ตอนที่ 4 อดีตของสก็อต

อบิเกลรีบหนีขึ้นมายังชั้นสองเพื่อปล่อยให้คู่ใหม่ปลามันที่กำลังจะแต่งงานคุยกันสองต่อสอง เธอรู้สึกมีความสุขที่อาของเธอกำลังจะได้มีความสุขกับเขามั้ง ไม่ใช่ยึดติดอยู่กับเธอไปตลอด ส่วนเธอกำลังจะได้เป็นเด็กนักเรียนฮอกวอตส์ในไม่ช้า พอนึกแบบนั้นอบิเกลก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขจนมาถึงประตูบานหนึ่งที่มีลวดลายเป็นภาพทะเลที่มีท้องฟ้าสีฟ้าอันสดใส อบิเกลจ้องมองภาพทะเลบนประตูกี่ครั้งก็ทำให้เธออยากไปทะเลแล้วสัมผัสมัน แต่ว่าเธอก็เคยเกิดเรื่องแปลกๆ กับเธอ เช่น ไปทะเลครั้งแรกจู่ๆ ทะเลจะดึงตัวอบิเกลลงทะเล ทำเอาอาสก็อตตกใจสุดๆ ต้องรีบพาฉันอยู่ห่างจากทะเล หรือว่าช่วงไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พวกสัตว์น้ำก็มองมาที่เธอแถมตามเธออีก ทำเอางุนงงว่าพวกปลาจะตามเธอทำไม ทำเอาอาสก็อตไม่อยากให้ฉันไปอยู่ใกล้ทะเลหรืออะไรที่เกี่ยวกับน้ำอีก ตลอดมาอบิเกลเลยมีความสงสัยในตัวเองตลอด แต่ก็มีความหวังบางอย่างในชีวิตอยู่ตลอด

 

“สักวันฉันต้องไปทะเลให้ได้!!”

อบิเกลตั้งความหวังไว้อย่างตั้งใจ ก่อนจะเลื่อนมือไปจับลูกบิดประตู แล้วเปิดประตูเข้าไปด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มเพื่อเข้าสู่อาณาจักรเล็กๆ ของเธอ

“กลับมาแล้ว! ทุกคน”

 

ภาพตรงหน้าของอบิเกลเป็นโซนครึ่งหนึ่งคือห้องนอนของเธอ ส่วนอีกครึ่งคือแนวป่าที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ที่พื้นก็มีแม่น้ำเล็กๆ ให้ไหลไปอย่างไรจุดปลาย แต่พอสิ้นเสียงของเธอนั้น บนต้นไม้ก็มีการขยับของใบหน้าขึ้น ก่อนจะมีสิ่งบางกระโจนลงมาจากต้นไม้มาหาเธอ

 

“จิ๊บ!/ก๊าก!/โฮก!/ฮูก!”

“ทุก-” อบิเกลมองอย่างหน้าซีดก่อนที่ทุกตัวจะพุ่งเข้ามาหาเธอในทันที พอกระโจนเข้ามาสำเร็จสัตว์ทุกตัวก็ทำการคลอเคลียหรือไม่ก็เลียใบหน้าของเธอ “ฮ่าๆ ทุกคนพอได้แล้ว มันจั๊กจี้นะ!”

สายตาของอบิเกลจับจ้องมองเหล่าสัตว์เลี้ยงของเธอที่กำลังจ้องมองเธออย่างคิดถึง เธอลูบหัวพวกมันแต่ละตัวอย่างปลอบใจ

“ขอโทษที่หายเป็นอาทิตย์นะ ทุกคน แต่ว่า...ในอีกไม่ช้าฉันก็ต้องไปเรียนหนังสือ คงไม่ได้กลับมาเป็นอาทิตย์เลยล่ะนะ”

พวกสัตว์ได้ยินคำพูดของเจ้านายก็ต่างมองหน้ากัน แล้วเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของเจ้านาย ทุกตัวต่างคลอเคลียเจ้านายในทันที อบิเกลก็หอบทุกตัวอย่างรักใคร่ ก่อนจะพาเดมัวส์ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอออกมา

“ฟี้!” เดมัวส์ออกมาก็เข้ามามองทุกตัวที่มาซุกกับเจ้านาย มันก็รีบเข้ามาซุกเช่นกัน

“คิกๆ พวกนายเป็นสิ่งที่ฉันรักที่สุดนะ ไม่ต้องห่วงนะ เดียววันคริสต์มาสฉันก็กลับมาเยี่ยมนะ”

เธอลุกขึ้นแล้วมองเจ้าเหล่าสัตว์ของเธอมากมาย ก่อนจะเดินไปเตรียมอาหารให้ทุกตัวทาน

“เอาล่ะ เตรียมตัวทานอาหารกัน!!”

“จิ๊บๆ ก๊ากๆ โฮกๆ ฮูกๆ ฟี้ๆ” เสียงสัตว์มากมายต่างร้องกันอย่างดีใจ ก่อนที่พวกมันจะเดินทางไปยังจุดที่เป็นบ้านของตนเอง

อบิเกลเห็นแบบนั้นก็ยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะเดินไปในโซนของป่าไม้ ข้างในนั้นมีบ้านไม้สไตล์ยุโรปที่อบิเกลจะมีอาหารและของมากมายอยู่ในนั้น ระหว่างที่เธอกำลังเตรียมอาหารเจ้านกฮูกสีขาวกำลังจ้องมองเธออยู่ทางหน้าต่าง พออบิเกลเห็นก็ยื่นมือเข้าไปลูบหัวมัน

“ไง เฮ็ดวิก ไม่ไปที่รังแกเหรอ?

“ฮูก!”

“คิกๆ ยังไม่อยากทานข้าวหรือไง”

“ฮูกๆๆ” เฮ็ดวิกกระโดดสองสามครั้งอย่างกังวลว่าจะทานด้วย

“ฮ่าๆ ล้อเล่นๆ นี่ๆ ตอนฉันไปโรงเรียน แกต้องไปกับฉันนะ”

“ฮูกๆ” เฮ็ดวิกได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมากๆ ที่จะได้ไปกับเจ้านาย

 

ทุกตัวได้ยินเสียงของเจ้านกฮูกร้องออกมาเสียงดังกัน พวกมันได้ยินเสียงนกฮูกเข้าใจว่ามันกำลังดีใจกับบางอย่าง ทำให้พวกมันแต่ละตัวรีบวิ่งหรือบินกันมาหาเจ้านกฮูกเพื่อส่งเสียงความไม่พอใจต่อเฮ็ดวิก อบิเกลใช้ที่อุดหูมาอุดหูของตนเองทันใด พวกสัตว์ต่างพากันส่งเสียงเว้ยกันอย่างน่ารำคาญใจ แต่อบิเกลก็มีวิธีรับมือกับสัตว์ที่เธอดูแลเสมอ ระหว่างที่เตรียมอาหารนั้น ภายในกระท่อมก็มีแสงสว่างขึ้นจากโคมไฟติดกำแพงไม้ของเธอ เพื่อบ่งบอกว่ามีคนกำลังเจ้ามาข้างในห้องของเธอ อบิเกลเปิดหน้าต่างมองดูก็ทำให้เห็นอาสก็อตกำลังเปิดประตูเข้ามาอย่างช้าๆ พอเห็นแบบนั้นเธอก็เตรียมอาหารให้สัตว์เลี้ยงจนเสร็จ แล้วก็หยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาร่ายคาถาให้ถังต่างๆ ลอยขึ้นแล้วส่งออกไปข้างนอกเพื่อให้อาหารพวกสัตว์

 

“ทุกคนทานอาหารได้แล้ว!”

พวกสัตว์ต่างได้ยินเจ้าของของตนเองก็รีบกลับไปยังที่พักของตนเอง อบิเกลมองอาสก็อตที่กำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ดูเศร้าสร้อย

“อาสก็อต...”

