“ไอ้เจมส์” จัสต์เรียกผม ระหว่างที่ผมกำลังนอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะในคาบวิชาเลขที่โคตรน่าเบื่อ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเพื่อนหน้าตี๋ มันขยับตัวเข้ามาใกล้ผม

“มึงรู้เปล่าวะว่าไอ้ปาล์มจีบบิลอยู่” มันกระซิบบอกเสียงเบา เพื่อนคนนี้ของผมแม่งโคตรขี้เสือก เรื่องแค่นี้ยังอุตส่าห์ไปสรรหามาได้ ผมนอนอยู่ข้างบิลทุกคืนยังไม่คิดจะใส่ใจอะไรเรื่องพวกนี้เลย

“ปาล์มไหน” คนชื่อปาล์มแม่งมีเยอะแยะบนโลกใบนี้ แต่จะคนไหนก็จีบคนอย่างบิลไม่ติดหรอก ไอ้จัสต์เป็นไรนักหนาวะ ทำไมทำท่าทำทางร้อนรนกับเรื่องแค่นี้

“ไอ้ปาล์มห้องสองไง อริมึงอะ!” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่จริงจัง ผมฟังแล้วถึงกับต้องเด้งตัวขึ้นมาทันที

“มึงมั่วเปล่าวะ ไปได้ยินที่ไหนมา” ผมถามย้ำ สองคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไอ้ปาล์มนี่โคตรเสือ จะมาสนใจคนอย่างบิลทำไม ส่วนบิลไม่ได้ชอบคนแบบนี้อยู่แล้ว แม่งมั่วแน่ ๆ

“เมื่อวานตอนเย็น ตอนกูเข้าห้องน้ำเสร็จ เห็นบิลเดินลงบันไดฝั่งนู้นไป กูเลยแอบเดินตามไปดู เห็นแม่งสองคนยืนคุยกันอยู่ พูดจากันหวานเชียว กูว่าแม่งได้กันแล้วชัวร์”

ผมฟังไอ้จัสต์แล้วหันไปมองบิลที่ฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ น่าจะพักสายตาตามสไตล์ เมื่อวานเย็นเหรอวะ ไม่เห็นบิลพูดไรเลย บิลก็บอกว่าจะนั่งทำการบ้านต่อ จะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกัน เดี๋ยวเย็นนี้ต้องถามความจริง แต่ผมก็คิดเอาไว้ก่อนว่าไอ้จัสต์แม่งอาจจะมั่ว ถ้าเป็นเรื่องจริง ผมก็ยอมไม่ได้ ไม่ใช่ว่าหวงอะไร แต่คนอย่างไอ้ปาล์มแม่งเหี้ยจริง จะให้บิลไปคบกับคนแบบนั้นผมยอมตายดีกว่า

ผมทนเก็บคำถามที่โคตรอึดอัดไว้ในใจจนหมดวัน ตอนแรกก็ว่าจะรอดูท่าทีว่าวันนี้บิลจะหาข้ออ้างแล้วหนีไปคุยกับไอ้ปาล์มอีกไหม แต่ก็ไม่ วันนี้พอเลิกเรียนคนตัวเล็กก็รีบกลับบ้านแบบไม่อิดออดอะไรเลย ไม่แม้แต่ชวนไปห้างหรือไปหาอะไรกิน ตอนแรกผมก็ว่าปรกติแล้ว แต่พอคิดไปคิดมาและสังเกตจากท่าทีที่คนตัวเล็กเอาแต่ใจจดใจจ่อกับโทรศัพท์ตัวเอง ผมก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามันไม่ปรกติแล้วว่ะ

“บิล คุยกับใครอยู่” ผมถามบิลที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตอบพิมพ์ตอบแชทไม่สนใจข้าวสนใจปลาบนโต๊ะเลย

“เพื่อน” ยัง ยังอีก ยังไม่เงยหน้ามาคุยกันอีก

“เพื่อนคนไหน”  ผมเค้นต่อ

“ปาล์ม” บิลเงยหน้ามาตอบหน้านิ่ง ก่อนจะก้มหน้าต่อ อะไรขนาดนั้นวะ

“ห้องสอง?”

