ถ้าซอมบี้มา แล้วกูไม่ทำห่าอะไรเลยล่ะ

 

 

ครั้งที่หกแห่งการกรีดร้อง

ความเจ็บปวด

โดย เด็กชายผู้นี้มีนามว่า

 

"คุณซีรู้ใช่มั้ยคะว่าที่คุณเอิร์ททำไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องหรือสมควรทำ"น้ำเสียงของไทยังไม่ปกติดี ทั้งหมดยังสามารถรับรู้ว่ามันยังสั่นอยู่เล็กน้อยเนื่องจากเหตุการณ์ที่ไทพึ่งเจอเมื่อครู่

"อือ"ซีพยักหน้าน้อย ๆ ตอบรับ ตอนนี้ชายหนุ่มยืนรวมกลุ่มกับไทไม่ได้เข้าไปหาเอิร์ทแม้การวางมวยของทั้งคู่จะรู้ผลแล้วก็ตาม

"แล้วก็รู้ด้วยใช่มั้ยว่าคุณมีสิทธิ์ในร่างกายของตัวเอง ไม่มีใครสามารถตีคุณแบบนี้แม้แต่คนที่คลอดคุณออกมา"ไทถอนหายใจ"บางคนที่แค่เย็ดเป็น บางคนแค่คลอดได้ หรือแม้แต่คนที่เกิดก่อน ไม่ว่าคนไหนก็ไม่มีทางที่จะมีสิทธิเหนือร่างที่คุณเป็นเจ้าของต่อให้พวกเขาจะเรียกตัวเองว่าพ่อแม่ หรือพี่สาว"ไทจับมือของซีแน่น"เข้าใจใช่มั้ย"

"อือ ๆ เข้าใจแล้ว"ซีพยักหน้าแรง ๆ เป็นคำตอบ เขามองตาของไทแสดงออกอย่างชัดเจนให้เธอสบายใจขึ้น ก่อนที่จะถูกสะกิดโดยหมอกซียื่นมืออีกข้างที่ว่างรับเสื้อยืดตัวหนึ่งมาจากมือคนสะกิด

"ไท"ซีเรียกให้หญิงสาวรับเสื้อยืดของเธอกลับไป

ไทยอมปล่อยมือและรับเสื้อยืดกลับมาสวมเอาไว้ตามเดิม

"ซี"หมอกเรียก

"ว่าไง"

"ไหน ๆ ก็มาแล้วพาพวกเราเดินดูที่นี่หน่อยได้มั้ย"

"อ๋อ..เอ้อได้สิมาเลย ถ้าอยากมาอยู่ก็บอกได้ทันทีเลยนะ"ซีกล่าวแก่ทุกคนแล้วเดินนำขบวนออกไป โดยมีไทที่ถูกหมอกจูงออกเดินปิดท้าย

 

พวกของไทถูกซีลากไปดูโน่นนี่จนทั่วค่ายและมาจบที่ลานแสดงดนตรีกลางแจ้งที่จัดเป็นประจำแทบทุกวัน โดยผู้รอดชีวิตที่มีความสามารถด้านนี้รวมตัวกันทำเพื่อสร้างความบันเทิงแก่คนในค่าย

"ณัฐกับธารลองมั้ย กินแก้วเดียวกับพี่"ไทยื่นแก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีอำพันขึ้งฟองฟู ๆ ดูนุ่มนิ่มให้กับบุคคลที่ยังอยู่วัยไม่บรรลุนิติภาวะ

ในค่ายนี้มีเพียบพร้อมทุกอย่าง แม้กระทั่งของฟุ่มเฟือยอย่างเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

"เดี๋ยวสิ จะให้เด็กกินของแบบนี้ได้ยังไง"ซีโวยวาย ดันแก้วทรงสูงออกไม่ให้เข้าใกล้เด็กชายทั้งสอง

"ก็เพราะเป็นเด็กนี่ไง ถ้าเค้าอยากลองขึ้นมาก็ให้อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่อย่างเราไม่ดีกว่าเหรอ"

