารไปแล้วรอบหนึ่ง แน่นอนว่าแม่ครัวต้องเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว สุดท้ายเลยมาตกลงกันที่อาหารง่าย ๆ อย่างสปาเกตตี้ขี้เมาทะเลกับเนื้อย่างแทน

ส่วนคนหน้าตาซื่อบื้ออย่างเซียนก็กอดอกทำหน้าบึ้งได้แปบเดียวแค่นั้นแหละ รายนั้นแค่เห็นอาหารก็หางกระดิกแล้ว มองตามเธอทำอาหารมาตั้งแต่ชั่วโมงก่อนไม่ละสายตาราวกับหมาน้อยหิวโซอย่างไรอย่างนั้น

แต่ก็ไม่วายกวนส้นตีนเธอตอนทำอาหารอยู่ดี อย่างเช่นตอนนี้ไง

“หนูขาของป๊าพูดจาไม่เพราะเลย ป๊ายึดกระเป๋าคืนดีมั้ยน้า” เซียนว่าพลางแสร้งยื่นมือเข้ามาเกาคางเธอราวกับเอ็นดูกันนักหนา เธอย่นคอหนีด้วยความรำคาญแต่มันก็ยังจะตามมาจิ้มนู่นจิ้มนี่บนหน้าเธออยู่นั่นแหละ อิงฟ้าทำทีเป็นชูมีดให้มันดูอีกรอบ มันถึงจะหยุดยื่นมือมากวนกัน แต่กายก็ไม่ได้ละไปไหน ยังคงกอดอกยืนพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์ข้าง ๆ จ้องเธออยู่นั่นแหละ

“จะจ้องอะไรนักหนา”

“หืม? ว่าไงนะคะ” อิงฟ้าจิ๊ปากออกมาเสียงดัง แล้วกระแทกเสียงกลับไปใหม่

“ป่ะป๊าจะมาจ้องหนูทำไมคะ!!!”

เซียนที่ได้ยินสรรพนามหวานหูนั้นก็ยิ้มระรื่นขึ้นมาเลย ถึงน้ำเสียงจะไม่ได้หวานตามก็เถอะแต่เธอก็ไม่สนใจหรอก ชอบเหลือเกินได้แกล้งยัยอิงฟ้าเนี่ย ที่ชอบมากกว่าก็คงจะเป็นบทโรลเพลย์ที่เรากำลังเล่นกันอยู่นี่มั้ง

“เล่นให้มันสมจริงหน่อยสิคะ เผื่อป๊าอยากจะให้กระเป๋าหนูอีกสักใบสองใบ” เซียนว่าพลางทำทีเป็นยกมือมามองเล็บตัวเองด้วยท่าทีเชิด ๆ แล้วเอ่ยลอย ๆ ราวกับพูดให้นกให้กาฟัง

นกกาที่ว่าก็คงไม่พ้นยัยผู้หญิงหน้าดุที่ทำเป็นหูผึ่งตั้งใจฟังเธอพูดอย่างอิงฟ้าคนนี้อะแหละ

“.....”

“ว่าไงคะ ไม่มีอะไรจะพูดเหรอ” อิงฟ้าเม้มปากอย่างคิดหนัก อย่างจะรู้จริง ๆ ว่ามันต้องการอะไรจากเธอเนี่ย เธอไม่ใช่เด็กเสี่ยมืออาชีพสักหน่อย! จะไปรู้ได้ไงว่าทำยังไงมันถึงจะชอบ เธออ้อนใครไม่เป็น เอาใจใครก็ไม่เป็นด้วย

ยกเว้นก็แต่ไม่มีของมาล่อตาล่อใจเธอล่ะนะ

แล้วกระเป๋าใบสองใบที่ว่าก็ทำให้เธอหูผึ่งขึ้นมาจริง ๆ ความกระดากอายอะไรเธอไม่สนใจแล้ว!

“ป่ะป๊าขา” อิงฟ้าเอ่ยเสียงหวานเรียกกันอย่างออดอ้อน เธอละมือจากมีดในมือลงแล้วปรี่เข้าไปเกาะแขนของคนตัวสูงกว่าด้วยจริตจะก้านอ่อนหวานราวกับวิญญาณเด็กเสี่ยเข้ามาประทับร่างอย่างไรอย่างนั้น

ไหนบอกไม่ชอบอ้อนไง!

เซียนแอบคิดในใจอย่างอึ้ง ๆ เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปปุบปับกระทันหันนั่น เธอผินหน้าเหวอ ๆ ของตัวเองไปมองคนหน้าดุที่ตอนนี้สลัดทิ้งภาพลักษณ์แบบนั้นไปได้เสียหมดเกลี้ยง

เด็กขี้อ้อนคนนี้ใช่คนเดียวกับยัยอิงฟ้าคนเมื่อกี้ไหมเนี่ย

“ข…ขา” เซียนเผลอหลุดเสียงตะกุกตะกักไป

“ป่ะป๊าหิวไหมคะ อยากกินอะไรง่าย ๆ รอเนื้อสุกมั้ย” ไม่ว่าเปล่า คนตัวเล็กกว่าก็วางใบหน้าสวยนั่นลงแนบลงกับอกเธออย่างออดอ้อน แล้วช้อนสายตาขึ้นมามองกันเสียหวานเจี๊ยบ …ตาย ตายแล้ว! ใครก็ได้มอบโล่ทองคำให้ยัยคนนี้ที!

