9 ตอน ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก
โดย YukiCoCo
ประกาศมีปกจริงแล้วนะคะ
ตอนที่ 9 ก่อเรื่องวันแรก
เช้าวันต่อมาหลังจากจบพิธีคัดสรรบ้านต่าง ๆ สำหรับปีหนึ่งวันแรกก็คงไม่พ้นช่วงเช้า ช่วงแห่งการเชยชมโรงเรียนที่พวกเขาจะเรียนไปอีกยาว ๆ อีกเจ็ดปีข้างหน้า แล้วคนที่พาเราชมโรงเรียนก็คืออาจารย์แฮกริดที่เจอกันตั้งแต่ลงจากรถไฟ เขาดูเป็นอาจารย์ที่มีอารมณ์ขันมาก ๆ จนเหล่านักเรียนยิ้มกันอย่างสนุก พวกเขาได้เยี่ยมตั้งแต่ห้องเรียนจนไปถึงสนามควิดดิช เด็กหลายคนต่างสนใจสนามควิดดิชสุด ๆ แต่สำหรับอบิเกลไม่ได้สนใจสิ่งนี้เลยจริง ๆ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นกีฬาที่ไม่ได้เหมาะกับเธอที่ชอบอยู่กับสัตว์เลยจริง ๆ
“นี่ อบิเกลพอโตขึ้นสนใจเป็นนักเล่นควิดดิชไหม?” เอวาเอ่ยแล้วโอบไหล่ของอบิเกล
“ไม่สนใจนะ” อบิเกลเอ่ยตอบทันที
“โอ้~”
เพื่อนหญิงทั้งหลายต่างส่งเสียงออกมาเบา ๆ เพราะถ้าเสียงดังคนโดนบ่นระหว่างที่พวกเขากำลังเดินไปที่อื่นกันต่อ
“ทำไมตอบแบบไม่คิดเลยนะ”
“ก็ฉันมีความฝันอยู่แล้วนี่น่า ใครอยากจะเป็นนักเล่นควิดดิชล่ะ?”
“เอ๋? หรือว่าเธออยากเป็นเหมือนอาของเธอเหรอ? เจ้าหน้าที่ดูแลสัตว์วิเศษนะ”
“ฮิฮิ ใช่ เพราะอา...อ๊ะ...เอ่อ...พ่อฉัน ทำให้ฉันชอบพวกสัตว์ต่าง ๆ รวมไปถึงพวกสัตว์วิเศษด้วยล่ะนะ”
ใบหน้าของอบิเกลดูมีความสุขที่ได้พูดถึงอาของเธอ ทำเอาทุกคนต่างชอบความฝันของอีกฝ่ายจริง ๆ แต่แล้วก็มีบางคนสอดรู้สอดเห็นเอ่ยพูดออก
“โธ่ ๆ คนบ้านฆาตกรรักสัตว์เป็นด้วยเหรอเนี่ย? หวังว่าพวกสัตว์คงไม่โดนเอาไปทดลองซะก่อนนะ”
เสียงฮิวโก้ดังขึ้นพร้อมท่าทางยิ่งยโสอย่างไม่ชอบใจเด็กหญิงที่เขาไม่ชอบ อบิเกลนั้นได้ยินคำพูดอีกฝ่ายก็ได้แต่ก็ได้แต่กำหมัดแน่นอย่างไม่ชอบใจ แต่เพราะคำพูดอีกฝ่ายทำให้เด็กหญิงทั้งห้าที่อยู่ข้าง ๆ อบิเกลต่างหันไปมองอีกฝ่ายที่พูดแบบนั้นใส่เพื่อนสาว แต่สายตาของพวกเธอนั้นต่างมองฮิวโก้ด้วยสายตาอาฆาตและไม่พอใจ ฮิวโก้ถึงกับทำหน้าเหวอที่ทุกคนนั้นจ้องมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ยิ่งทำเอาเขางงว่าพวกสาว ๆ ต่างโกรธเขาเรื่องอะไร โดยที่พวกเขานั้นเคยรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก
“พวกเธอ…ทำไมมองฉันแบบนั้นนะ” ฮิวโก้เอ่ยถามอย่างไม่ทุกข์ร้อนแต่อย่างใด
“ยังจะมาถามอีกนะ!! วีสลีย์” ลูน่าขึ้นเสียงใส่อีกฝ่าย
“ใช่! ปากนายสร้างมาจากโถ่ส้วมหรือไง! ถึงพ่นคำสกปรกออกได้นะ!!” ฟาร่าเข้ามาเท้าเอวใส่ด้วยท่าทางไม่พอใจ
“โถ่ส้วม!! เธอกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ?”
ฮิวโก้ตกใจกับคำพูดอีกฝ่ายที่เปรียบเทียบเขาเป็นสิ่งสกปรกในห้องน้ำได้ ฟาร่าไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธเธอแค่ไหนก็ตามที
“ใช่ แล้วทำไม!?” ฟาร่าชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายอย่างไม่พึ่งประสงค์ จนอบิเกลต้องเข้ามาขัดขวาง
“พวกเราพอเถอะ เดียวอาจารย์แฮกริดเขาจะมาดุเรานะ”
“อย่ามาห้ามฉันอบิเกล ฉันทนกับคนแบบนี้ไม่ไหวล่ะ!!”