“อืม ใช่”  เชี่ยละ! ไอ้จัสต์แม่งไม่ได้มั่วว่ะ “แล้วทำไมไม่เห็นบอกไรเจมส์เลย” ผมถามเสียงจริงจัง

“ก็ไม่รู้จะบอกไปทำไม แค่คุย ๆ” ผมเริ่มจะหงุดหงิด กล้ามเนื้อตรงตานี่กระตุกรัว ๆ ทำไมบิลต้องไปยุ่งกับคนแบบนี้ด้วยเนี่ย

“คุยจริงหรือหวังคบ?” บิลกดปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะตอบออกมาหน้านิ่ง  “ถ้าโอเค ก็คบ”

“กับไอ้เหี้ยปาล์มเนี่ยนะ” ผมเน้นเสียง

“นี่ไง พอเจมส์รู้ เจมส์ก็บ่น บิลเลยไม่บอก” คนตัวเล็กหันสายตาหนี ใบหน้าแสดงออกถึงความเอือมระอา

“ก็คนอื่นดี ๆ มีเยอะแยะ ทำไมต้องไอ้เหี้ยนี่”

“แล้วเจมส์รู้ได้ไงว่าปาล์มไม่ดี” บิลสะบัดหน้ากลับมาตอบผม ถึงบิลจะเริ่มเสียงดัง แต่พื้นฐานบิลไม่ใช่คนเสียงใหญ่อะไรอยู่แล้ว ฟังยังไงก็ไม่ได้น่ากลัว

“บิลพูดเหมือนบิลไม่รู้อะ บิลก็รู้ว่ามันกับเจมส์ไม่ถูกกัน อีกอย่างแม่งโคตรหน้าม่อ” ผมอธิบายไป ผมล่ะนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าบิลจะลืมเรื่องที่ไอ้ปาล์มเคยมีเรื่องกับผมหรือแกล้งทำเป็นลืมก็ไม่รู้ ถึงเรื่องมันจะผ่านมานานแล้วก็เถอะ แต่ผมก็ยอมไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเห็นคนดี ๆ อย่างบิลไปยุ่งกับมัน

“คนเรามันเปลี่ยนกันได้นะเจมส์” บิลลดเสียงลงมา ตามสไตล์ คงจะไม่อยากทะเลาะกับผม ผมก็ไม่ได้อยากจะทะเลาะกับบิล แค่ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง

“เหอะ กับคนอื่นพอเชื่อ กับไอ้เหี้ยนี่ ให้ตายก็ไม่เชื่อ”

“นี่เขาเรียกว่าหมาหวงก้างปะ” บิลพูดก่อนจะตักข้าวเข้าปากด้วยท่าทางไม่พอใจ

“ก็หวงจริง ๆ อยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว เดี๋ยวก็เสียใจอีก” ผมพูดความรู้สึกในใจออกมา จะไม่ให้หวงได้ไง นี่เพื่อนรักกำลังจะไปคบกับคนที่เกลียดนะโว๊ย เป็นใครจะมานั่งหน้าระรื่น ลอยหน้าลอยตาสบายใจเฉิบอยู่ได้

“ไม่เป็นไร จะเสียก็เสีย ไม่ใช่ครั้งแรก” บิลแม่งโคตรดื้อ เป็นแบบนี้ตลอด เก่งที่สุดเรื่องไม่เคยฟังใครเนี่ย แต่พออกหักมานะ อย่างกับหมาข้างถนน รอดูไปก่อนละกัน จะว่าไปบิลก็ไม่ใช่คนโง่เรื่องแบบนี้ ถึงครั้งนี้จะโง่ที่เลือกไอ้ปาล์มก็เถอะ ดีไม่ดีอาจจะแค่เล่นๆ แต่ยากว่ะ แม่งเอ๊ย

หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จซึ่งผมกินไม่ค่อยลงสักเท่าไหร่ พวกเราสองคนก็เดินขึ้นห้องกันมา บิลก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำตามสไตล์ แต่ดูทรงคงจะไม่ได้เข้าไปอาบน้ำหรอก เข้าไปพิมพ์คุยกับไอ้ปาล์มแหง ๆ เพราะหายเข้าไปในห้องน้ำเป็นชาติละ เสียงฝักบัว เสียงน้ำอะไรยังไม่ดังเลย เงียบสนิทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเดินออกมานั่งที่ระเบียงก่อนจะตัดสินใจโทรหาใครสักคนที่ผมคิดว่าพอจะช่วยได้ ถ้าไอ้นี่ยังช่วยไม่ได้ก็จบละ

“ฮัลโหล มึงว่างคุยปะ” ผมถามคนปลายสาย

“คุยได้นิดหน่อย มึงมีไร” คนปลายสายตอบผม แม่งกินเหล้าอยู่แหง ๆ เสียงมันเริ่มจะไปละ

“มึงรู้ปะว่าไอ้ปาล์มแม่งจีบบิลอยู่” ผมหันไปมองในห้องผ่านกระจกที่กั้นระหว่างห้องกับระเบียง บิลยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ

“กูจะไปรู้ได้ไงอะ มันไม่ได้บอกกู” คนปลายสายปฏิเสธออกมา

“กูขอไรอย่างนึงได้ปะ มิล”

“ขอไร” มิลตอบเสียงนิ่ง

“ช่วยคุยกับบิลหน่อย อย่าคบกับไอ้เหี้ยนี่” ปลายสายเงียบไปสักพัก ผมยังคงเหลือบตาไปดูประตูห้องน้ำอีกเรื่อย ๆ ถ้าบิลรู้ว่าผมโทรหามิลนะ โวยวายอีกแน่เพราะมิลคือพี่ชายฝาแฝดของบิล เป็นเพื่อนสนิทผมอีกคนที่ตอนนี้ไปเรียนอยู่อังกฤษ

“ไม่ว่ะ เจมส์” มันปฏิเสธออกมาเสียงแข็ง ทำเอาผมใจเสียเลย ถ้ามึงไม่ช่วยก็ไม่เหลือใครแล้วเนี่ยเพื่อน

“ทำไมวะ มึงเป็นพี่มันนะ” ผมยังดื้อดึง

“แล้วกูเคยเสือกเรื่องมันปะ” มิลตอบ จริงของมัน สองคนนี้ถึงจะเป็นแฝดกัน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ก้าวก่ายเรื่องกันและกัน “เอาเป็นว่า ถ้าวันไหนบิลมาบอกกู กูจะเตือนให้ละกัน”

“เออ ได้ ขอบใจมึงมาก แค่นี้แหละ” ผมกดสายทิ้ง ไม่รู้จะต้องคุยอะไรต่อ ก็มิลแม่งตอบมาขนาดนั้น จะให้พูดอะไรเยอะแยะกว่านี้เดี๋ยวมันก็สงสัยผมพอดี คิดแล้วก็ปวดหัว ผมซี๊ดบุหรี่ลึกสุดปอด แล้วเดินกลับเข้าไปในตัวห้อง ไม่นานคนตัวเล็กก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทีไม่ได้สนใจอะไรผม ผมก็ทำเป็นไม่สนใจบิล เดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่ผมเข้ามาอาบน้ำจริง ๆ นะ ร้อนมาทั้งวัน นี่มันฤดูฝนแล้วปะ ยังไม่เห็นฝนจะตกสักหยด ร้อนฉิบหาย ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เป่าหัวอะไรเรียบร้อย สระผมแล้วมันเบาหัวจริง ๆ

