1 ตอน preface
โดย howlsryn
พยายามทำให้ตัวเองเชื่อว่าไม่กลัวสิ่งใด พยายามจะเข้าใจในธรรมชาติของเวลาที่ดำเนิน พยายามปลอบขวัญว่าเมื่อวันนี้มาถึงเราจะรับมือได้ เราจะโตพอจะเข้าใจ และใช่ เขาโตพอจะเข้าใจว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่คนที่คอยพร่ำพรรณนาถึงรักนิรันดร์จะคงอยู่ระหว่างเขาทั้งสอง ใครก็พรากเราจากกันมิได้ คนที่บอกเขาว่าการตายไม่ได้พรากเราจากกันเพียงแค่อายุขัยของชีวิตนั่นได้หมดลง การคงข้างกันได้สิ้นสุด หากแต่ความรักที่เคยได้มอบและจะคอยมอบให้นั้นจะคงอยู่ จนกว่าเขาหรือเธอจะลืมเลือนซึ่งกัน จนกว่าอดีตวันจะหลุดร่วงไปกับห้วงเวลา จนกว่าน้ำตาจะแห้งเหือด จนกว่าหยาดเลือดจะหยุดไหล รักที่มีจะคงอยู่มิจางหาย
แต่เอาเข้าจริงแล้ว แม้ถ้อยคำหวานหูจะยังติดอยู่ทุกช่วงขณะจิต เขาก็ห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกสูญเสียไม่ได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะชอบทำตัวน่ารำคาญพูดจาเวิ่นเว้อเอาแต่เพ้อฝัน เขาก็ปฏิเสธความเศร้าที่เข้าประชิดไม่ได้ เขาทำใจไม่ได้ที่จะไม่มีอีกฝ่ายคอยหยอก ไม่มีใครมาคอยพร่ำกลอนไร้มธุรส ไม่มีใครคอยเปล่งวาจาเนื้อหาเสียดหู เขาปฏิเสธความมืดมัวที่กลืนกินเขาไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าควรตื่นยังไง ทานข้าวอย่างไร เขาลืมสิ้นซึ่งวิถีทางการใช้ชีวิต
สิ่งเดียวที่เขาทำคือจมดิ่งสู่อ้อมอกแห่งโศกา เขาปล่อยตัวทิ้งลงสู่มหาสมุทรแห่งน้ำตา แม้จะเป็นสิ่งที่ถ้าอีกฝ่ายรู้คงต้องบ่นเขาก่อนจะสวมกอดเขาไว้ในวงแขนที่ผู้มอบมักเรียกมันว่าอ้อมแขนแห่งรัก พร้อมพร่ำบอกว่าสิ่งนี้คือแหล่งพลังงานชั้นดีที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเทียม
เขาจำถ้อยคำเหล่านั้นได้ดีจึงเลือกที่จะกอดตัวเองไว้ อย่างน้อยตัวเขาก็เป็นคนที่กวีไร้ศิลป์คนนั้นรัก อย่างน้อยในกอดของตัวเขาเองน่าจะพอมีไอรักอุ่นหลงเหลืออยู่ แม้จะรู้ดีว่าของนามธรรมแบบนั้นไม่มีทางเป็นรูปเป็นร่างให้เขาจับได้
“มันจะนามธรรมได้ไง คนรักฉันก็นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้เอง” พูดจบก็วางมือของตนไว้กลางหัวเขา หากเป็นผู้อื่นคงโดนเขาปัดออกไปแล้วแต่นี่คือมือของคนที่เขารัก มือของคนที่เขาเฝ้าหวังให้ได้อยู่เคียงข้างตลอดจนกว่าจะถูกฝังกลบลงดินกลับคืนผืนธรณินหรือถูกเผาจนเหลือเพียงเถ้าถ่านก่อนหวนสู่แผนวาริน
เขาเกลียดการนึกคำพูดของคนรักได้แต่ก็หวงแหนความทรงจำเหล่านี้เสียจนจดมันเก็บเอาไว้ เขาจะลืม สักวันเขาจะลืมเลือนคืนวันที่ผันผ่านไม่ว่าจะต้องการหรือไม่เขาจะลืมว่าเคยเกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้น แต่ ณ ตอนนี้เขาจำได้อย่างแจ่มชัดว่าเขามีคนรักเป็นผู้ที่ชื่นชอบการแต่งกลอน และวาดเขียน ผู้ที่มักจะวิ่งใส่เขายามที่แต่งกลอนหรือร้อยเรียงคำที่เจ้าตัวมองว่าไพเราะออกมาได้ เพียงแค่อยากให้เขาได้ฟัง ได้ฟังความในใจที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทกลอนเหล่านั้น
ยามนี้เขาทำได้แค่ยิ้มทั้งน้ำตา ถวิลหาน้ำเสียงเปี่ยมรัก และหวังว่าสักวัน—หากเขามิได้ลืมเลือน—จะได้สดับฟังซึ่งเสียงนั้นอีกสักคราก่อนจากลาสู่นิทรามิหวนคืน
Comments (0)