ขนาดเซียนที่รอจังหวะนี้มานานยังอดทึ่งกับสกิลนักแสดงหน้าใหม่คนนี้ไม่ได้เลย อะไรจะสมบทบาทได้ขนาดนั้น

“กินหนูได้มั้ยล่ะคะ” พอตั้งสติได้ เซียนก็เป็นฝ่ายก้มลงไปกระซิบข้างหูอ้วนของอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อ เธอแอบเห็นมันเหลือบขึ้นมามองกันตาเขียวปั๊ดอีกแล้วจนเธอหลุดขำออกมา แบบนี้ค่อยสมกับเป็นอิงฟ้าตัวจริงหน่อย

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบอิงฟ้าร่างเมื่อกี้หรอกนะ …ก็แค่รับมือไม่ทันแค่นั้นเอง

“กินตีนหนูเถอะค่ะงั้น” อิงฟ้าพูดอย่างเซ็ง ๆ แล้วละออกไปจับมีดทำอาหารต่อ เซียนเองก็ได้ทีแอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใครว่าเธอไม่เสียอาการกัน ลองโดนคนสวย ๆ แบบนั้นมาอ้อนกันบ้างคงไม่มีใครยืนไหวได้แบบเราหรอกนะ เซียนคิดปลอบใจตัวเอง

พอเห็นท่าทางอิงฟ้าที่ตั้งอกตั้งใจทำอาหารแล้วเซียนก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ เห็นดูร้ายดูซนแบบนั้นแต่อิงฟ้าก็เป็นถึงลูกสาวคุณหม่อมตระกูลผู้ดีเลยนะ เพราะงั้นท่าทางดูสูงส่งราวกับราชนิกุลในสมัยก่อนก็มีหลุดออกมาบ้างให้เห็นเป็นบางคราให้เธออดชื่นชมไม่ได้ ก็อย่างเช่นตอนนี้ไง

อิงฟ้าขยับตัวจับนู่นทำนี่ด้วยความคล่องแคล่ว ด้วยความที่เธอมักจะโดนคุณย่าที่มีศักดิ์นำหน้าชื่อเป็นถึงหม่อมราชวงศ์ช่วยสอนให้อะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วนั่นแหละ เธอถึงมีสกิลเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ติดตัว แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอไม่ชอบนะ อิงฟ้าก็ชอบทำอาหารนั่นแหละ แค่ไม่ได้เป็นคนเรียบร้อยแบบที่คุณย่าหวังให้เธอเป็นสักเท่าไหร่

ก็แหม… นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ใครจะยังมัวมาทำตัวราวกับยังไม่หลุดออกจากอดีต (เหมือนคุณหญิงย่า) อย่างนั้นกัน

เซียนเห็นแล้วก็อดยกโทรศัพท์ขึ้นมาแอบเก็บภาพสวยงามตรงหน้าไม่ได้ ใครเห็นภาพตรงหน้าแล้วจะปฏิเสธล่ะว่ามันไม่สวย ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาก่อน เธอคงไม่ได้มีโอกาสมาเห็นภาพคนสวยคนนี้ทำอาหารให้กินใกล้ ๆ หรอก

เห็นคนสวยแล้วมันก็ไม่อยากจะอยู่เฉย ๆ ขึ้นมายังไงไม่รู้อะ… เซียนคิด แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เธอได้เป็นเจ้าของยัยคนนี้เชียวนะ (อย่างน้อยก็วันนึง) เซียนก็เลยขยับเข้าไปเบียดกายยืนซ้อนหลังอย่างเนียน ๆ

“หนูทำถึงไหนแล้วคะ ป๊าหิวมากเลย” เซียนยื่นหน้าเข้าไปเอ่ยเสียงออดอ้อนราวกับลูกหมาหิวโซอยู่ข้างหูอีกแล้ว ก็ดูหิวจริง ๆ นั่นแหละ คนตัวเล็กก็รู้ว่ามันไม่ได้แกล้งหรอก กว่าจะอ่านหนังสือ กว่าจะออกไปซื้อของมันก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้วด้วยสิ

“รอก่อนนะคะ ใกล้แล้ว” อิงฟ้าเองก็เผลอลืมตัวเหมือนกัน เธอเอ่ยตอบเสียงเล็กเสียงน้อยตามอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว เอื้อมมือมาแตะ ๆ แก้มเขาเบา ๆ เป็นการปลอบใจสองสามที แล้วดึงมือกลับไปทำอาหารต่อ

แต่คนโดนปลอบเนี่ยแหละ หน้าแดงไม่ไหวแล้ว!

อิงฟ้ามันรู้ตัวไหมเนี่ยว่าเมื่อกี้หลุดทำตัวน่ารักใส่เธออะ เซียนเม้มปากเขินแต่ก็ไม่อยากจะขยับหน้าหนีออกไปไหนเลย

โอ๊ย อยากได้ร่างอิงฟ้าแบบนี้ทุกวัน

“หิวแล้วนะเนี่ย กินของหวานก่อนได้มั้ย” เซียนยังคงงอแง ปล่อยเสียงงุ้งงิ้งอะไรไม่รู้อยู่ข้างหูแบบนั้นจนอิงฟ้าหลุดขำในลำคอ อะไรมันจะทำตัวเป็นเด็กน้อยขนาดนี้นะ ไหนว่าให้เธอมาเป็นน้องหนูไง นี่เธอเหมือนแม่มันมากกว่าแล้วเนี่ย

“ถ้ามีก็ไปกินสิ” อิงฟ้าเอ่ยอย่างไม่คิดอะไร ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกได้ว่าคมเขี้ยวของคนด้านหลังมันถือวิสาสะฝังลงบนลำคอเธออย่างไม่ทันตั้งตัว

“อ๊ะ! ไอ้เซียน!!!” คนตัวเล็กแหวเสียงดังแล้วพยายามขืนตัวให้หลุดออกจากอ้อมแขนของเซียนที่ไม่รู้มันขยับมากอดกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกัน อิงฟ้าตกใจจนเกือบจะทำมีดในมือตกไปแล้ว

มือไวชิบหายเลย!

