3 ตอน บทที่ 2 สงครามกลางห้องบอลรูม (Battle in the grand ballroom) 2 Warning!
โดย VerbaArcana
เนื้อหานี้เป็นเรื่องแต่ง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ หน่วยงานนั้นๆ หรือบุคคลจริงๆ เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้แต่ง แม้เป็นบรรยากาศย้อนยุค แต่สภาพสังคมและทัศนคติหลายอย่างนั้นเขียนขึ้นจากความเข้าใจตามโลกปัจจุบัน ทั้งนี้เพราะไม่ใช่งานเขียนสะท้อนสังคม และข้อมูลหลายอย่างอาจไม่ตรง หรือถูกบิดเบือนไปบ้างเพื่อความลื่นไหลในการเขียน และไม่กระทบเส้นเรื่อง ขออภัยหากมีข้อผิดพลาด
(Trigger Warning! นิยายเรื่องนี้มีการนำเสนอพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงทางกาย ทางเพศ และทางจิตใจ)
ตอนที่ 2 มีการใช้ความรุนแรง เข่นฆ่า ทำร้ายร่างกาย ข่มขืน
ชั่วพริบตานั้น นางตัดสินใจเขวี้ยงตะเกียงใส่ทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งจนไฟลุกท่วม เขากรีดร้องเสียงหลงวิ่งพล่าน คาเธรีน่าจึงสั่งให้คนรับใช้ถอยหนี
หญิงสาวทุกคนที่ถือตะเกียงในมือพร้อมใจกันทำแบบเดียวกับท่านหญิงน้อยเพื่อสกัดการโจมตี แต่ครานี้พวกอาร์ชิบอลด์กลับรีบวิ่งไล่ตะครุบพวกนางด้วยความโมโห ไม่ไยดีกับเปลวไฟลามเลียตามสายน้ำมันหกรดจากตะเกียง
บีอาทริเช่ เดส์ ลูมิเยร์ นึกไม่ถึงว่าเด็กสาวจะใจกล้าห้าวหาญมากขนาดนี้ นางรีบสับเท้าก้าวถอยหลังออกมานอกคุกใต้ดิน ชนเข้ากับขั้นบันไดเล็กๆ เชื่อมขึ้นไปสู่เนินทุ่งหญ้าด้านบนที่ทอดผ่านสู่แนวป่าทึบใกล้ๆ ด้วยความตกใจกลัว ปล่อยให้ทหารอาร์ชิบอลด์วิ่งกรูเข้าปะทะกับพวกผู้หญิงของโคเว่นอย่างรุนแรง
เสียงปืนและดาบกระทบกระเทียบ ผสมปนเปกับเสียงกรีดร้องแหลมดังระงม ไฟลุกโหมกระหน่ำหนักขึ้นทุกที เหล่าหญิงสาวไม่มีทางเลือกนอกจากวิ่งกลับขึ้นไปข้างบน
“ตัวแสบนักนะ...ตายไปซะ นังเด็กเหลือขอ...ข้าเบื่อพี่ชายเจ้าเต็มทนแล้ว!”
