เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรื่อง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด

(Trigger Warning! นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)

 

ตอนที่ 4 มีฉากข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และความรุนแรง

 

อาชชี่ โคเว่นสำลักเลือดซึมไหลย้อนลงคอจนของเหลวข้นสีสดกระเซ็นสาดเป็นฝอย สัมผัสได้ถึงไออุ่นร้อนบดเบียดถูไถอยู่ตรงช่วงล่าง โลเทรค อาร์ชิบอลด์ใช้มือเขย่าสิ่งนั้นบริเวณหว่างขาตน ดวงตาจ้องเขม็งตรงมายังใบหน้าตื่นตระหนกของเขา

 

ปิศาจชุดขาวพ่นลมหายใจหอบพลุ่งพล่านก่อนสอดมือข้างหนึ่งยกต้นขาชายหนุ่มคู่อริที่บังอาจปากดีกับตน แล้วเสือกร่างแทรกผ่านบั้นท้ายนั้น ชายหนุ่มผมดำสะดุ้งสุดตัวตามแรงส่ง น้ำตาเหือดแห้งในความคิดแรกตอนเข้ามานั่งในห้องขังโดดเดี่ยว เริ่มหลั่งรินอีกครั้งอย่างไม่อาจควบคุม

 

รู้สึกจุก เสียดแน่นตรงส่วนล่าง ร้าวลามมาถึงช่องท้อง เรี่ยวแรงที่เขาดีใจคิดว่ามีมากมายล้นเหลือพลันมลายหายสิ้นอีกครั้ง ดวงตาสีฟ้าเบิกโพลงแข็งค้าง ไม่อยากเชื่อว่าตนจะตกอยู่ในสภาพแบบนี้

 

"อึก!" อาชชี่ส่งเสียงออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

โลเทรคกดหน้าอกช่วงบนของเขาไว้ด้วยมืออีกข้าง แนบหลังแกร่งติดกับแท่นหินเย็นเฉียบ

 

“ทีนี้นึกออกรึยังว่าทำไมถึงชอบมาช่วยข้าน่ะ ฮะ! นึกออกรึยัง!”

 

มันถอนส่วนล่างออก ชายหนุ่มผมดำถึงกับสำลักลมหายใจเฮือกใหญ่

 

โลเทรคถ่มน้ำลายรดมือละเลงช่องทางด้านล่างของเขา ตอดดุนสะโพกอยู่สองสามครั้งบดเบียดเนื้อหนังรุ่มร้อนกับแก้มก้นหนั่นแน่น กระทั่งได้จังหวะเหมาะจึงค่อยๆ สอดลำเอ็นแหวกร่องรูเข้าอีกที ส่งร่างหนาข้างใต้กระตุกตัวโยนเสียหลังแอ่น

 

คราวนี้ปิศาจชั่วช้าโน้มทับเนินหน้าท้องขึ้นมัดกล้ามแข็งแรง แช่ไว้สักพักจนเริ่มเข้ารูปเข้ารอย แล้วเริ่มขยับเข้าออกพร้อมดึงขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่า พ่นลมหายใจหอบร้อนระอุรดต้นคอ

 

“สมเพชงั้นเหรอ ดูสารรูปตัวเองซะก่อนว่าใครกันที่มันน่าสมเพช!”

 

"อย่า!"

 

ร่างของอาชชี่ถูกโขยกไปมาจนเขาต้องหลับตากัดฟันแน่นด้วยความรวดร้าวแสนสาหัส

 

ภาพแม่กับน้องสาวกำลังถูกรุมข่มขืนแทรกกลับเข้ามาในหัว ร่างของพวกนางโยกคลอนไม่ต่างกันกับตนในตอนนี้ มันทั้งเจ็บปวดและน่าอดสูอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกว่าความอับอายใดจะมาเทียบเทียม

 

 

