บทที่ 1 กำลังใจในการทำงาน (1)

 

4 : 30 .

 

         เสียงน้ำกระทบพื้นกระเบื้องดังกึกก้อง ไปทั่วห้องน้ำกว้างสุดหรู มีอ่างจาคุชชี่ตั้งเด่นอยู่ริมกระจก เพื่อชมวิวเมืองอันแสนเงียบสงบในเวลานี้ ช่วงเวลาก่อนเช้ามืด ช่างเหมาะแก่การซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเอาเสียมากๆ

         แต่กลับมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ สมกับฉายาราชาแห่งอัลฟ่า กล้ามแขนขึ้นเป็นมัดอย่างสวยงามสมกับที่ออกกำลังกายมาอย่างสม่ำเสมอ เสียงหยาดน้ำเงียบลงพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดออก

         ร่างสูงใหญ่เดินต่อไปยังห้องแต่งตัวที่เป็น walk-in closet ขนาดกลาง หยิบชุดลำลองที่คนรักเตรียมไว้ให้เป็นเซต ก่อนจะเดินไปฉีดน้ำหอมเพียงเล็กน้อย สำรวจความเรียบร้อยอยู่สักครู่ก่อนจะเดินออกไปยังห้องนอน ที่มีร่างเล็กนอนขดตัวป็นก้อนกลม ๆ อยู่กลางเตียง

           เกรซเดินไปเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ คนรัก ก่อนจะก้มหน้าลงไปซุกไซ้กอดหอมอยู่ครู่ใหญ่ จนคนตัวเล็กในอ้อมกอดเกิดความรำคาญ ส่งเสียงประท้วงออกมา แต่มีหรือคนอย่างเกรซจะสำนึกแล้วถอยห่าง มีแต่จะแกล้งหนักกว่าเดิมล่ะสิไม่ว่า

“อื้ออออ” จนแล้วจนรอด คนตัวเล็กที่นอนอยู่ ก็อดที่จะลืมตามองสิ่งแปลกปลอม ที่กำลังรบกวนการนอนของตัวเอง

“พี่ต้องไปทำงานแล้วครับ” ไม่พูดเปล่าใบหน้าคมยังคงสูดดมกลิ่นชาเขียวอ่อน ๆ ที่โชยออกมาจากตัวคนรัก กลิ่นที่มอมเมาเขามาตลอดทั้งค่ำคืนที่ผ่านมา

“....อื้อออ” เรย์รินที่ยังง่วงงุน สติยังไม่เข้าร่างดี ทำได้เพียง เอ่ยเสียงที่อยู่ในลำคอออกไปเท่านั้น

“หนู...พี่เกรซจะไปทำงานสายแล้วนะคะ” ปากก็พร่ำบอกว่ากำลังจะสาย แต่ร่างกายใหญ่โตกลับตวัดแขน โอบเอวของคนรักเข้ามาแนบชิด พรมจูบไปทั่วใบหน้าด้วยความเสน่ห์หา

          รินที่ได้ยินดังนั้น สติทุกอย่างก็เริ่มกลับเข้าร่าง หลังจากที่ผ่านกิจกรรมอันร้อนแรงมาเมื่อคืน ตนก็หลับราวกับคนตาย ดวงดาสีเฮเซลนัทคู่สวยกะพริบถี่ ๆ ไล่ความง่วงงุน

          เมื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้คนรักของตนพูดอะไรออกมา คนตัวเล็กก็รีบลุกพรวดขึ้นมา โดยที่มีเกรซนั่งกอดเอวรั้งไว้อยู่ไม่ห่าง

“พี่เกรซ! หนูหลับลืมเลยอะทำไงดี ตอนนี้กี่โมงแล้ว!”

