Chapter 2 ดวงตาสีมรกต

 

เหตุการณ์บนเรือโลหะนั้นไม่ได้เป็นแค่เหตุการณ์เดียวที่ถูกบันทึกลงในแฟ้มของเจคอบ แม้มันไม่ได้มีผู้เคราะห์ร้ายกว่าสิบคนอย่างเหตุการณ์แรก แต่สิ่งที่พยานได้กล่าวมานั้นน่าสนใจอย่างยิ่ง เจ้าหน้าที่ลับยื่นบันทึกเหตุการณ์ให้กับนักศึกษาหนุ่มอ่าน ทว่าเรื่องราวจากปากพยานหรือจะแม่นยำไปเสียกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง

 

ในอีกฟากหนึ่งของประเทศ ไกลแสนไกลจากเมืองใหญ่อย่างลอนดอน ณ หมู่บ้านเล็กชายทะเลห่างไกลจากการติดต่อจากโลกภายนอก ยังมีหญิงสาวผู้หนึ่งที่หลงรักชายในหมู่บ้านอย่างหัวปักหัวปำ ชายคนนั้นเองก็ตอบรักความรักของนาง ทุกอย่างช่างหวานชื่นสำหรับทั้งสอง เว้นไว้เสียว่าฝ่ายชายนั้นมีเสน่ห์ล้นหลาม ส่วนฝ่ายหญิงนั้นขี้หึงหวงอย่างรุนแรง

 

หากไถ่ถามเกี่ยวกับเรื่องของทั้งสองกับคนในหมู่บ้านล่ะก็ เขาก็จะบอกสเตฟานเป็นพ่อหนุ่มอายุยี่สิบกว่า ผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มกว้างและฟันสวยสะอาด ผมสีดำหยิกเหมือนสาหร่ายทะเล ดวงตาสีฟ้าครามทรงเสน่ห์ ครอบครัวของเขาเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน ชายหนุ่มเป็นคนขับรถเกวียนออกไปซื้อของในเมืองมาวางขายในร้านแต่เด็ก พ่อของเขาเพิ่งวางใจให้ลูกชายออกนอกหมู่บ้านคนเดียวเมื่อไม่กี่ปีก่อน ลือกันว่าเพราะรอยยิ้มทรงเสน่ห์และคารมของหนุ่มคนนี้ สินค้าที่นำมาขายจึงถูกซื้อมาในราคาพิเศษ

 

ส่วนนาตาลีคือคนรักของสเตฟาน หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มธรรมดา แต่ดวงตาของเธอโดดเด่นด้วยสีมรกตสวยที่ราวกับจะส่องแสงในความมืดได้ ทั้งคู่ต่างเกิดและเติบโตในหมู่บ้านแห่งนี้ เป็นธรรมดาที่คนในหมู่บ้านจะรู้จักเด็กสองคนนี้แบบรู้ไส้รู้พุง สเตฟานเองก็รู้จักคนรักของเขาดี แม้ชายหนุ่มจะรู้ว่าอารมณ์ของเธอร้ายขนาดไหน เขาก็ไม่อาจต้านทานดวงตาสีมรกตและผิวขาวเนียนนั้นได้ และเมื่อเธออนุญาตให้เขาสัมผัสผิวขาวราวน้ำนมนั้นแล้ว ชายหนุ่มรู้ดีว่าไม่อาจหนีไปจากเธอได้อีกแล้ว

 

นาตาลีที่ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับรอยยิ้มของคนรักที่สามารถทำให้เขาซื้อของมาในราคาพิเศษได้ ตอนนั้นเธอเดินอย่างเงียบเชียบเข้าไปในแผงตลาดปลา ใบหน้าก้มต่ำแต่ใบหูผึ่ง เธอยังไม่อยากให้ใครสังเกตว่าเธอมาที่นี่ เธออยากได้ยินพวกเขาพูด

 