ชายหนุ่มพยายามรวบรวมเรี่ยวแรงอีกครั้งแม้จะถูกกระทำชำเราอย่างรุนแรง พยายามแก้เชือกที่มัดมืออยู่ด้านหลัง อาศัยจังหวะขณะโลเทรคมุดหน้าซุกไซ้หว่างอกขาว ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีกระชากเชือกขาดแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้าของมันสุดแรงเกิด เจ้าปิศาจถึงกับเซถลา ริมฝีปากแตก ตวัดหางตาแลเห็นนักโทษหนุ่มใช้ขาข้างที่ไร้พันธนาการและมือเป็นอิสระทั้งสองพยายามผลักและถีบ

 

ทว่านั่นรังแต่จะทำให้มันยิ่งโมโห โลเทรคทำตัวแข็งขืนราวกับโล่แม้โดนเตะถีบตรงอกและท้องซ้ำๆ เบี่ยงตัวหลบมาด้านข้าง คว้าขาปาดป้ายเปะปะกระชากเข้าหาตัวแล้วตบเข้าที่บ้องหูของอาชชี่เต็มแรงจนใบหน้าพลิกหัน ก่อนลากลงมาจากแท่นหิน ทั้งที่ยังมึนงง

 

"อั่ก!" ชายหนุ่มผมดำส่งเสียงเมื่ออวัยวะช่วงบนกระแทกกับขอบแท่นหิน

 

โลเทรคไม่สนใจความเจ็บปวด มันจัดการฝังเล็บจิกไหล่หนาพลิกตัวเขาให้หันหลังนั่งคุกเข่า กดใบหน้าซีกหนึ่งแนบกับแท่นนั้น ส่วนอีกข้างรวบแขนแข็งแรงไว้กลางหลัง แล้วใช้เท้าเขี่ยต้นขาสองข้างอ้ากว้างออก ก่อนทรุดลงนั่งคุกเข่าตาม เลื่อนสองมือกอดกุมสะโพกหนั่นแน่นพลันกระชากเข้าหาตัว คราวนี้อาชชี่ถึงกับน้ำตาเล็ด ตระหนักแล้วว่าตนกำลังอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงมากเสียจนทุกสิ่งที่เขาพยายามดิ้นรนไม่มีความหมายเลยกับอีกฝ่าย 

 

“ข้าไม่ใช่คนเดิมที่เจ้าเคยรู้จัก ไม่ใช่ไอ้ปัญญาอ่อนคนนั้นอีกต่อไปแล้ว รู้ไว้ซะ! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้ ไอ้สวะ!” โลเทรค อาร์ชิบอลด์ คำราม อาชชี่ โคเว่นยิ่งขบกรามแน่นระหว่างถูกกระแทกกระทั้นรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

 

“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้! ที่ข้าต้องการก็คือคำขอโทษจากปากเน่าๆ ของไอ้พวกเย่อหยิ่งจองหองอย่างเจ้า!” มันตะโกนกรอกหูพลางเร่งจังหวะรัวกระชั้นถี่

 

“ข้าต้องพยายามมากแค่ไหนเจ้าไม่มีวันรู้!”

 

แม้จะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับปิศาจตนนี้ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ทว่าด้วยการกระทำอันหยาบช้าของมันนั้นไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจอะไรในตัวมันได้ดีขึ้นเลย

 

ชายหนุ่มผมดำหลับตาแน่นสู้กับความเจ็บปวดแล่นร้าวไปทั่วร่าง พยายามรวบรวมเสียงที่เปล่งออกมาไม่เป็นภาษาให้กลายเป็นคำพูด

 

“ฮึก...เพราะแบบนี้ไง...เจ้า...อึ๊ก!..ถึงได้น่าสมเพช!...” เขากลืนน้ำลายรสเลือดลงคอ เร่งเชื้อไฟให้ยิ่งโหมกระพือ

 

โลเทรคจิกศีรษะของเขากระแทกเข้ากับม้านั่งหินจนเกิดอาการมึน หน้าผากแตกเป็นแผล

 

