1 ตอน #1 ดีกันนะ
โดย 68+1
นี่ขนาดเพิ่งเปิดเทอมมาได้ไม่ถึงเดือน ผมยังรู้สึกเบื่อขนาดนี้ ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เรียนในฐานะนักเรียนม.ปลายแล้วก็เถอะ เผลอแป๊บเดียวก็ขึ้นมาม.6แล้ว แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะผมก็อยากจะเรียนจบไว ๆ แล้วเหมือนกัน จะได้เข้าเรียนมหาลัยแล้วก็ทำงานสักที การเป็นเด็กหรืออย่างน้อย ๆ ก็การที่คนอื่นยังมองว่าผมเป็นเด็กอยู่นี่เป็นชีวิตที่ห่วยแตกมาก ๆ ทำนู่นทำนี่ก็ไม่ได้ สิทธิบนเรือนร่างตัวเองยังไม่มีเลย ยังต้องตัดผมรองทรงสูงอยู่ดี เทอมนี้ผมเลยบรรเทาความน่าเบื่อด้วยการให้ช่างตัดผมข้างหน้าให้เป็นหน้าม้าเสียเลย ตอนแรกมาสเตอร์ที่เป็นหัวหน้าระดับชั้นก็ดูจะมีปัญหานะ แต่คนอย่างนพัตธร อัครลีลามีเหรอจะยอมง่าย ๆ ผมไม่ได้เถียงอะไรกับมาสเตอร์เขาหรอกนะ แค่ใช้การอ้อนแล้วก็แต้มบุญที่เป็นเด็กเรียนดีที่ทำกิจกรรมไปด้วยนิดหน่อย
ผมเดินกลับมาที่ห้องเรียนหลังจากเพิ่งเลิกเรียนวิชาพละที่มาสเตอร์เขาสอนเพื่อเก็บกระเป๋ากลับบ้านเพราะเป็นคาบสุดท้าย ผมเดินเข้ามาในห้องเป็นคนท้าย ๆ ทั้งห้องเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทุกท่านต่างพูดคุยกันเสียงดังพลางเก็บข้าวเก็บของของตัวเองไปด้วย
ผมเดินมาถึงโต๊ะของผมที่ท้ายห้อง จริง ๆ ผมเป็นคนตัวเล็กนะ แต่ผมไม่ชอบนั่งหน้าห้อง จะหยิบงานอื่นขึ้นมาทำก็ลำบาก อีกอย่างนั่งแถวท้ายสุดเนี่ยดี เพราะมีพื้นที่ด้านหลังเหลืออีกเยอะ ไม่ทนอึดอัด
ผมมองไปที่โต๊ะเหล็กที่มีแผ่นกระดาษโพสต์อิทติดอยู่เต็มโต๊ะ มีข้อความเขียนเป็นคำโตๆว่า "ขอโทษ ดีกันนะ" ผมรู้เลยทันทีว่าใครเป็นคนทำ เพราะตัวการก็นั่งอยู่โต๊ะถัดจากผมไปนี่เอง ผมเลยหันไปมองคนต้นเรื่องที่กำลังทำหน้าตาอ้อนวอนใส่ผม พร้อมชูนิ้วก้อยขึ้นมา…
ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วทำเป็นไม่สนใจนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง หยิบหนังสือที่พกลงไปอ่านคาบที่ผ่านมาใส่ลงกระเป๋า
“บิล” เจมส์เรียกผมเสียงเว้าวอน ผมหันไปมองร่างหนาที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ “ดีกันนะ” เจมส์ยื่นนิ้วก้อยมาให้ผม
เจมส์ หรือชื่อเต็มๆว่า อาทิตย์ สิริวินิจกุล เพื่อนสุดที่รักของผม ไม่สิ ต้องบอกว่าอดีต ผมโกรธมันอยู่ มันคงจะแอบโดดเรียนขึ้นมาก่อน ไม่งั้นจะเอาเวลาไหนมานั่งแปะโพสต์อิทแบบนี้ ผมสนิทกับเจมส์มาตั้งแต่ม.ต้น เจมส์เป็นคนที่ตัวไม่อ้วนไม่ผอม จะเรียกว่าหมีก็ไม่ใช่ เรียกว่าเต็มไม้เต็มมือละกัน ผมจ้องหน้าเจมส์แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา หลังจากเปิดเทอมมา เจมส์คงจะเห็นว่าผมตัดหน้าม้าเลยไปตัดตาม จริง ๆ ผมก็สังเกตเห็นตั้งแต่หลายวันก่อนแล้วล่ะ แต่ไม่ได้อยากจะทักหรืออะไร จะตัดทรงอะไรก็ช่างเถอะ ยังไง ๆ ก็ตัดมาแล้วไม่ได้ดูดีเท่าผมหรอก