“แอ็บบี้...”

อบิเกลหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ เดินออกมาจากโซนที่พักอาศัยของพวกสัตว์ในทันที

“ไม่ไปอยู่กับพี่เดลล่าล่ะคะ?อบิเกลพูดพร้อมถอดถุงมือของเธอลงบนโต๊ะ

“อ๊ะ...ก็เดียวไปอยู่นะ...แต่ว่า...” สก็อตพูดพร้อมกับทำสีหน้าที่ดูลำบากใจอยู่เล็กน้อย

อบิเกลเห็นสีหน้าของอาสก็อตก็เข้าใจว่าอานั้นมีสิ่งบางอย่างอยากจะพูดกับเธอแน่ๆ แต่เธอก็ไม่ชอบพูดอะไรซับซ้อนเท่าไรจนกระทั่งเธอนั่งลงกับเตียงในทันที

“ถ้าคุณอาอยากจะคุยกับหนู...เรื่องที่ร้านไม้กายสิทธิ์นั้นใช่ไหมคะ?

“แอ็บบี้...อา...” สก็อตค่อยๆ เดินมาอยู่ใกล้ๆ หลานสาวมากขึ้น “คือว่า...อา...”

“ถ้าลำบากหรือต้องรอระยะเวลาให้การพูดหนูรอวันอื่นได้นะคะ”

“ไม่ๆ แอ็บบี้ อาอยากจะพูดเรื่องพวกนี้ให้หลายฟัง...แต่ว่า...มัน...”

“มันยาก...ที่จะพูดสินะคะ...”

“ใช่...เพราะมันเกี่ยวพันกับชายคนหนึ่งที่ตายจากไหนนานแสนนาน...”

“แฮร์รี่...พอตเตอร์...” อบิเกลจ้องมองหน้าของอาของเธอ “หนังสือพิมพ์เคยเขียนเรื่องเขานี่ค่ะ...ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ตายพร้อมครอบครัวของเขาเมื่อ 7 ปีก่อน…”

“ใช่...”

“เขาเกี่ยวอะไรกับอากัน?

“คือว่า...” สก็อตจ้องมองหลานสาวอย่างเศร้าๆ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ หลานสาว “แฮร์รี่...แฮร์รี่เขา...เป็นพี่ชายอานะ...”

“เอ๊ะ!!” อบิเกลหันหน้าขวับไปหาอาด้วยสายตาประหลาดใจกับคำพูดของอา “อาค่ะ...อา...นามสกุล...”

“เมอร์รัล...เป็นนามสกุลเก่าก่อนที่อาจะเปลี่ยน...หลังจาก...แฮร์รี่รับเลี้ยงอา...”

“แปลว่าอากับคุณพอตเตอร์...”

“ไม่ใช่พี่น้องตามสายเลือด...แต่เป็นพี่น้องโดยชอบทำ...ที่แฮร์รี่รับเลี้ยงอา อาจะเล่าให้ฟัง...”

 

สก็อตได้เล่าเรื่องสมัยเด็กของเขาให้แก่หลานสาวฟัง ว่าตัวเขานั้นเคยเป็นนักเรียนปีที่สี่ของฮอกวอตส์ที่อยู่บ้านฮัฟเฟิลพัฟ ช่วงเวลาของเขามันก็สนุกตลอดเวลา แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ชอบใจเท่าไรอย่างเช่นการถูกเรียกว่าแฮร์รี่แห่งฮัฟเฟิลพัฟ เนื่องจากใบหน้าของเขานั้นช่างคล้ายคลึงกับแฮร์รี่มาก ๆ ทำให้บางทีก็โดนแกล้งจากบ้านสลิธีรินพอควร ฉายานั้นของเขาทำให้เขาเกลียดเป็นอย่างมาก แต่แล้ววันหนึ่งฉายานั้นก็ทำให้เขาภูมิใจเมื่อวันหนึ่งที่มีเรียนวิชาป้องกันตัวจากศาสตรามืด เขาก็ได้เจอกับชายที่เป็นต้นตอของฉายาของเขา แฮร์รี่ พอตเตอร์ เขามาสอนพวกนักเรียนให้แทนจนกว่าจะหาอาจารย์ แต่ว่าสก็อตไม่ชอบวิชานี้ เพราะเขาไม่เก่งการใช้คาถาจนคนล้อ จนแฮร์รี่เข้ามาพูดล้อเลียนกลับแทนสก็อต นั้นเป็นครั้งแรกที่เขาพอใจกับฉายาของตนเองและชอบวิชาที่แฮร์รี่สอน เวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงวันจบการศึกษาของปีเจ็ดมีงานสังสรรค์กัน ปีสี่อย่างสก็อตก็ได้แต่อวยพรรุ่นพี่ที่รู้จัก แล้วเขาก็ออกมาจากงานก่อนเพื่อนมาเดินเล่นยามเย็นที่อากาศแสนสบาย ก็มีเสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง

 

“ไง สก็อต”

“!!” สก็อตได้ยินเสียงนั้นก็หันไปมองต้นเสียงก็พบกับแฮร์รี่ที่กำลังเดินมาทางเขา “คุณ...คุณพอตเตอร์!”

“ยังไม่กลับเข้าบ้านพักหรือ?แฮร์รี่เดินจนเข้ามาใกล้เด็กชาย

“ผมอยากมาสูดอากาศก่อนไปทำธุระนะครับ”

“งั้นเหรอ...”

“เอ่อ...คุณพอตเตอร์ยังไม่กลับบ้านเหรอครับ? เป็นแค่ตัวแทนอาจารย์ก็น่าจะกลับบ้านนี้ครับ?

“ฮ่า ๆ มาร่วมงานจบของรุ่นน้องนะ” แฮร์รี่ยิ้มแย้มอย่างพึงพอใจ

“อ๋อ...แบบนี้เอง...” สก็อตเกือบลืมไปว่าอีกฝ่ายเป็นรุ่นพี่เขาแถมเป็นอาจารย์ก็ต้องมาแสดงความยินดีกับนักเรียนมั้งล่ะนะ

แฮร์รี่จ้องมองอีกฝ่ายอยู่สักระยะ สายตาค่อย ๆ หันตามใบหน้าที่หันไปทางทะเลสาบที่ตอนนี้ดำมืดจนมองไม่เห็นนอกจาก แสงจันทร์ที่สะท้อนกับผิวน้ำ แฮร์รี่มองก่อนจะเอ่ยถามอะไรเรื่อยเปื่อย

“นายเจอเหตุการณ์ผู้เสกความตายบุกฮอกวอตส์ตอนไหนนะ?

“เอ่อ...ตอนนั้นผมอยู่ปี2ครับ”

“อืม...ลำบากแย่เลยสิ”

“นิดหน่อยครับ...”

“ทำไมคนอื่น ๆ ถึงชอบล้อเลียนเธอหรือหยอกล้อเธอ...”

“คงเพราะ...ผมอยู่ฮัฟเฟิลพัฟ...ห้องของเด็กที่อ่อนแอที่สุดในสี่บ้าน...แล้วก็...ผมหน้าตาคล้ายคุณ...”

แฮร์รี่ได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองเด็กชายที่แตกต่างจากเขาแค่เด็กชายไม่ได้สวมแว่นตา

“ก็จริงนะ...พ่อแม่นายคงลำบากแย่เลยสินะ”

“พวกท่าน...เสียไปตั้งแต่ผมเกิดแล้วครับ...”

“อ๊ะ...!” แฮร์รี่ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ “ฉันเสียใจด้วย”

“ไม่หรอกครับ ผมต้องขอบคุณ คุณพอตเตอร์...”

“ฉัน?

“พ่อแม่ผมเสียช่วงที่ออกตามล่าพวกผู้เสกความตาย...พวกท่านโดนสังหารระหว่างออกปฏิบัติหน้าที่...”

“แล้ว...เกี่ยวอะไรกับฉัน?

