1 ตอน ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 1 ความผิดพลาดที่เกือบตาย
ณ เทือกเขาอันหนาวเหน็บในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เหล่าผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมตัวสำหรับการจับกุมสัตว์วิเศษตัวหนึ่งที่มาอยู่ผิดที่ผิดทางในเทือกเขาอันหนาวเหน็บแบบนี้ พวกเขาแบ่งกลุ่มออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกรอไล่ต้อนสัตว์วิเศษให้ไปอีกทาง ที่กลุ่มสองกำลังเตรียมตัวรอจัดการจับกุมสัตว์วิเศษนั้นไปยังที่ที่มันควรอยู่ ภายในกลุ่มไล่ต้อนนั้น มีเด็กหญิงกำลังสนใจในตัวสัตว์วิเศษที่อยู่ห่างไปไม่ไกล
“อีรัมเพนท์ เป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่มากๆ น่าเกรงขาม แต่มันมีนิสัยที่ขี้เล่นและเป็นมิตร หนังของมันเหมือนหุ้มไปด้วยเกราะจึงเหมาะกับการอยู่ในทุกสภาพอากาศ แต่มันอาศัยอยู่ในทวีปแอฟริกาจริงไหมคะ? อาสก็อต” เด็กหญิงหันไปมองชายหนุ่มที่เดินมาอยู่ข้างๆ เธอ
เขาเป็นชายที่มีใบหน้าอันหล่อเหลา เขามีผมดำอันหยิกหน่อยๆ ดวงตาสีดำ และเคราสั้นๆ บนคางของเขา
“จริงของหลาน” ชายหนุ่มย่อตัวลงข้างๆ เด็กหญิง "เราถึงต้องจับมันกลับไปยังบ้านเกิดของมันยังไงล่ะ แอบบี้"
“ดีเลย หนูจะลองใช้คาถาใหม่ของหนูดู!” เด็กหญิงเอ่ยขึ้น เธอทำท่าจะลุก
ชายหนุ่มรีบจับตัวเด็กให้นั่งลงในทันที “แอบบี้...อาว่าหลานควรอย่าใช้คาถาที่หลานสร้างเองจะดีกว่านะ!”
“ทำไมล่ะคะ?” เด็กหญิงขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เพราะหลานยังไม่โต พอที่จะทำแบบนั้นไงล่ะ! เคยบอกแล้วใช่ไหมว่า...”
“ต้องเป็นพ่อมดแม่มดที่แข็งแกร่งถึงจะสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการ”
สองอาหลานพูดพร้อมกัน เด็กสาวไม่ชอบใจที่คนเป็นอาขัดขวางเธอตลอด
“ทำไมกัน! อาต้องขัดขวางหนูตลอด!! ได้! หนูจะทำให้อาเห็น!!” เด็กหญิงรีบลุกขึ้นเพื่อไปหาเจ้าอีรัมเพนท์ทันที
สก็อตเห็นหลานสาววิ่งตรงออกไปจากที่ซ่อนทำให้เขาตกใจทันที “แอบบี้!!”
เสียงตะโกนของสก็อตดังจน ทำให้คนรอบข้างถึงกับตกใจ หญิงสาวคนหนึ่งที่อยู่ในฝั่งรอจัดการสัตว์วิเศษก็เห็นเด็กหญิงวิ่งตรงไปหาอีรัมเพนท์
“แอบบี้!! อย่าทำแบบนั้น!!”
หญิงสาวตะโกนเรียกเด็กหญิง แต่เด็กหญิงไม่สนใจอะไร เธอมาอยู่ตรงด้านล่างของอีรัมเพนท์ ก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ของตนเองขึ้นมา มันที่มีขนาดพอดีต่อการถือ ลักษณะของไม้มีทรงยาวมีด้านจับมีการแกะสลักอย่างสวยงาม
“เอาล่ะ!” เด็กหญิงกำลังจะร่ายเวทมนตร์ “อิปเทโรนัท!”