"ไม่ได้สิวัยยังไม่ถึงก็อย่าไปชี้ช่องเลย แล้วตัวเองน่ะพึ่งจะบ่ายแท้ ๆ แดดยังไม่ทันร่มก็ดื่มแล้วเหรอ"หมอกพูดห้ามขึ้นบ้าง

ไทยกยิ้มพยักหน้ายอมแพ้ให้กับคนตัวสูงทั้งสองคน"เออใช่ แต้งกิ้วที่หยิบเสื้อให้นะ ตอนนั้นหัวร้อนหน้ามืดจนลืมไปเลย"

"อือ"ชายหนุ่มทั้งสองตอบรับประสานเสียงกัน

ทั้งหมดนั่งฟังดนตรีสดไปจัดการอาหารมื้อเที่ยงไปพักหนึ่งจนมีคนเดินเข้ามาหาซี เขากระซิบกระซาบกันนิดหน่อยจากนั้นจึงหันมาชวนไทกับหมอกให้ไปด้วยกัน

"คุณเมธากับเด็ก ๆ ตามสบายนะ ผมขอยืมตัวสองคนนี้หน่อย"ซีฝากฝังทั้งสามคนเอาไว้กับใครสักคนแถวนั้นแล้วเดินจูงมือหมอกกับไทให้เดินตามชายวัยกลางคนที่เดินมาหาซีเมื่อครู่

"โอ๊ะ"ซีร้องขึ้นมาอีก"คุณนาภี"เขาร้องเรียกคนที่ตนกำลังเดินตามซึ่งตอนนี้ได้หันหัวเรือกลับทางเดิมอีกครั้ง

"ซีบอกว่าคุณเป็นหมอ"เขาเดินไปทางเมธาแล้วเอ่ยถาม

"อ่า..ใช่ค..ค่ะ"เมธาตอบด้วยความงุนงง

"คุณช่วยมาพร้อมกับเราได้รึเปล่า"นาภีมีใบหน้าที่เรียบตึงชนิดที่ไม่เกรงใจริ้วรอยแห่งวัย ทั้งเสียงและท่าทางไม่สื่อถึงอารมณ์ใด ๆ ทำให้เมธาทำตัวไม่ถูก

"แล้วเด็ก ๆ ล่ะคะ"เมธามองไปยังลูก ๆ ของเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล

"คุณใบชาจะช่วยดูแลให้ครับ"นาภีว่าจบเขาก็โบกมือเรียกหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาหา

"ค่า มีอะไรให้รับใช้คะ"ใบชาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส

ไทรับช่วงต่อแนะนำตัวพวกเขาทั้งหมดให้ใบชาได้รู้จัก และเธอก็รับตัวเด็ก ๆ ไปยังอีกด้านที่เป็นโซนซ่อมข้าวของเครื่องใช้ของเธอ

ใบชาเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่าในค่าย เธอเป็นคนทำงานเกี่ยวกับฝ่ายซ่อมบำรุงตั้งแต่เครื่องจักรต่าง ๆ ไปจนถึงงานปักเย็บซ่อมแซมเสื้อผ้า

"ยังไงก็ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ"เมธากล่าวขอบคุณกับใบชาและก่อนเดินออกมาก็ไม่ลืมที่จะกำชับเด็กหนุ่มทั้งสองไม่ให้เล่นซนที่ไหนไกล

ทั้งห้าคนออกเดินอีกครั้งไปยังห้องแล็บที่ทางค่ายเป็นผู้สร้างขึ้นเองโดยใช้ห้องในตึกที่ยึดเป็นที่มั่นมาใช้ พวกเขาไม่ได้เข้าไปด้านใน แต่ยืนดูจากด้านนอกผ่านกระจกใสบานใหญ่