“ก็คุณช่วยกำราบพวกผู้เสกความตายไปหมดแล้วไงครับ ก็ถือว่าทำให้ความมืดนั้นหายไป ถึงตอนนี้ผมจะอยู่บ้านเด็กกำพร้า...จนใกล้จะต้องออกจากที่นั่นเพื่อหาเลี้ยงตัวเองต่อนั้นล่ะครับ...”

“บ้านเด็กกำพร้าเหรอ?แฮร์รี่ยกมือเท้าสะเอวอย่างครุ่นคิด ก่อนที่มุมปากของเขาจะยิ้มออกมา “ฉันว่าฉันมีเรื่องต้องทำ ไว้เจอกันอีกนะ สก็อต”

แฮร์รี่พูดจบก็เดินออกจากตรงนั้นปล่อยให้สก็อตอยู่ตรงนั้นอย่างอึ้ง ๆ

“อ๊ะ...ครับ ขอให้โชคดีครับ…”

 

ตอนนั้นสก็อตไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายนั้นมีธุระเร่งด่วนหรือเปล่าถึงได้รีบออกไปจากตรงนั้น แต่เขาไม่ใส่ใจอะไรแล้วเดินกลับบ้านพักเพื่อไปนอน เพราะพรุ่งนี้กำลังจะกลับบ้านแล้วกลับไปยังบ้านเด็กกำพร้าที่เขาอยู่ ตอนเช้าเป็นเรื่องปกติที่จะบอกลาเพื่อน ๆ หลังจากลงจากรถไฟ บางคนเอาแต่พูดอย่างร้องไห้ว่าจะไม่ได้เจอเป็นเดือน สก็อตถึงกับส่ายหน้าว่ายังไงก็ต้องเจอในไม่กี่เดือนข้างหน้าอยู่ดี พอบอกลาจบสก็อตก็เดินทางไปที่จุดนัดหมายที่คนจากบ้านเด็กกำพร้าจะมารับเขา แต่พอมาถึงเขาก็พบเจ้าหน้าที่ของบ้านเด็กกำพร้ากับคนข้าง ๆ ที่เขารู้จัก

 

“คุณพอตเตอร์?

“มาถึงแล้วสินะ สก็อต” แฮร์รี่ยิ้มแย้มอย่างดีใจที่ได้เจออีกฝ่ายอีกครั้ง

“คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ? แล้วมากับ...” สก็อตหันไปมองเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้าง ๆ อีกฝ่าย

“เมอร์รัล ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปชายคนนี้จะเป็นผู้ปกครองของเธอ”

“ผู้...ผู้ปกครอง!!”

 

สก็อตเบิกตากว้างอย่างตกใจ เขาหันไปมองชายที่จะรับเลี้ยงเขาทำเอางุนงงเลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไรถึงมารับเลี้ยงเขา หลังจากวันนั้นเขาก็กลายเป็นสมาชิกของครอบครัวพอตเตอร์และได้ตำแหน่งน้องชายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้มีครอบครัว แฮร์รี่ส่งเสียเขาทุกอย่างจนจบการศึกษาแล้วเขาก็ได้พบเจอหลาน ๆ ที่เป็นลูกของแฮร์รี่ตอนนั้นเขาตกหลุมรักหลานแต่ละคนมาก ๆ ช่วงเวลาหลายปีมันช่างมีความสุขจนกระทั่งคืนหนึ่งผู้เสกความตายก็โผล่มาที่บ้านแฮร์รี่ แล้วได้พรากครอบครัวที่เขารักไป อบิเกลที่ฟังรู้สึกอ้ำอึ้งเลยที่อาของเธอต้องเสียครอบครัวที่รักไป

 

“แล้วตอนนั้นอาไปอยู่ไหนนะคะ?อบิเกลเอ่ยถามอย่างสงสัย

“อาไปทำธุระต่างประเทศนะ...จนเจอหลานนะ...”

