หลังจากโดนหินจากปราสาทหล่นทับ ไม่นานนักภูก็ตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อลืมตามาเขาก็มองสำรวจไปรอบ ๆ มันเป็นห้องโถงหินหกเหลี่ยม ตรงกลางโถงมีบัลลังก์ตั้งตระหง่านอยู่ ไม่ทันที่ภูจะได้เอ่ยปากถามอะไร ร่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็เอ่ยขึ้นมาก่อน

          "ตื่นแล้วเรอะ" เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย น้ำเสียงของเขาดูกังวาน น่าฟัง มีมนต์ขลังแปลก ๆ เขามีรูปร่างกำยำล่ำสัน ไม่สวมเสื้อ นุ่งแค่โจงกระเบนสีแดง ตามตัวมีรอยสักอักขระบางอย่างซึ่งเรืองแสงสีทองออกมา ใบหน้าของเขาดูคมเข้มราวกับชายไทยในสมัยก่อน

          "ไม่ต้องตกใจไปข้ามาดี" ชายคนนั้นเอ่ยเสียงเรียบ

          "ท่านเป็นใครน่ะ"

          "ข้าคือเจ้าของวิฬารที่พวกเจ้าเข้าไปหรือเรียกง่าย ๆ อีกอย่างว่าเจ้าป่าเจ้าเขาหรือจะเรียกข้าว่า อินทร์ก็ได้ ข้าจะมาให้คำตอบเจ้าในเรื่องต่าง ๆ เจ้าอยากรู้อะไรก็เอ่ยถามมาได้เลย" ชายคนนั้นหรือเจ้าป่าเจ้าเขาได้ตอบกลับภูไป

          "แล้วที่นี่มันคือที่ไหนหรอครับ"

          "ที่นี่คือในหัวของเจ้าไง หรือเรียกว่านิมิตรน่ะ มันจะคล้าย ๆ กับความฝัน" อินทร์ตอบกลับเสียงเรียบ

          "แล้วก็...เรื่องที่เจ้ากับเพื่อนตัวน้อยเดาเรื่องรูปภาพนั่นน่ะ พวกเจ้าเดาถูกแล้วล่ะ" อินทร์เอ่ยปากชมภูและไผ่

          "งั้นก็หมายความว่า ป่าแห่งนี้มันมีสัตว์ร้ายอยู่เยอะจริง ๆ หรอครับ แล้วป่าแห่งนี้มันคือป่าอะไรกันแน่นครับ"

          "ป่าแห่งนี้น่ะมันเป็นป่าลับแล มันจะไม่ปรากฏบนโลกมนุษย์หรอก คนปกติจะไม่สามารถเข้ามาได้ แต่ที่พวกเจ้าได้เข้ามาที่นี่ได้มันเป็นเพราะว่ามีกรรมร่วมกันยังไงล่ะ"

          "กรรมร่วมกันอย่างงั้นหรอครับ"

          "ใช่ มันจะเป็นพันธะต่อกันน่ะ ที่พวกเจ้าไม่เป็นอะไรเลยมันก็ใช่ ที่อาจารย์ของเจ้ากับคนขับรถตายไปก่อน มันเป็นเพราะว่าเขา2คนนั้นไม่มีกรรมร่วมกันกับพวกเจ้า เขาเลยไม่ต้องมาเผชิญกับภัยอันตรายเหมือนพวกเจ้า" คำตอบของอินทร์ทำให้ภูได้เข้าใจอะไรในหลาย ๆ เรื่อง พันธะเหล่านั้นมันทำให้พวกเขาทั้งหมดเจอภัยต่าง ๆ ด้วยกัน

          "แล้วก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเจ้าจะต้องรู้ และกลับมาแก้ไขมันในวันข้างหน้า"

          "อะไรหรอครับ"

          "ไม่มีเวลามากแล้ว ตอนนี้เพื่อนทั้งสองคนของเจ้ากำลังหาตัวเจ้าอยู่ เจ้าต้องฟื้นแล้ว สักวันเจ้าจะต้องกลับมาที่นี่ ข้าบอกเจ้าได้แค่นี้"  นี่คือประโยคสุดท้ายที่อินทร์ก็พูดกับภู แล้วหลังจากนั้นเขาก็หมดสติไปอีกรอบ


          เวลาผ่านไปไม่นานภูก็ฟื้นคืนสติมาอีกรอบ แต่คราวนี้เขาฟื้นขึ้นมาท่ามกลางกองเศษหินที่ทับร่างของเขาอยู่ เขาไม่สามารถขยับตัวได้ เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แล่นเข้ามาที่ขา ดูเหมือนจะมีเศษหินปักอยู่ที่ขาเขาอยู่ แต่ไม่นานหลังจากที่ภูฟื้น เขาก้ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังมาจากใกล้ ๆ

          "ภูอยู่ที่ไหน! ภู!"

          "ไอภู! มึงอยู่ไหน!" เสียงของแพรวดูเหมือนเพิ่งจะร้องไห้มา ส่วนของกรเหมือนของคนที่เหนื่อยเอามาก ๆ

          "อยู่ทางนี้!!!" เขารวบรวมแรงทั้งหมดแล้วตะโกนกลับไป

          หลังจากที่เขาตะโกนแล้ว กรกับแพรวก็รีบวิ่งมายังต้นทางของเสียงทันที แล้วเศษหินต่าง ๆ ก็ค่อย ๆ ถูกยกออกโดยแพรวและกร

          "รีบไปเถอะ อีกกลุ่มนึงเจอทีมช่วยเหลือแล้ว" กรพูดขึ้นพร้อมกับประคองร่างของภูไปยังทางทิศเหนือ