“บิล รู้ตัวปะว่าบิลเป็นคนน่ารัก” ผมทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วถามคนตัวน้อยที่นั่งอยู่ตรงขอบเตียงอีกฝั่ง เอาแต่เล่นโทรศัพท์อยู่ ผมชะโงกหน้าไปมอง พิมพ์คุยกับไอ้ปาล์มอยู่

“รู้” คนตัวเล็กตอบอย่างไม่ไยดีที่จะหันมาคุยกับผม

“แล้วถ้าวันนี้มีคนมาบอกรักบิลอะ บิลจะคบกันคนนั้นปะ” อยู่ดี ๆ ผมก็ถามอะไรออกมาก็ไม่รู้ แต่พอถามเสร็จดันอยากรู้คำตอบจริง ๆ ซะงั้น

“ถามอะไรแปลกๆ ของแบบนี้มันก็ต้องดูกันไปก่อนไหม” บิลตอบแบบบ่ายเบี่ยงไง ๆ ไม่รู้ ยังใจจดใจจ่ออยู่แต่กับจอโทรศัพท์ พิมพ์คุยกับไอ้ปาล์มมือเป็นระวิง

“อยู่คนเดียวเหอะ อย่าให้ใครมาทำให้เสียใจเลย” ผมพูดเสียงอ่อน

“เป็นไรเนี่ย” บิลหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

“เป็นห่วงไง เจมส์ไม่อยากให้บิลเสียใจอีก” ผมส่งสายตาแสดงความห่วงใยหาบิลพร้อมกับหวังว่าบิลจะเข้าใจในความหวังดีนี้และฟังผมสักครั้ง

“ขอบคุณเจมส์มากนะ บิลก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร ก็คงต้องคุยให้ดีก่อนแหละ” บิลตอบออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มทำให้ผมพอสบายใจไปได้บ้าง

“แล้วไอ้ปาล์มอะ มาคุยกันได้ไง ใครเริ่มก่อน” ผมยิงคำถามออกไป บิลที่ฟังอยู่ก็ทำหน้านิ่งเหมือนนึกอะไรบางอย่างอยู่

“ปาล์มมาคุยกับบิลก่อน” บิลเริ่มเล่า “เจอกันในห้องน้ำวันก่อน แล้วเขาก็ขอไลน์บิล แค่นั้นแหละ”

“นั่นไง!” ผมเร่งเสียง “เจอกันในห้องน้ำ แค่นี้ก็ดูออกแล้วบิลว่ามันไม่ดี คนดี ๆ ที่ไหนเขาจะเจอกันในที่แบบนี้”

“เกี่ยวไรอะ บิลยังเจอเจมส์ในร้านเหล้าเลย นั่นก็ที่ไม่ดี ยังรู้จักกันมาได้ถึงป่านนี้เลย”

“มันไม่เหมือนกันไหมล่ะบิล” ผมขมวดคิ้วใส่คนตัวน้อย “คิดดี ๆ ละกันนะ ถือว่าเจมส์ขอ จริง ๆ อยู่คนเดียวด้วยกันสองคนแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ”

“ทำไมฟังดูสับสนจัง อยู่คนเดียวด้วยกันสองคนแปลว่าไร” บิลขำออกมาเบา ๆ

“ก็แปลว่าอยู่กันแบบต่างฝ่ายต่างไม่ได้คบใครไง ดูแลกันไปแค่นี้ก็พอแล้ว”

“แต่ถ้าบิลมีแฟน บิลก็ยังอยู่กับเจมส์นะ ไม่ได้จะไล่เจมส์ไปไหนสักหน่อย”

“รู้ แต่ก็อยากให้อยู่เหงา ๆ ไปด้วยกันไง ไม่ต้องมีหรอกฟงแฟนอะไร ไร้สาระ” ผมพูดพลางทำสายตาอ้อนวอน

“ไปกันใหญ่แล้วเนี่ยเจมส์อะ” บิลพูดก่อนจะค่อย ๆ ทิ้งตัวลงมานอนบนหมอนที่ดันแก้มน้อย ๆ จนเห็นเป็นลูก น่าหยิกจริง ๆ