“นี่ตั้งแต่สเตฟานไปช่วยพ่อมันซื้อของเข้าเมืองมาก็ดูเหมือนว่าร้านจะได้ของดีๆ กลับมาเพียบเลยนะ” คุณป้าหลังแผงปลาเอ่ยกับลูกค้าประจำที่เป็นคนในหมู่บ้าน

 

“ฉันได้ยินมาว่าเขาซื้อมาในราคาพิเศษเลยนะ พ่อหนุ่มคนนี้คารมดีขนาดนั้นเชียว” ลูกค้าคนนั้นโน้มตัวกระซิบกระซาบ ถ้าหญิงสาวเพ่งสมาธิพอเธอก็จะได้ยิน

 

“นี่ แต่อย่าพูดเรื่องนี้ต่อหน้านาตาลีเชียวนะ เดี๋ยวมันอาละวาดอีก”

 

“เออ ฉันรู้แล้ว”

 

หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตรีบเร่งฝีเท้าออกจากตลาด ในหัวครุ่นคิดถึงแผนการ ในวันพรุ่งนี้สเตฟานจะขับเกวียนออกไปซื้อสินค้าในเมืองอีกรอบ เธอควรออดอ้อนให้เขาพาไปด้วย ว่าแล้วก็มุ่งหน้าไปยังร้านขายของชำประจำถิ่น ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงเช้า ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้นฟ้าเต็มดวงแต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ตาสว่างกันหมดแล้ว คนรักของเธอเองก็น่าจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเช่นกัน

 

เธอเห็นชายหนุ่มร่างล่ำสันเจ้าของเรือนผมดำหยิกเหมือนสาหร่าย เขากำลังไขกุญแจร้านพอดี นาตาลีปั้นยิ้มกว้างเมื่อสบตากับอีกฝ่าย ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวมาหาแต่เช้าแต่ก็ส่งยิ้มกลับ

 

ฟันเขาสวยจริงๆ ไม่ว่าจะส่วนไหนของเขาก็หล่อไปหมด หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่

 

“ที่รักคะ” เธอพูดเสียงหวาน ดวงตาช้อนมองชายหนุ่ม

 

“ว่ายังไง มาแต่เช้าเชียว”

 

“ก็คิดถึงนี่นา” เธอบิดตัวหน่อยหนึ่ง “แล้วก็มีเรื่องอยากจะขอด้วย”

 

สเตฟานตอบกลับด้านน้ำเสียงสบายอารมณ์พลางคว้าไม้กวาดขึ้นมาในมือ เขามีหน้าที่กวาดลานหน้าร้านตอนเช้า แต่ถ้าหญิงงามต้องการเวลาของเขาสักหน่อย ชายหนุ่มก็ไม่รังเกียจที่จะให้มันกับเธอ

 

“ว่ามาสิ ถ้าผมทำได้ผมจะทำ” เขาเอ่ยก่อนแสยะยิ้มหยอกล้อ “แต่ถ้าอยากให้ดึงพระจันทร์ลงมาให้คุณทั้งดวง ผมคงทำไม่ได้”

 

นาตาลีกลั้วหัวเราะ “คุณนี่! ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันแค่อยากขอนั่งเกวียนเข้าเมืองด้วยพรุ่งนี้เท่านั้นเอง”

 

สเตฟานหัวเราะ หญิงสาวมองดูฟันขาวที่เรียงตัวกันสวยงามของเขาและตาสีฟ้าสวยที่หยีจนเป็นจันทร์เสี้ยว ชายหนุ่มพร้อมลูบหัวเธออย่างเอ็นดู ก่อนบอกว่านั่งในเกวียนทั้งวันไม่ได้สนุกขนาดนั้นหรอก อยากได้อะไรก็บอกเขามา เขาจะซื้อมาให้

 

หญิงสาวทำแก้มป่องเง้างอน ครั้งนี้เธอจะถอยให้ก่อน แต่จะมีครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

 

ผ่านไปสองเดือน นาตาลีก็กลับมาขอเขาอีกครั้ง สเตฟานตอบตกลง แต่เตือนเธอไว้ว่าเขาจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่ หญิงสาวต้องตื่นให้ทัน นาตาลีตื่นมาก่อนไก่จะร้องโห่นานมาก เธอใช้นาฬิกาปลุกตั้งเวลาไว้ตีสี่ ทว่าเมื่อเดินมายังคอกม้าหลังร้านขายของชำแล้วเธอกลับไม่เห็นเกวียนสักคัน

 

เขาออกเดินทางไปก่อนแล้ว

 

ตีสี่ ใครกันออกเดินทางก่อนตีสี่ นั่นเรียกว่าเดินทางกลางดึกแล้ว!