“จริงของฟาร่านะ เจ้านั้นคิดว่าตัวเองเป็นลูกท่านรัฐมนตรีแล้วจะทำอะไรก็ได้นะ งั้นเหรอ?”
“ทำไม!? ฉันเป็นลูกท่านรัฐมนตรีแล้วผิดตรงไหน!?” ฮิวโก้ได้ยินคำพูดอีกฝ่ายที่พูดถึงตำแหน่งของแม่เขาก็ทำให้สงสัยว่าพวกอีกฝ่ายมีอะไรกับเขากัน
“ผิด! ผิดตรงที่นายนั้นเอาอำนาจของแม่มาใช้ในทางที่ผิดนะสิ!!” แพนซี่ชี้หน้าใส่ทันที “นายคิดว่าเราเป็นเพื่อนนายแล้วจะยอมฟังคำพูดนายที่ดูถูกเพื่อนเรา? นายก็ถือว่าเป็นศัตรูกับพวกเรา วีสลีย์!!”
“อึ้ก!!!”
ร่างกายถึงกับสะดุ้งกับคำพูดของเด็กหญิงตรงหน้าที่หมายจะเป็นศัตรูกับฮิวโก้ พอกับเด็กหญิงที่เขาจ้องเป็นศัตรูเหมือนกัน สายตาของเขาหันไปมองเด็กหญิงผมดำด้วยสายตาโกรธเคือง ภายในหัวของเขานั้นครุ่นคิดเลยว่าอีกฝ่ายนั้นคงเป่าหูอะไรเพื่อนของเขาแน่ ๆ จนเขายกนิ้วขึ้นไปชี้หน้าใส่ศัตรู
“แก! ใช้เวทมนตร์ควบคุมเพื่อนฉันใช่ไหม! ยัยสายเลือดฆาตกร!!”
อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเบื่อหน่ายกับคำพูดอีกฝ่ายสุด ๆ ถึงมันจะเจ็บจี๊ดที่โดนว่าแบบนั้น แต่เธอไม่อยากไปต่อล้อต่อเถียงอีกฝ่าย
“เพื่ออะไรไม่ทราบ? ฉันไม่ใช่พวกฝ่ายมืดที่จะคิดวิธีชั่ว ๆ แบบนั้นนะ!”
“แต่แกก็เป็นครอบครัวของฆาตกรไม่ใช่หรือไง? ไม่แน่พ่อแกก็คงเป็นคนของพวกศาสตรามืดก็ได้ไม่ใช่หรือไง!?”
คำพูดอีกฝ่ายทำให้สีหน้าของอบิเกลเปลี่ยนที่อีกฝ่ายพูดนั้นไม่รู้ว่าพ่อคนไหนของเธอ แต่ถึงเป็นคนไหนมันก็ทำให้เธอไม่พอใจที่อีกฝ่ายพูดว่าร้ายคนในครอบครัวเธอ
“ถอดคำพูดของแกเดียวนี้!! นายวีสลีย์!!”
“ทำไม! แทงใจดำเรื่องครอบครัวหรือไง? ไม่ยอมรับสิ่งที่ฉันพูดสินะ แปลว่าปิดบังเรื่องครอบครัวล่ะสิ!”
“ฉันฟังมาเกินพอแล้ว!!”
เสียงสกอร์เปียสดังมาก่อนตัวที่พุ่งตัวมาโจมตีใส่อีกฝ่ายด้วยความโกรธเคืองอย่างรุนแรงกับคำพูดอันดูถูกและหมิ่นประมาทครอบครัวอบิเกลแค่ไหน สกอร์เปียสที่ฟังอยู่ในกลุ่มคนในบ้านสลิธีรินถึงได้ยินก็ออกมาโจมตีใส่วีสลีย์ทันที เสียงผู้คนต่างพากันส่งเสียงเชียร์ที่ทั้งสองกำลังชกต่อยกัน พวกผู้หญิงเห็นไม่รู้ว่าจะควรทำยังไง จนอบิเกลจะเข้าไปหาให้ทั้งสองเลิกทะเลาะกัน
“สกอร์เปียส! พอได้แล้ว!!”
“ไม่มีทางจนกว่าหมอนี้จะขอโทษเธอ!!” สกอร์เปียสตะโกนใส่อบิเกลโดยไม่ได้มองคนที่เขาทับอยู่
“อย่าหวังให้ยากเลย!!” ฮิวโก้พูดแล้วถีบอีกฝ่าย
“อ๊ะ!!”