“ใจเย็น ๆ ครับ ไม่เป็นไรหรอกหนูนอนต่อก็ได้ พี่เกรซแค่ปลุกหนู เพื่อที่จะบอกเฉย ๆ ว่าจะไปทำงานแล้ว”

“แต่พี่เกรซยังไม่ได้กินข้าวเลย หนูทำแซนด์วิชให้ตอนนี้ทันไหม” เกรซที่เห็นสีหน้าง้ำงอของคนรักก็อดที่จะยิ้มอย่างเอ็นดูออกมาไม่ได้

“ไม่ทันแล้วครับ”

“หนูขอโทษครับ นาฬิกามันไม่ปลุกอะ”

“พี่เกรซปิดเองครับ”

“อ้าว... ปิดทำไมเล่า หนูไม่ตื่นเลยเห็นไหม”

“อยากให้หนูนอนเยอะ ๆ ไงคะ เพราะเมื่อคืนพี่เกรซรังแกหนูไปเยอะเลย”

            ได้ยินแบบนั้น ใบหูที่ขาวใสก็กลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อคืนตนโดนพี่เกรซรังแกหนักมากเลย บอกให้พอก็ไม่ยอมพอไม่รู้ไปอดอยากมาจากไหน

“แต่ไม่กินข้าวไม่ได้นะ พี่เกรซอย่าลืมแวะซื้อขนมปังหรืออะไรก็ได้ ทานรองท้องด้วยนะครับ”

“ฝากพี่ธารซื้อมาให้แล้วครับ”

“พี่ธารมาแล้วถึงแล้วเหรอ” สีหน้าที่ตกใจของคนรักทำเอาเกรซหลุดขำออกมา

“ครับ เพิ่งส่งข้อความมาบอกเมื่อกี้นี้เอง พี่เกรซต้องรีบลงไปแล้วก่อนจะโดนบ่น”

“งั้นหนูไปส่ง”

“หนูนอนต่อก็ได้ครับ ไม่ต้องไปส่งพี่หรอก”

“หนูอยากไปส่งนี่นา ส่งหน้าห้องเองเพราะข้าวก็ไม่ได้ทำให้พี่เกรซกิน”

“งั้นหนูทำข้าวเที่ยงไปส่งให้พี่ที่กองถ่ายไหมครับ” โอเมก้าตัวน้อยตรงหน้า ถึงกับทำหน้ามู่ทู่ใส่ทันทีที่ได้ยิน ก่อนที่เกรซจะลุกขึ้นจากเตียงเดินจูงมือคนรักไปยังหน้าห้อง

“หนูทำใส่กล่องแล้วให้คนส่งอาหารไปส่งได้ไหม”

“แต่พี่เกรซอยากเจอหนูนี่นา คิดถึงอยากได้กำลังใจครับ”

“แต่.... หนูยังไม่พร้อม” น้ำเสียงที่แผ่วเบาดังลอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวย ก่อนที่คนน้องจะก้มหน้ามองฝ่ามือที่ถูกคนพี่กุมอยู่

            รินรู้ว่าเกรซอยากจะเปิดตัวมากแค่ไหน แต่ด้วยความที่เกรซเป็นทั้งนักแสดง และนายแบบแนวหน้าของประเทศขนาดนั้น บอกตรง ๆ ว่าเขายังไม่พร้อมจริง ๆ ซึ่งตัวของเกรซเองก็เข้าใจในมุมนี้ของคนรัก

            ตนคบกับน้องมา 5 ปี น้องผ่านอะไรมาเยอะ ซึ่งถ้าให้เทียบกับตอนนั้นถือว่าน้องเข้มแข็งขึ้นมากแล้ว แม้มันจะยังไม่มากพอก็ตาม

“พี่เกรซเข้าใจครับ แค่หยอกหนูเล่นเอง พี่เกรซต้องไปจริง ๆ แล้วโทรศัพท์สั่นไม่หยุดเลยครับ เดี๋ยวจะโดนกินหัวซะก่อน” เมื่อเห็นคนรักยิ้มได้เกรซก็ชื่นใจ ไม่อยากให้น้องต้องคิดมากเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของเขา

“ถ่ายวันนี้วันสุดท้ายแล้วใช่ไหมครับ”

“ใช่ครับ พี่เกรซเตรียมเสื้อเอาไว้ให้หนูแล้ว อย่าเอาตัวที่ยังไม่ได้ซักไปกอดนะครับ”

“อะ...อื้อ” เสียงตอบรับที่กระท่อนกระแท่นของริน ทำเอาเกรซยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน

             ใกล้ช่วงฮีทของคนรักทีไร รินมักจะชอบแอบมาเอาเสื้อผ้าของตนไปกอดดมตลอด หากเป็นเสื้อผ้าที่ซักแล้วเขาจะไม่ว่าเลย แต่น้องดันเอาเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซักไป

              แถมยังเป็นตัวที่เกรซใส่ไปถ่ายงานมาทั้งวัน แล้วน้องเอาไปกอดเนี่ยสิ เขาเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของน้อง ยิ่งตัวเล็ก ๆ ป่วยง่ายอยู่ด้วย เกรซเลยจำเป็นต้องไปนั่งอัดกลิ่นตัวเองใส่เสื้อผ้า เพื่อให้น้องได้ใช้ยามที่ตัวเองไม่อยู่ห้อง

 

~เมี้ยว~

“มิวกี้~” รินก้มลงไปอุ้มเจ้าแมวส้มตัวอ้วน ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน มันพยายามที่จะยื่นเท้าหน้าไปหาคนตัวสูง แต่รินก็ตะครุบจับเท้ามังคุดนั้นไว้ได้ก่อน จะให้อุ้มไม่ได้เลยนะเดี๋ยวขนจะติดเสื้อ

“พ่อไปนะครับ อยู่กับมี้ไม่อย่าพามี้ซนนะรู้ไหม อย่าไปเอาทิชชูมาเล่นนะครับ สงสารมี้ต้องมาตามเก็บ”

            พูดประหนึ่งสอนเด็ก ถามว่าเจ้าแมวส้มตัวอ้วนนี้เข้าใจหรือไม่ ก็บอกเลยว่าไม่ เพราะแต่ละวันมันก็ยังไปค้นเอาก้อนทิชชูมาตะปบเล่นอยู่ดี

“ไม่ซนสักหน่อย เนอะลูกเนอะ”

“ดื้อที่หนึ่งเลยแหละแม่ลูกคู่นี้ พี่ไปนะคะ” รินย่อตัวลง เพื่อวางเจ้าแมวอ้วนลงกับพื้น ก่อนจะยืดตัวขึ้นเพื่อบอกลาคนรัก

“โชคดีนะครับ อย่าลืมทานข้าวนะ”

“ครับ”

           พ่ออัลฟ่าใหญ่รวบเอวบางของคนรักเข้ามาใกล้ ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปช้า ๆ ค่อย ๆ ละเลียดชิมความหอมหวานจากริมฝีปากของคนน้อง กลิ่นฟีโรโมนของคนทั้งสองผสมผสานเข้าด้วยกัน

            จนเกิดเป็นมวลความหอม ที่ฟุ้งอยู่ทั่วโถงทางเดิน เรียวลิ้นที่คว้านกวาดเอาน้ำหวานทั้งหมดเข้ามาก่อนจะถูกกำปั้นน้อย ๆ ทุบไหล่ประท้วง เกรซจำต้องค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกมา

“หวาน” ไม่พูดเปล่ายังกดจูบย้ำ ๆ ไปอีกสองสามรอบ หอมหวานขนาดนี้ใครจะอดใจไหว

“ไปได้แล้วครับ” ริมฝีปากที่อวบอิ่มจากการจูบเมื่อครู่ ทำเอาเกรซยิ้มออกมาอย่างพอใจ

“จะรีบกลับนะครับ”

“น้องรอนะครับ” รินเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุ๊บปากส่งพ่ออัลฟ่าอีกรอบ ก่อนจะโบกมือลา จากนั้นก็ปิดประตูหันหลังกลับเข้าไปในห้อง มองนาฬิกาบอกเวลา ตอนนี้เพิ่งจะตี 5 นอนต่ออีกสักหน่อยดีกว่า

 

~เมี้ยว~

“ไปนอนกับมี้นะครับ ยังไม่เช้าดีเลย”

~เมี้ยว~

             ราวกับรู้เรื่อง เจ้าแมวส้มเดินตามร่างน้อย ๆ ของผู้เป็นแม่เข้าห้องกระโดดขึ้นเตียง มุดผ้าห่มไปตาม ๆ กัน ไม่นานหนึ่งแมวกับอีกหนึ่งคนก็พากันผล็อยหลับไป

พร้อมกับกลิ่นภายในห้อง ที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของพ่ออัลฟ่าตัวใหญ่ ที่แผ่ฟีโรโมนกางอาณาเขตไว้ไม่ให้ใครย่ำกรายเข้ามา กระทำแม่แมวและลูกแมวได้

 


 

เปิดตัวลูกชายที่นุ้บนิ้บกับพ่ออัลฟ่าคนคลั่งรักวิ๊ง

มีอีบุ๊คแล้วน้า