4 ตอน พี่ปีใหม่
โดย หมีขาว23
กว่าที่สติฉันจะกลับมาเป็นปกติเวลาก็ผ่านไปพักใหญ่ และถ้าฉันฟังไม่ผิดเมื่อกี้เธอเพิ่งจะเรียกฉันว่าน้องสงกรานต์? เท่าที่ฉันจำได้วันนั้นฉันไม่ได้บอกเรื่องส่วนตัวแม้กระทั่งชื่อตัวเอง แล้วนี่เธอรู้ชื่อฉันได้ยังไงแถมยังเรียกฉันว่าน้องสงกรานต์?
“ว่าไงคะน้องสงกรานต์ยังไม่ได้ตอบคำถามพี่เลยนะคะ” เป็นอีกครั้งที่เธอถามฉันด้วยรอยยิ้มแต่รอยยิ้มครั้งนี้ไม่ได้ดูเป็นมิตรเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน ออกจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เหมือนเธอกำลังมีแผนอะไรบางอย่าง
“พี่เหรอคะ?” ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“ค่ะ พี่ชื่อปีใหม่อยู่ปีสองคณะวิทยาศาสตร์สาขาคอมพิวเตอร์แอนิเมชัน หวังว่าน้องสงกรานต์จะยังไม่ลืมพี่นะคะ” พี่ปีใหม่พูดด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือก ประมาณว่าลองลืมสิรับรองว่าจะได้เจอดี
“ไม่ลืมค่ะ แค่ไม่รู้ว่า...พี่ปีใหม่เรียนที่นี่ด้วย” ฉันพูดเสียงเบาอย่างรู้สึกผิดไม่คิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้เจอเธออีกครั้ง แถมเธอยังเป็นถึงรุ่นพี่!!!
“ค่ะ หวังว่ารอบนี้น้องสงกรานต์จะไม่ได้หนีพี่ไปไหนอีกใช่มั้ยคะ” ฉันรีบส่ายหัวยิกๆ เป็นการปฏิเสธ
“และพี่หวังว่าเราจะมีโอกาสได้พูดคุยกันยาวๆ อีกครั้งนะคะ” พี่ปีใหม่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้ฉันยืนหน้าซีดเผือดอยู่ตรงนี้
“สงกรานต์คะ สงกรานต์”
“หะ ว่าไงนะอีฟ” ฉันสะบัดหน้าไปมาเพื่อเรียกสติของตัวเอง
“สงกรานต์รู้จักปีพี่ใหม่ด้วยเหรอคะ”
“นี่อีฟก็รู้จักพี่ปีใหม่ด้วยเหรอ” ฉันถามอีฟด้วยท่าทางตกใจ นอกจากจะรู้ว่าพี่ปีใหม่เป็นรุ่นพี่นี่อีฟยังรู้จักเธอด้วยเหรอ?
“ค่ะ ใครๆ ก็รู้จักพี่ใหม่”
“แล้วทำไมเราไม่เห็นรู้มาก่อนว่าพี่ใหม่เรียนที่นี่...” ถ้าฉันรู้ อย่างน้อยจะทำให้ใจไว้ก่อนและคงเตรียมตัวหรือเผื่อใจไว้
“สงกรานต์ไม่สนใจมากกว่าค่ะ พี่ปีใหม่เป็นถึงดาวมหา'ลัยเลยนะคะ”
“เป็นดาวมหา'ลัย” ฉห. ก็รู้ว่าพี่ปีใหม่สวยแต่ไม่คิดว่าจะเป็นถึงดาวมหา'ลัย แล้วแบบนี้ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องของเราจะไม่เป็นไรเหรอ คงไม่ได้โดนใครเหม็นขี้หน้าหรือทำอะไรแปลกๆ หรอกนะ
จากตอนแรกที่วางแผนว่าจะโดดฉันกลับต้องเปลี่ยนใจเมื่อเจอพี่ปีใหม่ ก็นะพี่ปีใหม่เพิ่งจะพูดไปหยกๆ ว่าฉันจะไม่หนีไปไหนด้วยน้ำเสียงแกมขู่ ขืนฉันยังโดดต่อก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไร ทางที่ดีฉันควรจะตามน้ำไปก่อน และตลอดเวลาที่อยู่ในช่วงการรับน้อง ฉันสัมผัสได้ถึงสายตาที่เอาแต่จดจ้องมาทางฉันและเมื่อหันไปดูถึงได้รู้ว่าเจ้าของสายตานั้นเป็นใคร ถ้าไม่ใช่ พี่ปีใหม่...