สกอร์เปียสกระเด็นไปข้างหลังจนก้นจ้ำเบ้า อบิเกลเดินเข้าไปดูอีกฝ่ายว่าบาดเจ็บตรงไหนอีกไหม โดยไม่ได้มองเลยว่าเด็กชายอีกคนกำลังลุกขึ้นมาจะโจมตีพวกเขา อบิเกลเห็นก็รีบเอาตัวเองเข้ามาบังด้วยการกอดอีกฝ่ายไว้ จนสกอร์เปียสตกใจก็เห็นว่าอีกคนกำลังจะพุ่งเข้ามาโจมตี เขาพยายามจะดันตัวเพื่อนสาวแต่เธอไม่ยอมปล่อยมือจากตัวเขา
“อบิเกล!!” สกอร์เปียสตาโตทันทีที่เห็นอีกคนปกป้องเขา
“หยุดเดียวนี่!!”
ทุกคนหยุดชะงักกับเสียงดังของอาจารย์แฮกริด ทุกคนต่างมองไปที่อาจารย์ก่อนจะหลบทางให้เขาที่กำลังเดินตรง อบิเกลลืมตาขึ้นมามองก็เห็นมือฮิวโก้เกือบจะใกล้เข้ามาใบหน้าของเธอ สกอร์เปียสเห็นแบบนั้นก็ดันตัวอบิเกลออกแล้วหันไปผลักอีกคนออกห่างจากพวกเขาทันที
“นายกล้าดียังไงจะทำร้ายผู้หญิงนะ!!”
“ยัยนั้นอยากเข้ามาขวางเอง ฉันไม่เกี่ยวสักหน่อย แล้วอีกอย่างยังไม่โดนด้วย!!”
“แล้วถ้าโดนล่ะเจ้าบ้านี้!!” สกอร์เปียสกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายทันที
“หยุด ๆ พวกเธอหยุดเดียวนี้เลยนะ!!” แฮกริดเข้ามาใกล้ ๆ ก็จับเด็กทั้งสองคนออกห่างจากกัน “ฉันจะพ่อแม่พวกเธอถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
ฮิวโก้ได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวทันที “ปู่แฮกริด! อย่าบอกพ่อแม่นะ! พวกนั้นเริ่มก่อนนะ!!”
“เดียวสิ! นายต่างหากที่เริ่มก่อน!!” สกอร์เปียสชี้หน้าใส่อีกฝ่ายทันที
“ทั้งสองคน หยุด!!”
อบิเกลตะโกนออกมาอย่างโกรธเคืองที่เห็นการทะเลาะที่เดียวกับตัวเอง แต่คนรอบข้างดันมาเดือดร้อนเสียเอง ผู้คนรอบข้างต่างมองมาที่เธอที่ส่งเสียงตะโกนเสียงดังออกมา สายตาของอบิเกลจับจ้องเด็กชายทั้งสองก่อนที่เธอจะเริ่มพูดบางอย่างออกมา
“พวกนายมันก็ผิดกันทั้งคู่ล่ะ นายวีสลีย์ ฉันไม่รู้ว่านายจะโกรธอะไรกับครอบครัวเมอร์รัลหนักหนา แต่ฉันพึ่งเจอนายได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ยังไม่เคยมีอะไรต่อกัน อย่ามาเอาเรื่องผู้ใหญ่มาใส่หัวนาย แต่นายต้องการเป็นศัตรูกับฉัน ก็มากับฉันไม่ใช่เอาเพื่อนฉันมาวุ่นวายด้วย!”
อบิเกลจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาจิกกัดอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่เธอไม่อยากทะเลาะด้วยแต่ก็ต้องดุสักครั้ง
“ส่วนนาย สกอร์เปียส ขอบคุณที่เข้ามาวุ่นวาย แต่นายไม่ควรที่จะเข้ามายุ่งเรื่องคนอื่นจนต้องบาดเจ็บแบบนี้!!”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่!! เรื่องของฉัน...ฉันจะจัดการเอง ขอบคุณที่นายโกรธแทนฉัน...แต่ตอนนี้เราพึ่งเป็นเพื่อนกัน ถ้านายกลายเป็นเพื่อนสนิทของฉัน เราค่อยมาโกรธเรื่องเดียวกันจะดีกว่านะ!!”
“อ๊ะ...อืม...ก็ได้...”
พอโดนดุแบบนั้นสกอร์เปียสเลยนิ่งไปเลย ตอนนี้เขาเป็นแค่เพื่อนยังไม่ใช่เพื่อนสนิท ทำให้คิดเลยว่าตัวเองโกรธมากไปจริง ๆ เพราะได้ยินคำดูถูกเพื่อนของเขา มันทำให้เลือดขึ้นหน้าสุด ๆ แฮกริดได้ฟังคำพูดของเด็กหญิงก็ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตบมือเสียงดัง ๆ
“เอาล่ะ! งั้นพอแค่นี้ เมอร์รัล เธอพาเพื่อนไปรักษาหน่อยละกัน เธอคงใช้เวทมนตร์รักษานะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูมียารักษาติดต่อพอดี” อบิเกลเดินไปหาสกอร์เปียสทันที
“เยี่ยมมาก!”