***อิปเทโรนัท เป็นคาถาที่อบิเกลคิดขึ้น
มันเป็นคาถาควบคุมผสมกับทำให้ตัวเล็ก
เมื่อเด็กหญิงร่ายคาถาใส่อีรัมเพนท์ แต่กับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีรัมเพนท์ใช้จมูกดมกลิ่นมันได้กลิ่นบางอย่างเลยหันไปด้านหลังช้าๆ มันก็เจอกับเด็กหญิง พวกผู้ใหญ่ต่างมองกันอย่างกลัวๆ ว่าเด็กสาวจะเป็นอะไรไหม เด็กสาวจ้องมองสิ่งมีชีวิตตรงหน้า แต่มือของเธอแหว่งไปมาเหมือนกำลังร่ายคาถาบางอย่างอยู่ เธอยืนอย่างไม่กลัวอะไร เพราะเธอรู้ว่าอีรัมเพนท์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นมิตร แต่ก็มีบางอย่างทำให้มันเปลี่ยนไป เด็กสาวเห็นควันสีดำบางอย่างกำลังลอยตามตัวของอีรัมเพนท์ แล้วผ่านจมูกของมันอยู่ๆ ดวงตาของมันก็เปลี่ยนไปจากสีเดิมกลายเป็นสีแดง อีรัมเพนท์ส่ายหัวไปมาอย่างไม่ชอบใจ ก่อนที่มันจะยกตัวขึ้นสูง
“แย่แล้ว! แอบบี้!!”
เด็กหญิงเห็นท่าไม่ดี ก็มีบางอย่างกำลังตรงมาหาเธอ ในไม่ช้าเธอจับสิ่งนั้นทันที มันคือไม้กวาดของเธอที่บินมาได้จังหวะพอดี เธอบินขึ้นที่สูงจนเจ้าอีรัมเพนท์จะขึ้นมาทำร้ายเธอไม่ได้ แต่มันก็เหมือนมองหาเธอด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
สก็อตรีบวิ่งออกมาจากที่ซ่อน “เตรียมพร้อม! นี่ไม่ใช่การซ้อม! จัดการจับกุมทำให้อีรัมเพนท์สงบซะ!!”
สก็อตสั่งลูกน้องของตนให้ทำตามที่ตนสั่ง ทุกคนต่างพากันเขาไปจัดการด้วยเวทมนตร์ต่างๆ ตอนแรกอีรัมเพนท์ไม่มีท่าจะสงบลงเลย พวกเขาเลยต้องใช้วิธีอื่นกันจนทำให้มันสงบลงไป พอจบงานแล้วสก็อตเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กหญิงที่ยังลอยอยู่บนไม้กวาด เด็กสาวเห็นคนเป็นอาจ้องมองมาที่เธอด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เธอก่อเรื่องขึ้น เธอก้มตัวหลบหลังไม้กวาด แต่การทำแบบนั้นมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยสักนิด
เรื่องจบลงทุกอย่าง อีรัมเพนท์ตัวนั้นก็สงบลงหลังจากโดนคาถาทำให้หลับไปหลายครั้งจนมันสงบลงแล้วหลับไป แต่เด็กหญิงตัวน้อยกำลังนั่งสำนึกผิดอยู่ในเต็นท์หลักของพวกเขา ผู้เป็นอาจ้องมองเด็กหญิงอย่างไม่พอใจ แต่เขาส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายเหมือนเขาก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้หลายครั้งแล้ว ก่อนจะใช้สายตาจ้องหลานสาว
“แอบบี้ แอบบี้ แอบบี้!” ผู้เป็นอาลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าหลานสาวทันที “หลานทำเรื่องอีกแล้ว!”
“หนูขอโทษค่ะ...”
“ขอโทษ...หลานก็พูดแบบนี้ทุกครั้ง หลานไม่เคยฟังอาเลย! อบิเกล เมอร์รัล!!”
ดวงตาสีเขียวจับจ้องคนเป็นอาที่กำลังโกรธเธออย่างมาก เพราะสิ่งที่เธอทำนั้นมันช่างบ่อยมากๆ
“หนูขอโทษที่ไม่เคยฟังอา แต่หนูก็อยากทดสอบเวทมนตร์ที่หนูคิดค้นขึ้นนะคะ แล้วก็...หนูอยากเป็นแม่มดที่มีชื่อเสียง จะได้มีหน้าที่ตำแหน่งที่ดีตอบแทนอาที่ดูแลหนูตั้งแต่ยังเล็กนี่ค่ะ...”
พอได้ยินคำพูดของหลานตัวน้อยเขาก็ตื้นตันใจที่หลายคิดแบบนั้น แต่มันก็ทำให้เขาเหนื่อยใจจริงๆ
“แอบบี้ ฟังอานะ หลานยังเด็กเกินไปที่จะทำอะไรที่อันตราย ดูสิครั้งนี้หลานยังร่ายคาถาไม่สำเร็จ ถ้าตอนนั้นหลานพลาดไม่ได้เรียกไม้กวาดมาล่ะ!”