 

สก็อตได้เล่าต่อว่าหลังจากที่เขาได้เจออบิเกลเขาก็ดูแลเธอจนกลับมาที่อังกฤษหลังจากนั้นสองปี แต่แล้วเขาก็โดนเจ้าหน้าที่สอบสวนของกระทรวงจับตัวมาสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวพอตเตอร์ สก็อตได้ยินตอนนั้นก็อึ้งไปเลยแล้วเขาโดนสอบสวน เพราะคำร้องของบ้านวิสลีย์ที่ไม่ไว้ใจเขาที่หายไปเกือบสองปี เขาโดนสอบสวนไปเยอะพอตัวแต่ก็หลุดพ้นจากทุกข้อกล่าวหน้าที่บ้านวิสลีย์คิดว่าเขาก่อขึ้นเองหรือเปล่า เพราะมรดกของแฮร์รี่ถูกส่งต่อให้เขาหมด หลังจากตอนนั้นเขาก็โดนพ่อมดแม่มดหลายคนไม่ชอบขี้หน้าอีกเลย ถึงเขาจะได้ทำงานในกระทรวงต่อไป เพราะท่านรัฐมนตรีต้องการจับตาดูเขา อบิเกลฟังทุกอย่างก็เคืองใจเป็นอย่างมาก

 

“นี่มันแย่ที่สุด...อาแค่หายตัวไปแค่สองปี พวกเขาก็ไม่ไว้ใจอาแล้วเนี่ยนะ?

“ทำไงได้...อาไม่พูดอะไรออกไปเอง...เพราะแฮร์รี่ขอไว้...”

“ไม่ให้พูดอะไรกันค่ะ?

“ว่าเขาไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตัวเองต้องตายที่นั่น”

อบิเกลได้ยินถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัย “เขารู้ว่าตัวเองกับครอบครัวจะตาย...ทำไมเขาไม่ทำอะไร?

“ทำไม่ได้ต่างหาก แอ็บบี้...ทำไม่ได้…”

อบิเกลขมวดคิ้วอย่างสงสัย เธออยากจะเอ่ยปากถามอาสก็อตอีกครั้ง แต่แล้วเปิดก็เปิดออกก็เผยให้เห็นเดลล่าให้ชุดผ้ากันเปื้อนตัวโปรดของเธอ

“อยู่นี่กันเอง ฉันพึ่งไปยกข้าวของของตัวเองมาไว้นะ แล้วพอดีเห็นว่าเย็นแล้วพวกเธอยังไม่ได้ทานอาหาร ก็เลยทำอาหารให้ทาน แล้วตอนนี้อาหารก็เสร็จแล้ว!!”

“ดีเลย หิวจนไส้กริ้วแล้ว” สก็อตเปลี่ยนสีหน้าของตนเองเป็นยิ้มแย้มทันที

อบิเกลรู้สึกเคารพอาของเธอที่เปลี่ยนสีหน้าได้ไว้แบบนั้น แต่เธอก็มีความคิดที่สับสนอยู่

“การที่เขาไม่สามารถช่วยครอบครัวได้...แล้วเขาทำยังไงคะ?

สก็อตหยุดนิ่งไปชั่วขณะ สายตาของเดลล่าจ้องมองสองอาหลานอย่างสงสัยว่าพูดเรื่องอะไรกัน

“ยอมรับชะตากรรมนั้น...โดยไม่หวังให้ใครมาช่วย...” สก็อตเอ่ยพูดขึ้นพร้อมกับเดินออกจากห้องอบิเกลไป

“คุณบอกเธอเหรอ?เดลล่าถามอย่างสงสัย

“แค่...พูดเรื่องของฉัน...แล้วก็...ไม่พูดถึงเรื่องที่เด็กคนนั้น...ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เช่นกัน...”