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า” สกอร์เปียสปฏิเสธที่จะไม่ให้อีกฝ่ายรักษา แต่สภาพอีกฝ่ายนั้นมีตั้งแต่รอยช้ำจนถึงรอยแผลถลอก
“ไม่เป็นบ้านนายสิ!! ดูสิทั้งแผลทั้งรอยช้ำ ถ้ายังพูดอีกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ฉันจะจิกทุกจุดที่นายเป็นแผลจนนายร้องลั่นปราสาทเลยนะ” อบิเกลจับแขนอีกฝ่ายแล้วพูดข่มขู่
“อึ้ก!!” สกอร์เปียสสะดุ้งที่อีกฝ่ายจับแขนของเขาที่มันเจ็บอยู่ ทำเอาแต่ได้ฝืนว่าไม่เจ็บและยอมให้อีกฝ่ายรักษา “ก็...ก็ได้...รักษาให้หน่อยนะ…”
“ดี!”
ทั้งสองคนเดินไปหาพวกเพื่อน ๆ บ้านสลิธีริน แล้วช่วยเอายาขึ้นมาทาจุดต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายเพื่อจะได้หายไว ๆ แฮกริดเห็นแบบนั้นก็โล่งใจไปกลุ่มหนึ่ง ก่อนจะมองเด็กชายที่เขารู้จักที่เป็นต้นตอเรื่องทุกอย่าง เขารู้ว่าเด็กรู้สึกยังไงที่ครอบครัวเมอร์รัลนั้นมีข่าวลือแบบไหน ทำให้ทุกคนเกลียดครอบครัวเมอร์รัล แต่เวลาผ่านไปก็มีบางคนไม่คิดที่จะโกรธเคืองอะไรแต่แค่ไม่ชอบเท่านั้น ส่วนเขานั้นได้แต่ปล่อยวางเพราะถึงโกรธไปเด็กชายที่เขาเห็นเหมือนเป็นครอบครัวก็คงไม่มีทางกลับมาได้ เขาหลับตาลงสักครู่ก่อนจะหันไปหาเด็กชายทันที
“ฮิวโก้ ปู่ไม่ชอบเลยนะที่หลานทำแบบนี้”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่! ครั้งนี้บ้านกริฟฟินดอร์ต้องโดนหักคะแนน 20 แต้ม สำหรับพฤติกรรมที่ไม่ดีแบบนี้”
“ว่าไงนะ!!”
เสียงเด็กบ้านกริฟฟินดอร์แถวนั้นต่างอุทานกันออกมาจนเด็กบ้านอื่นหันไปมองพวกเขา ก่อนที่จะมีเด็กบางคนเอ่ยพูดขึ้น
“ไม่ยุติธรรมเลย!!”
“พวกเราไม่ได้ไปทำอะไรนะ ทำไมต้องโดนหักคะแนนด้วย!!”
“งั้นพวกเธอก็ต้องไปโทษคนที่ทำให้พวกเธอโดนหักคะแนนละกัน เพราะฉันไม่เกี่ยว เอาล่ะ เดียวเราจะสถานที่ต่อไป”
แฮกริดพูดจบก็เดินออกจากตรงนั้นไปหน้าแถวที่นักเรียนต่างยืนรออยู่ เขาก็นำทางเด็ก ๆ ไปต่อ โดยที่บ้านกริฟฟินดอร์ได้แต่มองอย่างอ้ำอึ้งแล้วหันกันมากำหมัดอย่างไม่พอใจจนฮิวโก้เห็นท่าทางทุกคนก็เหงื่อตก เด็กหญิงผมแดงก็เข้ามาพร้อมกับชกเข้าที่แขนอีกฝ่ายอย่างรุนแรง
“เพราะนายคนเดียวเลย ฮิวโก้!!” เด็กสาวผมแดงคนหนึ่งพูดขึ้น
“โอ๊ย!! มาโทษฉันทำไมกัน!!” ฮิวโก้ลูบแขนตัวเองอย่างเจ็บ ๆ แล้วมองเด็กหญิงที่เป็นญาติของเขา
“ไม่โทษนายแล้วโทษใคร!! สร้างแต่เรื่อง!! ครั้งนี้ฉันขอให้นายโดยพ่อแม่นายเล่นงานละกัน!! บ้าจริง! โดนหักตั้ง 20 คะแนน!!”