“หนูก็ต้องบาดเจ็บ...หนูขอโทษค่ะ...ที่ทำอะไรไม่รอบคอบ...”
“ขอเป็นครั้งสุดท้ายที่หลานจะทำตามที่อาบอกนะ!” สก็อตลุกขึ้นออกจากเต็นท์ พร้อมกับตะโกนให้ลูกน้องทุกคนได้ยิน “เตรียมตัว เราจะกลับอังกฤษกัน!!”
อบิเกลนั่งสำนึกผิดอยู่ภายในเต็นท์อย่างเหงาหงอย เธอรู้สึกผิดที่ตัวเองสร้างเรื่องให้อาตลอด จนกระทั่งหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินมาหาเธอพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ขนม แล้วก็ผ้าที่ชุบไปด้วยน้ำหมาดๆ อบิเกลค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองหญิงสาวที่มีผมสีแดงมานั่งข้างๆ แล้วยกผ้ามาเช็ดหน้าเธออย่างอ่อนโยน อบิเกลไม่ขัดขืนต่อสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้
“อืมมม เดลล่า...ไม่ต้องเช็ดหน้าหนูก็ได้ค่ะ...หนูไม่ได้มีเหงื่อนะ”
“จ้าๆ แค่เช็ดให้ตัวอุ่นเท่านั้นล่ะนะ แล้วก็…” เดลล่าหยิบขนมออกมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่ภายในปากของอบิเกล
“อุ้ย! งื้มมมม!!” พอได้ขนมเอาปากทำให้อบิเกลนั้นกลายเป็นหนูแฮมสเตอร์ไปทันที
เดลล่าเห็นก็ชอบใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กน้อยอย่างมีความสุข
“อร่อยสินะ”
อบิเกลพยักหน้าทันที เดลล่าก็หยิบขนมป้อนเพิ่ม อบิเกลก็อ้าปากรับทันที
“น่ารักจริงๆ เด็กน้อยของฉัน แต่ครั้งหน้าอย่าทำเรื่องอันตรายอีกนะจ๊ะ ตอนฉันเห็นเมื่อกี้ ทำเอาฉันตกใจเลยล่ะนะ”
“หนูขอโทษนะคะ...เดลล่า...”
"ดีที่ขอโทษนะ แต่อย่าทำอีกนะ"
“ค่ะ…”
"งั้นเดียวเตรียมตัวกันนะ เราต้องเดินทางนำสัตว์วิเศษส่งต่อให้ทางกระทรวงส่งอีรัมเพนท์คืนทางกระทรวงทางญี่ปุ่น พวกเขาจะดูแลมันต่อจากเรานะ"
“โอเคค่ะ...” อบิเกลขานตอบอีกฝ่าย ก่อนจะคิดบางอย่าง "เดลล่าค่ะ...น่าว่าคุณอาจจะโกรธหนูมากไหมคะ?"
“ไม่หรอกจ้ะ เดียวสก็อตเขาก็หายโกรธหนูนะคะ”
“งั้นเหรอคะ...”
“จ้ะ แต่ก็คงคิดว่าหลานนั้น ทำตัวบ้าบิ่นกว่าพ่อของหนูล่ะนะ คงทำให้เขาเหนื่อยสักเล็กน้อยล่ะนะ”
“พ่อ...ของหนู...”
อบิเกลก้มหน้ามองมือของตนเองพลางคิดถึงบุคคลเป็นพ่อ โดยเธอจำหน้าคนเป็นพ่อไม่ได้เลยสักนิด นั้นทำให้เธอสงสัยมาตลอดว่าเขาเป็นใครกัน มีหน้าตาอย่างไง นอกจากพ่อ เธอก็จำครอบครัวไม่ได้สักคน คงเพราะตอนนั้นเธอเด็กมากๆ และเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่ง แต่เธอรู้แค่ว่าครอบครัวเธอนั้นเกิดอุบัติเหตุบางอย่างทำให้พวกเขาเสียชีวิต เหลือแค่เธอคนเดียวที่รอดชีวิต ทุกอย่างที่บ่งบอกถึงครอบครัวเธอนั้นหายไปหมด จนอาสก็อตบอกได้แค่ว่าพวกเขาเป็นครอบครัวที่รักเธอมากๆ
“เดลล่า...”
“จ๊ะ?”
“หนูอยาก...จำครอบครัวได้จัง...”