 

หญิงสาวเจ้าของดวงตาสีมรกตมองเส้นทางที่ทอดออกจากหมู่บ้านราวกับจะเผามันด้วยสายตาของเธอ มือกำตะกร้าแน่น อุตส่าห์ทำแซนด์วิชเป็นอาหารเที่ยงมาให้ ใส่ไส้ปลาเยอะๆ อย่างที่เขาชอบ หญิงสาวหันหลังกลับก่อนจะโยนอาหารในตะกร้าทิ้งข้างทาง เจ้าหมาขนฟูของคนแถวนี้ก็กระดิกหางเข้ามาเก็บกวาดซากอย่างหมดจด

 

เจ้าขนฟูวิ่งตามหญิงสาวไปอีก หวังว่ามนุษย์ใจดีคนนี้จะมีอาหารให้ ทว่าเมื่อมนุษย์คนนี้ก้มมองลงมาด้วยสายตาเย็นชา มันก็ต้องร้องหงิงและหนีไป

 

หากสเตฟานไม่ยอมให้เธอนั่งรถเกวียนไปด้วย เธอก็จะคาดคั้นคำตอบจากปากพ่อแม่ของเขานี่แหละในวันนั้นหญิงสาวเดินมาที่ร้านขายของชำพร้อมกับตะกร้าในมือเป็นครั้งที่สอง ในมือถือตะกร้าขนมปังมาด้วย เธอโปรยยิ้มกว้างจนตาสีมรกตสวยนั้นหยี่เป็นรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยวเมื่อแม่ของแฟนหนุ่มเปิดประตูต้อนรับ

 

“เข้ามานั่งจิบชาก่อนสิ ป้าเพิ่งต้มน้ำร้อนเลย” หญิงวัยกลางคนเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน

 

พวกเขาคุยสัพเพเหระกัน ทั้งเรื่องสภาพอากาศวันนี้ ปลาที่คิดว่าจะจับได้ รวมถึงเรื่องราวของคนในตลาด

 

“คุณป้าคะ ในฐานะที่หนูเป็นว่าที่สะใภ้ของบ้านนี้ สงสัยจริงๆ เชียวว่าร้านนี้ทำกำไรได้เท่าไหร่” เธอเอ่ยก่อนจะยกชาขึ้นจิบ ชานี้รสชาติไม่เลว กลิ่นหอมหวน อันที่จริงอาหารในบ้านสเตฟานล้วนเป็นของดีทั้งนั้น หากเธอไม่ได้มานั่งทานข้าวกับครอบครัวนี้บ่อยๆ ก็คงคิดว่าพวกเขาเป็นแค่ครอบครัวธรรมดาเหมือนกับบ้านอื่นที่ไม่ค่อยมีเงินซื้อเนยและชีสหอมๆ กินทุกวัน

 

แม่ของสเตฟานไม่ได้สงสัยอะไรนาตาลี ในสายตาของพวกเขาเธอไม่ได้ดูเป็นคนที่มีสมองเสียเท่าไหร่ ที่ถามคำถามคำถามนั้นออกมาก็คงแค่สงสัยเท่านั้น ถ้าตอบโกหกไปเธอคงไม่รู้

 

“ป้าไม่ได้นับหรอกจ้ะ แต่ก็พอที่จะซื้อของอร่อยๆ ให้ที่บ้านกินนั่นแหละ”

 

