ศพนั้นคือ ปุ๊น เพื่อนอีกคนหนึ่งในห้อง สภาพศพนั้นเกินรับได้จริง ๆ ทั้งตับไตไส้พุง ออกมากองอยู่ข้างนอก หน้าท้องถูกแหวกออก เลือดสดสีแดงชาดยังคงไหลออกมาเรื่อย ๆ ดุจดังสายน้ำ บริเวณใบหน้ามีรอยข่วนขนาดใหญ่ และดูเหมือนว่าเพื่อนของเขายังตายตาไม่หลับด้วย

          เมื่อภูได้เห็นสภาพศพของเพื่อนก็ถึงกับผงะ กลิ่นคาวเลือดยังคงลอยฟุ้งอยู่รอบบริเวณ เขาลองมองไปที่ต้นไม้ดี ๆ ก็พบว่านั่นมันคือต้นประดู่ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงเดินกลับไปที่เดิม ที่เพื่อน ๆ ของเขาอยู่ ขณะนั้นทุกคนได้ตื่นแล้ว และลงมาจากต้นไม้มาอยู่รวมกับ ภูเดินเข้าไปหาเพื่อน ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

          “อ...ไอปุ๊น มะ...มันตายแล้ววว!!!”

          เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็ต่างตกใจ ชีสที่เป็นเพื่อนกับปุ๊นมาตั้งแต่ประถมดูเหมือนจะเศร้ากว่าใคร ใบหน้าของเธอมีน้ำใส ๆ หยดลงมา

          “พากูไปดูศพมันหน่อย” ชีสพูดพลางสะอื้นออกมา แตงกวา และเพื่อนคนอื่น ๆ ก็เข้าไปปลอบชีส ภูเห็นสภาพของเพื่อนแล้วก็รู้สึกสังเวช เขาพาชีสและเพื่อนคนอื่นไปดูศพของปุ๊นตามคำขอ ระหว่างนั้นเขาได้เล่าเรื่องราวของเมื่อคืนและเรื่องบทสนทนากับพระธุดงค์รูปนั้นให้กับ กร ลีโอ เฟิร์น ชีสได้ฟัง

          "เราว่ามาประชุมกันเถอะ จะได้วางแผนว่าจะเอายังไงก้นต่อไป" ชีสได้พูดขึ้นหลังจากภูเล่าเสร็จ อีก 3 คนก็พยักหน้าตอบรับ

          เวลาเที่ยงตรง ทุกคนที่ยังเหลือรอดได้มารวมตัวกัน ภูได้เล่าเรื่องที่เจอให้ทุกคนฟังทั้งหมด และดูเหมือนว่าทุกคนก็จะเชื่ออย่างน่าประหลาดใจ คงจะเป็นเพราะว่าสภาพศพของปุ๊น มีรอยแผลใหญ่ที่เกิดจากสัตว์ร้ายและทุกคนก็เห็นหมดจริงๆ

          “ทุกคนเริ่มหิวกันไหมอ่ะ เราไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เที่ยงเมื่อวานแล้วอ่ะ” เฟิร์นกล่าวขึ้นมาหลังจากภูเล่าเรื่องทั้งหมดเสร็จ

          “อือ ก็จริงแหละ...งั้นเราคงต้องไปหาอาหารแถว ๆ นี้ก่อนอ่ะ” ลีโอ เพื่อนชายร่างสูงอีกคนหนึ่งพูด พลางเปิดกระเป๋าออก และหยิบสิ่งของหลายอย่างออกมา มันมีทั้ง มีดเดินป่า ไฟแช็ค เชือก ไฟฉายเข็มทิศและอื่น ๆ อีกมากมาย

          “แค่มาทัศนศึกษามึงจะเอามาทำไมเยอะแยะวะ” เอกถามขึ้นด้วยความสงสัย

          “กูลืมจัดกระเป๋า มันเป็นของที่กูเคยไปตั้งแคมป์ในป่ามาก่อน ว่าแต่…มึงคงจะรู้เรื่องการเดินป่าใช่ไหมไอภู” ลีโอตอบเอกและถามภูไปในตัว

