ทันใดนั้นเองเบรกของรถบัสก็ส่งเสียงดังกัมปนาทออกมา นักเรียนที่อยู่บนรถต่างตกใจ บางคนที่หลับอยู่ก็พลันสะดุ้งตื่น อาจารย์เพียงคนเดียวในรถก็รีบลุกเขาไปหาคนขับรถ และถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เพราะขณะนี้รถบัสได้เบรกแตก ไม่นานนัก รถบัสก็เสียหลักตกลงเขาและไถลเข้าไปในป่าใหญ่ เสียงกรีดร้องดังออกมาจากนักเรียน ด้วยความกลัว ภูเองก็พยายามประคองสติ แต่สุดท้ายก็สลบไปพร้อมกันภาพที่รถบัสตกเขาไป

          “ภู ๆ ๆ ๆ” เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสหยาบ ๆ บนใบหน้าของภู เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ และพบกับเจ้าของเสียงนั่น คนนั้นก็คือชีสเพื่อนสาวของเขาอีกคนหนึ่ง

          “เออ ตื่นได้สักทีนะมึง สลบไปตั้งหลายชั่วโมง” ภูค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นนั่ง สิ่งแรกที่เข้ามาในหัวของเขาคือความสงสัยว่าทำไม เกิดอุบัติเหตุขนาดนี้ เขากับไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรแม้แต่น้อย มีแค่มึนหัวจากการกระแทกก็แค่นั้น คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน อย่างชีสเองก็แค่แว่นแตก ไม่มีบาดแผลอะไรเลย

          “เพื่อนตื่นกับเกือบหมดแล้ว แต่อาจารย์ไม่ตื่นว่ะมึง...อาจารย์เขาตายแล้ว” น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้น เต็มไปด้วยความเสียใจและหดหู่ ภูเองก็ตกใจกับสิ่งที่ชีสบอกเหมือนกัน

          “เชี่ย แล้วตายยังไงเนี่ย พากูไปดูศพอาจารย์หน่อย”

          “งั้นมึงลุกแล้วเดินตามกูมา” ภูเดินตามชีสไปยังศพอาจารย์ สภาพที่เห็นคือ ร่างอันไร้วิญญาณของอาจารย์โดนกิ่งไม้เสียบทะลุหน้าอก ตามร่างกายก็มีเศษกระจกไปอยู่ทั่ว และข้าง ๆ นั้นเอง ก็มีร่างที่ไร้วิญญาณของคนขับรถโดนกิ่งไม่เสียบเหมือนกัน

          “เรื่องศพไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพวกลีโอมันจะเอาไปฝังเอง” ภูเองก็รู้สึกเสียใจและใจหายเหมือนกัน ที่อยู่ดี ๆ อาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ก็มาจากไปแบบนี้ บรรยายกาศรอบตัวในตอนนี้ เต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทาจาง ๆ มีร่มไม้ใหญ่เต็มไปหมด เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่าเพื่อนฟื้นเกือบทุกคนแล้ว และเขาก็อะไรขึ้นได้

          “เออ แล้วแพรวอ่ะอยู่ไหน”

          “นอนสลบอยู่ตรงนั้นอ่ะ มึงจะไปเฝ้าก็ไป” เมื่อภูได้ยินดังนั้น เขาจึงเดินไปหาแพรว ตัวของแพรวนั้นไม่มีรอยแผลอะไรเลย จะมีก็แต่ใบหน้า ที่มีรอยข่วนนิดหน่อย

          “ภูมานั่งตรงนี้สิ จะเฝ้าแพรวหรอ” เสียงผู้หญิงเล็ก ๆ ดังขึ้น มันเป็นเสียงของ วิว เพื่อนสนิทของแพรว

          “โอเค แล้ว...แพรวสลบมานานเหรอยัง” ภูพูดพลางนั่งลงข้าง ๆ แพรวที่นอนสลบอยู่

          “ก็สลบไปพร้อมกับคนอื่น ๆ นั่นแหละ แต่ก็ยังไม่ฟื้นเลย แล้วที่ภูมาเนี่ย...เป็นห่วงแพรวหรอ”  วิวถาม

          “ก็ใช่...แล้วถ้าเราบอกว่ายังรักแพรวอยู่ละ จะว่ายังไง”

          “ก็ไม่ว่าไงนะ ดีซะอีกเพราะที่ผ่านมาอ่ะ แพรวคิดว่าแกโกรธนะรู้ไหม ตอนอยู่ด้วยกันแกนิ่งมากเลยอ่ะ”

          “เราจะโกรธลงได้ยังไงละ เราเนี่ยแหละคนผิด ส่วนที่เงียบเพราะเราคิดว่าแพรวอาจจะเกลียดเราไง” 

          “เอาเป็นว่าช่างเถอะ ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าแกไม่ได้โกรธแพรว แล้วแกก็ควรรู้ไว้ด้วยว่าแพรวก็ไม่ได้เกลียดแกเหมือนกัน”  วิวพูดแทนเพื่อนสนิทอย่างแพรว และบทสนทนาของทั้งสองก็หยุดลงแค่นั้น หลังจากนั้นภูก็นำผ้าเช็ดหน้าที่ใส่ไว้ในกระเป๋าหน้าอกของเขา มาเช็ดแผลให้กับแพรว


          -เวลา 17:48 น.-

          ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้วประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากที่ภูฟื้น เขาได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องที่รถบัสของพวกเขาเบรกแตก และอีกเรื่องที่แปลกมาก ๆ คือกระเป๋าและหนังสือของเขาหายไป แต่ไม่ใช่แค่ของเขาเพียงคนเดียว เพราะของคนอื่นก็หายเหมือนกัน มีเพียงไม่กี่คนที่กระเป๋ายังอยู่ เพื่อนคนอื่น ๆ เช่น กรก็คอยห่วงใยและดูแลเฟิร์นเหมือนเก่า ดูเหมือนว่าถ่านไฟเก่าจะเริ่มลุกขึ้นอีกครั้งและตอนนี้แพรวก็ฟื้นแล้วด้วย

          “ภู! แพรวฟื้นแล้ว!!!”  วิวตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ ที่เพื่อนรักของเธอนั้นฟื้นขึ้นมาเสียที

          “แพรวเป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า”  ภูเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงที่มีอยู่เต็มอก

          “อือ...เราไม่เป็นอะไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้างอ่ะ”  แพรวส่งเสียงครางในลำคอ ก่อนจะเอ่ยถาม วิวและภูจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดพี่พวกเขารู้ให้แพรวฟัง

          “ขอบคุณแกมากนะภู ที่ช่วยดูแลเราขนาดนี้ทั้งที่…”

          “ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้เอง”  ไม่ทันที่แพรวจะพูดจบ ภูก็ตัดบทซะก่อน

          ดูเหมือนว่าบรรยากาศโดยรอบจะเริ่มมืดลงแล้ว ราวกับว่าใกล้ค่ำแล้ว ภูเลยหันไปมองทางทิศตะวันตก แม้จะมีหมู่พฤกษาใหญ่บดบังทัศนวิสัย แต่เขาก็พอเห็นว่า อาทิตย์จวนจะลับขอบฟ้าแล้ว ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบ้างอย่างออก ภูรีบกระโดดขึ้นจากนั่งเป็นยืนทันที

          “ทุกคนรีบปืนขึ้นต้นไม้ใหญ่เร็ว แล้วอยู่บนนั้นจนเช้าถึงจะลงมาเด็ดขาด ห้ามปืนต้นประดู่นะ” ภูตะโกนขึ้นเสียงดังทำเอาเพื่อนทุกคนหันมามองเป็นตาเดียวกัน