"สำนึกผิดแล้วเหรอ?" ผมถามเสียงแข็ง
"ใช่ค้าบบบบ" เจมส์ลากเสียงยาว นี่ขนาดผมทำเสียงจริงจัง ยังทำเป็นเล่นอีก คนคนนี้
"แล้วสรุปรู้ตัวยังว่าทำไรผิด"
"รู้แล้วสิ ถ้าไม่รู้แล้วเจมส์จะขอโทษบิลทำไม"
"รู้ว่าอะไร?" ผมถามกลับเสียงแข็ง จะมาง้อกันเหรอ ไม่ง่ายหรอก แต่เอาจริง ๆ ก็หายโกรธนานแล้วนะ แค่ไม่อยากเป็นฝ่ายไปง้อก่อน ผมไม่ได้เป็นคนผิดสักหน่อย
"ที่เจมส์โกหกบิลไง เจมส์เคยสัญญากับบิลไว้ว่าจะไม่โกหกบิล แต่เจมส์ผิดสัญญา ต่อจากนี้จะไม่โกหกแล้ว ยกโทษให้เจมส์เถอะนะครับบิล" เจมส์ยื่นนิ้วก้อยมาข้างหน้า ผมมองที่นิ้วก้อยหนาก่อนจะยื่นนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวไว้
"เย้!" เจมส์ลุกขึ้นพรวดก่อนจะดึงตัวผมเข้าไปกอดด้วยสองแขนอย่างแน่น
"เจมส์ ปล่อย" ผมพยายามสะบัดตัว แต่จะเอาอะไรไปสู้แรง ทั้งตัวใหญ่ทั้งสูง เดินกับเจมส์ทีไรนึกว่าพ่อลูกกัน
"ถ้าจะขนาดนี้ก็ไปเปิดโรงแรมเอากันเลยไหม" เสียงกุชชี่แว่วมา กุชชี่เป็นเพื่อนสาวของผม นั่งข้าง ๆ กัน
"อย่าเสือก อิตุ๊ด!" เจมส์ตวาดกุชชี่กลับไปแต่ยังกอดผมแน่น
"ฉันกลับบ้านแล้วนะบิล" กุชชี่พูดเสียงเนือยๆ "เจอกันวันจันทร์"
"กลับบ้านดีดี" ผมตอบกลับแล้วหันมองกุชชี่ที่มองมาหน้าเอือมระอา กุชชี่รู้เรื่องของผมกับเจมส์มาโดยตลอด แต่ก็รู้เท่าแค่ที่ผมอยากให้รู้นะ เจมส์ชอบล้อพวกเพื่อน ๆ ของผมตลอด แต่เจมส์ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก ผมก็ปรามไปหลายครั้งเพราะพวกเพื่อน ๆ ผมไม่ชอบอย่างมาก เจมส์เป็นคนปากเปราะอะ พูดไปเรื่อย ล้อแซวไปทั่ว แต่เจมส์ ไม่เคยด่า ไม่เคยแกล้ง ไม่เคยแม้แต่จะขึ้นมึงกูกับผมเลย สำหรับผมถ้าตัดเรื่องอื่นๆไป ก็ถือว่าเป็นคนที่น่ารักที่สุดเลย
"เจมส์จะปล่อยบิลได้ยังอะ" ผมถามเพราะผมเริ่มจะรู้สึกอึดอัดที่เจมส์กอดนานเกินไปแล้ว
"อะ ปล่อยก็ปล่อย" แขนหนาค่อยๆคลายอ้อมกอดออกจากตัวผม "ไปกินข้าวกัน วันนี้เจมส์เลี้ยง"
"อะ ไปก็ไป" ผมตอบรับไปง่าย ๆ ก็บอกแล้วว่าหายโกรธเจมส์นานแล้ว แค่รอว่าเมื่อไหร่จะมาง้อ ผมไม่ได้เป็นพวกหน้าเงินหรืออะไรหรอกนะ ฐานะที่บ้านผมไม่ได้ลำบาก แต่ที่ตอบตกลงไปก็เพราะหิวแล้ว อีกอย่างก็คิดถึงเจมส์ด้วยแหละ ไม่ได้คุย ไม่ได้ไปไหนมาไหนกันตั้งนาน
"บิลอยากกินอะไร?" เจมส์ถามผมขณะยื่นหมวกกันน็อคมาให้ผมใส่ เจมส์ขี่มอเตอร์ไซค์มาเรียนประจำ จะจอดที่ตึกตรงข้ามกับโรงเรียน เอาจริง ๆ จะเรียกว่ามอไซค์ได้ไหมอะ เรียกว่าบิ๊กไบค์ถึงจะถูก คันนี้น่าจะหลายแสนอยู่
"เจมส์อยากกินอะไรเจมส์เลือกเลย เจมส์กินไรบิลก็กินได้หมดแหละ" ผมตอบเพราะไม่รู้จริง ๆ เวลาหิวมักจะนึกไม่ค่อยออกหรอกว่าอยากกินอะไร มีอะไรให้กินก็กินหมด