หญิงสาวคาดเดาไว้แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมเปิดปากพูดง่ายๆ แน่ แต่หญิงวัยกลางคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธออยากเจอในวันนี้ เธออยากเจอพ่อของสเตฟาน

 

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนเดินเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับขวดเหล้ารัมในมือ พ่อของสเตฟานชอบเมาแต่หัววัน เขาติดเหล้ามาตั้งแต่ลูกชายยังเล็ก แต่เพิ่งจะมีเวลากินเหล้ามากกว่าเดิมก็ตอนที่ไม่ต้องขับรถเกวียนออกนอกหมู่บ้านอีกแล้ว การคาดคั้นความลับจากคนเมาย่อมง่ายกว่าคนมีสติเป็นไหนๆ

 

นี่คือโอกาส

 

“สเตฟานเคยบอกว่าเขาซื้อของได้มาในราคาพิเศษ จริงเหรอคะ” เธอเอี้ยวตัวหันไปคุยกับอีกฝ่าย

 

“จริงสิ” ชายหนุ่มวัยกลางคนตอบก่อนจะสะอึกครั้งหนึ่ง

 

“อ้อ ก็เพราะเราทำมาค้าขายกันมาตั้งนานแล้วน่ะจ้ะ ทางนั้นเลยลดราคาให้ตามประสาคนรู้จักกัน” แม่ของสเตฟานพยายามพูดกลบเกลื่อน เธอมองตำหนิไปยังสามีตน แต่อีกฝ่ายไม่มีสติรับรู้ถึงสัญญาณที่เธอส่งให้

 

“ฮ่าฮ่า คนรู้จักกันเหรอ ไอลูกชายเรามันรู้จักลูกสาวร้านนั้นดีเลยล่ะ”

 

“นี่คุณ!” หญิงวัยกลางคนเบิกตาโพลง ตีแขนของสามีหนึ่งป้าบ แต่คนเมายังจะพูดต่อ

 

“ผมก็เลยให้มันเข้าไปในเมืองคนเดียว เผื่อจะได้กะหนุงกะหนิงกัน”

 

“อย่างงั้นเหรอคะคุณลุง” นาตาลีฝืนยิ้ม แม่ของสเตฟานใบหน้าซีดเผือด

 

“อย่าไปสนใจแกเลยนาตาลี คนเมาก็พูดเรื่องไร้สาระนั่นแหละ”

 

“ไร้สาระอะไรกัน ผมนี่เห็นกับตาเลยว่าไอลูกชายมันมีลิปสติกแดงแปร๊ดเลอะคอเสื้อ”

 

“พูดอะไรเพ้อเจ้อ นาตาลีนั่งอยู่ตรงนี้ทั้งคนนะคุณ” หล่อนตะโกนเสียงสูง

 

ดูเหมือนพ่อของสเตฟานจะเพิ่งสังเกตว่าคนที่เขาคุยด้วยคือแฟนสาวของลูกชาย เขาส่งยิ้มให้ราวกับลืมเรื่องที่ตนเองเพิ่งพูดไปเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ลมหายใจกลิ่นเหล้ารัมของเขาทำให้หญิงสาวรู้ว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปนั้นคือเรื่องจริง

 

“โอ้ สวัสดีแม่หนู มานั่งกินแซนด์วิชก่อนสิ ชีสนี่ไม่ได้หากันมาง่ายๆ นะ”

 

“ขอบคุณค่ะ แต่หนูแวะมาส่งขนมปังให้เฉยๆ เดี๋ยวก็ต้องกลับไปช่วยแม่ทำงานแล้วค่ะ”

 

เธอรีบลุกออกไป หญิงสาวไม่รู้ว่าตัวเองจะควบคุมสีหน้าได้นานเท่าไหร่ เธอไม่ได้เดินกลับบ้านตนเอง เธอวิ่งออกไปที่ชายหาด กรีดร้องใส่คลื่นทะเลให้มันรับเอาความแค้นของเธอไป แต่ไม่ว่าคลื่นจะสาดกระทบฝีเท้าเธอสักกี่ครั้ง หัวใจของเธอก็ยังร้อนรุ่มอยู่ไม่หาย