“...” เดลล่าถึงกับหน้าชาที่เด็กน้อยพูดแบบนั้นออกมา เธอเศร้าใจกับสิ่งที่เด็กคิด ก่อนจะลูบหัวอบิเกลทันที “สักวันหนูต้องจำพวกเขาได้แน่ๆ จ้ะ”
“...”
อบิเกลสงสัยว่าเธอจะจำครอบครัวได้ตอนไหน เพราะว่าเธอนั้นอยากคิดถึงครอบครัวโดยไม่รู้สึกเศร้าอีก ถึงเธอจะอยู่กับอาสก็อตแล้วไม่เหงา แต่ในใจกับรู้สึกเหงาตลอดเวลา
เวลาผ่านไปเหล่าหน่วยสัตว์วิเศษได้เตรียมตัวกันเสร็จเรียบร้อย ทุกคนมายืนรอบๆ กัน ก่อนจะเคลื่อนย้ายหายตัวไปจากตรงนั้นในทันใด อบิเกลหลับตาทุกครั้งเมื่อเคลื่อนย้ายไปที่อื่น เพราะเธอกลัวจะอ้วกเมื่อครั้งแรกที่ได้เคลื่อนย้าย แต่พอลืมตาขึ้นมาเธอก็อยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง พวกเขาเดินออกมาจากเตาผิงใหญ่ที่ตั้งอยู่หลายอัน เมื่อออกมาตรงทางเดินผู้คนเดินกันเต็มไปหมด พอหน่วยสัตว์วิเศษรวมตัวกัน ผู้คนมากมายก็มองมาที่พวกเขาจนอบิเกลไม่ชอบสายตาที่พวกเขามองมาที่พวกเธอเลย
“ไปกันเถอะพวกเรา!!”
สก็อตพูดขึ้น เขาก็เดินนำไปโดยไม่สนใจสายตาของพวกพ่อมดแม่มดคนอื่นๆ ที่จับจ้องมาที่เขาไม่ใช่พรรคพวกของเขา พวกเขาเดินกันเข้าไปภายใน ผู้คนต่างหลีกทางให้พวกเขาเดินผ่านอย่างไม่อยากข้องเกี่ยวกับชายที่พวกเขาไม่ชอบกัน อบิเกลมองที่นี่กี่ครั้งก็ยังตะลึงกับสถานที่ที่ดูคลาสสิกมากๆ และทันสมัยกว่าข้างนอก ที่นี่คือ กระทรวงเวทมนตร์ที่อยู่ใต้ดิน ณ กรุงลอนดอน อบิเกลชอบที่นี่ แต่ไม่ชอบผู้คนมากมายที่ชอบจ้องอาของเธอแปลกและชอบอะไรที่เธอไม่เข้าใจ แต่หูเธอก็ได้ยินเสียงที่พวกเขาซุบซิบถึงอาของเธอทุกครั้ง
“หมอนั้นยังกล้าอยู่ที่นี้อีกเหรอ?”
“ไม่รู้สิ กล้าทำแบบนั้นกับชายคนนั้นยังกล้าอยู่ถึงทุกวันนี้ได้อีก ช่างหน้าไม่อายสุดๆ”
“เบาๆ หน่อยสิ เรื่องพวกนั้นยังไม่ได้พิสูจน์เลยนะ”
“ถึงไม่พิสูจน์มันก็น่าสงสัย ไม่ใช่ญาติๆ แต่คนคนนั้นกับยอมเอามรดกของตนเองให้หมอนั้นได้นะ!!”
เสียงซุบซิบของพวกเขาเหล่านั้น ทำให้เธอสงสัยเรื่องเกี่ยวกับคนคนหนึ่งที่พวกเขาพูดถึงนั้น เพราะหลายอย่างที่เธอนั้นไม่รู้เกี่ยวกับอาของเธอ แต่เสียงซุบซิบพูดถึงมรดก เธอสงสัยเลยว่าอามีด้วยเหรอ คนขี้เหนียวแม้แต่พิซซ่ายังนั่งคิดแล้วคิดอีกว่าจะสั่งดีไหม แบบคนคนนี้จะมีมรดกติดตัวด้วยงั้นเหรอ เธอคงต้องสืบเรื่องของคนที่พวกพ่อมดแม่มดตนอื่นๆ นินทากัน
หน่วยสัตว์วิเศษเดินกันจนมาถึงเคาน์เตอร์เพื่อทำเรื่องการส่งมอบคืนทางกระทรวงที่ญี่ปุ่นให้ทางกระทรวงรับผิดชอบส่งต่อให้ สก็อตต้องตรวจทานเองและให้ผู้ช่วยตรวจทานต่อด้วยและทำสำเนาทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยว่าพวกเขานั้นส่งมอบสัตว์วิเศษเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากเคยเกิดเรื่องแบบนี้กับพวกเขาจนตัเองระวังตัวกันมากขึ้น พอเสร็จอะไรแล้วเขาก็มาคุยกับพรรคพวกของเขา
“เอาล่ะ เสร็จกันแล้ว วันนี้คงจบแค่นี้ อีกอาทิตย์จะมีอีกงานที่เราต้องวิจัยอีก ถ้าไม่มีงานอื่นเข้ามานะ”
“รับทราบครับ/ค่ะ!”