"กินบิลได้ปะ?" เจมส์แล้วทำหน้ากะล่อนใส่ผม
"จะบ้าเหรอ!" ผมทำหน้าบึ้งใส่
"แหม่ เล่นนิดเล่นหน่อยไม่ได้เลยนะ แม่สาวน้อย" เจมส์พูดหยอก ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ขึ้นมอไซค์ซ้อนท้ายไป ผมล่ะเบื่อจริงๆ ไอ้รถบิ๊กไบค์เนี่ย เบาะอันนิดเดียว ขึ้นก็ขึ้นยาก แต่เจมส์คงจงใจเลือก เพื่อใช้รับสาว ๆ ของมัน แบบมีจุดประสงค์แน่ๆ
"เออ เจมส์ ช่วงนี้ไม่เห็นสาว ๆ ของเจมส์เลย หายไปไหนหมดอะ?" ผมถามด้วยความสงสัย เพื่อนกันไม่มีหรอกคำว่าเสือก แต่ถือว่าเป็นคำถามที่โป๊ะเหมือนกันนะ ไม่คุยกับเขาตั้งนาน ยังอุตส่าห์รู้ว่าไม่มีสาว ๆ แล้ว ผมก็เพิ่งมานึกได้ตอนถามไปแล้วเหมือนกัน แต่คนอย่างเจมส์ไม่ได้คิดไรหรอก
"เลิกไปหมดละ" เสียงลมที่พัดเข้ามาดังจนผมได้ยินคำตอบของเจมส์ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่ก็พอฟังออกว่าตอบว่าอะไร
"อ่าว ทำไมอะ?" ผมถามเสียงดังขึ้นเพราะไม่รู้ว่าเจมส์จะได้ยินเสียงผมชัดไหม
"เบื่อ!" เจมส์ตะโกนตอบเสียงดังจนผมตกใจ ผมหันไปมองรถตุ๊ก ๆ ข้าง ๆ ที่มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ สองคนนั้นก็คงจะตกใจเหมือนกันเลยหันมามองผมเป็นตาเดียว
ตั้งแต่ผมรู้จักกับเจมส์มา เจมส์ไม่เคยมีแฟนเลย คงจะรักสนุก ไม่ผูกมัดตามสไตล์ พวกผู้ชายหนอผู้ชาย ผมล่ะไม่ชอบเลยจริงๆ โดยเฉพาะที่โกหกผมว่าไม่สบายและยกเลิกนัดไปเที่ยววันเกิดผมแบบกะทันหัน ผมเลยเลิกยุ่งกับเจมส์ไปเลยเทอมนึง แต่คิดไปคิดมา นี่ก็คุ้มเหมือนกัน หลายเดือนที่ผ่านมา ดัดสันดานเพื่อนสุดที่รักของผมให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนได้และที่สำคัญต่อจากนี้เจมส์ก็จะได้มีเวลาให้ผมคนเดียวแล้ว มีอะไรที่อยากทำกับเจมส์เยอะเลย
"ฮะ! กินที่นี่เหรอ?" ผมถามเจมส์ด้วยความงุนงง หลังจากซิ่งมอไซค์มาจอดหน้าร้านลาบหมูจุ่ม
"ใช่ อร่อยนะ อย่าดูถูก" เจมส์ค่อย ๆ ถอดหมวกกันน็อคให้ผมที่กำลังยืนมองสภาพร้านอย่างหลุดลอย
นี่เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตผมที่มากินร้านข้างทางแบบข้างทางแท้ ๆ ริมฟุตปาธแบบนี้ ตอนที่ปิ้งพาไปกินหมูกระทะกลายเป็นเรื่องจิ๋ว ๆ ไปเลย เจมส์พาผมมานั่งที่โต๊ะ ผมก้มดูเมนูและไม่รู้เลยว่าอะไรเป็นอะไร
"บิลอยากกินอะไร?" เจมส์ถามขึ้นขณะกำลังก้มเขียนเมนูที่ตัวเองจะสั่งใส่ลงบนแผ่นกระดาษ
"เจมส์สั่งมาเลยแล้วกัน บิลไม่รู้เลย" ผมตอบทั้งที่ตายังคงมองเมนูในมือ
"เห้อ เบื่อจริง พวกลูกคุณหนู" อ่าว ก็ผมไม่รู้จริงๆ ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไร ผมแค่ไม่เคย "พี่ค้าบบ สั่งอาหารหน่อยค้าบบ" เจมส์ตะโกนขึ้นจนผมสะดุ้ง ขวัญเอ๊ยขวัญมาบิล