“เอาล่ะครับ ทุกเย็นน้องๆ จะต้องมาเจอพวกพี่ที่นี่เข้าใจมั้ยครับ” พี่ว๊ากตะโกนใส่พวกเราซึ่งเป็นเด็กปีหนึ่ง เริ่มแล้วสินะกิจกรรมที่เรียกกันว่าการรับน้อง
“ค่ะ/ครับ”
“ไม่ได้ยินครับ พูดดังๆ” ฉันคิดในใจว่าพี่คะพี่หูหนวกเหรอคะ ถ้าพี่ไม่ได้ยินจริงๆ พี่ควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษานะคะไม่ใช่ตะโกนใส่น้องๆ
“ค่ะ/ครับ”
“เอาล่ะแยกย้ายได้”
ฉันขอบอกว่าฉันเป็นมนุษย์ประเภทเกลียดกิจกรรมยิ่งกว่าอะไรดี ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสมัยมัธยมหรือกิจกรรมอะไรก็ตาม ถ้าเลี่ยงได้ฉันก็จะเลี่ยง แล้วไอ้กิจกรรมรับน้องแบบนี้บอกเลยว่าไม่มีทางที่คนอย่างฉันจะเข้าร่วม แต่ความคิดนั้นตรงหยุดลงเมื่อเจอน้ำเสียงอันคุ้นเคย
“น้องสงกรานต์คะพี่ขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” ฉันมองหน้าพี่ปีใหม่ด้วยถ้าใบหน้าไม่สบอารมณ์ ในเมื่อตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องมาที่ฉัน
“ตอนนี้เลยเหรอคะ”
“ค่ะ” รอยยิ้มเป็นมิตรเหมือนครั้งแรกที่เราเจอกัน แต่ในความรู้สึกของฉันรอยยิ้มครั้งนี้มันไม่ได้ดูเป็นมิตรเลยสักนิด ในเมื่อจู่ๆ ฉันที่เป็นเด็กปีหนึ่งกลับโดนรุ่นพี่ปีสองที่พวงด้วยตำแหน่งดาวมหา’ลัยเรียกขณะที่กำลังแยกย้าย ซึ่งมันก็เป็นจุดสนใจได้ดีที่เดียว
เราสองคนเดินแยกมาคุยในมุมอับ และทันทีที่เราอยู่เพียงลำพังใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับเรียบเฉย ซึ่งแน่นอนว่านั่นหมายความว่ายังไง
“ใจคอจะไม่ทักทายพี่หน่อยเหรอคะ”
“สวัสดีค่ะพี่ใหม่” ฉันรีบยกมือสวัสดีอย่างประชด
“กวนตีน แต่ช่างเถอะค่ะพี่ไม่ได้เรียกน้องสงกรานต์มาพูดเรื่องนี้ ที่พี่อยากจะพูดทำไมวันนั้นถึงกลับไปโดยไม่บอกคะ” ฉันเม้มปากแน่นและไม่กล้าสบตาเธอเหมือนคนมีชะงักติดหลัง
“ทำไมไม่ตอบคะ?”