“ปล่อย! อีเซียน เดี๋ยวกูแทงแม่งเลย” เธอว่าอย่างหงุดหงิดเมื่อขืนตัวเท่าไหร่ก็ไม่ออกสักที ไหนจะหน้าของมันที่ไม่ยอมละออกไปจากคอเธออีก! อิงฟ้าวางมีดลงแล้วหยิกหลังมือมันไปแรง ๆ หลายทีจนได้ยินเสียงโอดโอยหลุดออกมา

“ขอกินของหวานหน่อย ไหนว่ากินได้ไง” เซียนเอ่ยอู้อี้ทั้งที่ปากก็ไม่ยอมละต้นคอเธออยู่นั่นแหละ พอพูดจบมันก็ส่งเนื้อขาว ๆ นั้นเข้าปากแล้วดูดดุนราวกับเอร็ดอร่อยอะไรนักหนา อิงฟ้าย่นคอหนีด้วยใจที่มันรู้สึกแปลก ๆ แต่เซียนก็ยังคงตามมาดูดดุนคอเธอไม่หยุดหย่อน

“อื้อ พอออ! กูทำอาหารไม่ถนัด” พอเสียงแข็งใส่ก็แล้วก็ยังไม่ปล่อย อิงฟ้าก็เลยงัดเสียงงอแงขึ้นมาใช้แทน

“พูดดี ๆ ก่อน เผื่อป๊าจะยอมปล่อย” เซียนว่าพลางฝังจมูกลงบนลำคอเข้าเต็มฟอดใหญ่ ทำเสียงสูดซะดังจนเจ้าของร่างเองยังแอบเขินที่ได้ยินเลย ไม่ไหว.. จะทำให้เธอหมดแรงกี่รอบต่อวันเนี่ย

“จะ.. จะกินมั้ยเนี่ยเนื้ออะ”

“กิน แต่หิวของหวานก่อน” เธอกอดรัดเอวบางแน่นแล้วเริ่มลุ่มหลงกับต้นคอขาวนั่นเป็นครั้งที่สองของวัน พูดว่าจะปล่อยแต่ก็ไม่ได้มีทีท่าอย่างนั้นสักนิด เซียนเริ่มใช้ทั้งจมูกและปากกดจูบคอมันอีกครั้ง และอีกครั้งจนรอยแดงมันขึ้นอีกหลายจุดเลย แต่คราวนี้เธอทำการบ้านมาดี ไม่ยอมทำรอยให้มันเห็นหรอก

กลายเป็นว่าตอนนี้อิงฟ้าก็ได้แต่ย่นคอหนี พร้อม ๆ กับเผลอเปิดช่องให้เซียนมันซุกไซร้คอเธออีกแล้ว

“อื้อ ป่ะป๊า พอก่อนนะคะ” พอสู้ด้วยแรงไม่ได้ อิงฟ้าก็เลยเป็นฝ่ายยอมลงก่อนด้วยการใช้น้ำเสียงร่างน้องหนูอิงอีกครั้ง คนฟังอย่างเซียนที่มัวแต่ไซร้คอจึงได้สติขึ้นมาทันควัน

คนตัวเล็กที่เห็นเซียนสงบลงแล้วเธอเลยรีบผละตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว เธอหันกลับไปดันไหล่เซียนด้วยใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังคงทำใจดีสู้เสือ ส่งสายตาออดอ้อนให้อีกคนยอมหยุดแกล้งเธอสักที

“ออกไปนั่งรอก่อนนะ หนูจะได้รีบทำให้กินไง”

เซียนเห็นอย่างนั้นก็เผลอพยักหน้ารับไปอย่างเลื่อนลอย ยิ่งเห็นคนตัวเล็กยิ้มหวานส่งท้ายให้กันก่อนจะหันหลังกลับไปเสียดื้อ ๆ อย่างนั้น เซียนก็ยิ่งตาพร่าเพราะโดนความสวยเล่นงาน

 

 

เชี่ย! เมื่อกี้ตัวเองเป็นอะไรไปเนี่ย

พอเซียนก้าวหลุดมาจากห้องครัวได้ ตัวเองก็รีบเดินปรี่ไปยังห้องนั่งเล่นแล้วนั่งปิดหน้าปิดตาอยู่อย่างนั้นเมื่อรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันออกจะร้อนเกินไป

ชิบหาย โรคแพ้คนสวยกำเริบ

คนตัวสูงคิดพลางเหลือบไปมองประตูครัวบ่อย ๆ ด้วยความเขิน นี่เธอบ้าจริง ๆ แล้วหรือเปล่าเนี่ย! แกล้งเองแต่เขินเองซะงั้น เห็นเธอชอบทำเป็นหื่นแบบนั้นก็ใช่ว่าเธอจะไม่รู้สึกอะไรสักหน่อย นี่ถ้าเธอเผลอตัวแบบเมื่อกี้บ่อย ๆ มีหวังสักวันเธอได้เผลอจับมันทำเมียขึ้นมาจริง ๆ แน่

คิดผิดคิดถูกเนี่ยที่แกล้งให้คนสวยอันตรายอย่างนั้นมาเป็นเด็กของเธอกัน!

 

 

………………………………………....

 

 

ผ่านมาแล้วกับเหตุการณ์วันที่เธอสวมบทเป็นป่ะป๊ากับน้องหนูขา หลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้มีโอกาสเจอกันบ่อยเพราะเวลาเรียนก็ไม่ค่อยจะตรงกันอยู่แล้ว เธอกับเซียนมักจะมีวันที่เรียนตรงกันอาทิตย์ละวันหรือสองวันแค่นั้นแหละ เพราะอย่างนั้นเธอก็เลยได้มีเวลาหายใจหายคอบ้าง ไม่รู้ด้วยว่าขอบเขตการเป็นน้องหนูของมันอยู่ที่ตรงไหน เกิดเธอโดนมันมาซุกมาล้วงอะไรขึ้นมาอีกเธอจะแย่เอา

และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่กลุ่มของเธอและเซียนนัดเจอกันในมหาลัยในรอบอาทิตย์ คิด ๆ ดูแล้วความบังเอิญและความสัมพันธ์ของเธอกับเซียนก็คือไม่ห่างกันเลยนะ เธอมีเพื่อนในกลุ่มอีกสองคน นอกจากวิเวียนก็มี เยว่ เด็กสาวรุ่นน้องที่เธอบังเอิญรู้จักเพราะไปช่วยงานละครเวทีอยู่บ่อย ๆ สนิทจนจับพลัดจับผลูมาอยู่กลุ่มเดียวกันได้ยังไงก็ไม่รู้ ทั้งที่อายุน้อยกว่าเธอเกือบสองปี แต่ก็สนิทกันจนด่าเล่นหัวเธอไปแล้ว นอกจากจะเป็นรุ่นน้องแล้วเยว่มันก็เป็นน้องสาวน้องเซียนอีกด้วย

ตอนแรกเธอก็แปลกใจนะว่าเด็กเปรตอย่างเยว่มันจะมีพี่สาวที่เนิร์ดขนาดนั้นได้อย่างไร มันชอบมาอวยพี่สาวให้ฟังก่อนที่อิงฟ้าจะได้รู้จักตัวจริงซะอีก เธอก็คาดหวังไว้ซะเยอะว่าจะมีเพื่อนเนิร์ด ๆ ไว้ให้เธอเกาะ (?) เวลาเรียนบ้าง

ที่ไหนได้ แม่งงูพิษทั้งพี่ทั้งน้อง

ที่น่าแปลกใจกว่าก็คือแม้แต่น้องสาวมันก็ไม่รู้นี่แหละว่าอีเซียนมันเป็นคนยังไงอะ!!!

 

 

อะ.. พูดถึงมันก็โทรมาเลย อิงฟ้าเหลือบมองหน้าจอที่โชว์ชื่อ อีเซียน แล้วรับสายอย่างหวาดระแวง

“อะไร โทรมาทำไม”

[ทำไมพูดกับป่ะป๊าแบบนั้นล่ะคะ] อิงฟ้ากลอกตามองบนอย่างเบื่อหน่ายเมื่อมันไม่หยุดเล่นสักที

“ป๊าเหี้ยอะไรคะ มีอะไร โทรมาทำไม”

[ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น กลัวอะไรเนี่ย] พอได้ยินเสียงงง ๆ อย่างนั้นอิงฟ้าก็เลยปรับโทนให้ดูสบาย ๆ ขึ้น ให้มันรู้ไปว่าเธอไม่เคยเกรงกลัวอะไรอยู่แล้ว

“อย่าพูดมาก มีอะไรล่ะ”

[ทำไมสองแสนมันหมดโปรไวจังอะ หนูขาของป๊าพูดกับป๊าเพราะ ๆ หน่อยไม่ได้เหรอ ป๊าคิดถึง]

เป็นอีกครั้งที่เธอกลอกตาจนแทบจะกลายเป็นเลขแปด แต่อิงฟ้าก็ยอมเซอร์วิสมันสักหน่อย ไหน ๆ ก็ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้วด้วย

“จ้า อีป๊า ไหนป๊าของหนูจะเอาอะไรคะ งอแงทำไมหืม” เธอกรอกเสียงกลับไปอย่างกวน ๆ บ้าง

[ชื่นใจ พูดซะเพราะเชียว] ปลายสายหัวเราะน้อย ๆ แล้วเอ่ยต่อ

[หนูรออยู่ที่คณะใช่มั้ย เดี๋ยวป๊าไปรับน้องสาวก่อนนะ หนูก็รอก่อนเดี๋ยววนไปรับ]

อิงฟ้าที่ได้ยินอย่างนั้นก็งงนิดหน่อยที่มันจะถ่อมารับเธอถึงคณะ ก็ปกตินัดเจอกันที่ปลายทางนี่ เธออาจจะคิดไปเองก็ได้ที่รู้สึกว่าช่วงนี้เซียนมันดูจะติดเธอนิดหน่อย

“ค่ะ หนูจะรอน้า จุ๊บ” นี่แหนะ ก่อนวางสายอิงก็เป็นฝ่ายส่งจุ๊บแสนขี้เล่นตบท้ายแล้วชิงวางสายก่อนซะเลย เธอล่ะอยากจะเห็นหน้าเหวอ ๆ ของมันจริง ๆ เลยว่าจะดูบื้อแค่ไหน

อิงฟ้ายิ้มคิกคักอยู่อย่างนั้นจนคนพึ่งเดินมาถึงอย่างวิเวียนมองหน้าอย่างงง ๆ เธอถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองอารมณ์ดีเกินเหตุไปหน่อยจึงรีบปรับสีหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

“ใครโทรมาอะ”

“ทำไมแม่สาระแนจัง” อิงฟ้าตอบไปอย่างกวน ๆ เพราะเธอสามารถกวนได้แค่วิเวียนคนเดียวเท่านั้นแหละ เพราะนอกนั้นเธอก็เป็นฝ่ายแพ้ให้เขาหมดเลย!

ขนาดคนเนิร์ดบื้ออย่างเซียนเธอยังกวนแพ้มันเลยอะ

“อีเด็กเหี้ย” วิเวียนขยับปากด่าเสียงเรียบนิ่งจนคนมองอย่างเธอหัวเราะร่วนขึ้นมา

ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากเล่าอะไร เสียงโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้นมาอีกครั้งจนเธอก็แอบสงสัยเหมือนกันว่าใครมันขยันโทรหาเธอนัก เธอมองหน้าจออีกครั้งอย่างงง ๆ ก่อนจะยิ้มร่าออกมาเมื่อมันปรากฏชื่อ หมอธี หนึ่งในคนคุยคนใหม่ของเธอเป็นเจ้าของปลายสายนั้น ไม่รอช้าเธอก็รีบกดรับทันที

“ค่ะพี่หมอ ว่าไงคะ”

เสียงหวานเชียวค่ะอี…

วิเวียนเผลอกลอกตามองบนทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงชวนให้อ้วกของเพื่อนสนิทตัวเองดังออกมาทันทีที่กดรับสาย ยิ่งได้ยินเสียงสี่เสียงแปดของมันเธอที่พ่นออกมา วิเวียนก็ยิ่งทำท่าจะอ้วกออกมาแบบกลั้นไม่อยู่ ดูก็รู้ว่าตอแหลอ้อนผู้!