จริง ๆ ผมไม่แปลกใจที่เจมส์จะกินอาหารแบบนี้ เจมส์เป็นคนกินง่าย มีอะไรก็กิน อันนี้ผมรู้ดี ต่างจากผมลิบลับ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างกินยากนะ เลือกแล้วเลือกอีก แต่ตอนหิวก็อีกเรื่องนะ ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา เจมส์จะตามใจผมเรื่องกินตลอด แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันนี้นึกคึกอะไร อยู่ดีดีครั้งนี้พาผมมาเปิดโลกซะขนาดนี้
หลังจากสั่งอาหารไปไม่นาน อาหารก็ถูกเอามาวางเต็มโต๊ะ ผมมองอาหารที่ละลานจนตาลาย ผมรู้แหละ จานนี้คือส้มตำ แต่อันอื่น ๆ ไม่เคยมีในสารบบมาก่อนเลย "อันนี้อะไรอะ" ผมชี้นิ้วไปที่จานหนึ่งแบบสุ่มๆ
"ตับหวาน" เจมส์ตอบ
"แล้วอันนี้อะ?" ผมเลื่อนนิ้วไปที่จานต่อไป
"ลาบเป็ด" เจมส์ใช้ซ้อมจิ้มเนื้อย่างอะไรสักอย่างเข้าปากหลังจากตอบผม ผมก็มองตามอย่างสงสัย
"ที่อยู่ในปากนี่เขาเรียกว่านมหมูย่าง อร่อย อะ ลองกิน" เจมส์จิ้มขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วยื่นมาใส่ปากผม ผมลองเคี้ยวไปเคี้ยวมา เอ้า อร่อยจริง
"เป็นไง" เจมส์ถาม
"อร่อยอะ อร่อยมากเลย ทำไมไม่เห็นเคยพามากินอะไรแบบนี้เลยอะ" ตาผมลุกวาว พร้อมหยิบช้อนซ้อมของตัวเองมาตักทุกอย่างเข้าปาก เริ่มชิมไปทีละอย่างสองอย่าง อร่อย อร่อยจริงๆ อร่อยทุกอย่างเลย มาถึงจานสุดท้ายที่ผมดูออกว่าน่าจะเป็นส้มตำ ผมก็รีบใช้ช้อนตักมาใส่เข้าปาก
"เดี๋ยว บิล!" เจมส์พยายามห้ามผม แต่ไม่ทันแล้ว ผมตักเข้าปากไปแล้ว เคี้ยว ง่ำๆๆ .... เหม็น.... เผ็ด... เผ็ดมาก.... เผ็ดฉิบหาย โว้ยยยยยยยยยยยย ผมรีบคว้าน้ำมากระดกดื่มจนหมดแก้ว ยังไม่หายเผ็ดเลย "อันนี้คือตำป่า เจมส์กำลังจะบอกบิลเลยว่ามีปลาร้าและเผ็ดมาก รู้อยู่แล้วว่าบิลกินไม่ได้" เจมส์บอกผม ถึงจะช้าไปสักหน่อยก็เถอะ
"อ่าว แล้วเจมส์สั่งมาทำไมอะ" ผมรู้สึกเผ็ดร้อนไปทั่วปากทั่วลิ้น เกิดมาไม่เคยกินอะไรเผ็ดแบบนี้มาก่อนเลย ปรกติผมก็ไม่ได้กินเผ็ดอยู่แล้ว กินน้ำตามไปสองแก้วแล้วยังไม่หายเผ็ดเลยเนี่ย ตำป่าอะไรนี่เผ็ดจริง ๆผมรู้สึกเลยว่าปากผมคงจะเจ่อมาก
"ก็เจมส์ชอบกิน และไม่ได้จะให้บิลกิน ไม่งั้นเจมส์ไม่เอาจานนี้ตั้งไว้ไกลบิลหรอก"
โดยรวมแล้ว ถ้าตัดตำป่าอะไรนั่นออกไป อาหารทุกอย่างถือว่าอร่อยมาก เล่นเอาเกินความคาดหมายของผมเลย โลกใบนี้ยังมีอาหารอร่อย ๆ อยู่อีกเยอะและในบางครั้งก็อาจจะไม่ได้มาในห้องอาหารหรู ผมนั่งกินอาหารทุกอย่างประหนึ่งทำการสำรวจอย่างมีความสุข โดยเฉพาะตับหวานกับนมหมูนี่จะกินไปแล้วกี่คำก็ยังอร่อยอยู่ดี
"บิล เจมส์มีเรื่องจะถาม" อยู่ดี ๆ เจมส์ก็พูดเสียงจริงจังขึ้นมาหลังจากที่เรานั่งกินกันมาได้สักพักจนผมอิ่มแล้ว ได้แต่นั่งมองเจมส์ที่ยังกินอยู่
"ว่า?"