“ไม่รู้จะตอบว่ายังไงค่ะ” ฉันพูดออกไปตรงๆ เพราะในหัวตอนนี้มันช่างว่างเปล่า
“ปกติทำแบบนี้บ่อยเหรอคะ” ฉันเงยหน้าขึ้นมองด้วยใบหน้าสงสัยก่อนจะถามออกไป
“หมายถึงที่ไม่ค่อยตอบเหรอคะ”
“หมายถึงที่น้องสงกรานต์ฟันแล้วทิ้งทำบ่อยเหรอคะ?” พี่ปีใหม่เน้นเสียงตรงคำว่าฟันแล้วทิ้งอย่างหนักแน่น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันเผลอสบตาถึงได้รู้ว่าในแววตาเธอมีความโกรธปนน้อยใจอยู่ในนั้น
“เปล่าค่ะ...พี่เป็นคนแรก” ฉันพูดเสียงเบาอย่างคนรู้สึกผิด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องมันเกินเลย
“พี่ควรทำยังไงกับน้องสงกรานต์ดีคะ” พี่ปีใหม่ถอนหายใจเบาๆ เหมือนกำลังเหนื่อยหน่าย
“ให้เราไม่สิ ให้น้องรับผิดชอบพี่มั้ยคะ” ฉันไม่รู้ว่าควรแทนตัวว่าอะไรดี ในเมื่อครั้งแรกฉันแทนตัวว่าเราเพราะตอนนั้นดันคิดไปเองว่าพี่ใหม่น่าจะอายุพอๆ กับฉัน
“รับผิดชอบ? ตอนนี้เหรอคะ” เธอหันมายิ้มพร้อมหัวเราะออกมาเหมือนว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องตลก
“แล้วจะให้น้องทำยังไง” ฉันไม่ได้ประชดแต่ถ้าเธอยากจะให้ฉันรับผิดชอบฉันก็ยินดี
“นั่นสิคะ พี่จะให้น้องสงกรานต์รับผิดชอบยังไงดี? ก่อนอื่นก็เริ่มจากการส่งโทรศัพท์มือถือมาค่ะ” ฉันรีบหยิบโทรศัพท์มือถือไปให้พี่ปีใหม่แต่โดยดี แล้วมองเจ้าตัวที่วุ่นวายกับโทรศัพท์มือถือฉันพักใหญ่
“ตอนนี้น้องสงกรานต์ยังไม่มีแฟนใช่มั้ยคะ”
“ยังค่ะ”
“แล้วน้องที่น่ารักๆ ที่อยู่กับน้องสงกรานต์คนนั้นใครคะ”
“เพื่อนค่ะ...แค่เพื่อน” ฉันรีบตอบออกไปเหมือนคนมีความผิดทั้งที่มันไม่มีอะไรเลย
“ดีค่ะ ต่อไปนี้ถ้าพี่เรียกน้องสงกรานต์ น้องสงกรานต์ต้องรีบมาหาพี่นะคะ”
“ค่ะ” ฉันเม้นปากแน่นและยอมรับแต่โดยดีและไม่ว่าเธอจะสั่งอะไรฉันยินดีที่จะทำตามทุกอย่างก็ในเมื่อเรื่องทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นเพราะฉัน
“และถ้าพี่โทรหา น้องสงกรานต์จะต้องรับสายพี่ทุกครั้ง”
“ค่ะ”
“ข้อสุดท้าย...ระหว่างนี้น้องสงกรานต์ห้ามมีใครนอกจากพี่”
“คะ? พี่ปีใหม่หมายความว่ายังไงคะ” ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัยคิดว่าเธอจะให้ฉันรับผิดชอบด้วยการเป็นเบ๊หรืออะไรทำนองนั้น
“ก็บอกจะรับผิดชอบพี่ไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็...ค่ะ”
“การรับผิดชอบเรื่องนั้นมันหมายความว่ายังไง น้องสงกรานต์ไม่ทราบเหรอคะ” แววตาของพี่ใหม่เต็มไปด้วยการหยอกล้อจนฉันไม่แน่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ และเมื่อคิดตามที่ปีใหม่พูดคงไม่ใช่ว่า...