"เธอคนนั้น"ไทปล่อยมือจากซี เธอวางฝ่ามือทาบลงบนกระจกเมื่อมองเห็นบางสิ่งในนั้น"ฉันเคยเห็นเธอค่ะ เธอเดินผ่านแถวบ้านของฉันบ่อย ๆ เราเดินทางเดียวกัน"ไทเล่าออกมาโดยไม่ทิ้งสายตาที่จ้องไปยังเธอคนนั้นที่นอนอยู่บนเตียง ร่างของมนุษย์ที่กลายเป็นซอมบี้ไปแล้วของเธอคนนั้นเน่าเปื่อยไม่มีชิ้นดีส่วนผิวหนังบนร่างกายเหลือเพียงไม่กี่ส่วนเท่านั้น ไทเองก็จำเธอได้จากเสื้อผ้าที่เธอสวม

ซีกับหมอกจับไหล่ของไทเอาไว้โดยไม่ได้พูดอะไรออกมา

"เธอรอดจากเหตุการณ์กราดยิงวันนั้น"นาภีกล่าว"เราใช้ร่างเธอกับคนที่ติดเชื้ออีกราวยี่สิบรายในการตรวจวิเคราะห์หาสาเหตุของเชื้อไวรัส แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะวิจัยไปจนถึงขั้นทำวัคซีน แต่คงเป็นไปได้ยากล่ะนะ"เขาถอนหายใจยาว

"ผมอยากให้คนของเรามีเพิ่มแม้ซักคนก็ยังดี คุณหมอสนใจที่จะเข้าร่วมกับพวกเรามั้ย"นาภีหันกลับมามองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ

"เรียกฉันว่าเมธาก็ได้ค่ะ"เมธาส่งยิ้มอ่อนโยนที่เธอมักจะทำเป็นประจำให้กับนาภี ชายวันกลางคนมองรอยยิ้มนั่นอยู่พักหนึ่งจึงสามารถเอ่ยอะไรออกมาได้

"อ่า..ครับคุณเมธา แล้วคุณ.."นาภีมองตาของหญิงที่อยู่วัยใกล้เคียงกับตนอย่างคาดหวังในคำตอบ

"ฉันพร้อมจะช่วยเท่าที่ทำได้ค่ะ เพียงแต่จะอยู่ที่นี่มั้ยคงจะต้องรับฟังคำตอบของลูก ๆ ทุกคนของฉันก่อน"เมธาตอบแล้วปรายตามองไปทางหมอก

"ผมจะอยู่กับไทครับแม่"หมอกตอบ"เธออยู่ไหนผมก็อยู่นั่น"เขาพูดด้วยคำตอบที่ไม่มีแม้แต่แม่เข้ามาอยู่ในตัวเลือกของตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉย

"เอ้า หาเรื่องให้เราโดนดุแล้วมั้ยเนี่ย"ไทหัวเราะกับคำตอบของเขาที่ทำให้พวกเขาทั้งหมดยิ้มออกมา

"ไม่ใช่นะผมแค่อยากให้แม่เลือกเอง อยากให้แม่ทำอะไรโดยที่ไม่มีผมหรือน้อง ๆ มาเป็นเหตุผลในการใช้ชีวิตต่างหาก"หมอกเดินเข้าไปจับมือแม่ของเขาอย่างแผ่วเบา"นอกจากจะเป็นแม่แล้ว แม่ก็ยังเป็นได้อีกตั้งหลายอย่างนะครับทั้งคุณหมอ เป็นคุณเมธาที่ใจดีของไท เป็นคนที่คอยมอบรอยยิ้มให้พวกเรา เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชีวิตเป็นของตัวเอง"แม่ลูกสวมกอดกันและเมธาก็ได้ให้คำตอบกับนาภี

 

เธอตกลง

คุณเมธาจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยเหลือทั้งด้านการแพทย์และงานวิจัยในค่าย

 

หลังจากตกลงกันได้ทั้งหมดก็เตรียมตัวไปยังเป้าหมายที่แท้จริงที่ทำให้จำเป็นจะต้องทิ้งเด็ก ๆ ไว้กับใบชา แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเดินก็มีใครอีกคน หรือสองคนเดินเข้ามาสมทบ

"แม่..."ณัฐที่ทุกคนคิดว่าตอนนี้เขาควรอยู่กับฝ่ายซ่อมบำรุงกลับมาโผล่อยู่ที่นี่

"ณัฐ..ว่ายังไงนะ"ไทอึ้งไป

 