          “อือ นิดหน่อย...แต่จะพึ่งกูจริง ๆ หรอ”

          “ใช่สิ มึงก็เล่าเองว่าเมื่อคืนเจออะไร แล้วมึงก็รอดมาได้ ทุกคนคงเห็นด้วยใช่ไหมว่าจะพึ่งไอภู” ลีโอตอบกลับและหันไปถามเพื่อนทุกคน และดูเหมือน่าทุกคนจะเห็นด้วย ภูจึงไม่สามารถปฎิเสธได้เขาจึงตอบกลับไปว่า

          “งั้นก็..ระหว่างนี้ข้าง ๆ ต้นไม้ที่เจอศพไอปุ๊นน่ะ มันมีต้นทับทิมอยู่ เด็ดไปกินก่อน ส่วนน้ำก็ตัดจากเถาวัลย์ต้นไม้ต้นใหญ่ ๆ เอา แล้วเดี๋ยวเราคงต้องหาแหล่งน้ำ ต้องดูว่ารากไม้มันไปทางไหน แล้วก็…สร้างอาวุธส่วนตัวด้วยนะในป่าแบบนี้อ่ะ ไปตัดไม้ไผ่แล้วใช้มีดของลีโอเหลาให้แหลมเอา” ภูสั่งการอย่างชัดถ้อยชัดคำและดูหนักแน่นน่าเชื่อถือ ทุกคนพยักหน้ารับ

          หลังจากนั้นแต่ละคนก็แยกย้ายกัน บ้างก็ไปเด็ดทับทิม บ้างก็ขอยืมมีดของลีโอไปตัดเถาวัลย์ ส่วนภูนั้นเขาก็เดินหาแหล่งน้ำกับไผ่ระหว่างนั้นทั้งคู่ก็สนทนาเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องเมื่อคืน เรื่องในอดีตรวมถึงเรื่องที่ภูกลับไปดูแลแพรว

          “แหน๊ กูเห็นนะไอภูเมื่อวานน่ะ ร้ายนะมึง” ไผ่เอ่ยแซวภู

          “อะไร ก็ปกติป่ะวะ เขาได้รับบาดเจ็บกูก็ช่วยเขามันแปลกตรงไหนวะ”

          “เอาเถอะ แล้วแต่มึงอ่ะ แต่ถ้ามึงยังรักเขาอยู่ก็ควรกลับ นี่ความคิดกูนะ”

          ประโยคนั้นทำเอาภูใบหน้าร้อนผาวด้วยความเขิน มันก็จริงแบบที่ไผ่พูดแหละว่าเขายังรักอยู่ แต่เขาก็กลัวเกินกว่าจะกลับไป กลัวว่าแพรวจะเกลียดเขาไปเสียแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ เขาก็พบกับแหล่งน้ำแล้ว มันเป็นธารน้ำที่ไหลอยู่ตลอด น้ำนั้นมีสีใสราวกับว่าตำแหน่งนั้นไม่มีน้ำอยู่เลย ไผ่นั้นรีบวิ่งไปที่ลำธารนั้นแล้วก็ควักน้ำมาล้างหน้าและดื่ม

          “น้ำเย็นดีว่ะ...ลองมาแดกดิไอภู” ไผ่พูดขึ้นหลังจากดื่มน้ำในลำธารเสร็จ ภูจึงเดินไปดื่มน้ำและล้างหน้าแบบที่ไผ่ทำ ในน้ำนั้นเย็นมากเขารู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมากหลังจากไม่ได้อาบน้ำมาครึ่งวัน ภูได้สังเกตเห็นปลาน้อยใหญ่ที่ว่ายน้ำอยู่ และรวมถึงกุ้ง หอย ปูในน้ำด้วย

          “กูว่ามื้อเย็นเราไม่ต้องแดกผลไม้แล้วว่ะ รีบไปบอกพวกนั้นกัน” ภูเอ่ยขึ้นหลังจากดื่มน้ำเสร็จ ไผ่ก็พยักหน้ารับ ทั้งสองจึงเดินกลับไปแจ้งเพื่อน ๆ ที่เหลือ