“ดี...งั้นก็เผชิญหน้ากับสิ่งนี้อย่างที่ผู้หญิงเค้าโดนกัน ทนได้ก็ทนไป...” มันยิ้มเยาะพลางกระทุ้งส่วนล่างเข้าออกหนักๆ ตั้งหน้าตั้งตาข่มขืนอาชชี่ต่อไปอย่างบ้าคลั่ง

 

ระหว่างนั้นเอง บีอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์เกิดนึกครึ้มใจอันใดมิทราบ ปรารถนาจะพบหน้าสามีที่นางเคยรักเป็นครั้งสุดท้าย จึงได้รวบรวมความกล้าเยื้องย่างลงมายังคุกใต้ดินเพียงลำพังพร้อมตะกร้าใส่ขนมปัง ผักผลไม้ และเครื่องดื่ม โดยมีทหารอาร์ชิบอลด์ที่เฝ้าหน้าทางเข้าเป็นผู้นำทาง

 

ระหว่างถูกนำไปยังห้องขังส่วนลึกที่สุดของคุกนั้น นางสังเกตเห็นว่าแม้ไม่มีใครอยู่เฝ้าแต่กลับได้ยินเสียงอึกอักลอดดังออกมา

 

บีอาทริเช่ถือเชิงเทียนตรงเข้าไปสอดส่ายสายตาผ่านช่องประตูคุก เห็นเพียงแสงสว่างกับเงาสั่นไหวของบางอย่างคลับคล้ายคลับคลาจะเป็นคนสองคนทอดผ่านไปยังผนังฝั่งตรงข้าม

 

"อาช...นอนรึยัง" นางเอ่ยถาม "ทำอะไรอยู่"

 

“เปิดประตูซะทีสิ มัวยึกยักอยู่ได้”

 

นางหันมาเอ็ดทหารยามหลังละสายตาจากประตู ทหารนายนั้นสะดุ้งสุดตัวรีบควักกุญแจไข

 

ใช้เวลาไม่นานประตูจึงเปิดออก หญิงสาวในชุดนอนสีขาวกระโปรงยาวติดระบายรอบคอ กระชับผ้าคลุมขนสัตว์กันความหนาว เดินถือเชิงเทียนก้าวเข้ามาในห้องขัง ชะเง้อหน้าพ้นบานประตู เหลียวซ้ายแลขวา พบกับภาพอันน่าตกตะลึงของโลเทรค อาร์ชิบอลด์และสามีของนาง อาชชี่ โคเว่นกำลังร่วมรักกัน

 

“พระเจ้า...โลเทรค? อาช? พวกเจ้าสองคนทำอะไรกัน?!”

 

บีอาทริเช่จ้องมองทั้งคู่อย่างไม่เชื่อสายตา โลเทรคเงียบทำไม่ตอบ เขาได้ยินเสียงและรับรู้ถึงสายตาพรึงพรืดนั้น แต่ก็ทำเพียงแค่เบือนหน้าปรายตามองข้ามไหล่เล็กน้อยก่อนหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาร่วมรักกับสามีของนางในร่างเปลือยเปล่าต่อ

 

บีอาทริเช่สังเกตเห็นรอยเลือดไหลเป็นทางลงมาตามหว่างขาของสามีหนุ่มขณะนั่งคุกเข่าหันหลังตัวพาดกับแท่นหิน ปล่อยให้ชู้รักของนางกระทำสิ่งใดก็ได้ตามใจตน

 

“ชั่วช้า!...พระเจ้าจะลงทัณฑ์เจ้าทั้งคู่!” หญิงสาวร้องพลันทิ้งตะกร้าอาหารลงกับพื้นแล้วผลุนผลันวิ่งจากไป

 

โลเทรคยิ่งเพ่งพิศใบหน้าซีดเซียวบอบช้ำของชายที่อยู่ข้างใต้ จ้องมองแววตาอันอ่อนล้าหมดเรี่ยวแรงไร้ทางสู้แล้วโดยสิ้นเชิงด้วยความรู้สึกราวกับวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งของตนได้หลุดลอย

 