เด็กหญิงเดินนำหน้าอีกฝ่ายไปอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาของเธอหันไปมองหลังแถวที่พวกบ้านสลิธีรินกำลังเดินตามกันมา สายตาของเธอพินิจไปที่เด็กหญิงผมดำที่ญาติของเธอไปมีเรื่องด้วย ตอนอยู่ที่ร้านไม้กายสิทธิ์ตอนนั้นได้เห็นเพียงนิดเดียว แต่พอได้มองใกล้ ทำให้เธอคิดว่าอีกฝ่ายช่างเหมือนกับคนที่เธอเคยรู้จัก เธอรู้เลยว่าทำไมฮิวโก้ถึงไม่ชอบอีกฝ่าย แต่เรื่องมันผ่านไปแล้วคนตายไม่มีทางกลับมาแน่ ๆ แล้วจะไปทำให้ตัวเองทุกข์อยู่ทำไม เธอคงต้องควบคุมญาติสักหน่อยถึงไม่อยากก็ตามที อยากปล่อยให้ทำอะไรก็ทำ เพราะถึงโดนไล่ออกก็โดนไล่ออกคนเดียว
‘ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ฝากฝังหมอนี้นะ ถ้าไม่กลัวว่าจะโดนด่านะ ฉันทิ้งนายตั้งแต่วันแรกแน่!! ฮิวโก้’ เด็กหญิงผมแดงคิด
ทุกคนเดินตามอาจารย์แฮกริดออกจากปราสาทตรงดิ่งไปยังแถว ๆ ป่า ทุกคนต่างลงตามทางลานเนินสูงกัน ดีที่มีขั้นบันไดเลยเดินลงกันอย่างง่ายดาย แต่ว่าตรงหน้านั้นมีกระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่ อบิเกลมองลงไปรู้สึกแปลกเหมือนเคยเห็นที่ไหนจนเธอเอียงคอมอง แต่ก็ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วคิดว่าคงเห็นตอนที่เดินทางเพราะกระท่อมแนวนี้เยอะมาก ๆ ทุกคนต่างพากันเดินลงมาจนมาถึงลานหน้ากระท่อม อาจารย์แฮกริดก็ยืนหันหลังให้เด็ก ๆ ก่อนจะหันหน้ามามองนักเรียน
“ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับเรียนวิชาสัตว์วิเศษทุกคาบเราจะมาที่นี่ก่อนจะเดินทางไปจุดที่อยู่ไม่ไกล น่าเรียกว่าเป็นจุดรวมพลก่อนไปเรียนนะเด็ก ๆ”
“ค่ะ!”
“อาจารย์แฮกริด แล้วกระท่อมตรงนี้เป็นของใครเหรอคะ?” นักเรียนหญิงคนหนึ่งเอ่ยถามออกมา
“อ๋อ บ้านอาจารย์เองน่านะ ใช้มาเกือบหลายสิบปีแล้วล่ะนะ”
“ว้าววว เป็นบ้านสวยจังนะคะ อาจารย์”
“อืม ๆ เจ้าบ้านนี้คงดีใจแน่ ๆ ที่ชมมันน่านะ”
“เหอะ ก็แค่รังหนู มันจะมีความรู้สึกอะไร”
เด็กบ้านสลิธีรินคนหนึ่งเอ่ยพูดออกมาทำเอาคนอื่น ๆ ต่างได้ยินก็นิ่งไป แต่อบิเกลหันไปมองอย่างไม่ชอบใจที่มีคนพูดแบบนั้นออกมา ถึงเป็นบ้านเธอก็ไม่ชอบใจเหมือนกันนะ
“ไร้มารยาทที่สุด!” เอวาเอ่ยขึ้น
“ก็คงเป็นลูกบ้านพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์นั้นล่ะ เห็นว่าบางคนเป็นพวกมีทัศนคติที่แย่มาก ๆ เลยล่ะ” เจน่าเอ่ยขึ้นมา
“แต่ก็เป็นสิ่งที่เด็กไม่ควรพูดต่อหน้าผู้ใหญ่จริง ๆ ฉันว่าปีนี้บ้านสลิธีรินได้ที่สองจากกริฟฟินดอร์เหมือนเดิมแน่ ๆ” ลูน่ามองด้วยสายตาเศร้า ๆ
“ทำไมคิดแบบนั้นนะ? แล้วเกี่ยวอะไรกับได้ที่หนึ่งที่สองนะ”
“ก็คนประเภทนี้ล่ะจะทำให้บ้านเราบางที่ไม่ได้ที่หนึ่ง ทำให้พวกอาจารย์หรือเพื่อนร่วมบ้านเดือดร้อน แล้วอีกอย่างพี่ชายฉันอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ เขาบอกว่าบ้านสลิธีรินชอบหาเรื่องจนต้องโดนหักคะแนนหลายครั้ง แต่เขาก็ชอบใจเพราะทำให้บ้านเขาได้ที่หนึ่งมาเกือบหลายสมัยซ้อนแล้วนะ”
“ห๊า!” ห้าสาวได้ยินต่างพากันมองด้วยสายตาไม่อยากเชื่อเลย
แฮกริดที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากยิ้มอย่างเดียวก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นมา
“แหม~ ถึงจะเป็นรังหนู แต่ก็เป็นบ้านแสนอบอุ่นสำหรับใครบางคนที่มีคุณค่าสำหรับคนที่มีค่าเนอะ เด็ก ๆ”
“ใช่ค่ะ!!”