“ค่า คิดถึงเหมือนกันนะคะ”

อิงฟ้าหันมาถลึงตาใส่เพื่อนแล้วกลับไปป้องปากคุยกับปลายสายต่อราวกับกลัวเธอจะได้ยินอย่างไรอย่างนั้น ขอโทษเถอะ มึงแทบจะเปิดลำโพงคุยให้กูได้ยินอยู่แล้วจ๊ะ! …วิเวียนคิด

“คะ? วันนี้หรอคะ? แต่ว่า….” พอได้ยินอย่างนั้นวิเวียนก็เลยเสสายตากลับมามองหน้าเพื่อนเธออย่างเอาเรื่อง ยิ่งเห็นสายตาออดอ้อนตอแหลของมันวิเวียนก็ปรี๊ดขึ้นสมอง อะไรก่อน มันจะวันนี้อะไรกัน จะไปหาผู้ชายใช่มั้ยอาการนี้!! แต่วันนี้มันเป็นวันของเพื่อนมั้ยล่ะ จะมาทิ้งเพื่อนไปหาผู้ชายมันก็ไม่ได้ไหม …อิงฟ้าที่เห็นสัญญาณเอาเรื่องจากเพื่อนสนิทตัวเองก็ยิ้มเจื่อนออกมาเมื่อแม่สุดโหดของเธอดูท่าจะไม่อนุญาตให้เธอเทนัดซะแล้ว

เธอก็เอ่ยเสียงเล็กกลับไปอย่างออดอ้อน “พี่ธีขา บ่ายนี้อิงไม่ว่างเลยค่ะ งือ พี่ธีเลื่อนนัดให้นิดนึงได้มั้ยคะ”

งือกับเหี้ย!

ไม่ไหวละ เธอทนฟังเสียงมันไม่ไหวอีกต่อไปละ วิเวียนคิดอย่างนั้นแล้วเป็นฝ่ายผุดลุกเตรียมจะเดินหนีออกไปแทน พลันสายตาเธอก็เหลือบไปเห็นรถยนต์หรูอันคุ้นตากำลังเลี้ยวเข้ามาจอดใกล้พวกเธอพอดี

เซียนนั่นเอง วิเวียนมองพร้อมส่งยิ้มทักทายไปให้ เธอมองตามก็เห็นทั้งเยว่และเจ้าจอมแฟนของเธอเดินตามมาด้วย วิเวียนถึงได้เดินทิ้งอิงฟ้าแล้วไปหาแฟนทันที แอบเห็นสีหน้าหงิกงอแปลก ๆ ของเยว่แต่ก็ไม่ได้ทักอะไรออกไป

ด้านอิงฟ้าที่เห็นหน้าเซียนก็รู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมา …ไม่ใช่อะไร แต่เธอรู้สึกราวกับตัวเองทำอะไรผิดอยู่อย่างไรก็ไม่รู้ คงเพราะเมื่อกี้พึ่งจะเรียกเซียนมันว่าป่ะป๊า แต่ตอนนี้เธอที่กำลังคาสายคุยกับพ่อหนุ่มคณะแพทย์อยู่ล่ะมั้ง

แต่แล้วไงล่ะ เซียนมันเป็นเพื่อนส่วนพี่ธีเนี่ยคนคุย มันจะไปเหมือนกันได้ยังไง อิงฟ้าเถียงตัวเองในใจ

แล้วพ่อหนุ่มคณะแพทย์อะไรนี่ก็นาน ๆ ทีจะว่างซะด้วยสิ อิงฟ้าคิดแล้วก็แอบเสียดายขึ้นมาถ้าจะต้องยกเลิกนัด ก็ถ้าแยกกับเพื่อนเร็วซักหน่อยแล้วไปเดทก็ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอกมั้ง…

อิงฟ้าพูดอย่างนั้นแล้วก็รีบขอตัววางสายเพื่อไปหาข้อตกลงกับเพื่อนสนิทเสียก่อนแล้วบอกว่าจะโทรกลับ เซียนที่ได้ยินคนตัวเล็กคุยโทรศัพท์อยู่นานสองนานแล้วก็เอ่ยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้

“มีอะไรเหรอ”

“ผู้ชายนัดเดท” อิงฟ้าเอ่ยตอบกลับไปอย่างไม่คิดอะไร ส่วนคนฟังก็ขมวดคิ้วที่ได้ยินคำตอบอันแสนจะเถรตรงนั่น

“ป่ะป๊ายืนหัวโด่อยู่ตรงนี้เนี่ยนะ”

อิงฟ้าได้ยินอย่างนั้นก็หันกลับมาหัวเราะให้อย่างน่ารัก ยิ่งเห็นหน้าเซียนงอแงเธอก็แอบได้ใจเหมือนกันนะ

“โอ๋ ๆ ป่ะป๊าอยากไปเดทกับหนูแทนเหรอคะ” เธอเอ่ยหยอกล้อแล้วส่งมือไปกอดแขนมันอย่างออเซาะ เซียนที่เห็นอิงฟ้าอารมณ์ดีขนาดนั้นก็เลยไม่ได้ขัดอะไร

“พูดคะขาแล้วน่ารักจัง”

“เซียนขา”

“เหี้ย!” กลับเป็นเจ้าตัวอย่างเซียนเองที่ตกใจจนหลุดคำหยาบออกมาเสียงดัง พาลให้คนแกล้งอย่างอิงฟ้าก็เผลอสะดุ้งตกใจไปด้วย

อะไรของมันเนี่ย!

“อะไร! มึงจะหลุดทำเหี้ยอะไรเนี่ย” คนหน้าสวยทำหน้าเซ็งเมื่ออารมณ์หนูขาที่อยากจะออดอ้อนป่ะป๊ามันหายไปฉับพลันที่ได้ยินอย่างนั้น ปัดโธ่ เธออุตส่าห์สมบทบาทแล้วนะ มันจะหลุดเพื่อ!?