"เจมส์ไปอยู่บ้านบิลได้ปะ?"
"อ่าว ทำไมอะ"
"ก็ไอ้บาสอะดิ มันไปเอากับเด็กมันในห้องน้ำโรงเรียนอีกแล้ว แล้วคราวนี้ผู้หญิงแม่งเป็นลูกอบจ. เป็นเรื่องเลย เขาไม่ยอม โรงเรียนเลยไล่แม่งออก" บาสคือน้องชายคนเดียวของเจมส์ ผมเห็นตั้งแต่เด็ก ๆ น่าจะอายุน้อยกว่าผมราว ๆ 2-3 ปีได้ นึกไม่ถึงเลยว่าโตมาจะขนาดนี้
"แล้วเกี่ยวไรกับที่เจมส์จะมาอยู่บ้านบิลอะ?" ผมยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก
"ก็พ่อจะให้มันย้ายมาเรียนโรงเรียนเราไง มันจะมาอาทิตย์หน้าละเนี่ย"
"แต่นี่เปิดเทอมมาจะเดือนแล้วนะ"
"เออ แต่พ่อเขาเคลียร์ละ ใต้โต๊ะไปเป็นแสน เขาไม่อยากให้มันหยุดเรียน เดี๋ยวมันไปสร้างเรื่องอีก"
"งง"
"บิลงงไร"
"ก็งงว่าแล้วเกี่ยวอะไรกับที่เจมส์ต้องขอมาอยู่บ้านบิล"
"บิล ตั้งแต่บิลโดนไอ้ปิ้งไรนั่นทิ้ง บิลดูโง่ขึ้นนะ คนเราอกหักมันกระทบสมองด้วยเหรอวะ"
ผมรู้สึกเหมือนโดนด่า แต่ก็จริง โง่จริง ยอมรับ แต่เจมส์ยังตอบไม่ตรงคำถามของผมปะ
"ถ้าไอ้บาสมาเรียนโรงเรียนเรา มันก็ต้องมาอยู่คอนโดเจมส์ไง ห้องเล็กนิดเดียว ไม่อยากอยู่กับแม่ง รำคาญ น้องเหี้ย" เจมส์ตอบใส่อารมณ์ เจมส์กับบาสไม่ค่อยลงรอยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เจมส์เป็นพี่ชายที่ดูไม่ค่อยรักน้องสักเท่าไหร่ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้าตัดเรื่องอย่างว่าไป ผมว่าน้องบาสก็เป็นเด็กน่ารักคนหนึ่งเลยนะ หน้าตาดีด้วย
"อ๋อ เข้าใจละ เดี๋ยวบิลกลับไปคุยกับม้าให้ละกัน แต่ม้าคงให้แหละ คนกันเอง" เจมส์ไปมาบ้านผมบ่อย ก่อนหน้านี้มานอนก็หลายครั้ง จนแม่ผมไว้ใจ ผมกับเจมส์สนิทกันจนไป ๆ มา ๆ ที่บ้านเราก็รู้จักกันไปด้วย ไปเชียงใหม่ทีไรก็ต้องแวะไปหาพ่อแม่เจมส์ทุกที
"เดี๋ยวกลับไปด้วยกันเลย เจมส์ถามเอง ไม่ได้เจอม้าบิลนานแล้วด้วย เจมส์คิดถึงท่าน"
ตอนเดินเข้าไปในบ้าน ม้าทำหน้าตกใจใหญ่ที่ได้เห็นเจมส์มากับผมด้วย ปรกติม้าจะยุ่งกับการทำงานจนดึกดื่นวันนี้ก็เช่นกัน หลายครั้งที่ผมเดินเข้าบ้านมาม้ายังไม่รู้เลย แต่ครั้งนี้คงจะเพราะได้ยินเสียงมอไซค์ของเจมส์เลยรู้ว่าผมกลับมาแล้ว "สวัสดีครับม้า” เจมส์ยกมือไหว้ “ม้าเป็นยังไงบ้างครับ" พูดเพราะเสียงหวานอย่างกับเป็นคนละคน
"อ่าว เจมส์ หายไปนานเลย ม้าสบายดีลูก มาๆ มานั่งก่อน" ม้าลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานของท่านแล้วมานั่งที่โซฟา
