5 ตอน 5
โดย เดรสสีฟ้ารองเท้าก็ต้องสีฟ้า
3 เดือนก่อน
“หยิน ลุงกำลังทำเควสศึกษาในอะคาเดมี่ แต่ระบบมันแจ้งว่ามีเควสใหม่แปลว่าอะไร” หลี่ไป่หันไปถามหยินที่เดินออกจากห้องน้ำ
หยินเดินออกจากห้องน้ำตรงมาหาหลี่ไป่ เขาเอื้อมมือเปียก ๆ ไปเช็ดเสื้อลุงที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ไอ้หยิน”
“ฮ่า ๆ ๆ ไหน ๆ ดูซิ” หยินไล่สายตาอ่านหน้าจอก่อนจะอธิบาย
“คืองี้นะลุง ในเควสศึกษาที่อะคาเดมี่เป็นเควสใหญ่ นั่นแปลว่าระหว่างทำเควสใหญ่จะมีเควสย่อย” หยินใช้มือลากเมาส์เปิดกระดานหน้าต่างหน้าเกม
[ตามหาผู้ทรยศ]
[รายละเอียด : อะคาเดมี่เซนทราพบมนุษย์ทรยศต่อเผ่าพันธุ์ สังหารบรรณารักษ์และขโมยคัมภีร์ลับของเซนทราจากหอสมุดเซนทรา ค้นหา และสืบสวนผู้ทรยศ]
[รางวัล : เหรียญทอง 50 เหรียญ]
ปัจจุบัน
หลี่ไป่กดเปิดกระดานหน้าต่างแจ้งเตือนเควสครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่โลกนี้ เขาวางมือจากแป้งปาท่องโก๋ที่นวดได้ที่แล้ว จากนั้นหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดมือหันไปอ่านเควสตัวเอง
[สร้างและปลุกปั่นผู้ทรยศ]
[รายละเอียด : ตามหานักเรียนของอะคาเดมี่และเกลี้ยกล่อม เพื่อขโมยคัมภีร์ลับของเซนทราจากหอสมุดเซนทรา]
[รางวัล : คัมภีร์ลับของเซนทรา]
“มินเนส เจ้ารู้จักคัมภีร์ลับของเซนทรามั้ย” หลี่ไป่อ่านรายละเอียดเควสจบจึงเงยหน้าขึ้นถามมินเนสด้วยความสงสัย
“ท่านจำไม่ได้หรือเจ้าคะ วันที่ท่านมาที่เมืองแพนโดร่าครั้งแรก ท่านให้ข้าเป็นหนูแอบไปดูคัมภีร์ดังกล่าวแล้วแต่ท่านเข้าไปไม่ได้เพราะท่านไม่ใช่คนของอะคาเดมี่” มินเนสตอบพร้อมทั้งสนใจก้อนแป้งกลม ๆ เด้ง ๆ ตรงหน้าหลี่ไป่
“ถ้าเจ้าเคยแอบเข้าไปแล้ว เจ้าก็เห็นแล้วสิว่าคัมภีร์นั้นคืออะไร” หลี่ไป่กล่าวพร้อมหยิบก้อนแป้งปาท่องโก๋ใส่ภาชนะ คลุมด้วยพลาสติกเพื่อหมักแป้ง
“ข้าไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ มันล็อคไว้ข้าเห็นเพียงหน้าปกเขียนด้วยตัวอักษรสามตัว คือ ‘URH’ ” เมื่อมินเนสกล่าวจบ มือของหลี่ไป่ชะงักยืนนิ่งค้างเป็นเวลาหลายนาที
หลี่ไป่ยกภาชนะภายในคือแป้งปาท่องโก๋ขึ้นไว้บนชั้นวางเพื่อรอเวลามันเซ็ตตัว กรอบหน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อซึมหัวใจที่เต้นรัวไม่เป็นจังหวะทำเอา หลี่ไป่ไม่สามารถอยู่เฉย ๆ ได้
หลี่ไป่คิดทฤษฎีต่าง ๆ ในหัวมากมายจากเรื่องดังกล่าว การที่หน้าปกคัมภีร์เป็นชื่อของเกมที่เขาหลุดเข้ามา อาจจะเป็นไปได้ว่านั้นคือคู่มือการเล่นเกมหรืออาจจะเป็นเพียงประวัติศาสตร์ของโลกแห่งนี้หรืออาจจะเป็นวิธีไปมาของโลกนี้และโลกเดิมของเขาทุกอย่างล้วนเป็นไปได้