 

เมื่อหญิงสาวก้าวพ้นประตูไป หญิงวัยกลางคนก็ลงมือตีเข้าที่ต้นแขนของสามีไม่ยั้ง คนเมาไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านเลยสักนิด เขายังกระดกเหล้ารัมเข้าปากต่อด้วยซ้ำ

 

“คุณจำไม่ได้รียังไงว่าเธอหึงแรงขนาดไหน”

 

คุณสามียิ้มหวานเยิ้มตอบ “จำได้สิ ผมอยู่ตรงนั้นเลยนะคุณ นาตาลีดึงผมของชาร์ล็อตออกมาเต็มกำมือเลย โอ้โห ผมไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงตบตีกับมันส์ขนาดนั้นมาก่อน”

ฝ่ายภรรยาตีเข้าที่แขนของเขาอีกป้าบหนึ่ง

 

“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับวิเวียน คุณจะรับผิดชอบกับพ่อเขาไหวไหมล่ะ"

 

สามีของเธอหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เธอล่ะเหลือทนกับนิสัยขี้เมาของเขาเหลือเกิน นับวันก็ยิ่งเหมือนคนที่เห็นหน้ากันทุกวันไม่ใช่สามีของเธอ แต่จะทำอะไรได้ หวังว่าสเตฟานจะไม่ติดนิสัยนี้มาจากพ่อของมันก็แล้วกัน

 

 

เมื่อสเตฟานกลับมา ไม่มีใครกล้าบอกว่าแฟนสาวของเขาได้รู้ความจริง ชายหนุ่มเดินเข้าประตูบ้านมาด้วยรอยยิ้มเบิกบาน ยกสินค้าที่ได้กลับมาอย่างไม่อิดออดเหมือนชายหนุ่มจะมีแรงขึ้นเป็นกอง พวงแก้มของเขามีสีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัด

 

เพียงจากวิเวียนมาไม่เท่าไหร่ เขาก็หวนนึกถึงเรือนผมสีดำขลับของเธอ มันหอมฟุ้งติดจมูกเขาจนถึงตอนนี้ ทั้งรอยยิ้มเอียงอายที่เธอมอบให้และจุมพิตแผ่วเบาก็พอที่จะทำให้ใจเต้นรัว ถึงจะเดินทางไกลเท่าใด มันก็คุ้มค่าแม้ได้พบโฉมงามเพียงแค่ชั่วครู่

 

ชายหนุ่มมัวแต่นึกถึงหญิงสาวเรือนผมดำ กลับลืมไปแล้วว่าในหมู่บ้านนี้ยังมีหญิงเจ้าของดวงตาสีมรกตอยู่ ไม่ใช่เพราะเขาหมดรักนาตาลีแล้ว ใช่ เขายังรักเธออยู่ พวกเขามีสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง แต่วิเวียนเป็นเหมือนดอกไม้แรกแย้มพราวน้ำค้าง หอม สดใหม่ และชื่นใจ ส่วนนาตาลีนั้นเหมือนแมวสาว คอยออดอ้อนคลอเคลียเขาตลอดเวลา เก็บซ่อนเล็บคมไว้ภายใต้อุ้งเท้านิ่ม และใช้มันต่อเมื่อเธอต้องการเท่านั้น ไม่ใช่ว่าสเตฟานจะไม่รู้ว่านาตาลีเคยก่อเรื่องอะไรมาบ้าง แม่แมวสาวคนนี้ดุร้ายไม่เบาเลย แต่ตราบใดที่เธอยังเชื่องกับเขาอยู่ เขาก็ไม่ต้องสนใจว่าเธอจะทำร้ายใครไปมากเท่าไหร่

 

สเตฟานสามารถลอบเข้าไปหานาตาลีได้ในห้องนอนของเธอ แต่เขาไม่อยากให้เธอเห็นร่องรอยของวิเวียน ไม่อยากให้เธอจับได้ว่าเขามองนัยน์ตามรกตคู่นั้นเปลี่ยนไป ไม่อยากเห็นหญิงเรือนผมสีดำซ้อนทับกับหญิงตามรกต มันเสี่ยงเกินไป