“พี่คงไม่ได้หมายความว่าให้น้องแต่งงานกับพี่ใช่มั้ย?”
“แล้วคิดว่าไงคะ” หน้าฉันถึงกลับซีดเผือดเมื่อมองดูท่าทางของพี่ปีใหม่ที่ไม่ได้ดูล้อเล่นเหมือนทุกที
“พี่พูดจริงเหรอคะ” ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้มันก็ช่วยไม่ได้ ถ้าเธออยากให้รับผิดชอบเรื่องนี้ฉันก็ยินดี
“ทำหน้าเครียดเชียว พี่ล้อเล่นค่ะ” ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรู้ว่าที่พี่ปีใหม่พูดเป็นแค่เรื่องล้อเล่น ค่อยยังชั่ว
“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอคะที่ไม่ได้แต่งงานกับพี่”
“เปล่าค่ะ คือว่า...พวกเรายังไม่ได้รู้จักกันดีพอแล้วจู่ๆ จะให้แต่งงานมันออกจะ…” พูดไปเกาแก้มไปด้วยท่าทางประหม่า
“ไม่ใช่ว่าน้องสงกรานต์รู้จักพี่ทุกซอกทุกมุมแล้วเหรอคะ” ฉึก คำพูดพี่ปีใหม่ช่างเสียบแทงใจ
“เรื่องนั้นมันก็...”
“ทำไมคะ พูดไม่ออก?”
“ค่ะ เรื่องวันนั้นน้องต้องขอ...” ไม่ทันที่ฉันจะพูดคำว่าขอโทษพี่ปีใหม่กลับพูดขัดขึ้นมา
“ห้ามขอโทษออกมาค่ะ เรื่องวันนี้เราสองคนทำด้วยความเต็มใจค่ะอย่าพูดเหมือนมันเป็นเรื่องผิดพลาด” น้ำเสียงของพี่ปีใหม่ดูโกรธยิ่งกว่าเดิม
“แต่วันนั้นพี่ปีใหม่เมา...” พูดตอกย้ำว่าถึงยังไงเรื่องวันนั้นมันเกิดขึ้นเพราะฉันและวันนั้นพี่ปีใหม่กำลังเมา
“ค่ะพี่เมา แต่ก็ไม่ได้เมาถึงขนาดจำไม่ได้ว่ากำลังเอากับใคร” ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่ยิ่งรู้สึกผิดที่ทิ้งเธอไว้คนเดียว อย่างน้อยเราควรพูดคุยกันว่าจะทำยังไงไม่ใช่หนีออกมาดื้อๆ
“เข้าใจแล้วค่ะ ถ้าพี่ปีใหม่ต้องการอะไรก็บอกน้อง”
“ค่ะ ค่อยคุยกันง่ายหน่อย อย่างแรกวันนี้น้องสงกรานต์ช่วยไปกับพี่หน่อยค่ะ”
“ตอนนี้เหรอคะ”
“ค่ะ หรือว่าไม่ได้” พี่ปีใหม่เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ซึ่งจากสีหน้าที่แสดงออกมาบ่งบอกว่าฉันไม่ได้มีตัวเลือกอื่นนอกจากตอบตกลง
“ได้ค่ะ แต่ก่อนอื่นขอไปบอกเพื่อนก่อนได้มั้ยคะ”
“ค่ะ พี่ให้เวลาสิบนาทีแล้วเราไปเจอกันที่ลาดจอดรถ” ฉันพยักหน้ารับแล้วรีบเดินไปหาอีฟ ซึ่งอีฟก็นั่งรอฉันอยู่ที่เดิม
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะสงกรานต์”
“คือว่า...” ฉันหันไปมองรอบๆ พลางคิดว่าจะบอกอีฟยังไง ในเมื่อเราตกลงกันว่าจะไปหาอะไรกินหลังจากนี้ แต่เพราะพี่ปีใหม่เรียก(บังคับ)ให้ฉันไปหาฉันถึงได้ไม่มีทางเลือกนอกจากปฏิเสธอีฟทั้งที่ไม่อยากปฏิเสธ
“สงกรานต์ไม่สบายรึเปล่าคะสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ” ฉันรีบปิดตาแล้วยกมือขอโทษ ยิ่งเห็นท่าทางที่อีฟดูเป็นห่วงฉันยิ่งพูดไม่ออก
“ขอโทษนะอีฟคือว่าเรา...”