หลี่ไป่เดินวนไปมาในห้องครัวด้วยความกระสับกระส่ายจากที่คิดว่าจะไปนอนขี้เกียจระหว่างรอแป้งเซตตัวห้าถึงหกชั่วโมงแต่วินาทีนี้เขาไม่สามารถนอนได้โดยไม่คิดฟุ้งซ่าน
“มินเนส ออกไปเดินเล่นกันเถอะ” หลี่ไป่จัดเก็บวัตถุดิบทุกอย่างเข้าชั้นวางแล้วสับเท้าออกจากบ้านกึ่งวิ่งกึ่งเดิน
ค่ำของวันเดียวกัน
“เหนื่อยเป็นบ้า” หลี่ไป่นั่งลงบนเก้าอี้ไม้สาธารณะใจกลางตลาด วันนี้เขาใช้เวลาสี่ถึงห้าชั่วโมงเดินรอบอะคาเดมี่เซนทราและต้องวิ่งหนีผู้เฝ้าประตูไม่ต่ำกว่าสิบคนไม่ว่าจะหาทางไหนก็ไม่มีช่องทางไหนที่จะสามารถแอบเข้าไปได้เลยนอกจากช่องเท่ารูหนู
หากต้องการคัมภีร์ลับเล่มนั้นคงมีสองทางเลือกคือเป็นนักเรียนและเข้าไปขโมยเองแต่กว่าจะเข้าเรียนได้ก็คงต้องรอปีถัดไปที่อะคาเดมี่เปิดรับสมัครกับอีกหนทางคือทำตามเควสของระบบ ปัญหาคือเขาจะไปรู้จักนักเรียนของอะคาเดมี่ได้ยังไงแต่ถึงจะรู้จักจะขอให้เขาขโมยของเพื่อเสี่ยงชีวิตแบบนั้นคงไม่มีใครทำให้
หลี่ไป่ถอดใจสำหรับวันนี้มุ่งหน้าตรงกลับที่พักแต่ระหว่างทางเขามองเห็นช่องทางแคบตรงซอกตึกสามารถเดินผ่านทีละคน เมื่อมองผ่านเข้าไป กลับเต็มไปด้วยแสงสีและผู้คนพลุกพล่าน
“ซอยนั้นคืออะไรเหรอมินเนสเจ้าเคยไปมั้ย” หลี่ไป่กระซิบถามมินเนสแล้วชี้ไปยังตรอกดังกล่าว
“ข้าไม่เคยไป ท่านเตือนข้าไว้ว่านั้นคือซ่องเป็นแหล่งมั่วสุมของพวกติดต่อซื้อขายแลกเปลี่ยนของเถื่อนกันน่ะเจ้าค่ะ” มินเนสอธิบาย
หลี่ไป่เหมือนถูกดึงดูดให้เดินเข้าไปในตรอกนั้นคล้ายมีอะไรมาผลักเขาเข้าไป เมื่อหลี่ไป่เดินผ่านซอกแคบมาได้ภายในกลับกว้างกว่าที่เห็นภายนอกมากนัก
“เจ้าหนูมาหาใครจ๊ะ” สาวอวบอึมเสื้อผ้าน้อยชิ้นเดินเข้ามาเชยคาง หลี่ไป่คล้ายเชิญชวนนั้นทำให้ใจของหลี่ไป่เต้นระส่ำ ใบหน้าสีขาวซีดค่อย ๆ แดงขึ้น แม้ภายในจะเป็นลุงวัยสี่สิบแต่เขาที่ไม่เคยมีภรรยาหรือแฟนมาก่อนจึงไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้
“ขะ ข้า ขอตัวก่อน” หลี่ไป่เบี่ยงตัวหลบด้วยอาการลุกลี้ลุกลนสับขาเข้าไปในซอกลึกยิ่งกว่าเก่า
“ลูกโทรลล์ตัวเป็น ๆ จ้า”
“เพชรจากหัวแองเกลอร์ค่ะ ราคาไม่แพง”
ระหว่างทางมีเสียงตะโกนขายของประหลาดมากมายแม้หลี่ไป่จะไม่ทราบว่าของพวกนั้นคืออะไรแต่หากมาอยู่ในตลาดมืดแบบนี้คงจะเป็นของผิดกฎหมายแน่นอน
ตุบ
หลี่ไป่ชนเข้ากับใครบางคนโดยไม่ระวังจนตัวเองเซถอยหลัง
“เอ้า เจ้าหนูมาทำอะไรในที่แบบนี้” ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ก้มลงมามองหลี่ไป่ที่ความสูงห่างกันกว่าสองไม้บรรทัด
“ข้าขอโทษ ข้าเดินไม่มองทาง” หลี่ไป่ก้มหัวขอโทษโดยไม่กล้าสบตาชายตรงหน้า
“...”