มันยกสองแขนโอบร่างนั้นแน่นราวกับพยายามไขว่คว้าบางสิ่งอยู่ พลางพรมจูบลงบนแผ่นหลังเนียนของอาชชี่ โคเว่นด้วยความเจ็บปวด ส่งเสียงร่ำไห้เบาๆ อยู่ข้างหูโดยที่ฝ่ายถูกกระทำไม่อาจเข้าใจกับพฤติกรรมของมัน

 

“....ข้ารักเจ้า….ข้ารักเจ้า….ได้โปรด...ปลดปล่อยข้าที…ข้าไม่รู้จะทำอย่างไร” มันฝังใบหน้าลงกับแผ่นหลังเปลือยเปล่าบอบช้ำ “ปลดปล่อยข้าที...ช่วยข้า…ปลดปล่อยที”

 

สมองของชายหนุ่มผมดำสายเลือดโคเว่นนั้นตื้อตันไปหมด เพราะเดี๋ยวเจ้าปิศาจตนนี้ก็ด่าทอเขา เดี๋ยวก็บอกรักเขา แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ชายหนุ่มก็ได้แต่ยอมจำนนให้มันเล่นสนุกกับร่างกายนี้อย่างกระเหี้ยนกระหายราวกับได้ระบายสิ่งอัดอั้นมานาน

 

ไม่ช้า อาชชี่จึงรู้สึกได้ถึงการปลดปล่อยจากความบ้าคลั่งของมันวูบวาบเข้ามาในตัว ความรู้สึกร้อนผ่าวอวลอลทั่วช่องท้อง ร่างของมันกระตุกเกร็งร้องครวญครางออกมา

 

ส่วนตัวเขาก็ดันเสร็จสมตามไปด้วย รู้สึกกระอักกระอ่วนกับน้ำหนืดข้นไหลซึมเปรอะออกมาทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง

 

สับสน มึนงง และไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนจึงตอบสนองกับการกระทำอันน่ารังเกียจนี้ทั้งที่ถูกบังคับข่มขืน ความรู้สึกนั้นไม่ต่างอะไรกับตอนร่วมรักกับภรรยา ผิดก็แต่เป็นเขาเองกลับเป็นผู้โดนสอดใส่ มันทั้งเจ็บปวดและรู้สึกดี แต่ก็น่าขยะแขยงมากเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่นั่งนิ่งคาอยู่บนตักของเจ้าปิศาจ

 

หลังปลดปล่อยอารมณ์แล้ว โลเทรคจึงทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนตัวเขาด้วยความเหนื่อยอ่อน สองมือลูบไล้เปะปะไปตามร่างแข็งแกร่ง สัมผัสได้ถึงความกระหายคุกรุ่นยังมิมอดดับ

 

มันถือวิสาสะสอดมือเข้ามายังช่วงเอวเปล่าเปลือย ไล่ปลายนิ้วลงต่ำผ่านเนินท้องน้อยจนถึงช่วงล่างชื้นแฉะแล้วเริ่มสาวมือขึ้นลงเพื่อช่วยปลดปล่อยสิ่งที่คั่งค้างอยู่ในตัวอีกฝ่ายแม้ปราศจากเสียงร้องขอ

 

อาชชี่ โคเว่นกำหมัดจิกฝ่ามือตนเอง นิ้วเท้าเกร็ง ระหว่างถูกบังคับให้ไต่ถึงยอดแห่งจุดกระสัน แหงนเงยมองเพดานด้วยหัวใจแหลกสลาย แม้กระทั่งตัวตนของเขา เจ้าปิศาจอาร์ชิบอลด์ก็ลิดรอนไปหมดสิ้น

 

"อ๊าา…" เขาไม่อาจควบคุมตนเองมิให้หลับตาจนเผลอร้องออกมาบ้าง

 

ทั้งสองหายใจหอบถี่ โลเทรค อาร์ชิบอลด์ซบหน้าลงกับไหล่กอดร่างบอบช้ำไว้อย่างนั้นชั่วครู่หนึ่ง สองมือยังไม่ยอมคลายจากร่างหนา เนิ่นนานกว่าจะยอมขยับตัว