“ก็ ก็มึงจะเรียกชื่อกูทำไมอะ” กลายเป็นคนตัวสูงที่เอ่ยตะกุกตะกักด้วยความเขิน เรียกป่ะป๊าเธอยังไม่เสียอาการเท่าเซียนขาเลยอะ!

ส่วนอิงฟ้าก็หมดอารมณ์จะมาออดอ้อนมันต่อแล้ว เธอเลยปล่อยแขนที่คล้องมันอยู่แล้วเดินดิ่งไปยังกลุ่มเพื่อนที่ยืนรอกันอยู่หน้ารถแทน แถมพวกมันยังคุยอะไรกันด้วยใบหน้าครุ่นคิดนั่นอีก

เกิดอะไรขึ้น?

“มีอะไรวะ เป็นอะไรกัน” เยว่ทำท่าจะหันมาเมาท์เธอด้วยท่าทางออกรส แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นพี่สาวของตัวเองเธอก็หุบปากฉับราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะงั้น

“เจ้ เจ้ปวดฉี่ไม่ใช่เหรอ ไปเข้าห้องน้ำก่อนก็ได้นะ” เยว่ไม่ได้ตอบอะไรเธอแต่หันกลับไปเอ่ยกับพี่สาวแทน เซียนที่เลิกคิ้วงง ๆ แต่ก็ยอมพยักหน้าเออออแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางแทน

เธอล่ะเชื่อแล้วว่าทำไมคนในบ้านมันถึงมองเซียนไม่ออก ท่าทางซื่อบื้อราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนั่นมันโคตรจะหลอกตาเลย!

โดนไล่แบบนี้เป็นใครก็รู้ไหมว่าจะโดนนินทา นี่เธอชักจะเขวแล้วนะ ไม่รู้ว่ามันบื้อหรือมันแกล้งจริง ๆ

“ไหน เจ้มึงทำไม เล่ามาค่ะ” พอเซียนเดินไปแล้ว อิงฟ้าก็เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาขึ้นมาเองอย่างรีบร้อน

“มึง กูว่าเจ้มีแฟนว่ะ”

“หา?? ”

อิงฟ้าตะครุบปากตัวเองเมื่อรู้สึกว่าเมื่อกี้เผลอเสียงดังเกินไปจนคนรอบข้างเหลือบมากัน เธอกระแอมไอไปหนึ่งทีแต่ตาก็ยังถลึงตกใจกับสารที่ได้ฟังนั่นจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก

อะไร เซียนมันไปมีแฟนตอนไหน?!

“กูได้ยินมันคุยโทรศัพท์ เจ้กูเรียกแฟนมันว่าหนูขาอะ!!”

“เชี่ย!!!” เป็นอีกครั้งที่อิงฟ้าตกใจจนแทบจะหลุดเสียงตะโกนออกมา แถมครั้งนี้ดูจะดังกว่าเดิมเป็นเท่าตัวจนเธอโดนวิเวียนสะกิดเตือน ส่งสายตามาปรามประมาณว่า ‘มึงจะตกใจเวอร์อะไรนักหนา’ มาให้ จนเธอเริ่มรู้สึกตัว

ก็จะไม่ใช่ตกใจได้ยังไง ก็หนูขานั่นมันเธอไม่ใช่เรอะ!!!

“ม…มึงเข้าใจผิดแหละ”

“มึงต้องมาได้ยินเสียงมันเว้ย หวานเจี๊ยบ!” ได้ยินคำยืนยันอย่างนั้นเธอก็พูดอะไรไม่ออก จะออกตัวไปแก้ตัวให้มันก็เดี๋ยวจะมาสงสัยเธออีก หลังจากนั้นพวกมันก็พากันไปวิเคราะห์อย่างจริงจังว่าใครกันจะมาเป็นแฟนพี่สาวสุดเพอร์เฟคของมันเสียเคร่งเครียด จนเธอที่ยืนฟังอยู่ถึงกับกลืนก้อนน้ำลายไม่ลงเลย

อีเยว่มันจะได้ยินอะไรไปบ้างเนี่ย!

ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยอะไรต่อ เจ้าของเรื่องก็เดินเข้ามาเสียเงียบเชียบจนวงแตกกระจายไปหมด เซียนไม่ว่าอะไรเพียงแต่พูดเสียงเรียบให้ไปกินข้าวกันได้แล้วเท่านั้น พวกเธอก็เลยได้แต่เงียบอย่างไม่รู้จะพูดอะไร

 

 

………………………………………....

 

 

แล้วพวกเราก็พากันมาร้านอาหารใกล้ห้างสรรพสินค้าสุดหรูใจกลางเมืองจนได้ อิงฟ้าได้ตกลงกับเพื่อนแล้วว่าหลังจากกินข้าวเธอจะแยกไปเดทกับคนคุยหนุ่มของเธอต่อ ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่จะต้องรับเสียงด่าเสียงแขวะกันอย่างสรรเสริญมาจากทั้งวิเวียนและเยว่ก่อนเพียงเท่านั้น

กวนส้นตีนสมเป็นเพื่อนกันชะมัด

บรรยากาศบนโต๊ะไม่ได้แย่อะไรเลยอย่างที่คิด เธอคิดว่าเซียนไม่น่าจะได้ยินบทสนทนาเมื่อกี้ของน้องสาวตัวเองหรอกมั้งถึงได้นั่งเงียบแบบนี้ จะว่าไปเธอมาคิด ๆ ดูแล้ว เซียนตอนอยู่ครอบครัว กับเซียนตอนอยู่กับเพื่อนหรือเธอนี่มันให้บรรยากาศต่างกันมากเลย อย่างเช่นตอนนี้ เธอเหลือบมองมันที่เอาแต่ยิ้มซื่อ คุยกับน้องสาวเสียเสียงหวานจนเธอได้ยินแล้วก็ยังแอบขนลุก