“งั้นข้าขอตัวก่อน” หลี่ไป่หันหลังกลับอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงความน่ากลัวของชายตรงหน้า
“เดี๋ยวก่อน เจ้าหนู” ชายร่างยักษ์ใช้มือดึงแขนหลี่ไป่ไว้จนเกือบล้มลง
“มีอะไรเหรอ” หลี่ไป่พยายามแกะมือของชายคนนั้นออกจากแขนตนเพราะมันเริ่มที่จะบีบจนเจ็บและชาไปแล้ว
“เจ้าเป็นหญิงหรือชาย ผมสีทองสวยดีนะ” ชายร่างยักษ์ใช้มืออีกข้างช้อนเส้นผมสีทองขึ้นมา
“ข้าเป็นชาย ทะ ท่านปล่อยข้าเถอะข้าเจ็บแขนหมดแล้ว” หลี่ไป่สีหน้าเหยเก ความหงุดหงิดที่ถูกมองว่าเป็นหญิงกลับแพ้ความกลัวต่อชายตรงหน้า
“นี้มัน! ตาเจ้าเป็นสีชาดเหมือนของชนเผ่าในป่าเดลเลย หรือว่าเจ้า” ชายร่างยักษ์โน้มหน้าลงมาใกล้ ๆ หลี่ไป่เหมือนจะขย้ำและบีบให้เละคามือ
“ข้าไม่รู้ท่านพูดเรื่องอะไร ข้าไม่รู้จักป่าเดลอะไรนั้นหรอกนะ” หลี่ไป่เหงื่อตกเต็มหน้าแสดงสีหน้าชัดเจนว่ากลัวออกมาแต่ยังไม่วายพยายามแกะมือข้างที่ถูกบีบนั้นออก
พึ่บ
จู่ ๆ ชายร่างยักษ์ก็ปล่อยมือหลี่ไป่และล้มลงไปตรงหน้าวินาทีถัดมามืออีกข้างของหลี่ไป่ก็โดนใครอีกคนจับไว้แล้ววิ่งไปอีกทาง
“รีบหนีเร็ว” เสียงจากคนที่คว้ามือหลี่ไป่และพาวิ่งออกไปเป็นหญิงสาวมัดผมหางม้ายาวสูง ทั้งสองหนีชายร่างยักษ์ที่กำลังวิ่งตามมาติด ๆ
ผ่านไปสักพักทั้งสองคนสลัดชายที่วิ่งตามและออกจากซ่องได้สำเร็จพร้อมยืนเหนื่อยหอบกลางถนนใจกลางเมืองที่มีคนเกลื่อนกล่น
“ขะ ขอบคุณ แฮ่ก เจ้ามาก” หลี่ไป่หอบหายใจแรงเหมือนขาดอากาศหายใจ
“เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หญิงสาวนิรนามกล่าวขึ้น
“เจ้าชื่ออะไรเหรอ ข้าหลี่ไป่” หลี่ไป่ยังคงก้มหน้าเหนื่อยหอบ ถามขึ้นเพื่อจำเป็นบุญคุณ ‘อีกแล้ว?’ เขาตงิดใจกับคำพูดที่เหมือนเคยพูดไปแล้ว คิดแล้วก็สมเพชตัวเองที่มีแต่เรื่องให้เดือดร้อนคนอื่นช่วย
“ชื่อเจ้าประหลาดจัง ข้ามาลีน่ายินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะ มาลีน่า” หลี่ไป่เงยหน้ามองมาลีน่า หญิงสาวมัดผมหางม้ายาวสลวยแต่ต้องสะดุดเข้ากับเข็มกลัดอะคาเดมี่เซนทราที่หน้าอกของเธอ
“เจ้าเป็นนักเรียนของอะคาเดมี่เหรอ” หลี่ไป่ตกใจเกินหน้าเกินตา ไม่รู้ว่าเหมือนนิยายที่วางเรื่องไว้หรือเพราะเขาโชคดีเมื่อสิ่งที่ปรารถนาจู่ ๆ ก็มาโผล่ตรงหน้าเองเสียอย่างนั้น
“ใช่ข้าเป็น ทำไมเหรอ”
“...” หลี่ไป่พยายามรวบรวมคำพูดเพื่อที่จะได้รู้จักกับมาลีน่ามากกว่าเก่า
โครกคราก
เสียงท้องมาลีน่าดังขึ้นขัดจังหวะความเงียบนั้นทำให้ทั้งคู่หลุดขำ
“ฮ่า ๆ ๆ พอดีข้าไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว” มาลีน่าเอ่ยขึ้นด้วยอาการขัดเขิน
“พอดีเลย มาลีน่า ไปทานข้าวบ้านข้าเพื่อเป็นการขอบคุณนะ” หลี่ไป่แสดงอาการดีใจออกนอกหน้า นี้เป็นโอกาสทองที่จะทำความรู้จักและสนิทชิดเชื้อกับนักเรียนของอะคาเดมี่
Comments (0)