 

มันค่อยๆ เลื่อนมากอดกุมเนื้อแน่นเต็มสองมือแล้วยกสะโพกนั้นขึ้นก่อนดันออก อาชชี่ขบฟันกัดริมฝีปากเลอะเลือด รู้สึกสั่นสะท้านราวกับมีกระแสแปลกประหลาดวิ่งพล่านขณะอีกฝ่ายค่อยๆ ถอนสิ่งนั้นออกจากช่วงล่างของเขา

 

ชายหนุ่มผมดำสภาพสะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจ ได้ยินเสียงมันใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดเครื่องมือที่ใช้ทำร้ายตน ก่อนยืนขึ้นสวมกางเกง จัดเสื้อผ้าผมเผ้าให้เรียบร้อยจนเข้าที่เข้าทาง

 

“เดี๋ยวข้าจะให้คนเอาน้ำมาให้ใหม่ เจ้าต้องทำความสะอาดตัวเอง…”

 

โลเทรคส่งสายตามองดูผิวขาวของร่างเปลือยเปล่ามีรอยแดงเป็นจ้ำๆ ผสมปนเปกับรอยช้ำที่โดนทุบตีด้วยความกังวล

 

“พรุ่งนี้จะมีการไต่สวน ข้าไม่รู้ว่ามันจะเลวร้ายสักแค่ไหน…” ชายหนุ่มผมทองเอ่ย “แต่ถ้าเจ้าไม่อาจรับไหวกับสิ่งที่จะได้เจอก็ลองตัดสินใจเอาเองดู ว่าจะกล้าเผชิญหน้ากับคนทั้งเมือง หรือให้มันจบแค่คืนนี้…ข้าช่วยเจ้าได้”

 

อาชชี่ โคเว่นนิ่งเงียบเป็นคำตอบ

 

“ว่าอย่างไรล่ะ” โลเทรคถาม

 

“ลูกข้า…” ชายหนุ่มผมดำเอื้อนเอ่ยน้ำเสียงแผ่วเบาในที่สุด ปิศาจร้ายที่กำลังยืนรอคำตอบอยู่หันมามอง

 

“ลูกกับเมียของข้า แมกจิโอกับบีอาทริเช่...เจ้าดูแลได้ไหม…” เขาร้องขอ “ได้โปรดอย่าทำร้ายพวกเขา…ให้ข้าเป็นคนสุดท้ายที่เจ้าจะทำลาย”

 

โลเทรคนิ่งฟัง ไม่นึกฝันว่าคนแบบเขาจะกล้าอ้อนวอนคนที่ทำร้ายตนถึงขนาดนี้ มนุษย์ยามใกล้ตายยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อคนข้างหลัง เป็นคำกล่าวไม่เกินจริง

 

ชายหนุ่มผมทองทอดถอนหายใจยาว “ข้าดูแลลูกของเจ้าได้ ข้าสัญญา...แต่ข้าไม่คิดว่า ข้าจะอยากข้องเกี่ยวกับเมียของเจ้าอีก นางไม่ใช่แม่ที่ดีนัก และไม่ใช่เมียที่ดีด้วย เจ้าน่าจะหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้” มันตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

 

อาชชี่พยายามขยับกาย แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็เพียงหลั่งน้ำตาออกมา “ได้โปรด…”

 

“เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่านางเป็นเช่นไร…” โลเทรคว่า พลางนึกถึงภาพในอดีตที่ตนมารับบีอาทริเช่ไปขึ้นรถม้าในตอนกลางดึกคืนหนึ่ง เห็นผู้เป็นสามียืนมองลงมาจากห้องบนปราสาทเงียบๆ

 

“งูพิษที่เลี้ยงไว้ มันเชื่องได้ด้วยหรือ…” มันกล่าว

 

“แน่ใจนะว่าไม่ต้องการให้ข้าจบชีวิตเจ้าในคืนนี้”

 

ชายหนุ่มผมดำนิ่งงันไปแล้วดุจซากศพ

 

“ก็ตามใจ…”