"ก็ลูกม้าสิครับ โกรธผมงอนไม่คุยกับผมเกือบปี ไลน์ไปอะไรก็ไม่ตอบ" เจมส์รีบเรียกคะแนนสงสารทันที
"โถ่ลูก บิลก็เป็นแบบนี้ ขี้น้อยใจ ทนหน่อยนะลูก คงจะมีแต่เจมส์ที่ม้าไว้ใจให้ดูแลบิล" ม้าผมตอบแล้วหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา
ทนบิลหน่อยเหรอ คนที่ต้องทนคือผมต่างหาก ผมล่ะคันปากอยากเล่าวีรกรรมของเจมส์ให้ม้าฟังจริงๆ ม้าจะได้รู้ว่ามันไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิด
"ม้า" ผมรีบเรียกตัดบท "เจมส์จะขอมาอยู่บ้านเรา บาสจะย้ายมาเรียนที่โรงเรียน แล้วคอนโดห้องเล็ก อยู่สองคนแล้วอึดอัด"
"อ่าวลูก ทำไมย้ายมากลางคันแบบนี้ล่ะ"
"มันสร้างวีรกรรมอีกแล้วน่ะครับ ตามสไตล์วัยแตกหนุ่ม ผมล่ะปวดหัวจริง ๆ กับน้องคนนี้ สอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ" โถ่ คุณอาทิตย์ เก่งที่สุดเลยในเรื่องการเอาดีเข้าตัวเนี่ย คุณอาทิตย์หนักกว่าน้องบาสอีก
"อ่อ ย้ายมาสิลูก นอนห้องบิลได้ ม้าเพิ่งทำห้องให้บิลใหม่ ใหญ่ขึ้นเยอะเลย" ม้าไม่มีปัญหาจริง ๆ ผมรู้ดี ยังไง ๆ ก็ให้อยู่แล้ว
"ขอบคุณครับ" เจมส์ก้มไหว้ผมจนสุดหัว "แต่เจมส์ขอร้องว่าอย่าบอกพ่อกับแม่เจมส์นะครับ"
"ได้จ่ะ ม้ารูดซิปปากเลย" ม้าผมนี่ก็ดูจะชอบเจมส์เอาเรื่อง มีอะไรตามใจหมดทุกอย่าง "คืนนี้เจมส์ก็นอนนี่สิลูก ดึกแล้ว ขับมอไซค์ดึก ๆ มันอันตราย"
"ได้ครับม้า ขอบคุณมาก ๆ ครับ" เจมส์ก้มไหว้แม่ผมอีกที ผมแทบอยากจะเบะปาก เจมส์นี่ก็ไม่เคยคิดจะปฏิเสธเลย เป็นแบบนี้ทุกครั้ง พอม้าชวนให้นอนปุ๊บ ก็ตอบตกลงเลยตลอด ถ้าไม่สนิทกันก็คงจะคิดว่าผู้ชายคนนี้แม่งโคตรไม่มีมารยาท แต่พอสนิทกันก็เฉย ๆ แหละ มานอนกี่ร้อยรอบแล้ว
"ขึ้นห้องเหอะเจมส์ บิลเหนอะตัวละ จะไปอาบน้ำ" ผมตัดบทสนทนา ไม่งั้นสองคนนี้เขาคุยกันยาวแน่ๆ ผมเบื่อที่จะเห็นเจมส์เล่นบทคนดี แค่คิดก็จะอ้วก
"ไปพักผ่อนนะลูก มีอะไรขาดเหลือบอกพี่นกแม่บ้านได้เลยนะลูก บ้านม้าก็เหมือนบ้านเจมส์ ทำตัวตามสบายเลยนะลูก"
"ครับม้า" เจมส์ตอบรับก่อนจะเดินขึ้นบันไดตามผมมา
"เล่นบทคนดีเก่ง" ผมพูดหยอกเจมส์ขณะเดินขึ้นบันได
"ก็ม้าบิลดีกับเจมส์ เจมส์ก็ต้องดีกับม้าบิลสิ ยังมาหาว่าเจมส์เล่นละครอีก ใครจะเหมือนบิลอะ มีแม่ดีขนาดนี้ ยังไม่ค่อยใส่ใจเลย"
ไม่ใช่ว่าผมไม่ค่อยใส่ใจแม่ ผมรักม้า รักมาก มากที่สุด เพราะทั้งชีวิตนี้มีแม่อยู่คนเดียว พ่อก็ไม่มี แต่แค่มันไม่มีกิจที่จะต้องมาทำแบบเจมส์มัน เป็นแม่ลูกกันมา 18 ปีละ ทำไมต้องมาเล่นละคร บ้าเหรอวะ คุณอาทิตย์