“งั้นกลับบ้านกันอย่างปลอดภัยนะ!!”
“โอ๊ส!!”
ทุกคนต่างส่งเสียงอย่างดีใจแล้วแยกย้ายกันกลับบ้านของใครของมันกัน ส่วนอบิเกลนั้นเงยหน้ามองอาสก็อตอย่างสงสัยว่าวันนี้เราจะไปไหนกัน หลังจากนี้ในหัวของเธอตอนนี้มีหลายที่ที่เธออยากไปจนกระทั่งเดลล่าเดินกลับมาหาพวกเธอ จนอบิเกลมองอย่างสงสัยว่าอีกฝ่ายกลับมาทำไม
“แอบบี้จ้ะ”
“ค่ะ คุณเดลล่า?”
“พอดีฉันลืมของให้หนูเลยนะ ตอนไปตลาดเลยซื้อมาให้นะจ๊ะ” เดลล่าหยิบห่อขนมที่อบิเกลไม่เคยทานออกมาให้
“ว้าว ขนม!”
“เดลล่า...อย่าเอาขนมให้อบิเกลสิ!”
“อะไรกันล่ะ สก็อต แอบบี้กำลังโตนะ เธอจะ 11 ปีในอีกไม่นานนะ”
“11...” สก็อตนึกบางอย่างขึ้นมาได้ ทำเอาขมวดคิ้วขึ้นมา “อายุก็เท่านั้นล่ะ เดียวกินขนมบ่อยๆ จะอ้วนเอานะ!!”
เมื่อเขาพูดแบบนั้น ทำเอาสองสาวต่างมองกัน ทำให้สก็อตมองอย่างตกใจที่หลานสาวและเพื่อนทำงานของเขาจ้องมองด้วยสายตาไม่พอใจกับคำพูดอีกฝ่าย
“อาใช้ตาไหนมองกันค่ะนั้น?” อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายพร้อมกับมองรูปร่างตัวเองที่ผอมมากๆ
“จริงด้วยนะ แย่มากเลย สก็อต”
“ฉันแค่ห่วงนะ!!”
“ห่วงก็ไม่ควรพูดกับหลานว่าอ้วนนะ!!”
“ก็...ก็ได้ๆ ไม่พูดแล้ว...” สก็อตถึงกับต้องยอมแพ้กับสาวๆ
“คิกๆ” สองสาวต่างยิ้มให้กันและกัน
พวกเขากำลังคุยกันอย่างมีความสุขกันจนกระทั่งมีคนคนหนึ่งเดินมาหาพวกเขาด้วยใบหน้าคล้ายๆ จิ้งจอกที่จะจ้องกัดพวกเขาตลอดจนอบิเกลไม่ชอบมากๆ ที่จะเจอกับคนคนนี้
“ดูๆ ครอบครัวเมอร์รัล เอาแต่คุยกันอย่างสนุกโดยไม่สนใจสายตาของพวกที่มองตัวเองซะด้วย หน้าไม่อายและหน้าด้านอีกนะ”
สองสาวได้ยินถึงกับขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ จนหันไปมองต้นเสียงที่พูดขึ้น สก็อตได้ยินก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไร ก่อนจะพูดบางอย่างขึ้น
"งั้นกลับกันเถอะ อย่าไปสนใจพวกเสียงนกเสียงกาแถวนี่ดีกว่านะ"
“เฮ้ย!! กล้าเมินฉันเหรอ!! เมอร์รัล!!”
สก็อตพาสองสาวออกจากตรงนั้น ก่อนที่ชายคนนั้นจะไม่ชอบใจที่อีกฝ่ายนั้นเมินเขา
“กล้ามาเมินฉันงั้นเหรอ!!” เขาหยิบไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาทันที
อบิเกลเห็นแบบนั้นก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาพร้อมกับร่ายคาถาทันที
“ทารันทัลเลกร้า!!”