“ก็จริง ๆ อะหรือว่าบิลไม่ชอบอยู่กับเจมส์แล้ว” ผมเว้าวอนต่อ บิลทำท่าคิด เอานิ้วชี้ไล่แตะปาก บ่ายเบี่ยงไม่ตอบผม ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้บิลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะใช้สองมือพลิกร่างน้อยให้หงายขึ้นก่อนที่ผมจะขึ้นคร่อม บิลมองผมด้วยดวงตาที่เบิกโพลง “ไม่ชอบอยู่กับเจมส์แล้วเหรอ” ผมถามย้ำ

“อืม ไม่ชอบแล้ว” คนตัวเล็กที่อยู่ข้างใต้ผมตอบออกมาพร้อมกับสีหน้ากวน จงใจจะยั่วผมล่ะสิทรงนี้

“มั่นใจนะ” ผมถามย้ำ ใบหน้าเล็กพยักหน้าเบา ๆ เป็นการตอบกลับ “ดี” ผมยิ้มที่มุมปากก่อนจะใช้มือทั้งสองของตัวเองกำเข้าที่ข้อมือของบิลแล้วกดลงกับเตียงแน่น ก่อนจะกดหน้าลงไปบดขยี้คอขาวเนียนด้วยริมฝีปากของผม ร่างเล็กที่อยู่ใต้การควบคุมของผมเกร็งตัวสู้ ผมเหลือบตามองบิลที่ตอนนี้หลับตาปี๋ กัดฟันด้วยความเกร็งก่อนที่ผมจะเปลี่ยนมาค่อย ๆ ใช้ลิ้นของตัวเองสัมผัสไล่จากต้นคอเรียวเล็กลงมา เสื้อผ้านี่มันเป็นปัญหาในการมีอะไรกันตลอดเลย เป็นสิ่งที่น่ารำคาญที่สุด ผมเลื่อนปากลงมาที่กระดุมเม็ดแรกของเสื้อนอนบิลก่อนปลดกระดุมเจ้าปัญหานั้นด้วยปากของตัวเองซึ่งถึงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผมสักเท่าไหร่ แต่มันก็ใช้เวลาระดับหนึ่ง ไม่ทันใจที่ร้อนรนไปหมดแล้วของผม ผมยกหน้าขึ้น แล้วคลายมือที่กำแขนของบิลไว้แน่น ใช้มันถอดกระดุมเม็ดอื่น ๆ ออกอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กนอนอยู่อย่างนั้นไม่ขัดขืนอะไร สายตามองมาที่ผมอย่างหยาดเยิ้ม

“ยังไม่ชอบที่จะอยู่กับเจมส์อยู่รึเปล่า” ผมถามขึ้นเบา ๆ บิลกำลังจะขยับปากตอบอะไรบางอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้รอฟังสิ่งนั้น ก้มหน้าลงไปใช้ปากของตัวเองประกบบนริมฝีปากบางนุ่มอย่างรวดเร็ว บิลเป็นคนที่รู้งานดีตลอด เผยอปากรับการจูบของผมอย่างรวดเร็ว บิลยกร่างเล็กของตัวเองขึ้นเล็กน้อยแล้วถอดเสื้อของตัวเองออก ก่อนจะใช้สองมือเล็กประกบลงที่ข้างแก้มทั้งสองฝั่งของผมแล้วบรรจงใช้ปากของตัวเองอย่างดูดดื่ม จนผมแทบไม่ต้องที่จะขยับปากอะไรมากมาย ผมถอดกางเกงบ็อกเซอร์ที่ใส่อยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนจะถอดกางเกงของคนตัวเล็กต่อ