บีอาทริเช่ตะโกนไล่หลัง ยืนฟังเสียงกรีดร้องของเหล่าหญิงสาวตระกูลโคเว่นด้วยความสะใจ
แม้จะมีกำลังพอสู้ไหว แต่พวกอาร์ชิบอลด์กลับดาหน้าเข้ามาราวกับไม่มีวันหมดสิ้น
ต่อให้แฮมมอนด์จะเหวี่ยงตุ้มเหล็กมอร์นิ่งสตาร์สังหารศัตรูที่อยู่ในรัศมีได้ทีละสองถึงสามคนแล้ว แต่ก็มิอาจต้านทานจำนวนของพวกมันที่รุมกลุ้มกันเข้ามาเรื่อยๆ ได้
โชคดี ห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยงเต้นรำนี้ยังพอมีส่วนยื่นออกมาใช้เป็นที่กำบังได้บ้าง
เขาวิ่งไปหลบพักหายใจยังจุดนั้นเพื่อซ่อนตัวจากห่ากระสุน พลางเหลือบมองไปยังนายท่านของเขาซึ่งหลบอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
ลอร์ดโคเว่น สั่งให้ทหารของเขารีบถอยร่นไปทางซุ้มประตูโค้งที่เชื่อมไปสู่ห้องรับรองแขกต่างเมือง
ทว่าโลเทรค อาร์ชิบอลด์ ได้จัดเตรียมระเบิดระลอกใหม่พร้อมแล้ว
กลุ่มทหารโคเว่นต่างวิ่งกรูกันไปหลบตรงทางเชื่อมใต้ซุ้มประตูนั้น และเริ่มถอยร่นลึกขึ้นๆ หวังไปตั้งรับอีกทียังคุกใต้ดิน
เสี้ยววินาทีนั้นใครเล่าจะคาดคิดว่าประตูอีกฝั่งของห้องรับรองจะถูกกระแทกเปิดออก เหล่าหญิงสาวในสภาพสะบักสะบอมกระเสือกกระสนดิ้นรนวิ่งกันออกมา ตามด้วยทหารอาร์ชิบอลด์อีกฝูงใหญ่ทะลักทลายกระจายกำลังกันดักพวกเขาไว้อีกทางอย่างไม่น่าเชื่อ
ลอร์ดโคเว่นและแฮมมอนด์ ยังคงไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องรับรองทางด้านหลัง พวกเขานำกำลังคนยิงตอบโต้พวกอาร์ชิบอลด์ไปเรื่อยๆ เพื่อถ่วงเวลา
รอกระทั่งเสียงปืนดังสนั่นจากอีกฝ่ายเงียบลงชั่วครู่ เขาพร้อมลูกน้องบางส่วนจึงโผล่ออกไปยิงสวนทันที
อาชชี่ดึงหน้าหลบแนวกระสุนฉิวเฉียดกลับเข้ามาหลังที่กำบัง แล้วพยักพเยิดส่งสัญญาณให้แฮมมอนด์ถอยร่นตามเข้าไปในทางเชื่อม ทั้งหมดรีบเร่งฝีเท้าตามพลพรรคที่เหลือไปโดยมีลอร์ดโคเว่นเป็นผู้รั้งท้าย
ปัง! ปัง! เปรี้ยง!
อนิจจา เพียงทหารโคเว่นบางส่วนโผล่พ้นทางเชื่อมไปไม่เท่าไหร่ ก็ล้มกันระนาวด้วยห่ากระสุนกระหน่ำยิงจากปากกระบอกปืนนับสิบ
ลอร์ดโคเว่นหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง เช่นเดียวกับแฮมมอนด์ซึ่งได้ยินแต่เพียงเสียงดังสนั่นขณะเร่งฝีเท้าวิ่งตามมาสมทบ
“เฮ้ย! ระวังหน่อยเขาบอกให้จับอาชชี่ โคเว่น เป็นๆ”
เสียงห้าวทุ้มคุ้นหูดังขึ้นตามหลังหนุ่มผมแดง
โลเทรค อาร์ชิบอลด์นั่นเองกำลังเดินตามมาพร้อมนำคนส่วนหนึ่งยิงลูกระเบิดจากปืนในมือ
“ส่วนไอ้นี่ไม่ต้อง”
มันชี้นิ้วมาทางแฮมมอนด์ที่เผลอหยุดยืนจ้องหน้ามันพักใหญ่ ระหว่างกวาดต้อนเพื่อนทหารให้รีบอพยพไปทางซุ้มประตูเชื่อมห้องรับรอง
“ไอ้หน้าสวยตัวแสบ...เลี้ยงไม่เชื่อง” แฮมมอนด์ ถ่มน้ำลายรดพื้นแล้วรีบวิ่งตามเจ้านายของเขา
ก่อนจะพบว่า บริเวณพื้นที่ห้องรับรองตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยเลือดเจิ่งนอง
คนของโคเว่นล้มตายกันเกลื่อน ส่วนหญิงสาวที่ยังมีชีวิตถูกลากลู่ถูไถไปกระทำบางอย่างอันน่าอดสู เหลือคนยืนหยัดต่อสู้เพียงหยิบมือ หนึ่งในนั้นคือลอร์ดโคเว่น กำลังกวัดแกว่งดาบปกป้องลูกน้องที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนอย่างสุดชีวิต
ทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งกระแทกปืนเข้าแผ่นหลังของลอร์ดโคเว่นจนเซถลา หลังจากเขาเข้าโรมรันแย่งตัวหญิงรับใช้ออกมาจากมือของพวกมัน
เจ้านั่นกระชากผมชายหนุ่มร่างเล็กกว่าเข้าหาตัว ลอร์ดโคเว่นพลันหันมาสวนด้วยมีดเสียบเข้าที่ท้องแล้วงัดขึ้นจนปลายแหลมคมอาบเลือดทะลุหลัง
เจ้าของปราสาทเคลื่อนไหวไม่หยุดยั้ง เหวี่ยงดาบยาวบั่นหัวมันขาดสะบั้นต่อหน้าทหารอาร์ชิบอลด์ที่แตกฮือ
"อ๊าา!!" เขาคำราม
มีนักรบแค่ไม่กี่รายแทบนับตัวได้ที่สามารถตัดคอคนด้วยดาบเรียวบางเช่นนั้นในสมัยนี้
"เข้ามา!"