“ใจเย็นๆ ค่ะสงกรานต์ ไม่ต้องเครียดค่ะมีอะไรก็พูดกับเราได้นะ” อีฟหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนจนฉันใจอ่อนยวบหรือฉันควรปฏิเสธพี่ปีใหม่ดีเพราะยังไงฉันก็นัดอีฟไว้ก่อน ไม่สิขืนปฏิเสธก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรยิ่งคิดถึงใบหน้าของพี่ใหม่...
“เราขอโทษจริงๆ นะอีฟ พอดีว่าเรามีธุระวันนี้เลยไปกินข้าวกับอีฟไม่ได้” สีหน้าของฉันตอนนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียดายอย่างมากที่ไม่ได้ไปกับอีฟ แต่อีฟกลับหัวเราะออกมาเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่
“เรื่องแค่นี้เอง เราคิดว่าสงกรานต์จะเป็นอะไรไปซะอีก” อีฟยังคงหัวเราะออกมาอย่างน่ารัก ต่างกับอีกคนที่เอาแต่พูดจาข่มขู่
“ก็เรากลัวอีฟโกรธที่ผิดสัญญา...”
“เราไม่ใช่เด็กนะคะเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เราโกรธค่ะ แต่ครั้งหน้าสงกรานต์ต้องเลี้ยงเราเป็นการไถ่โทษนะ”
“อื้ม ได้สิ” ฉันรีบพยักหน้ารัวๆ จะเท่าไรฉันก็พร้อมเปย์ เมื่อคุยกับอีฟเป็นที่เรียบร้อยฉันก็รีบตรงดิ่งไปที่ลาดจอดรถ
“มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอคะถึงได้ยิ้มตลอดทาง” ฉันรีบหุบยิ้มทันทีเมื่อคนข้างๆ ทัก บรรยากาศระหว่างอีฟกับพี่ปีใหม่ช่างต่างราวฟ้ากับเหว นี่ถ้าฉันไม่บังเอิญชนกับพี่ปีใหม่ป่านนี้ฉันคงฉันกินข้าวแล้วคุยเรื่องเกม
“เปล่าค่ะ ว่าแต่เรากำลังจะไปไหนกันคะ” ฉันตอบเสียงเรียบเพราะทันทีที่เจอหน้าก็โดนสั่งให้ขึ้นรถโดยที่เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
“ไปกินข้าวค่ะ แล้วก็ช่วยเลิกเรียกพี่จะดีมากค่ะ”
“ก็พี่ปีใหม่เป็นรุ่นพี่ไม่ใช่เหรอคะ” ฉันเอียงคอถาม ใช่ว่าฉันอยากเรียกเธอว่าพี่แต่เพราะเธอเป็นรุ่นพี่แถมวันนี้เพิ่งโดนพี่ว้ากสั่งว่าต้องสุภาพและเครพรุ่นพี่ทุกคนโดยเฉพาะเวลาที่เจอรุ่นพี่ที่ไหนต้องยกมือไหว้ ฉันถึงไม่กล้าพูดห้วนๆ หรือทำอะไรเสียมารยาทกับเธอ
“ครั้งแรกที่เราเจอกันพี่ไม่เห็นว่าน้องสงกรานต์จะเรียกพี่ว่าพี่นะคะ”
“ก็ตอนนั้นยังไม่รู้นี่คะว่าพี่ปีใหม่แก่กว่า” ฉันยิ้มเจื่อนเมื่อเจอสายตาพิฆาต
“แค่พี่ปีเดียวค่ะ”
“จะปีเดียวหรือสองปีก็แก่กว่าอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ” อดไม่ได้ที่พูดจากวนตีน และน่าแปลกแทนที่พี่ปีใหม่จะโกรธกลับยิ้มออกมา