ห้องผมอยู่บนชั้นสาม ชั้นบนสุดของบ้าน ทั้งชั้นมีห้องผมคนเดียว เมื่อก่อนจะมีห้องทำงานม้าด้วย แต่ม้าเขาบอกว่าเดินขึ้นลงแล้วปวดขา ม้าเลยย้ายห้องทำงานไปอยู่ข้างล่าง ผมก็เลยถือโอกาสขอม้ารวบสองห้องแล้วทำใหม่เล็กน้อยเลย มีระเบียงไว้นั่งมองดาวมองฟ้าอย่างที่ใจฝัน ส่วนที่เพิ่มเข้ามาก็กลายเป็นตู้เสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าผมค่อนข้างเยอะ ถ้าไม่ขยายคงต้องนอนจมกองเสื้อผ้าแน่ ๆ
"โห บิล เจ๋งหว่ะ" พอเจมส์เห็นห้องผมก็ถึงกับตะลึง
"เจ๋งอะไร"
"มีระเบียงด้วย งี้สูบบุหรี่สบายเลยดิ" เจมส์ปรี่เดินออกไปนอกระเบียงอย่างตื่นเต้น ทั้ง ๆ ที่คอนโดก็ต้องมีระเบียงปะ แค่อาจจะเล็กกว่านี้แค่นั้นเอง ตื่นเต้นไรอะ
"สูบไรล่ะ เลิกแล้ว" ผมตอบปฏิเสธไป ผมเลิกสูบบุหรี่มาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว
"อ่าว เลิกตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่อง"
"ตอนคบกับปิ้ง" ผมตอบไปแล้วก็กลอกตาวนเบา ๆ ไม่ได้กลอกเพราะเจมส์ถามนะ แต่พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วมันก็รู้สึกเอือมระอาจริง ๆ ถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่เสียเวลามาก ๆ ช่วงหนึ่ง
"ทำไมอะ อยากเป็นคนดี กุลสตรีผู้เพียบพร้อมดั่งผ้าพับไว้เหรอ ผ้าบิลยับตั้งแต่ตอนคบกับไอ้ท็อปละปะ"
"บิลก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นปะเจมส์ ไม่งั้นก็จะเจอแต่คนแบบท็อปไง"
เจมส์ไม่ตอบผม มันกำลังจุดไฟบุหรี่ที่คาบอยู่ในปาก ก่อนจะพ่นควันออกมาฟอดใหญ่
"เอาปะ" เจมส์หันมาหาผมพร้อมยื่นบุหรี่มาให้
"ไม่เอา ก็บอกแล้วไงว่าเลิกแล้ว" ผมทำตาถลึงใส่
"อือ" เจมส์เอาบุหรี่ใส่ปากสูบต่อ
"งี้เดี๋ยวบิลเข้าไปรอข้างในนะ บิลจะไปอาบน้ำก่อน" ไม่มีเสียงตอบรับจากคุณอาทิตย์ มีแต่กลิ่นและควันบุหรี่ที่โชยฟุ้งไปทั่ว
ผมจัดการอาบน้ำอะไรเรียบร้อยหลังจากเหนอะมาทั้งวัน เจมส์กำลังนอนบนโซฟาเลื่อนดูยูทูปอยู่อย่างสบายใจยิ่งกว่าอยู่บ้านตัวเอง ผมมองก่อนจะเดินมานั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนที่ผมจะต้องหันขวับไปอีกรอบ เพราะเหมือนเห็นอะไรแวบ ๆ ด้วยหางตา "เจมส์! ถุงเท้า!" ผมตะโกนใส่ เพราะเจมส์นอนเอกเขนกสบายใจเลยบนโซฟาของผม ถุงเท้านี่ดำเขรอะ ไม่คิดจะถอดก่อนบ้างเลย
"โทษทีบิล เจมส์ลืม" เจมส์ก็ถอดถุงเท้าออกทันที "เอาไว้ไหนอะ?"