พออบิเกลร่ายคาถาชายคนนั้นเกิดเปลี่ยนท่าทางโดยไม่ได้คาดคิดก่อนที่ขาของเขาจะเต้นของมันเองโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!!”
สก็อตเห็นแบบนั้นก็มองเด็กน้อยอย่างยิ้มๆ “หลานทำสินะ?”
“แหะๆ กลับบ้านกันเถอะค่ะ!!” อบิเกลจับมือทั้งสองพร้อมกับลากตัวออกจากตรงนั้นโดยไม่สนใจชายคนดังกล่าวที่กำลังเต้นอยู่นั้น
พวกเขาเดินกันเข้าไปเตาผิงแล้วเคลื่อนย้ายออกไปจากตรงนั้น แล้วไปโผล่ข้างนอกสถานที่ที่ พวกเขาย้ายกันมายังสถานที่ที่พวกเขาอยากกลับกัน พวกเขามาโผล่บริเวณหลังบ้านของบ้านหลังหนึ่ง อบิเกลยิ้มอย่างดีใจปนกับเสียใจที่ไม่ได้ไปที่ไหน แต่ก็ดีใจที่ได้กลับมา
“บ้านแสนรัก!!” อบิเกลรีบวิ่งเข้าไปข้างในบ้านที่เธออยู่กับอาของเธอมานาน
ผู้ใหญ่ทั้งสองคนมองเด็กน้อยที่รีบวิ่งเข้าไปข้างในบ้านอย่างมีความสุข พวกเขายังยืนอยู่ข้างนอกกันอย่างทำตัวไม่ถูก สก็อตกำลังคิดว่าจะพูดอะไรกับอีกฝ่ายดีก่อนที่เขาจะชวนอีกฝ่ายคุย
“เอ่อ...เข้าไปพักก่อน แล้วค่อยกลับบ้านไหม? เดลล่า”
“คือฉัน...ไม่อยากรบกวนนายนะ”
“ไม่เลย...ฉัน...”
ทั้งสองเอาแต่อ้ำอึ้งกันอยู่อย่างงั้น อบิเกลเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับตรวจสอบหลายๆ อย่างภายในว่ามีอะไรเสียหายจนเธอต้องให้อาซ่อมไหม จนเธอเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นจดหมายหลายฉบับที่ถูกส่งมาหลังจากที่พวกเธอไม่ได้กลับมาที่บ้านตั้ง 8 เดือน เธอตรวจสอบว่ามีจดหมายอะไรมั้ง แต่ยังไงในความคิดของเธอก็มีแต่จดหมายของอาแน่ๆ แต่แล้วเธอเจอกับจดหมายที่มีชื่อเธอ ก่อนจะมองอย่างสงสัยว่าใครส่งมาหาเธอกัน จนเธอพลิกจดหมายไปด้านหลังจนเห็นตราสัญลักษณ์บางอย่าง จนเธอรีบวิ่งไปหาอาสก็อตทันที
“อาสก็อต!! เดลล่า!!”
ทั้งสองได้ยินเสียงหลานเสียงดังจนต้องสะดุ้งขึ้นมา สก็อตสงสัยว่าหลานเป็นอะไรก่อนจะเห็นอบิเกลเดินออกมาหาพวกเขา
“เกิดอะไรขึ้น!? แอบบี้!!”
เดลล่ามองเด็กน้อยก่อนจะเห็นบางอย่างในมือเด็กน้อย ทำเอาเธอตกใจจนดึงชายเสื้อชายหนุ่ม “สก็อต...”
“หือ?” สก็อตหันไปมองหญิงสาวอย่างสงสัย “อะไรเหรอ?”
“ในมือของแอบบี้...?”
“เอ๋?” เขาได้ยินแบบนั้นจากอีกฝ่ายก็รีบหันไปมองสิ่งในมือของอบิเกลจนเห็นสิ่งที่เขาไม่อยากเจอเลยจริงๆ
“หนูได้จดหมายจากฮอกวอตส์แล้วล่ะ!!”
อบิเกลพูดพร้อมกับโชว์จดหมายอย่างดีใจจนเนื้อเต้น เมื่อเธอคิดมาเสมอว่าตัวเองจะต้องได้เข้าเรียนที่ที่เธออยากจะเรียนมาตลอดแน่ๆ แล้วตอนนี้ความฝันของเธอก็เป็นจริงแล้ว
จบตอนที่ 1 โปรดติดตามตอนที่ 2 ต่อไป
Comments (0)