 

อบิเกลรู้สึกสั่นไปหมด การตายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ การตายมันพรากทุกอย่างไปได้เช่นกันก็เหมือนกับครอบครัวของเธอที่อาบอกว่าตายไปแล้ว อบิเกลสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนั้นแล้วเพื่อลงไปทานอาหารกับพวกอาสก็อตอย่างปกติ โดยไม่สนใจว่าเรื่องที่อาสก็อตเล่าให้ฟัง แต่เธออยากสืบค้นหาบางอย่างว่าทำไมแฮร์รี่ พอตเตอร์คนนี้ถึงไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากใครเลย

 

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งถึงเดือนกันยายนวันที่หนึ่งของเดือน ภายในสถานีอันลึกลับที่อยู่ภายในสถานีรถไฟคิงครอส เหล่าเด็ก ๆ ที่มากับครอบครัวกำลังพูดคุยกันอย่างดีใจที่กำลังจะได้ไปยังโรงเรียนเวทมนตร์ แต่มีก็มีเด็กหญิงที่กำลังตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกที่ตนเองกำลังจะได้ไปยังสถานที่ที่ทุกคนเคยบอกว่าเป็นสถานที่ดีมาก ๆ ระหว่างที่อบิเกลกำลังประหม่าอยู่นั้น เดลล่าก็เอ่ยเรียกเด็กน้อย

 

“แอ็บบี้! แอ็บบี้!”

“คะ...ค่ะ!” อบิเกลตวัดหน้าหันไปหาผู้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ “มีอะไรเหรอคะ...เดล- อ๊ะ...คุณแม่”

เดลล่ายิ้มอย่างพอใจที่เด็กน้อยที่แสนน่ารักเรียกเธอว่าแม่ ก่อนที่เธอจะลูบหัวของเด็กน้อย

“หนูประหม่าเหรอจ๊ะ?

“ทำไงได้ล่ะค่ะ...เป็นครั้งแรกที่หนูจะต้องไปเรียนในที่ที่ห่างไกลจากบ้าน และไม่ได้ทำงานกับคุณแม่และก็อา- อ๊ะ...คุณพ่อ...”

“คิก ๆ ไม่ต้องฝืนเรียกก็ได้นะ แอ็บบี้ หนูยังมีเวลาอยู่กับพวกเราอีกนาน ๆ เลยนะ” เดลล่าย่อตัวลงนั่งอยู่ตรงหน้าของเด็กน้อย

“ค่ะ...” อบิเกลอายหน่อย ๆ ที่ตนเองนั้นยังไม่ชินที่ต้องเรียกอีกฝ่ายว่าแม่

ทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ว่าพวกเขาขาดใครบางคนไปน ก่อนที่เดลล่าจะหันไปมองซ้ายมองขวาหาใครบางคน

“แล้วพ่อลูกไปไหนกัน?

“ไม่รู้สิคะ...”

 

อบิเกลคิดอย่างเดียวว่าอาสก็อตขอตัวแยกห่างก่อนจะตามมา แต่ตอนนี้คนเป็นสามีของเดลล่ากับหายไปไหนก็ไม่รู้ ระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังบ่นถึงชายคนคนดังกล่าวที่กำลังก้าวฝีเท้ามาอย่างรวดเร็ว ผ่านผู้คนมากมายที่เดินผ่านเข้าไป ไม่นานสก็อตก็เดินจนมาอยู่ด้านหลังของทั้งสองคน

“แฮ่ก แฮ่ก ขอโทษที่มาช้า”

“มาช้าจังเลยนะ! สก็อต/อาสก็อต” ทั้งสองคนหันไปพูดกับอีกฝ่ายที่มาช้ามาก ๆ

“ขอโทษที ๆ ใช้เวลาทำเอกสารนานไปนิดนะ” สก็อตกล่าวขอโทษอย่างรวดเร็ว

“ไหนบอกว่าจะรีบกลับมาไง?เดลล่าเดินเข้าไปหาคนเป็นสามีของเธอ

“ก็มาเร็วแล้วไง เดลล่า ขอโทษทีนะ” สก็อตเข้าหาภรรยาของเขาแล้วหอมแก้มเล็กน้อย

อบิเกลเงยหน้าจ้องมองคนเป็นอาทั้งสองคนกำลังจู๋จี๋ในที่สาธารณะ ทำเอาเธอเขินเล็กน้อยก่อนจะแซวออกมา

“จะจู๋จี๋กัน...ช่วยกลับไปทำที่บ้านนะคะ”

“!!”