อบิเกลขานตอบอย่างเสียงดัง เธอชอบคำพูดของอาจารย์มาก มันเป็นทั้งคำพูดที่ดีและเสียดสีคนที่ไร้มารยาทกับบ้านของเขา แฮกริดมองเด็กน้อยที่ขานตอบแล้วยิ้มให้เขาก็ทำให้เขาเห็นภาพของใครบางคนแฝงอยู่ด้านข้างเด็กน้อย ทำให้เขาตาค้างไปสักครู่ ก่อนจะยิ้มตอบเบา ๆ พอพูดจบนั้นเขาก็พานักเรียนไปภายในป่าไม่กี่ก้าวตามทางเดินที่ทอดไปด้วยหินที่เรียงกันจนมาถึงสถานที่อีกที่ที่พวกเขาจะตะลึง เมื่อเดินผ่านออกมาข้างนอกป่าก็ได้เห็นวิวอันงดงามสีทองจากแสงแดดส่องเข้ามาบนใบหน้าของพวกเขา คอกขนาดเล็กตามจุดต่าง ๆ บ้านเรือนที่มีสิ่งมีชีวิตออกมาเดินกัน อบิเกลเห็นก็ตาลุกวาวยิ่งกว่าอะไรจนเธออุทานออกมา
“สวรรค์ของคนรักสัตว์วิเศษ!!”
อบิเกลตาลุกวาวยิ่งกว่าใครตรงนั้นถ้าใครรู้ก็คงรู้ว่าทำไมอบิเกลถึงมีท่าทางแบบนี้ พวกเพื่อนของอบิเกลเห็นบุคคลคลั่งสัตว์วิเศษก็ได้แต่ส่ายหน้ากันไปแล้ว แต่ไม่ใช่แค่อบิเกลที่ดีใจเด็กบางคนก็ชอบสถานที่ที่สวย ๆ แบบนี้เหมือนกัน แฮกริดมองเด็ก ๆ ที่กำลังชมสถานที่ที่เขานั้นใช้เวลาอย่างยาวนานกว่าจะได้สถานที่ดี ๆ แบบนี้มาไว้สำหรับการสอน พอเห็นว่าเด็ก ๆ กำลังดื่มด่ำกับเวลานั้น เขาก็ต้องเตือนสติเด็ก ๆ เสียหน่อย
“เอาเด็ก ๆ หันมาสนใจกันก่อนนะ!!”
ทุกคนได้ยินเสียงอาจารย์ก็ต่างพากันหันมามองว่าอาจารย์จะพูดอะไร
“เดียวอาจารย์จะให้พวกเธอลองเดินชมฟาร์มสัตว์วิเศษกันก่อนนะ แต่ระหว่างสัตว์ที่อยู่ในกรงห้ามทำอะไรพิสดารเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะหักคะแนนยิ่งกว่านี้แน่ ๆ”
แฮกริดเน้นคำพูดของเขาว่าอย่าเล่นอะไรพิสดารเด็ดขาด เพราะเขาระหว่างว่าจะมีพวกเด็กบ้าบิ่นเล่นอะไรพิสดารกับกรงของสัตว์ตัวหนึ่งที่อยู่ในสถานที่เก็บหรือเปล่า
“เข้าใจที่พูดไหมเด็ก ๆ”
“ค่ะ/ครับ!”
“เอาล่ะ งั้นไปกันได้แล้ว ให้เวลา 1 ชม.ที่จะชมสถานที่แห่งนี้ เราจะเริ่มไปทานอาหารแล้วก็ไปเข้าเรียนคาบแรกกัน!!”
“โธ่~”
พวกเขาต่างโธ่ร้องด้วยความเสียดายที่เวลาพักกำลังจะหมดไป พออาจารย์สั่งปล่อยพวกเขาทุกคนก็พากันไปดูว่าสถานที่แห่งนี้มีสัตว์วิเศษอะไรมั้ง บางคนกำลังมีความสุขกับสถานที่แห่งนี้ บางคนก็พากันไปพักแถว ๆ ใต้ร่มเงา บางคนเหมือนกำลังคิดจะเล่นแกล้งพวกสัตว์วิเศษ อาจารย์แฮกริดเห็นก่อนก็เข้าไปห้าม ทำเอาบางคนต่างหัวเราะใส่ อบิเกลนั่งอยู่แถวร่มไม้ เธอไม่ได้อยากไปดูอะไรเลยเพราะว่าสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่อยู่ที่นี่ เธอก็เห็นมาหมดแล้ว เลยไม่ต้องเข้าไปวุ่นวายอะไรแล้วเธออยากพักจากเรื่องก่อนหน้านั้นด้วย
“เย็นสบายจังเลยนะ~”
อบิเกลกำลังหลับตารับลมที่เย็นสบายของธรรมชาติ เธอชอบอากาศแบบนี้มาก ๆ ก่อนที่สายตาของเธอจะจับจ้องไปมองเหล่าเพื่อนปีเดียวกันกำลังจดจ้องกับสัตว์วิเศษ สายตาของเธอมองไปที่เด็กคนหนึ่งที่มีผมสีแดงก็ทำให้เธอนึกถึงภาพความฝันขึ้นมา ใบหน้าแค่ครึ่งล่างของหญิงคนหนึ่งกำลังเอ่ยเรียกชื่อของเธอ นอกจากความฝันถึงคนหน้าต่างคล้ายเธอ นี้เป็นครั้งแรกที่เธอฝันถึงใครคนอื่นนอกจากตัวเธออีก ไม่รู้ทำไมพอเธอนึกถึงคนในฝัน ข้างในร่างกายของเธอนั้นกับมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกว่าคิดถึงเสียงนั้น แต่เธอไม่เคยได้ยินเสียงนั้นมาก่อน
‘คุณเป็นใครกัน...?’ อบิเกลคิด ‘ฉันรู้จักคุณหรือเปล่า...นะ?’