 

"...ว่าแต่ เจ้ารู้จักขอร้องคน ข้าชอบนะ จะถือว่าเป็นคำขอโทษก็แล้วกัน"

 

มันทิ้งท้ายก่อนเดินจากไป ยินเสียงปิดประตูห้องขัง

 

อาชชี่นั่งนิ่งอยู่ในสภาพเดิม ไม่รู้จะโกรธหรือเสียใจดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ทำได้เพียงฟังเสียงโลเทรคพูดคุยกับทหารยามไปเรื่อย ทั้งเรื่องให้ตามคนกลับมาเฝ้าหน้าห้อง เรื่องให้ไปจัดเตรียมน้ำมาให้นักโทษ และเรื่องตะกร้าอาหารซึ่งตกอยู่ มันสั่งทหารยามให้นำเข้ามาส่งด้านใน

 

หลังพูดคุยกับทหารยามสองคนที่กลับมาเฝ้าหน้าห้องขังเสร็จ โลเทรค อาร์ชิบอลด์จึงสาวเท้าก้าวเดินห่างจากห้องคุมขัง ทว่ายังไม่ทันจะได้ไปไหนไกล สายตาของเขาจึงเหลือบเห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นร่างบาง หน้าตาละม้ายคล้ายกันกับตน ทว่ามีผมตัดสั้นยุ่งเหยิงสีน้ำตาลอ่อน สวมแว่นสายตาหนาเตอะ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสบายๆ แค่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวชายรุ่ยทับด้วยกั๊กสีเข้มกับกางเกงรัดใต้เข่าตัวโปรด สวมถุงเท้าขาวยาวและรองเท้าหนังสีดำมันปลาบ นั่งชันเข่าอยู่ตรงสุดหัวมุมทางแยกของคุกใต้ดิน สองมือถือหนังสือเล่มโต

 

โลเทรคเดินไปพลางเอาผ้าเช็ดเลือดออกจากใบหน้าไปพลางเห็นดังนั้นก็ถึงกับหยุดชะงักด้วยอาการตกใจเล็กน้อย สายตาปะทะเข้ากับปกหนังสือประทับตราสัญลักษณ์ตระกูลโคเว่นเล่มหนาที่เด็กหนุ่มกำลังถืออยู่ ร่างบางค่อยๆ หันหน้ามาสบตาแล้วลุกขึ้นยืน ตรงเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก

 

“มาทำอะไรที่นี่ เอเดรียน” โลเทรคถาม

 

ทว่าเด็กหนุ่มนามเอเดรียนไม่ตอบ กลับกระแทกหนังสือใส่อกของเขาแทน แล้วเดินผ่านไปยังห้องขังสุดทางเดิน ตามมาด้วยทหารอาร์ชิบอลด์สองนายกำลังหิ้วถังน้ำตรงไปยังที่เดียวกัน พวกเขาหยุดทำความเคารพโลเทรค บุตรชายคนโตของตระกูล ก่อนรีบจ้ำอ้าวต่อ

 

ทหารสองนายนั้นเปิดประตูห้องขังนำถังน้ำพร้อมผ้ามาให้อาชชี่ โคเว่น โดยมีเอเดรียนขอเข้าเยี่ยม โลเทรคตัดสินใจบ่ายหน้าตามกลับมา ก้าวขาไม่พ้นคุกใต้ดินเสียที

 

ชายหนุ่มนักโทษมองดูทหารสองนายที่เดินจากไปหลังวางถังน้ำไว้ให้แล้วด้วยสีหน้าแววตาหวาดกลัว

 

เอเดรียนยืนนิ่งอยู่ตรงประตู เฝ้ามองร่างบอบช้ำหนักค่อยๆ เริ่มขยับมาหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดตามตัว สังเกตเห็นรอยเลือดและบาดแผลมากมาย แต่ก็มิได้สงสัยอะไร นอกเสียจากอนุมานว่า เลือดเหล่านั้นที่เปรอะอยู่ตามหว่างขาของชายหนุ่ม คือเลือดที่ได้มาจากบาดแผลของการสู้รบ