“ที่นี่มัน...” ฉันอ้าปากเหวอเมื่อถึงที่หมาย ก็นี่มันคือโรงแรมที่เราเจอกันครั้งแรก
“ยังจำได้อยู่สินะคะ” สีหน้าที่เธอมองเหมือนกำลังล้อเลียนฉันอยู่กลายๆ
“ใครมันจะไปลืมได้ลง” ฉันบ่นเสียงเบา ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางลืม
“ดีค่ะ เพราะวันนี้เราจะมา...รําลึกความหลังกันค่ะ” เป็นอีกครั้งที่ฉันกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อมองท่าทางของเธอ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหมือนงูที่กำลังจ้องมองเหยื่อแล้วเหยื่อที่ว่าคงเป็นฉัน
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ค่ะ” จะไม่ให้เกร็งได้ยังไงในเมื่อเธอกำลังพาฉันขึ้นลิฟต์ตัวเดิมเหมือนวันนั้น แถมยังบอกว่าจะรําลึกความหลัง? แล้วไอ้ความหลังที่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่อง...
“กลัวเหรอคะ?”
“ใครกลัว ก็แค่หนาวค่ะ...ลิฟต์โรงแรมจะเย็นไปไหน” รีบยกมือขึ้นมาถูตัวเพื่อแสดงให้เธอเห็นว่าไม่ได้กลัว คนมันแค่หนาว...
“แล้วพี่ปีใหม่จะขยับเข้ามาใกล้ทำไมคะ” บ่นออกไปเมื่อเธอขยับเข้ามาใกล้จนไหล่เราชนกัน
“หนาวไม่ใช่เหรอคะ ถ้าพี่อยู่ใกล้ๆ น้องสงกรานต์จะได้อุ่นไงคะ” ฉันรีบเอามือดันเธอออกไป ยิ่งอยู่ใกล้กันยิ่งทำให้คิดถึงเรื่องในคืนนั้นเข้าไปทุกทีโดยเฉพาะในสถานที่เดิม
“ไม่หนาวแล้วค่ะ ถอยออกไปเลยค่ะ”
“หายหนาวไวจัง” เธอยิ้มเหมือนรู้ทุกอย่างฉันล่ะเกลียดรอยยิ้มของเธอในตอนนี้จริงๆ
ตึ่ง
เสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมประตูลิฟต์ที่กำลังจะเปิดออกฉันมองตัวเลขหน้าลิฟต์...นี่มันชั้นเดียวกับวันนั้น หรือที่เธอพูดออกไปว่าระลึกความหลังจะหมายถึงแบบคืนนั้น?
“น้องสงกรานต์คะ ถึงแล้วค่ะ”
“ค่ะ” ฉันตัวแข็งทื่อเอาแต่กังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ฉันเลือกที่จะเดินตามหลังเธออย่างเงียบๆ ภาวนาให้ไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด แต่ไม่ว่าจะเงยหน้าขึ้นมองกี่ครั้ง นี่มัน...ห้องเดิม
“ไม่เข้ามาเหรอคะหรือว่า...น้องสงกรานต์จะกลัว?” เธอยกยิ้มที่มุมปากเหมือนกำลังท้าทาย บอกตามตรงว่าฉันเริ่มจะเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของเธอขึ้นมาแล้วสิ