"ตะกร้าอันเล็ก" ผมชี้นิ้วไปทางห้องน้ำ
"โอ้โห นี่อะไรเนี่ย" อยู่ดี ๆ เจมส์ก็โพล่งขึ้นมา ผมหันไปมองเห็นเจมส์ยืนมือถือถุงเท้าแล้วมองมาที่ผมอยู่ ร่างหนาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วชะโงกหน้าดูบรรดาสกินแคร์และน้ำหอมของผม
"ใช้อะไรขนาดนี้อะบิล มีกี่หน้า" ผู้ชายนี่ก็คือผู้ชายจริง ๆ ไม่เข้าใจอะไรเลยเรื่องพวกนี้
"ตกใจอะไรอะเจมส์ บิลก็ใช้ของบิลมานานแล้วไหม" ผมตอบแล้วหันกลับมาลงสกินแคร์บนหน้าต่อ 3 นาทีทองหลังอาบน้ำ จะเสียให้กับเรื่องแบบนี้ไม่ได้
"แต่เมื่อก่อนมันไม่เยอะเท่านี้นี่" เจมส์ยังถามต่อด้วยความสงสัย
"มันก็มีซื้อ ๆ เพิ่มมาบ้าง"
"แล้วเดี๋ยวนี้ฉีดน้ำหอมผู้หญิงแล้วเหรอ" หนูน้อยเจ้าปัญหาหรืออะไรเนี่ย สงสัยไม่หยุดเลย
"ฉีดมานานแล้วเจมส์ เจมส์แค่ไม่เคยได้มีโอกาสดม เจมส์เอาถุงเท้าไปใส่ตะกร้าเถอะ แล้วก็ไปอาบน้ำล้างตัวได้แล้ว ตัวเหม็นอย่างกับหนูตาย" ผมมองเจมส์ผ่านกระจกเงา
"อาบให้หน่อยจิ"
"จะหยุดปะ" ผมถามด้วยเสียงห้วน พลางนวดเซรั่มลงบนหน้า
"ดุฉิบหาย คนหรือหมาวะ เล่นนิดเล่นหน่อยไม่ได้เลย" เจมส์พึมพำระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำ
เวลาผ่านไปแค่ไม่กี่นาที เสียงฝักบัวก็ปิดลง อาบน้ำไวจริงคน ๆ นี้เนี่ย จะสำอางก็แค่เวลาออกล่าล่ะมั้ง "บิล!" เสียงของเจมส์ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ "เอาผ้าเช็ดตัวให้เจมส์หน่อยค้าบบ" นั่นสิ ผมไล่เจมส์ไปอาบน้ำแต่ดันลืมหยิบผ้าเช็ดตัวให้
"อะ ผ้าเช็ดตัว" ผมยื่นอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ พร้อมยื่นผ้าเช็ดตัวให้ ผ่าง!เจมส์เปิดประตูกว้างออกมา ผมถึงกับช็อก ผมพยายามที่จะไม่มอง แต่ก็ห้ามสายตาไม่ได้จริง ๆ หน้าผมร้อนผ่าวแล้วรีบยัดผ้าเช็ดตัวให้เจมส์ก่อนจะหันหลังหนี เชี่ย!หันหลังมาก็เจอกระจกอีก หน้าผมแดงเถือกเลย พอเจมส์เช็ดตัวแห้งก็นุ่งผ้าเช็ดตัว ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก เห็นแต่ว่าเจมส์เดินเข้ามาหาผมแล้วก็เอามือแตะที่ไหล่ผมทั้งสองข้าง "เขินไรจ๊ะ สาวน้อย ทำอย่างกับไม่เคยเห็น"
"ชะ.. ชะ... ชุดนอนอยู่ในตู้" เสียงผมสั่นไปหมด เจมส์ใช้มือหนาทั้งสองหมุนผมกลับไปหา
"ไม่ใส่ได้ปะ ใส่แล้วอึดอัด"
"จะบ้าเหรอ นี่ไม่ใช่บ้านเจมส์นะ" ผมตอบแบบลนลาน
"ก็ม้าบิลบอกเจมส์ว่าบ้านนี้ก็เหมือนบ้านเจมส์ เดี๋ยวเจมส์ไปถามม้าก็ได้นะ" เจมส์ผละออกจากตัวผม ทำเป็นจะเดินไปที่ประตู
"เออ ๆ ไม่ใส่ก็ไม่ใส่ แต่นอนโซฟานะ" ผมต้องแสดงจุดยืน
"นอนโซฟาอะไรบิล บิลกลัวเจมส์เหรอ หรือกลัวตัวเองห้ามใจไม่อยู่"
"หลงตัวเองไปปะ" ผมเบะปาก
"ก็ต้องหลงดิ บิลหน้าแดงอย่างกับตูดลิง เจมส์จะนอนบนเตียงกับบิล แล้วก็ไม่ต้องกลัว..." เจมส์เดินกลับมาหาผมแล้วยื่นหน้ามาที่ข้างหูผมก่อนจะกระซิบเบา ๆ ทำเอาผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว "...ทำแน่"
Comments (0)