บิลดึงปากเล็กออกช้า ๆ และใช้ฟันกัดริมฝีปากล่างของผมเบา ๆ ก่อนจะคายออก มันทำให้ผมเสียวซ่านไปทั้งตัว “แล้วเจมส์ล่ะ ชอบที่จะอยู่กับบิลรึเปล่า” คนตัวเล็กถามผมด้วยเสียงอ่อย ริมฝีปากบางที่ตอนนี้บวมเป่งเป็นสีแดงและชุ่มไปด้วยน้ำลาย

“ไม่เคยไม่ชอบ” ผมตอบก่อนจะใช้นิ้วแตะน้ำลายในปากของตัวเองก่อนจะค่อย ๆ แตะลงที่รูสีชมพู ค่อย ๆ ใช้นิ้วสอดเข้าไปทีละน้อย หนึ่งนิ้ว... สองนิ้ว... แล้วดันลึกเข้าไปเรื่อย ๆ มือเล็กจิกผ้าปูที่นอนแน่น แต่สายตาของบิลยังจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่กะพริบตา ผมใช้นิ้วทั้งสองสอดเข้าไปจนลึกสุดโคนนิ้วก่อนจะค่อย ๆ ดึงออกมาช้า ๆ จนร่างเล็กสั่นไหวทนต่อความเสียวซ่านที่ผมเพิ่งเริ่มต้นจะมอบให้ไม่ไหว

ผมค่อย ๆ ดึงนิ้วออกหลังจากใช้มันเบิกทางให้รูน้อยของบิลขยายตัวอยู่ครู่หนึ่ง ร่างเล็กค่อย ๆ ผ่อนความเกร็งลงและพยายามควบคุมหายใจของตัวเองให้เป็นปรกติ ผมเอื้อมตัวไปเปิดตู้ข้างหัวเตียงที่ด้านในมีถุงยางและน้ำยาที่ผมซื้อมาไว้เพื่อการณ์นี้อยู่ ผมหยิบถุงยางออกมาสูตรหนึ่งโดยไม่ได้ดูรายละเอียดอะไรมากนักก่อนจะสวมมันลงบนแท่งอุ่นของผมอย่างชำนาญแล้วดันขาทั้งสองของบิลขึ้น ผิวของคนตัวเล็กขาวเนียนไปทุกส่วน มีจุดที่เป็นสีชมพูอยู่หนึ่งจุดที่ตอนนี้ขยายเต็มที่พร้อมรับความหรรษาต่อ

ผมจับที่แก่นกายของตัวเองที่ตอนนี้แข็งเต็มที่จ่อที่ปลายรูสีชมพูแล้วค่อย ๆ ดันมันเข้าไป บิลยกร่างเล็กของตัวเองขึ้นเล็กน้อยเป็นการช่วย แท่งอุ่นค่อย ๆ ถูกดูดกลืนเข้าไปในรูเล็ก ผมดันตัวเข้าไปอย่างไม่รอช้า

“อ๊ะ” บิลร้องออกมาเล็กน้อยตอนที่ผมดันตัวเข้าไปจนสุด ผมหยุดนิดนึงให้คนตัวเล็กพอได้หายใจหายคอก่อนจะค่อย ๆ เริ่มขยับท่อนล่างของตัวเองเข้าออกช้า ๆ “เจ็บไหม” ผมถามขณะที่แท่งอุ่นของตัวเองกำลังสู้แรงบีบรัดของรูของบิลอยู่ คนตัวเล็กส่ายหน้าเป็นคำตอบ แน่นฉิบหาย นี่ขนาดใช้นิ้วขยายแล้วนะ ผมเองก็เสียวจนเกร็งไปทั้งตัวแล้ว ผมค่อย ๆ เร่งจังหวะโยกตัวเองเร็วขึ้นจนรูที่รัดเกร็งอยู่เริ่มคลายตัวทำให้ผมได้เร่งจังหวะเร็วขึ้นอีกหน่อย “อื้ออ อืมม อื้ออ” เสียงของบิลดังออกมาจากคอเบา ๆ ขณะที่กำลังนอนกัดนิ้วตัวเองแน่นสลับกับเสียงกระแทกของตัวผมกับก้นของบิล “พั่บ พั่บ พั่บ”