ณัฐไม่ได้เอ่ยเรียกคุณเมธา

เขาไม่ได้หมายถึงแม่ที่พึ่งได้พบกัน

เขาพูดถึงแม่

ที่อยู่ในห้องนั้น

ร่างหญิงคนนั้นคือแม่ของณัฐ

 

ณัฐวางสองฝ่ามือลงบนกระจกใสแผ่นหนาที่กั้นเขากับแม่เอาไว้ เด็กชายน้ำตาไหลนองหน้า เสียงสะอื้นของเขาดังชัดเจนในโสตประสาทของไท ธารยืนเคียงข้างณัฐโดยไม่พูดอะไรออกมา

ไทรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบเคล้นจนไม่เหลือชิ้นดี เธอยืนมองเด็กชายที่ยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ด้านหลังของพวกเขา

 

ทำไมเด็กคนหนึ่งจะต้องมาเจออะไรแบบนี้

กูร้องไห้ไม่ออกด้วยซ้ำ

มันตื้อไปหมด

มันจะมีอะไรที่เหี้ยไปกว่าการที่เราเหลือรอดอยู่คนเดียว

เพราะครอบครัวเป็นอะไรไปก็ไม่รู้ต่อหน้าต่อตา

แล้วทำอะไรไม่ได้เลยวะ

 

หลังจากนั้นใบชาก็ตามมาจนเจอเด็กชายทั้งสอง เธออาสาจะอยู่เป็นเพื่อนกับพวกเขาที่หน้าห้องนั้นเองจนกว่าเด็ก ๆ จะอยากกลับไปรอที่เดิม

 

"ณัฐไม่ค่อยออกจากบ้าน"ไทเอ่ยคณะที่ทุกคนกำลังเดินไปตามทาง"เขาไม่กล้าออกมาแม้แต่ที่สวนด้วยซ้ำก่อนที่คุณเมธาจะมา ฉันเป็นคนเดียวที่ออกไปข้างนอก.."ไทสูดลมหายใจ"แล้วฉันก็เห็นเธอ เราเดินทางเดียวกัน แล้วฉันก็จะแยกตัวออกไปก่อนเพื่อเข้าไปที่ห้าง... เราเดินทางเดียวกันจริง ๆ ฉันตามหลังเธอ ฉันเห็นเธอเดินทางเดิมทุกครั้ง ฉันเห็นเธอหกล้มลงบนฟุตบาทเพราะไอ้ตัวหนอนโง่ ๆ ที่เดิมตลอด ฉันเห็นเธอตั้งแต่ใบหน้าของเธอยังมีเนื้อหุ้มอยู่ครบ"ไทน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่"ฉันเจอเธอ แต่..ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย แม่ของณัฐ..."ไทปาดน้ำตาบนใบหน้าลวก ๆ อยู่หลายครั้ง 

ซียื่นผ้าเช็ดหน้าสีอ่อนให้กับไท หมอกบีบไหล่ของเธอเบา ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา พวกเขาทั้งสี่ปล่อยให้ไทได้พูดสิ่งที่อัดอั้นภายในใจ

ทั้งหมดเดินถึงห้องห้องหนึ่งที่ถูกกระดาษหนังสือพิมพ์แปะทับบนกระจกทุกบานจากด้านใน

นาภีเดินนำพวกเขาเข้าไป ด้านในมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้วกว่าสิบคนหนึ่งในนั้นมีเอิร์ทอยู่ด้วย นาภีกล่าวว่าเมธาจะเข้าร่วมด้วยในฐานะแพทย์ และผู้ช่วยวิจัยของเขา 

"แล้วพวกคุณล่ะ"หนึ่งในนั้นถามขึ้น

"ฉันไม่มีความต้องการที่จะอยู่ที่นี่ค่ะ แต่ก็แน่นอนว่ายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือแก่พวกคุณเท่าที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างฉันจะทำได้"คำตอบของไททำให้หลายคนในห้องมีสีหน้าไม่พอใจไม่น้อย