ลอร์ดโคเว่นท้าทายทั้งที่ศพหัวขาดยังคามีดในมือ เขารีดเค้นเรี่ยวแรงล้นเหลือเพราะมีคนให้ปกป้องเพิ่มมากขึ้น
ขุนนางหนุ่มใช้สองดาบในมืองัดร่างไร้หัวนั้นต่างโล่แล้วเหวี่ยงใส่เป้าหมายราวสัตว์ร้ายสะบัดเหยื่อ สองหูชื้นเหงื่อยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวแผดลั่นลอดออกมาจากประตูฝั่งเดิม
เปลวไฟจากชั้นใต้ดินเริ่มลุกโหมกระหน่ำมีกลุ่มควันลอยสูง ทว่าทุกคนในที่นั้นดูไม่ใส่ใจ ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นในจุดมุ่งหมายของตน
"วิ่งไป...วิ่งไป..."
โลเทรคกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นแฮมมอนด์เกิดพะว้าพะวัง มันสั่งให้ทหารยิงระเบิดใส่โดยไม่ลังเล
ชายหนุ่มผมแดงเบิกตาโพลงแล้วเร่งสับเท้าเร็วรี่ไปยังนายท่านด้วยความเป็นห่วง
"เร็ว! เร็ว!" เขาดุนไหล่คนข้างหน้า
นัยน์ตาสีเขียวแกมเทาสะท้อนเงาลูกระเบิดพุ่งฟ้าวทิ้งสายควันขาวเป็นลำมาตามหลัง
ระเบิดชุดแรกถูกยิงกระเด็นกระดอนกลิ้งขลุกๆ ตกกลางโถงทางเชื่อมแคบๆ ทหารโคเว่นบางส่วนหลบไม่พ้น เผชิญแรงอัดหนักหน่วง ส่งร่างพวกเขาปลิวไปกระแทกกับผนังอย่างรุนแรง จนอวัยวะฉีกขาด น้ำข้นคลั่กสีแดงฉานกระสานสาดเปรอะทั่วบริเวณ
โลเทรคยังคงเดินหน้าต่อไม่หยุดยั้ง มันเว้นระยะสักพักก่อนยกมือให้สัญญาณยิงระลอกสองต่อทันทีที่เคลื่อนกำลังโผล่พ้นปากทางไล่ตามกลุ่มของแฮมมอนด์ โดยยังคงรักษาระยะห่างอย่างใจเย็น
แม้รู้ว่าไม่รอดพ้นแน่ กระนั้นหนุ่มผมแดงสายเลือดไวกิ้งกลับไม่ได้ห่วงตัวเองเท่ากับห่วงเจ้านาย
ชายร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ตัดสินใจกระโจนรวบตัวลอร์ดโคเว่นที่กำลังถอยหนี ปกป้องเขาจากแรงระเบิดห่าใหญ่ซึ่งถูกยิงย้อยตกลงมาไล่หลังกลุ่มโคเว่นที่เหลือ ก่อนถูกแรงระเบิดอัดกระเด็นเข้าข้างฝา อ้อมแขนร่วงผล็อย คลายออกจากร่างเจ้านายทันที
ทั้งสองร่วงลงกระแทกพื้น ลอร์ดโคเว่น กลิ้งขลุกๆ ไปคนละทิศ
ขุนนางหนุ่มสะบัดศีรษะเล็กน้อยให้หายจากอาการมึน ประจวบเหมาะกับเจ้าโลเทรคเดินแหวกกลุ่มควันคละคลุ้งตามเข้ามาประชิดร่างเขาพอดีเมื่อการระเบิดสิ้นสุดลง
มันเตะอัดชายโครงของเขาแล้วยกเท้าเหยียบหลังไว้ แต่อาชชี่ โคเว่น ไม่ได้ใส่ใจความเจ็บปวดของตน กลับรีบเงยหน้ามองเพื่อนผมแดงที่แน่นิ่งไปแล้วด้วยดวงตาเบิกค้าง
“แฮมมอนด์....” เขาเรียกเบาๆ