 “อ๊าส์ อ๊าส์” คนตัวเล็กปล่อยนิ้วออกจากปากแล้วร้องออกมาอย่างสุดเสียงขณะที่ผมเริ่มเร่งจังหวะขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลจากหน้าผมแล้วไหลสู่ผิวเนียนขาวด้านล่างทีละเม็ดสองเม็ด

ผมกัดฟันแน่นเพราะความเสียวที่แทบรั้งเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ปรกติไม่ค่อยเสร็จเร็วแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะผมอยากมากหรือรูบิลแน่นมากเหมือนกัน “อ๊ะ!” บิลร้องออกมาอย่างสุดเสียง ดวงตาเรียวเล็กเบิกโพลงเมื่อผมดันแท่งอุ่นเข้าไปจนสุดก่อนจะปลดปล่อยน้ำอุ่นท่วมทะลักในถุงยาง

ผมผ่อนร่างกายตัวเองลง สองมือปล่อยจากขาทั้งสองข้างของบิลลง เราทั้งสองคนหายใจแรงอยู่ในท่านั้นครู่หนึ่ง ก่อนผมจะค่อย ๆ ดึงแก่นกายของตัวเองออกช้า ๆ แล้วใช้มือถอดถุงยางที่อัดแน่นไปด้วยน้ำข้นขุ่นสีขาวก่อนจะโยนมันทิ้งลงถังขยะข้างเตียงแล้วล้มตัวนอนข้างบิล

“เป็นไง ไม่ได้เอากันนานเลยเนอะ” ผมพูดออกมาขณะที่ยังหายใจหอบ แล้วหันหน้าไปมองบิล

“อืม ก็นานจริง ๆ” บิลตอบออกมาเสียงยังสั่นจากอาการเหนื่อยเช่นกัน

ถึงผมกับบิลจะเป็นเพื่อนสนิทกันก็จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราสองคนมีอะไรเกินเพื่อนไปเยอะมาก ถึงจะไม่มีใครรู้ก็ตาม นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ระหว่างผมกับบิล แต่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบเกือบปี ผมไม่รู้ว่าบิลคิดถึงสัมผัสของผมเหมือนกันไหมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ผมคิดถึงร่างเล็กขาวเนียนนี้ที่สุด ถึงผมจะผ่านผู้หญิงมามากมายหลายคนจนใคร ๆ ก็เรียกผมว่าเป็นเสือ เพราะผมรักสนุก ไม่ชอบผูกมัดกับใคร แต่ไม่ว่าจะกับคนไหน ก็ไม่เคยรู้สึกดีเท่ากับบิลและผมก็กล้าพูดว่าบิลเป็นคนแรกและคนเดียวที่ทุกครั้งเรามีสัมผัสทางกายด้วย ผมรู้สึกว่ามันมีความรู้สึกของความรักอยู่ไม่มากก็น้อย ถึงผมจะยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อบิลมากนัก แต่ผมก็กล้าพูดว่าถ้าชีวิตนี้ผมจะมีแฟน ผมก็อยากให้คนคนนั้นเป็นบิลไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่นหรือใครก็ตามบนโลกใบนี้ ผมยังไม่เคยบอกอะไรบิลไป เพราะผมก็กลัวว่าบิลจะปฏิเสธ ยิ่งตอนนี้มีไอ้ปาล์มเข้ามาอีกคนแล้ว ผมก็ยิ่งกลัว กลัวว่าถ้าบอกแล้วบิลเปลี่ยนไปผมก็คงจะแบกรับความรู้สึกนั้นไม่ไหว แต่การต้องทนเห็นบิลเริ่มมีใจให้มันมากขึ้นในทุก ๆ วันก็ยากมาก ๆ สำหรับผมเช่นกัน เอาไงดีวะ ไอ้อาทิตย์