"ผมมากับเธอ ถ้าเธอไม่อยู่ผมก็ไม่อยู่"หมอกยักไหล่

เมื่อทั้งสองแสดงท่าทีแบบนี้คนในนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบกันเพื่อปรึกษาอะไรบางอย่าง

"คงได้ยินมาบ้างใช่มั้ย เรื่องเน่า ๆ ของพวกที่ยกตัวเองเป็นเบื้องบนแล้วก็เบื้องสูงยัดเอาไว้ใต้ผืนเสื่อ"ยังไม่ทันที่เสียงกระซิบเหล่านั้นจะเงียบลง เอิร์ทก็กล่าวขึ้นทำให้พวกที่นั่งอยู่ก่อนในห้องนั้นชะงักและหยุดพูดกันในที่สุด

"ถ้าเป็นพวกเรื่องที่พูดกันเป็นวงกว้างในสังคมโดยไม่ค่อยจะมีหลักฐานมายืนยันเป็นชิ้นเป็นอันก็พอจะเคยได้ยินอยู่บ้างค่ะ"ไทพยักหน้าตอบ

"พวกเรามีหลักฐานพวกนั้น"เอิร์ทพูด

"แล้วคิดจะทำยังไงกับมันคะ"น้ำเสียงของไทเก็บความสนใจเอาไว้ไม่อยู่

"เราจะต้องเอามันไปเปิดเผยให้กับประชาชนคนอื่นได้ดู"

"คนทั้งโลกไม่ได้ติดเชื้อเหมือนกันทั้งหมดสินะคะ"ไทน้ำเสียงเรียบนิ่งกว่าเดิม"เชื้อไว้รัสถูกแพร่โดยความตั้งใจของคนบางกลุ่ม และไวรัสยังถูกจำกัดให้แพร่แค่บางเขตพื้นที่ได้ด้วยใช่มั้ยคะ"

 

โดย เด็กชายผู้นี้มีนามว่า

Twitter : @JustAimXIII_fic

 


 

เหยื่อจากความรุนแรงในครอบครัวมียังมีอยู่ในเห็นในสังคม และเหยื่อเหล่านั้นมักถูกตั้งข้อสงสัยเสมอถึงความจริงที่ว่าพวกเขาถูกกระทำจริงหรือไม่ หรือกระทั่งกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นคนที่ทำตัวเป็นปัญหาจนถูกกระทำความรุนแรงและปัดสิ่งเหล่านั้นให้เป็นการสั่งสอนจากผู้ใหญ่ หรือคนในครอบครัว

อย่างที่ไทพูด พวกเราทุกคนมีสิทธิในร่างกายของตนเอง ไม่มีใครมีสิทธิ์ในร่างกายของเรานอกจากเรา และแน่นอนว่าไม่มีใครในจักรวาลแห่งนี้หรือแห่งไหนที่คุณสามารถที่จะทำร้ายเขาได้ไม่ว่าจะทางด้านร่างกาย หรือจิตใจโดยชอบธรรม

เคารพตัวเอง เคารพคนรอบข้าง ไม่ว่าใครก็มีสิทธิ์ในร่างกายของตนเอง

ดังนั้นตระหนักเสมอว่าเหยื่อจากความรุนแรงไม่ว่าจะจากสาเหตุอะไรออกมาเรียกร้องเพื่อสิทธิของตน ควรให้ความสนใจและหาทางแก้ปัญหา อย่าได้เพิกเฉย หรือตั้งแง่กับเหยื่อเลยค่ะ เพราะคนข้างกายของพวกเขาอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาไร้ที่พึ่งก็ได้ เป็นที่พึ่งให้พวกเขาเหล่านั้น ทำให้พวกเขาไม่โดดเดี่ยวและยืนหยัดในโลกที่ใคร ๆ ก็รู้ว่ามันโหดร้ายนี่ได้กันเถอะค่ะ

 

สามารถพูดคุยกับเอมได้ทางช่องคอมเมนต์

และทางทวีตเตอร์ผ่านการติด #ถ้าซอมบี้มาแล้วกูไม่ทำห่าอะไรเลยล่ะ

แล้วมาเจอกันนะคะ