ทุกสิ่งดูราวกับจะหยุดนิ่ง ลอร์ดโคเว่นกวาดสายตามองความสูญเสียครั้งใหญ่ด้วยหัวใจอันรวดร้าว พลันได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวหลายนางดังออกมาจากประตูทางเชื่อมห้องรับรองบานเดิม
"ปล่อยข้านะ!" เสียงใสหวีดลั่น เขย่าขวัญขุนนางหนุ่มเจ้าของปราสาทโบราณ
และใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ทหารอาร์ชิบอลด์อีกกลุ่มใหญ่ จึงเดินออกมาจากประตูบานนั้น พร้อมอุ้มร่างหญิงสาวเสื้อผ้าขาดวิ่นเข้ามาอวดโฉมให้เจ้านายของมันดู
“จับน้องสาวกับแม่ของอาชชี่ โคเว่น ได้แล้วขอรับ” หนึ่งในพวกมันกล่าวรายงาน
โลเทรค อาร์ชิบอลด์เมียงมองสาวน้อยและสาวใหญ่สองนางบนไหล่ของพวกทหาร เด็กสาวใบหน้างดงาม ผมสีน้ำตาลเป็นลอนยาวยุ่งเหยิง ถ่มน้ำลายรดหน้าเจ้าปิศาจซึ่งงดงามไม่แพ้กันแม้เป็นเพศชาย
"ไปตายซะ!" นางสบถ ไม่มีแววกลัวเกรง
ชายหนุ่มผิวขาวสะอาดจนเห็นเส้นเลือดฝาด ผินหน้าหลบ ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับออก
ลอร์ดโคเว่น เฝ้ามองดูเหตุการณ์นั้นด้วยหัวใจเต้นสั่นระรัว เขาไม่เคยกลัวอะไรมากเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
"อย่า..."
พี่ชายและน้องสาวสบตาราวกับรู้ชะตากรรม
"อาช”
นางเรียกชื่อเล่นเขาเบาๆ ก่อนโดนเจ้าปิศาจอาร์ชิบอลด์ ใช้หลังมือฟาดใบหน้าอย่างรุนแรง
อาชชี่ โคเว่น เบิกตาโพลงด้วยความเคืองแค้น ต่อให้ทะเลาะกันรุนแรงแค่ไหนแต่เขาก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับนาง เขาทะนุถนอมนางราวกับแก้ว
"อย่าทำร้ายนางนะ! อย่า!" ชายหนุ่มร้อง
เจ้าโลเทรคกระทืบเข้ากลางหลังของเขาเสียงดังอั่ก!
“จะทำอะไรก็ทำ รีบๆ ซะ ให้มันเสร็จตรงนี้ เวลาล่วงเลยมามากแล้ว ใช้เวลานานกว่าที่คาด บิดาข้าจะบ่นเอา ข้าต้องไปจัดเตรียมปะรำพิธีอีก”
มันกล่าวกับลูกน้องด้วยสีหน้าเรียบเฉยเจือความหงุดหงิด ก่อนก้มลงมองร่างใต้ฝ่าเท้า เห็นชายหนุ่มกำลังสะอื้นไห้ และเริ่มดิ้นรนเพื่อสะบัดตัวให้หลุดออก
โลเทรคจึงกระทืบกลางหลังอีกคำรบ เพื่อให้เขาอยู่นิ่งๆ ด้วยความรำคาญ
ลอร์ดโคเว่นกระตุกขึ้นเล็กน้อยตามแรงส่ง เขาออกอาการจุกอย่างเห็นได้ชัด
ทหารอาร์ชิบอลด์พออกพอใจกับคำสั่งของเจ้านาย พวกมันยกมือขึ้นทำความเคารพ ก่อนอุ้มร่างน้องสาว มารดา และหญิงสาวเคราะห์ร้ายคนอื่นๆ ที่เหลือรอดขึ้นพาดบ่า แห่ขบวนเดินออกไปจากบริเวณทุ่งสังหารอย่างคึกคะนอง
"อาช! อาช! ช่วยด้วย!!" เสียงน้องสาวและแม่ร้องเรียกไกลห่างออกไปเรื่อยๆ
"แคธี่!!"
อาชชี่ยังไม่ยอมแพ้ เขามองตามภาพสลดหดหู่นั้นด้วยดวงใจแหลกสลาย พยายามรวบรวมพละกำลังทั้งหมดพลิกร่างกลับมานอนหงาย สะบัดหนีขาของโลเทรค แล้วกระเสือกกระสนดิ้นรนลุกขึ้นวิ่งตาม เจ้าปิศาจอาร์ชิบอลด์ชั่วช้าถึงกับเซถลา ดีที่ลูกน้องรีบเข้ามารับตัวทัน
และเมื่อตั้งหลักได้ ชายหนุ่มผมทองจึงคว้าปืนของลูกน้องแล้วยกขึ้นประทับบ่า เล็งตามเป้าหมายที่กำลังจะหายลับจากสายตา พลันลั่นไกระเบิดกระสุนเข้าใส่ต้นขาของคู่อริจนทรุดลงคุกเข่า
กระนั้นอีกฝ่ายยังไม่ยอมแพ้ รีบคว้าดาบใกล้มือเล่มใดก็ได้ ใช้ยันตัวต่างไม้เท้า แล้วลากร่างชุ่มโชกด้วยเลือดเปรอะเต็มขาไปตามทางเดิน
โลเทรคเดินตามอย่างใจเย็น และเมื่อมันเห็นอาชชี่ เริ่มออกวิ่ง จึงสั่งให้ทหารสองสามนายวิ่งตาม
“เอาตาข่ายไปด้วย จับเป็นนะ อย่าลืม ทำยังไงก็ได้ให้มันสิ้นฤทธิ์”
เจ้าของปราสาทคอร์วินัสวิ่งกะโผลกกะเผลกตามมาทันเห็นน้องสาวกำลังถูกรุมโทรมกลางห้องโถงหน้าบันได ตรงประตูทางเข้าตัวปราสาท
นางดิ้นรนสุดชีวิตแม้จะถูกพวกมันกระทำย่ำยีราวกับตุ๊กตา มิมีใครสะทกสะท้านกับเปลวไฟที่เริ่มลุกโหมรุนแรงจากชั้นล่างสุดของปราสาทจนเกิดเป็นมวลหมอกหนาสีแดงฉานพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าด้านนอก
สาวรับใช้คนอื่นๆ ถูกลากออกไปนอกปราสาทมายังสนามหญ้าหน้าป้อมปราการ พวกนางกรีดร้องดิ้นรนแต่พวกมันกลับไม่มีความปรานี
อาชชี่ไม่มีเวลาให้คิดนานนัก ทันทีที่วิ่งตามมาทัน เขาก็พุ่งตรงเข้าไปหาทหารอาร์ชิบอลด์นายหนึ่งที่ยืนสูบยาเส้นเฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ตรงชั้นพักบันได ต่อหน้าภาพวาดขนาดใหญ่ซึ่งเป็นรูปของตัวเขาเอง แม่และน้องสาว ยืนอยู่ ใบหน้าของทั้งสามสดใสสวยงาม แตกต่างลิบลับกับในตอนนี้
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันจะได้ตวัดแม้คมดาบเฉียดเข้าใกล้เป้าหมายแรกนั้น ตาข่ายทอด้วยเหล็กเส้นบางๆ หนาหนักจึงลอยหวือมาคลุมร่างของเขาเข้าเสียก่อน
ทหารอาร์ชิบอลด์สองสามนายตามมา ใช้ด้ามปืนและเท้าทุบกระทืบลอร์ดโคเว่นหนุ่มทันที จนทรุดลงไปนอนคู้ตัว ได้แต่งอศอกสองข้างกันอวัยวะภายในไว้ตามสัญชาตญาณ
