สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนนั้นคือ โขลงช้างขนาดใหญ่ มีราว ๆ 50 กว่าตัวได้ กว่าครึ่งคือช้างพลายที่กำลังตกมัน เมื่อภาพทุกอย่างปรากฏชัด ทุกคนต่างตกตะลึงตากค้าง กรที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็ตะโกนถามเสียงตระหนกว่า

          "ชิบหายแล้วไอภู จะเอาไงดีเนี่ย"

          ภูก็ตระหนกเช่นกัน เขานึกถึงเรื่องจากหนังสือที่เคยได้อ่านมา มันไม่มีทางใดเลยที่จะหยุดได้ มีเพียงแต่รอพวกอสูรกายบ้าคลั่งเหล่านี้ผ่านไปเอง

          "รอจนกว่าพวกช้างจะไป อย่าลงไปเป็นอันขาดประครองสติไวัให้ดี"  ภูตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

          ดูเหมือนว่าทุกคนต่างจะพากันกลัวไปหมด แต่ก็ยังประครองสติไว้ได้จึงพากันเกาะต้นไม้ไว้แน่น แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น ปัณ อดีตหัวหน้าห้อง ที่ดูจะล่นลานที่สุดก็พลาดท่าตกลงจากต้นไม้ ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นที่เป็นทางเดินของช้างพลายเหล่านั้น ไม่ทันที่ปัณจะได้เปล่งเสียงออกมา ร่างของเขาก็ถูกพญาคชสารเหล่านั้นเหยียบขยี้จนจมดิน ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ก็ต่างตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสงสารและสังเวชในจุดจบอันน่าอเนจอนาถเช่นนี้


          หลังจากนั้นผ่านไปราว ๆ ครึ่งชั่วโมง เหล่าอสูรกายก็เดินผ่านไปกันทั้งโขลง ซึ่งโชคดีที่มันเป็นเวลาเช้าแล้ว ท้องฟ้าทอแสงอ่อน ๆ สาดส่องลงมา เพื่อบ่งบอกว่ารัตติกาลอันโหดร้ายได้จบสิ้นลงแล้ว ทุกคนค่อย ๆ ลงมาจากต้นไม้ และลงมาดูร่างอันไร้วิญญาณของปัณ สภาพศพนั้นแทบจะดูไม่ได้ พวกผู้หญิงต่างเมินหน้าหนีกันหมด สภาพศพนั้น ดูจากภายนอกคือ หัวกะโหลกถูกขยี้จนเกือบจะแบน ลูกตาทะลักออกมาจากเบ้า ใบหน้าดูผิดรูปไปหมด แขนขาดูเหมือนว่าจะโดนบดขยี้จนกระดูกแหลกละเอียดราวกับเมล็ดข้าวสาร กรและลีโออาสาทำหน้าที่นำศพไปไว้ข้าง ๆ กับศพของปุ๊นและนำใบไม้มาคลุมไว้ ณ ตอนนี้ สภาพจิตใจของทุกคนย่ำแย่ลงมาก เมื่อต้องมาเจอเหตุการณ์น่าสลดแบบนี้ติดต่อกัน ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอีกเลยหลังจากเห็นศพปัณ แต่เฟิร์นก็ต้องพูดอะไรขึ้น เพื่อนทำลายบรรยากาศความเงียบนี้

          "เราว่าทำตามที่ภูบอกเถอะ รีบไปจากที่นี่กัน"

          ทุกคนต่างหันมาเป็นตาเดียวกัน พร้อมกับสีหน้าแน่วแน่ และพยักหน้ารับพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย