ภายในวิฬารมีกลิ่นอับเป็นอย่างมาก เมื่อใช้คบเพลิงส่องดูก็พบว่ามันเป็นวิฬารที่มีน้ำท่วมขังเป็นระยะ ๆ พวกเขาเดินสำรวจเข้าไปลึกเรื่อย ๆ ก็พบกับเหล่ารูปปั้นหินที่ดูจะพิกลพิการ บางตัวแขนขาด บางตัวขาขาด รูปปั้นเหล่านี้มีหัวเป็นสัตว์หมดทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นหัวเสือ วัว จระเข้ และอื่น ๆ อีกมาย แต่ละตัวอยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการทรมานนักโทษทั้งนั้น ทำเอาทุกคนขนลุกด้วยความสยองกันหมด

          พวกเขาเดินสำรวจส่วนต่าง ๆ ต่อไป ซึ่งภูและไผ่ได้มาสำรวจบริเวณฝาพนัง โดยบริเวณนี้มีภาษาโบราณที่ไม่สามารถแปลออกมาได้เต็มไปหมด และที่สำคัญกว่านั้น มันยังมีรูปวาดอยู่ด้วย ในตอนแรก ๆ ที่สำรวจมันก็เป็นรูปวาดสัตว์ปกติ แต่เมื่อยิ่งสำรวจไปเรื่อย ๆ จากสัตว์ธรรมดาเหล่านั้น ก็เปลี่ยนเป็นสัตว์ร้ายที่อยู่ตามป่าลึก ไม่ว่าจะเป็น เสือ สิงห์ งูเหลือม จระเข้ เสือดำ เสือแพรว หมาป่า ช้างพลาย และเมื่อยิ่งสำรวจลึกเข้าไปอีก ก็พบกับกำแพงภาพหนึ่ง ที่มีลูกศรชี้เป็นทิศทั้งสี่ โดยในแต่ละทิศจะมีรูปวาดสัตว์ต่าง ๆ อยู่ ทางด้านทิศใต้จะมีรูปวาดของเสือโคร่งลายพาดกลอนที่มีดวงตาแดงก่ำดั่งไฟกาล และค้างคาวที่มีฟันแหลมคมดุจดั่งใบมีด ตาของมันมีสีแดงดุจดั่งโลหิต ในทิศตะวันตกก็มีรูปของสุนัขตัวใหญ่ สีขนของมันดำมืดราวกับรัตติกาลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทิศตะวันออกมีรูปของซากศพที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางกองซากศพด้วยกันเอง ลักษณะเหมือนจะเป็นราชาของเหล่าซากศพนั้น และทิศเหนือที่เขายืนอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ก็มีรูปของปราสามหินหลังใหญ่อยู่

          "มันเป็นปริศนาไรรึเปล่าวะไอภู" ไผ่ก็เอ่ยถามขึ้นในที่สุด ภูไม่ได้ตอบอะไร ในใจเขานั้นกำลังครุ่นคิดกับความหมายของภาพ ทันใดนั้นเขาก็ปะติดปะต่ออะไรบ้างอย่างได้แล้ว

          "กูรู้แล้ว มึงที่พระธุดงค์พูดอ่ะ ที่ให้ขึ้นเหนือมามันน่าจะตรงกับภาพนี้นะ" ภูตอบกลับไปพลางเอาคบเพลิงไปส่องใกล้ๆ รูปภาพนั้นมากขึ้น

          "ที่พระธุดงค์บอกให้เราขึ้นเหนือมาเรื่อย ๆ อ่ะ น่าจะเป็นเพราะว่า ข้างล่างทิศใต้ที่เรามา มันมีทั้งเสือสมิงกับค้างคาวเวตาลอยู่ ในถ้ำนั้นน่าจะเป็นเวตาลนะ" ภูพูดต่อเรื่อย ๆ และดูรูปภาพพวกนั้นต่อไป ไผ่ก็ดูเหมือนจะเข้าใจที่ภูพูดแล้วด้วย

          "ส่วนที่ทิศตะวันตกที่ท่านไม่ให้ไปน่าจะเป็นเพราะมันเป็นที่อยู่ของสางดงน่ะ มันเป็นหมาป่าที่ถูกสิงสู่ด้วยวิญญาณร้าย ส่วนทิศตะวันตกน่าจะไม่ผีโปร่งค่างก็น่าจะผีปอปเจ้า" ภูตอบอย่างฉะฉานด้วยความรู้ที่เขาได้จากการอ่านหนังสือเล่มนั้นระหว่างทาง ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะมีประโยชน์มาก ๆ

          "งั้นที่ท่านให้มาทางทิศเหนือมันคงจะปลอดภัยสินะ แต่มันคงไม่มีเหตุผลแค่นั้นหรอก" คราวนี้ไผ่ได้พูดขึ้นบ้าง

          ภูก็เห็นด้วยแบบที่ไผ่พูดแต่ก็คงต้องลองเดินทางต่อไปเรื่อย ๆ ก่อนที่ทั้งสองจะกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ และเล่าเรื่องที่เจอให้เพื่อนที่เหลือฟัง พร้อมพาไปดูรูปนั้น ทุกคนก็มีความเห็นตรงกับเขา พวกเขาทั้งหมดได้เดินสำรวจต่อไปเรื่อย ๆ จนไปถึงห้องโถงห้องนึง มันเป็นห้องโถงโล่ง ๆ ที่ทางเชื่อมต่อกับทางเข้าออกทั้ง 4 ทิศของวิฬารนี้ เวลานี้มันก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว พวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะพักกันที่นี่ แต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีกรอบ ไม่ทันที่พวกเขาจะได้พัก วิฬารทั้งหลังก็ได้สั่นเครือ ราวกับว่ามันจะถล่มลงมา

          "ทุกคนวิ่งไปประตูทิศเหนือแล้วอย่าหยุดรีบออกจากที่นี่ก่อน" ลีโอตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง

          ทุกคนจึงรีบวิ่งออกมา มันเป็นจริงดั่งที่สังหรณ์เอาไว้ หลังคาวิฬารได้ถล่มลงมา ทุกคนต่างพากันหนีตายเพื่อจะได้ออกจากที่นั้น ภูวิ่งออกมาเป็นคนรองสุดท้าย คนที่อยู่ข้างหลังเขาคือแพรว ก่อนที่เขาทั้งสองจะได้วิ่งออกจากปราสาทที่กำลังถล่ม ก็มีเสาหินเสาหนึ่ง เกิดล้มมาทับขาของแพรว ถ้าปล่อยไว้อย่างงี้แพรวต้องตายทีนี้แน่ ภูคิดในใจก่อนจะตัดสินใจวิ่งกลับไปช่วยแพรว  แพรวเองก็ร้องห้ามบอกขอให้เขาหนีไป แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว เขาใช้แรงทั้งหมดยกเสาหินต้นนั้นออกจาขาแพรว แล้วรีบประคองแพรววิ่งไปยังปากประตูถ้ำ

          "ขอบคุณนะ" แพรวกล่าวขอบคุณ แต่ภูก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร ทำเพียงแค่พยักหน้าตอบ

          พวกเขาทั้งสองประคองกันผ่านเศษหินของวิฬารที่กำลังถล่มมาถึงประตูทางออก ภูได้พลักแพรวออกไปก่อน และเมื่อเขากำลังจะออกไป กลับมีเสาหินขนาดที่ใหญ่มาก ล้มมากั้นเขากับปากทางออกถ้ำ ทำให้เขาไม่สามารถออกไปได้ แพรวที่อยู่อีกฝั่งก็ตกใจ และรู้สึกผิดด้วยที่เธอทำให้เขาติดอยู่ในนั้น เศษหินต่าง ๆ ทั้งน้อยใหญ่ถล่มลงมาทับตัวภู ก่อนที่สติของเขาจะดับไป