 

อาชชี่สะดุ้งสุดตัวหลังได้ยินเสียงเอเดรียนขยับกาย เขาเหลียวมองข้ามไหล่มาด้านหลัง ค่อยๆ ถัดร่างแอบอิงชิดติดผนังชื้นเย็นข้างแท่นหินราวกับกำลังพยายามซ่อนตัวจากใครสักคนอยู่แล้วเช็ดตัวต่อ

 

“เหตุใดต้องทำกันขนาดนี้ ข้านึกว่าเขาเป็นเพื่อนเรา”

 

เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อเห็นโลเทรคเดินกอดหนังสือย้อนกลับมายืนเอนหลังพิงผนังด้านนอกห้องขัง ส่งสายตามองหน้าน้องชายอารมณ์อ่อนไหว ยืนน้ำตาคลอหน่วยอยู่ต่อหน้า

 

“ก็เพราะว่ามันสมควรโดนไง” เขาตอบ

 

“ทำไม…” เด็กหนุ่มเหลือบสายตามองพี่ชาย “เขาสมควรโดนอะไร ที่เชิญเราไปงานเลี้ยงวันเกิดของน้องสาวเขาหรือ...”

 

โลเทรคถอนหายใจแล้วส่งหนังสือคืนให้น้องชาย เอเดรียนยังคงไม่เข้าใจกับท่าทีนั้น

 

“อธิบายสิ! เจ้าพูดไม่เป็นรึ!” หนุ่มน้อยถึงกับเสียงสั่น

 

โลเทรคขมวดคิ้วย่น “มันไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนเสียหน่อย หยุดเพ้อเจ้อเสียที” สิ้นประโยคแล้วจึงเดินหนี

 

“ไหนๆ ก็ลงมาที่นี่แล้ว จะไปเล่านิทานบ้าบออะไรให้มันฟังก็เชิญเถิด เพราะพรุ่งนี้ อย่างไรเสียมันก็ต้องตายอยู่ดี วีรบุรุษของเจ้าน่ะ เหลือแต่ชื่อเสียแล้ว” เขาหยุดหันมาบอก

 

เอเดรียนหน้าเสียพลันตะโกนไล่หลัง “ทำไมเจ้าต้องเคืองแค้นเขาเสียมากมายด้วย พวกเราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เชียวหรือในเมืองนี้ ตอบข้าหน่อยสิ!”

 

“ไปพูดแบบนี้กับท่านพ่อสิ เจ้าจะได้โดนตบกลับมา” โลเทรคตะโกนตอบก่อนหายลับไปตามทางเดิน

 

เอเดรียนส่งสายตามองตามหลังพี่ชายสักพักจึงหลบหน้ากลับมาทางอาชชี่ โคเว่น เขาส่งสายตามองเด็กหนุ่มด้วยความหวาดระแวง บุตรชายคนที่สามแห่งอาร์ชิบอลด์จึงค้อมศีรษะให้ด้วยความเคารพ

 

 

 

‘สงครามล่าอาณานิคมบนโลกใหม่ที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าสิบปี สิ้นสุดลงเมื่อเกือบห้าปีก่อน มันได้เสริมความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้นให้กับประเทศของเรา ขณะเดียวกันก็สร้างบาดแผลลึกให้กับทหารอีกหลายคนผู้รอดชีวิตกลับมา พวกเขาแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

พี่ชายของข้า โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ก็เช่นกัน เขาเคยใช้เวลาทั้งวันไปกับการเที่ยวเล่น ยิงนก ตกปลา และอ่านหนังสือร่วมกับข้า เขาทำสิ่งนั้นได้โดยไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ทว่านานวันเข้าสงครามกลับทำให้เขาเปลี่ยนไป คนรอบข้างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน มีเพียงบิดาข้า ลอร์ดวิลเลี่ยม โลเทรค อาร์ชิบอลด์ เท่านั้นที่ดูจะพอใจกับความเปลี่ยนแปลงนี้’