ความคิดมากมายนั้นทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์อย่างครุ่นคิดเหมือนทุกที สกอร์เปียสจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังนั่งนิ่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้ เขาเห็นก็ลองเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับนั่งลงข้างเธอ อบิเกลเห็นภาพแวบ ๆ ผ่านห่างตาทำให้หลุดออกจากภวังค์แล้วเงยหน้าขึ้นมามองว่าใครผ่านสายตาของเธอก็เห็นบุคคลที่มานั่งข้าง ๆ ทำให้เธอสงสัยว่าเขาไม่ได้เดินเล่นแล้วเหรอ
“นายไม่ไปดูอะไรหรือไง?”
“ไม่ล่ะ ไว้ดูตอนเรียนดีกว่ายังไงก็ได้เห็นอยู่ดี แล้วเธอล่ะ”
“นายไม่น่าถามนะ สำหรับเจ้าหน้าที่ของกระทรวง ทำงานเกี่ยวกับสัตว์วิเศษด้วยแล้วนั้น นึกเหรอว่าไม่เคยเห็นแถมนอกจากสัตว์วิเศษที่นี่ สายพันธุ์อื่นฉันก็เจอมาเยอะแล้วนะ”
“ไม่คิดเลยว่าเป็นเด็กปีหนึ่งของฮอกวอตส์เนี่ย น่าไปทำงานมากกว่ามาเรียนอีกนะ แต่มาเรียนก็ดีแล้วล่ะ ฉันจะได้มีเพื่อนที่มีความรู้ มาช่วยค่อยสอนนะ”
“แหม ๆ จะใช้ฉันเป็นมันสมองเหรอ?” อบิเกลมองอีกฝ่ายด้วยหางตา
“เธอคิดว่ายังไงล่ะ”
“คิก ๆ ไว้ชาติหน้าละกัน” อบิเกลหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้
“อ้าว!! เดียวสิ เธอต้องช่วยฉันนะ”
“ศึกษาเองสิ พึ่งอยู่ปีหนึ่งนายจะพึ่งพาฉันแล้วเหรอ? มัลฟอย”
“โธ่~ เห็นพ่อบอกยากนี่น่า น๊า~ อบิเกล~ น๊า~”
“ไว้ไม่ได้จริง ๆ ค่อยมาขอให้ฉันช่วย!”
“โธ่~”
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนุกโดยไม่ได้สนใจรอบนอกนั้นห่างออกไปแถว ๆ บ้านที่คล้ายกับคอกม้ามีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังจ้องมองกลุ่มอบิเกลอย่างไม่พอใจ แล้วก็ยังเป็นกลุ่มบุคคลเดิมที่มีหัวโจ๋คือฮิวโก้ เขาคิดในใจว่าอีกฝ่ายทำให้เขาต้องโดนหักคะแนนครั้งนี้เขาจะเอาคืนเป็นพันเท่าให้อีกฝ่ายไม่สามารถอยู่ฮอกวอตส์ได้เลย ระหว่างที่ครุ่นคิดอยู่นั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่ปู่แฮกริดพูดว่ามีสิ่งบางอย่างถูกขังอยู่ในบริเวณนี้
“ฉันมีความคิดบางอย่างแล้วล่ะ” เขาหันไปมองเพื่อนของเขาที่บอกว่ามีความคิดบางอย่าง
“เดียว! ฮิวโก้ นายจะทำอะไรนะ?”
“จริงด้วยนะ นายคงไม่คิดจะเล่นอะไรพิสดารอย่างที่อาจารย์แฮกริดว่านะ”
“ก็ไม่แน่ล่ะนะ ฉันอยากให้ยัยนั้นรู้ซึ้งว่าการมีท้าทายครอบครัววีสลีย์จะเป็นยังไง!?”