ก็คนเปรต ๆ อย่างเซียนและเยว่แม่งดันมาพูดเพราะใส่กันน่ะสิ ทั้งที่เธอก็รู้ว่าพวกมันไม่ใช่แบบนี้อะ

มันเป็นพี่น้องกันจริงหรือเปล่า เธอล่ะชักจะสงสัยจริง ๆ

“มองอะไรล่ะ ไม่สั่งอาหารเหรอ” อิงฟ้ากระพริบตาปริบ ๆ เมื่อได้ยินเสียงทักอย่างนั้นจากคนข้างตัว เธอมองค้อนเซียนไปทีนึงโทษฐานที่มาทำตัวน่าหมั่นไส้ บังอาจมาทำเสียงนุ่มร่างพี่สาวใส่เธอทำไมก่อน ไม่ใช่น้องสาวมันนะ

“แค่ซีซาร์ค่ะ” เธอเอ่ยกับพนักงานแล้วปิดเมนูไปเสียดื้อ ๆ จนเพื่อนสงสัย แหม จะไปเดทกับผู้ชายทั้งที จะมากินของหนักก่อนได้ยังไงล่ะคะ อิงฟ้าคิดอย่างนั้น

เซียนเห็นอย่างนั้นก็เอนตัวมากระซิบข้างหูเธออย่างเนียน ๆ “กินแค่นั้นจะอิ่มเหรอ”

“ดิฉันจะไปเดทค่ะคุณเจ้ คุณเจ้อย่าสาระแนนะคะ” แล้วเธอก็เอ่ยกระซิบกลับไปอย่างกวน ๆ จนมันขมวดคิ้วมุ่น

“ใครให้เรียกเจ้ เรียกป่ะป๊าเดี๋ยวนี้”

“ไม่อยากให้เรียกเจ้แล้วจะทำตัวเป็นพี่สาวแสนดีต่อหน้าหนูทำไมล่ะคะ”

“ก็อยู่กับน้องสาวเนอะ” ได้ยินอย่างนั้นอิงฟ้าก็ยิ่งมองบน โอ๊ย เธอมองพวกมันสองคนออกตั้งนานแล้ว! มีแต่พวกมันแหละมองพี่สาวน้องสาวของตัวเองประเสริฐเหลือเกิน

“รำคาญ ปลอมทั้งหมด” เซียนหัวเราะกับคำด่านั้น ก็ทำยังไงได้ เธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดแล้วนี่นะ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่ได้ไม่รู้จักน้องสาวตัวเองสักหน่อย

“ขำไรวะ” เป็นเจ้าจอมที่เอ่ยขึ้นมางง ๆ เมื่อเห็นไอ้สองคนตรงข้ามเอาแต่กระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้

“เปล่า ๆ อิงฟ้าเล่าเรื่องตลกอะ”

“อีอิงเนี่ยนะ?? ” วิเวียนเอ่ยถามขึ้นมาบ้างจนเจ้าของชื่อได้แต่กุมขมับกับคำโกหกแสนซื่อบื้อนั่นของอีเซียนมัน คนบ้าอะไรโกหกแล้วต้องให้มาคิดหาเรื่องโกหกต่ออีกที โกหกไม่เก่งเลยสักนิด! จนเธอต้องช่วยด่ากลบเกลื่อนแทนไม่งั้นมันก็นั่งเลิกลักอยู่แบบนั้นแหละ

“มันขำหน้ามึงอะ เซียนบอกหน้ามึงตลก”

“อีอิงฟ้า อีสัตว์”

 

 

 

พอเพื่อน ๆ เลิกให้ความสนใจพวกเธอแล้ว เซียนจึงได้ทีขยับเข้าไปกระซิบใกล้หูอีกครั้ง

“แล้วหนูจะไปเดทตอนไหนอะสรุป” เซียนถาม สงสัยตอนเธอตกลงกับเพื่อนเซียนที่แกล้งหลบไปห้องน้ำอยู่คงไม่รู้ด้วยล่ะมั้ง

“กินเสร็จก็ไปเลย ถามทำไมคะ” เธอเอียงหน้าคุยกับอีกฝ่ายอย่างน่ารัก จริง ๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำน่ารักอะไร แต่สวมบทบาทหนูขาของมันอยู่ก็ต้องงัดเอามาใช้เซอร์วิสมันบ้าง

“ไปยังไง ให้ไปส่งมั้ยล่ะ” อิงฟ้าเลิกคิ้วที่ได้ยินอย่างนั้น ตอนแรกเธอจะให้หนุ่มคณะแพทย์มารับ แต่เธอก็ขี้เกียจรอที่นี่เหมือนกัน …อีกอย่างเธอกับพี่ธีก็เดทกันที่ห้าง ไหน ๆ วันนี้มันก็เป็นป่ะป๊าของเธอแล้ว มันอาจจะให้บัตรเธอสักใบสองใบมารูดเล่นก็ได้นี่เนอะ

คิดอย่างนั้นเธอจึงรีบพยักหน้าหงึกหงักกลับไปจนผมพริ้วปลิวสไว.. กลัวไม่รู้ว่าเต็มใจ “ไปค่ะ ไปส่งหนูนะ”

เซียนนิ่งค้างไปเลยเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะตอบรับได้หวานขนาดนั้น

 

 

“เออแม่ สรุปสอบเสร็จแม่จะทานเหล้าด้วยกันไหมเนี่ย” ระหว่างรออาหารเธอก็นึกขึ้นได้ว่ากลุ่มเธอมีแพลนหลังสอบเสร็จด้วยกัน ติดก็แต่วิเวียนนี่แหละที่ไม่ค่อยจะออกไปแฮงเอาท์อะไรแบบนี้ด้วยกันบ่อย ๆ เธอตื๊อนานสองแล้วก็ไม่ให้คำตอบเธอสักที