 

อย่างไรเขาก็อ้างได้เสมอว่าเหนื่อยจากการเดินทาง ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่ม เขาหลับตาลงนึกถึงหญิงสาวเรือนผมสีดำ ทว่ากลับถูกเสียงด้านนอกรบกวนฝันหวาน

 

กึก

 

บานหน้าต่างห้องแง้มออก สเตฟานสะดุ้งลุกขึ้นนั่งบนเตียง เค้าลางของคนคนนั้นคือผู้หญิง ผู้หญิงผู้มีดวงตาสีมรกต เธอคลี่ยิ้มให้เขา เชิญชวนให้เปิดบานหน้าต่างให้เธอเข้าไป

 

ไม่ได้มีแค่ชายหนุ่มเท่านั้นที่ลอบเข้าห้องของหญิงสาวได้ นาตาลีเองก็ทำได้เช่นกัน

 

ชายหนุ่มรีบเปิดหน้าต่างให้หล่อน ขาเรียวยาวของเธอเหยียบลงบนพื้นห้อง นาตาลีคือแมวจริงๆ นอกจากจะปีนป่ายขึ้นมาแล้ว ยังหนีบเหล้าขวดใหญ่มาด้วยหนึ่งขวด เจ้าหล่อนถือวิสาสะหย่อนตัวลงบนฟูกและตบที่ตรงข้างๆ เธอ

 

“ฉันเพิ่งได้เหล้านี้มา ของดีเชียวนะ” เธอเขย่าขวดแก้วเบา “มาสนุกกันหน่อยสิ”

 

สเตฟานจำไม่ได้ว่าตนเองดื่มของเหลวสีอำพันนั้นไม่กี่อึก ต้องยอมรับว่ามันคือเหล้าชั้นดีจริงๆ แม่แมวสาวคนนี้คงฉกมาจากไหนสักแห่ง ยิ่งของเหลวในขวดเหลือน้อยเท่าไหร่ สติของเขาก็เหลือน้อยลงเท่านั้น

 

เมื่อมองไปยังหญิงสาวที่อยู่บนเตียงเดียวกัน เขาก็ต้องแปลกใจที่หญิงคนนี้มีทั้งผมดำหอมหวน และตาสีเขียวเรืองแสงสวยงาม เขากะพริบตาถี่ แต่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่หายไป

 

“นาตาลี ไม่ วิเวียน”

 

“วิเวียน” หญิงคนนั้นเอ่ย “วิเวียนสินะ”

 

แล้วโลกของสเตฟานก็มืดดับลง

 

 

วิเวียนคือชื่อของนังนั่น เธอจิกผ้าห่มแน่น ตาจ้องเขม็งไปที่ดวงหน้างดงามของแฟนหนุ่ม จะคาดหวังอย่างไรได้ให้หนุ่มรูปงามเช่นนี้ไม่มีหญิงอื่นมากเกี่ยวข้อง น่าเสียดายที่หญิงแพศยานั่นอยู่ไกลเกินเอื้อม ไม่อย่างนั้นป่านนี้เธอปีนขึ้นหน้าต่างห้องนอนของเธอแล้วสั่งสอนให้รู้เรื่องไปแล้ว

 

สเตฟานมีอิสระเกินไป เขาต้องถูกกักขัง ไม่ให้มีผู้ใดได้เห็นใบหน้ารูปงามนี้ จะได้ไม่มีใครแย่งเขาไปจากเธอ

 

"ห่างออกไปจากหมู่บ้าน มีบ้านเล็กหลังหนึ่งที่ถูกทิ้งร้าง มันตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเนินเขาใกล้กับหน้าผา ผู้คนลือกันว่ามันเป็นบ้านต้องคำสาป ไม่มีใครทนอยู่ในนั้นได้ นาตาลีไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว และเธอจะพาสเตฟานไปที่นั่น