‘เขาไปท้าทายนายตอนไหนวะ มีแต่นายไปวุ่นวายกับเขานะ!!’ เพื่อนชายทั้งสองต่างคิดพร้อมกัน
ฮิวโก้ยิ้มอย่างไม่สนใจอะไร เขาพาเพื่อนไปยังสถานที่ต่าง ๆ ว่ามีสิ่งที่ปู่แฮกริดห้ามไว้อยู่ที่ไหน พวกเขาเดินตรวจสอบจนมาถึงสถานที่ที่คล้ายที่เก็บของในฟาร์ม ฮิวโก้ก็ฉีกยิ้มออกมาเขาจับไปที่กลอนประตูแต่แล้วมันกับไม่ขยับเลยสักนิด ทำให้รู้ว่ามันโดนล็อกอยู่ยิ่งทำให้คิดว่าจะทำไงดี แต่แล้วก็คิดได้ว่ามีคาถาหนึ่งอยู่นั้นคือคาถาปลดล็อก เขาร่ายคาถานั้น แล้วประตูก็เปิดออกทั้งสามคนต่างเข้าไปข้างในโดยไม่ให้ใครรู้ ถึงตอนแรกเพื่อนอีกสองคนไม่อยากเข้าไป แต่ว่าฮิวโก้ก็ลากทั้งสองคนเข้าไปข้างในพร้อมเขา พอพวกเขาเข้ามาข้างในแล้วก็เห็นสิ่งที่อลังการงานสร้างอยู่ข้างในนั้นก็คือกรงขังสัตว์วิเศษหลากหลายกรงอยู่ภายในนี้ ทำให้เด็กอีกสองคนตาโตกันอย่างหวาดกลัว
“ฮิว...ฮิวโก้...ฉันว่าเรา...ออกไปจากที่นี่ดีกว่า...”
“จริงด้วยนะ!! นี่มัน...ไม่ดีเลย...มีแต่...สายพันธุ์ที่...คิดได้เลยว่า...อันตรายมาก ๆ”
“พวกนายเงียบ ๆ ไปเลยนะ จะกลัวอะไรพวกมันอยู่ในกรง!! ดูสิ!!”
ฮิวโก้เอ่ยพูดอย่างชอบใจเขาเดินไปดูพวกสัตว์ต่าง ๆ ที่อยู่ในกรงขังอย่างขบขันว่าพวกมันจะออกมาได้ไง ระหว่างที่พวกเขากำลังสนุกกับแผนที่กำลังจะเล่นอยู่นั้น ก็มีสิ่งบางอย่างกำลังป้วนเปี้ยนอยู่ที่บริเวณลูกกรงของสัตว์วิเศษ พวกสัตว์แต่ละตัวก็เริ่มมีความรู้สึกแตกตื่นกัน นั้นทำให้เด็กทั้งสองคนยิ่งหวาดกลัวกว่าเดิมเป็นสองเท่า
“ฮิวโก้! ออกไปเถอะ พวกเราคงทำให้พวกสัตว์ตกใจแล้วนะ!!”
“จะกลัวอะไรก็เห็นนี้ว่าพวกมันอยู่ในกรงนะ!! ไม่มีทางที่พวกมันจะออกมาได้หรอกน่า!!”
เกร๊ง!!
เสียงปริศนาดังขึ้นพร้อมกันอย่างหลายเสียง แต่ภาพตรงหน้าของเด็กชายทั้งสองนั้นถึงกับตาโตกันอย่างหวาดกลัวกับสิ่งที่กำลังเห็นอยู่ สีหน้าของทั้งสองคนทำให้ฮิวโก้สงสัย แล้วเสียงดังกล่าวยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าเสียงอะไรจนเขาค่อย ๆ หันไปมองข้างหลังอย่างเชื่องช้าห่างตาของเขาก็เห็นสิ่งที่ไม่คาดคิด ประตูกรงขังแต่ละอันมันดันเปิดออกมาพร้อมกันหมดนั้นทำให้พวกสัตว์ต่างพากันออกมา ฮิวโก้รีบถอยหลังไปอยู่กับเพื่อนสองคน
“ซวยแล้ว!!”
“เพราะนายคนเดียว!! ฮิวโก้”
“จริงด้วยถ้าฉันตายนะ ฉันจะไปเข้าฝันนายทุกวันเลย!!”
“ใครมันจะรู้ว่าประตูกรงมันจะเปิดเองล่ะ!!”
ฮิวโก้เริ่มลนลานเขาไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องบานปลายแบบนี้ รักว่างที่พวกเขาหวาดกลัวนั้นก็มีเสียงหนึ่งส่งเสียงออกมาจากซอกมืดทั้งสามคนต่างหันไปมองด้วยความสงสัยพวกเขาก็ได้เห็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่พร้อมกับใบหน้าที่คล้ายกับแมว มีลำตัวเป็นลายทาง ขนแผงคอกระเซอะกระเซิง เขี้ยวโง้วสี่เขี้ยวงอกออกมาจากปาก และกรงเล็บยาวแหลมคมกำลังเดินออกมาจากซอกมืด ดวงตาสีเหลืองของมันกำลังจับจ้องมาทางพวกเขา พวกเขานั้นเห็นขนาดตัวของมันที่ใหญ่เกินกว่าที่จะคาดกันนั้นทำให้พวกเขาต้องส่งเสียงออกมาด้วยความกลัว
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
จบตอนที่ 9 โปรดติดตามตอนที่ 10 ต่อไป
Comments (0)