ก็ครั้งนี้อยากให้มันไปกันครบ ๆ นี่

วิเวียนเหลือบตามองกันอย่างรำคาญ แต่เพราะแฟนสาวของตัวเองอยู่ร่วมโต๊ะด้วยจึงเกรงใจ ไม่กล้าพูดอะไรมาก

“เนี่ยเซียนไป จ้าวก็ไปด้วย …ใช่ป้ะ” ได้ทีก็มัดมือชกซะเลย อิงฟ้าทำทีเป็นยิ้มแสนซื่อถามเพื่อนอีกคนจนเจ้าตัวรู้สึกว่าถ้าปฏิเสธไปก็คงจะดูไม่ดีเท่าไร เจ้าจอมถึงได้พยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไร

วิเวียนเห็นอย่างนั้นก็เลยเออออตามไปด้วย “เออ ๆ ไปก็ไปอีควาย”

แค่นั้นแหละ อิงฟ้าก็สบายใจละ

 

 

ไม่นานอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบ คนที่บอกว่าขอกินแค่สลัดก็เอาแต่มองสเต็กเนื้อเธออยู่นั่นแหละ จนเซียนต้องยอมหั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็กแล้ววางแบ่งให้มัน ไม่ใช่แค่เธอหรอก มันขอแทบจะทั้งโต๊ะนั่นแหละ!

ตัวป่วนของกลุ่มนอกจากจะเป็นน้องเยว่แล้ว ก็ยัยอิงฟ้าคนนี้นี่แหละป่วนไม่แพ้กันเลย

ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่เธอก็เอ็นดูนะ เอ็นดูทั้งสองคนเลย แต่ออกจะเอ็นดูกันคนละความหมายนิดหน่อย เซียนคิดพลันก็รู้สึกอยากจะแตะเนื้อต้องตัวอิงฟ้าอีกแล้ว วันนี้ยังไม่ได้ทำหน้าที่หนูขาเลยนี่

ไม่ทำเพียงคิด เซียนก็จัดการพามือซ้ายข้างที่ว่างของตัวเองไปวางแหมะข้างเอวบางของคนข้างกายแผ่วเบา อิงฟ้าใส่เสื้อครอปเปิดเอวแบบนี้มันล่อตาล่อใจเธอจริง ๆ เธอแอบเห็นนะว่าเจ้าตัวสะดุ้งโหยงเลย … โดนค้อนอีกแล้วสิ

แล้วยังไงล่ะ อยู่ต่อหน้าเพื่อนแถมอยู่ในพื้นที่สาธารณะแบบนี้ อิงฟ้าคงไม่กล้าจะด่าเธอออกมาเสียงดังอยู่แล้ว เธอนึกสนุกแล้วเริ่มไล้วนฝ่ามือเชื่องช้า จนรู้สึกได้ว่าร่างกายอีกคนเกร็งขืนขึ้นมา

คนตัวเล็กมองค้อนแล้วมองอีกเซียนมันก็ยังไม่ปล่อยมือจากเอวเธอเสียที แถมมันไม่ได้แค่จับเฉย ๆ แล้วด้วย เธอมองเซียนที่ใช้มือขวาจิ้มเนื้อเข้าปาก ส่วนมือซ้ายใต้โต๊ะก็ลวนลามเธอไปพร้อมกันด้วยใบหน้าระรื่นนั่นแล้วก็หมั่นไส้มันขึ้นมา จะขืนตัวก็กลัวเพื่อนจะรู้ว่าทำอะไรกัน เธอถึงได้แค่เอานิ่งแล้วแอบหยิกหลังมือมันเป็นพัก ๆ แบบนี้

อื้อ.. อิงฟ้ากัดฟันฉับเมื่อรู้สึกวาบหวามยามที่มันไล้วนบริเวณหน้าท้องนิ่มของเธอแผ่วเบา คนตัวเล็กหดเกร็งหน้าท้องเพราะมันก็แอบรู้สึกสยิวอยู่เหมือนกัน เธอเอนตัวเข้าหาคนตัวสูงแล้วกระซิบเสียงแข็งไปว่า

“อีเซียน มึงอยากตายมั้ย” แต่คนฟังกลับหัวเราะในลำคอกลับมาซะงั้น มันทำทีหันมาเลิกคิ้วใส่ แล้วยื่นเนื้อมาป้อนเธอถึงปาก

“อยากกินก็ไม่บอก” อิงฟ้าขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็ยอมอ้าปาก ก่อนจะหยิกแขนมันเสียเต็มแรงจนเซียนหลุดสีหน้าเหยเกออกมา

ดูมัน ขนาดโดนหยิกก็ยังไม่หยุดไล้นิ้ววนหน้าท้องเธออีก!!

“เซียน จะหยุดมั้ย” เธอกระซิบถามเสียงแข็ง

“อย่าหยิกกันสิ ป่ะป๊าเจ็บน้า” กะล่อนจริง ๆ เลย เจ็บขนาดนั้นก็ยังจะไม่ยอมแพ้เธออีก

“เดี๋ยวหนูก็กัดนิ้วขาดเลยหนิ”

“นิ้วขาดแล้วป๊าจะเอาไรกระแทกหนูอะ”

เพี๊ยะ!

“เอ้า ๆ มึงตีไรกันอีกแล้วเนี่ย” เจ้าจอมเงยหน้ามามองตามเสียงตีที่ว่าอย่างงง ๆ เมื่ออยู่ ๆ อิงฟ้าก็ฟาดคนข้าง ๆ เข้าเต็มแรงขนาดนั้น แต่เซียนเป็นฝ่ายส่ายหน้าว่าไม่อะไรเธอถึงไม่ได้พูดอะไรต่อ เจ้าจอมจึงหันไปคุยกับแฟนตัวเองต่ออย่างไม่สนใจอะไร จนพลาดเห็นช็อตเซียนโดนต่อยท้องไปอีกทีโดยหมัดแมวคนข้างกาย

“รุ่มร่ามชิบหาย!!”