การรุมโทรมหญิงสาวแห่งโคเว่นยังคงดำเนินต่อไปสักระยะ เจ้าโลเทรค อาร์ชิบอลด์ จึงสั่งให้ลูกน้องจัดการเอาโซ่ตรวนมาล็อกคอและมือทั้งสองของลอร์ดโคเว่นให้แน่นหนา หลังถูกรุมสกรัมจนสิ้นฤทธิ์ บังคับให้ชายหนุ่มดูแม่และน้องสาวของตนถูกย่ำยีโดยกลุ่มทหารอาร์ชิบอลด์ซึ่งกำลังพลุ่งพล่านด้วยอารมณ์เปลี่ยวจากชัยชนะที่ได้รับในการศึกของวันนี้
บัดนี้ อาชชี่ โคเว่น สิ้นเรี่ยวแรงแล้วทำได้เพียงระเบิดเสียงร่ำไห้อย่างหยุดไม่อยู่ และก่นด่าพวกมันด้วยความเคียดแค้น
ทหารอาร์ชิบอลด์กระชากโซ่ที่เชื่อมติดกับเหล็กล็อกคอจนร่างชายหนุ่มถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่งคุกเข่า เห็นภาพการทารุณกรรมได้ชัดเจนยิ่งกว่าเดิม
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทุกตัว!!! ข้าสาบาน!!! ข้าสาบาน!! ไอ้สารเลว!! พวกเจ้าต้องตายเยี่ยงสัตว์!! ขอให้พวกเจ้าไม่ตายดี!!”
ทุกครั้งที่อาชชี่พยายามเบือนหน้าหนี เจ้าโลเทรคก็จะจับหน้าหันกลับมาและบังคับให้ดูอยู่แบบนั้น
แม่และน้องสาวของอาชชี่ โคเว่น กรีดร้องดิ้นรนเช่นกันในทีแรก ก่อนจะเริ่มหมดแรงและแน่นิ่งไปเมื่อผ่านทหารอาร์ชิบอลด์คนแล้วคนเล่าราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ทว่าตัวโลเทรคเองกลับไม่ได้สนใจเหตุการณ์ตรงหน้า มันเฝ้าพินิจพิจารณา อากัปกิริยาและสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มผมดำอย่างไม่วางตา ความรู้สึกประหลาดเริ่มก่อตัวขึ้นในจิตใจอันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
ใบหน้าคมด้วยสันกรามขบแน่นเครียดตึงของอดีตนายทหารหนุ่มยศสูงผู้นี้ ดูจะยิ่งงดงามคมเข้มขึ้น เมื่ออาบไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความสูญเสีย ดวงตาสีฟ้าสดทอประกายพร่างพราวด้วยหยาดน้ำตาหลั่งริน
ริมฝีปากเรียวบางแต่อิ่มเต็มมีสีสันสวยงาม แม้เปรอะไปด้วยคราบเลือด ลำคอและบ่าผึ่งผายแข็งแรงเนียนสะอาด แม้มีร่องรอยกรำแดดตามประสาคนที่ชอบทำงานกลางแจ้ง
โลเทรคจับใบหน้าของอาชชี่ให้หันมาเผชิญหน้ากัน แต่ชายหนุ่มผมดำกลับหลบตาทันทีและสะอื้นไห้ไม่หยุดจนตัวหอบโยน
“ข้าจะ....ฆ่าเจ้า...ฮึก....ข้าสาบาน...ข้าสาบาน...”