ทั้งสองต่างสะดุ้งกับคำพูดของเด็กน้อย ทำเอาคนเป็นอาหันไปมองหลานสาวด้วยสายตาจิกกัด

“แอ็บบี้!!”

“ก็มันจริงนี่นา” อบิเกลยิ้มเยาะอย่างขบขัน ก่อนที่เธอจะมีคำถามกับคนเป็นอา “แล้วคุณพ่อไปไหนมาเหรอคะ?

“อ๋อ ไปเอาของสำคัญมานะ” สก็อตหยิบถุงกระดาษที่ใส่บางอย่างอยู่

“ของสำคัญ?อบิเกลจ้องมองถุงกระดาษที่อากำลังถืออยู่ ทำให้เธอสงสัยว่ามันคืออะไร

“ใช่ มันเป็นของสำคัญที่พ่อของหลานจะได้รับรุ่นสู่รุ่น แล้วตอนนี้อาว่าหลานควรจะได้เป็นเจ้าของคนต่อไป” สก็อตยืนถุงให้หลานสาวในทันที

“หนูเหรอ...?อบิเกลมองถุงที่อายื่นให้ ก่อนจะรับถุงนั้นมา “ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”

“อืม...” สก็อตได้ยินหลานสาวเรียกพ่อแล้วรู้สึกจั๊กจี้ยังไงชอบกล ”ยังไม่ชินนะที่หลานเรียกอาว่าพ่อนะ”

“น่า ๆ ทั้งอาทั้งหลาน สักวันเดียวก็ชินนะคะ” เดลล่าเข้ามาแตะไหล่ทั้งสองคน

ไม่นานนักเสียงรถไฟก็ดังขึ้นมา ทุกคนได้ยินต่างรีบกันเพื่อจะขึ้นไปข้างในรถไฟ อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองคนเป็นพ่อแม่คนใหม่ของเธอ

“ถึงเวลาหนูต้องไปแล้วสิ...”

“ใช่แล้วล่ะ เอาล่ะ แอ็บบี้ฟังอานะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วต้องการความช่วยเหลือ ไปขอความช่วยเหลือจากแฮกริด”

“แฮกริด...ใครคะ?อบิเกลถามอย่างสงสัย

“เขาเป็นผู้รักษากุญแจและแผ่นดินฮอกวอตส์จ้ะ อบิเกล เขาเป็นเพื่อนของพวกเราเหล่านักเรียนฮอกวอตส์” เดลล่าเอ่ยพูดขึ้น ”แต่ถ้ามีเรื่องเลวร้ายกว่านั้น แม่ว่าขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ใหญ่ดีที่สุดนะ”

“อาจารย์ใหญ่?

“ใช่ เธอน่าจะช่วยหลานได้นะ เอาล่ะ ถึงเวลาขึ้นรถไฟแล้ว”

“ค่ะ!”

 

อบิเกลกอดลาทั้งสองคนก่อนจะเตรียมตัวขึ้นรถไฟ พอยืนอยู่ตรงประตูรถไฟ เธอก็ยกมือขึ้นมาโบกมือลาทั้งสองคนก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน รถไฟส่งเสียงอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ก็พากันที่จะปิดประตูเพื่อทำการออกรถ เมื่อทุกอย่างพร้อมรถไฟกำลังจะออกตัวในไม่ช้า สก็อตจ้องมองรถไฟที่กำลังออกไป เขานึกถึงหลานสาวของเขาพร้อมกับคิดบางอย่าง

 

‘ขออย่าให้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับอบิเกล ตอนอยู่ในฮอกวอตส์เลยนะ...’ สก็อตคิด

 

จบตอนที่ 4 โปรดติดตามตอนที่ 5 ต่อไป