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เห็นภาพนี้จากอาชชี่ โคเว่น อดีตผู้บังคับบัญชาอายุน้อยที่สุดคนแรกในประวัติศาสตร์
“ทั้งหมดก็เพราะเจ้าเป็นคนก่อ....จำไว้”
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ กระซิบด้วยน้ำเสียงแค้นเคืองระหว่างจิกรั้งผมของอีกฝ่ายดึงเข้ามาหาตน ก่อนเขวี้ยงร่างชายหนุ่มคู่อริเข้าไปกลางวงโทรมหญิงของพวกลูกน้อง
ร่างเหนื่อยล้านั้นรีบตรงเข้าไปกระแทกร่างพวกชั่วช้าออก พลันใช้ศีรษะดุนร่างแม่และน้องสาว สะกิดให้พวกนางรู้สึกตัว
“แคธี่...แคธี่...ได้ยินข้าไหม....ได้โปรดมีชีวิตอยู่ ข้าขอร้อง....แคธี่....ท่านแม่...เรายังคุยกันไม่จบเลย” เขาเอาหูแนบหน้าอกนาง ยินเสียงหายใจแผ่วเบา รวยริน
ไม่มีสิ่งใดบ่งบอกว่าตุ๊กตารุ่งริ่งสองตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่ นอกจากดวงตากลอกไปมาได้ของคาเธรีน่า ซึ่งตอบรับเสียงเรียกของพี่ชาย นางไม่มีแรงแม้จะหันไปมองหน้าเขา
“ข้าขอโทษ...ข้าจะไม่ส่งเจ้าไปแต่งงานกับดยุคแห่งแอปเปิลไชร์ เจ้าจะอยู่ที่นี่ เป็นครอบครัวเดียวกับเราตลอดไป ข้าจะไม่ผลักไสเจ้าอีกแล้ว แคธี่...ข้าขอโทษ”
อาชชี่ละล่ำละลัก พร่ำบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พลางเหลือบสายตามองเลดี้แมคเดอมอทท์บ้างด้วยหัวใจบอบช้ำหนัก หญิงมีอายุสูงศักดิ์แน่นิ่งเรียบร้อยแล้วราวกับตุ๊กตากระเบื้อง
“ท่านแม่...เราจะไม่ส่งแคธี่ไปใช่ไหม....ท่านแม่....” เขาใช้ศีรษะคลอเคลียแก้มซีดขาวของมารดาด้วยความเศร้าโศก
โลเทรค อาร์ชิบอลด์ ให้เวลาพวกเขาได้อยู่ด้วยกันน้อยเหลือเกิน
มันสั่งทหารที่ไม่ได้ร่วมวงโทรมหญิง ลากร่างอาชชี่ โคเว่นออกไปจากปราสาทเพื่อนำตัวไปคุมขัง แต่ชายหนุ่มกลับขืนตัวต่อต้านแรงดึงที่ปลายโซ่ จนต้องกระตุกโซ่กระชากร่างออกมา
“ไม่!!! ม่ายยยยยยย!!!”
เขาคำรามร้องอย่างบ้าคลั่งระหว่างถูกลากลู่ถูกังออกไปตามทางเดิน
ค่ำคืนนี้ดูสว่างกระจ่างตากว่าทุกคืนด้วยพระจันทร์กลมโตซีดเซียวเกือบเต็มดวง อาชชี่ โคเว่น นั่งคู้กายเหงาหงอยหลังพิงขอบรถม้าบรรทุกของซึ่งถูกนำมาขนนักโทษ
ทหารอาร์ชิบอลด์สองสามนายซึ่งนั่งเฝ้า ส่งสายตามองชายหนุ่มด้วยรู้สึกสมเพชและขบขันในชะตากรรมที่ขุนนางสูงศักดิ์เช่นเขาต้องเผชิญ
หากเป็นเหตุการณ์ปกติ เขาคงจะพุ่งเข้าไปทำร้ายพวกมันเป็นแน่ แต่ด้วยร่างกายที่บอบช้ำรวมถึงจิตใจอันแหลกสลาย ในตอนนี้ อาชชี่ โคเว่นจึงไม่มีเรี่ยวแรงจะคิดทำสิ่งใดนอกจากล้มตัวลงนอนมองดวงจันทร์กระจ่างที่ผลุบโผล่ไปตามแนวไม้บนฟากฟ้าสีน้ำเงินเข้มคล้ำ
สภาพท้องถนนดินอันขรุขระและอากาศอันหนาวเหน็บทำให้เขารู้สึกปวดร้าวระบมไปทั่วสรรพางค์กาย ชายหนุ่มพลิกตัวนอนตะแคงหลบสายตาเหล่าสุนัขของอาร์ชิบอลด์ แล้วข่มตาให้หลับลง
ขบวนรถม้านำนักโทษเคลื่อนลัดเลาะไปตามเส้นทางที่เต็มไปด้วยป่า จากปราสาทคอร์วินัสสู่คฤหาสน์อลิสัน
Comments (0)