ตอนที่ 8 บ้านใหม่ เพื่อนร่วมห้องใหม่

ผู้ใหญ่ทั้งสองอยู่ตรงหน้าพร้อมกับกลุ่มคนที่อบิเกลคิดอยู่แล้วว่าจะกลับมาจริง ๆ ตอนนี้พวกนักเรียนหญิงปีหนึ่งกับพวกพี่พรีเฟ็คเห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็รับรู้เลยว่าด้วยเรื่องอะไร คามิวเห็นแบบนั้นทำให้เธอคิดว่าตัวเองต้องช่วยรุ่นน้องก่อนจะเดินไปตรงหน้าพร้อมกับกล่าวแจ้งให้ศาสตราจารย์ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

 

ศาสตราจารย์...”

ช่วยเงียบด้วย! คุณโฟลด์!”

 

คามิวเงียบเสียงของตนเมื่อเสียงหนึ่งดังขึ้นนั้นก็คือเสียงของอาจารย์ประจำบ้าน อาจารย์บริตนีย์ มิลเกรด สั่งห้ามให้เธออยู่นิ่ง ๆ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ เพราะโดนอีกฝ่ายข่มมาตลอดตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง แม็กนัสเห็นแบบนั้นก็ยิ้มอย่างชอบใจ อบิเกลเห็นก็ไม่ชอบใจเลยที่มีอาจารย์ข่มนักเรียนแบบนี้ เธอยื่นมือไปจับมือของรุ่นพี่

 

อ๊ะ...” คามิวก้มลงมองอีกฝ่ายที่จับมือของเธอ

ไม่เป็นไรค่ะ รุ่นพี่ เดียวหนูจัดการเองนะคะ”

เมอร์รัล...”

อบิเกลยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วเดินมาตรงหน้าด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย ศาสตราจารย์มองแววตาของเด็กน้อยที่มุ่งมั่นยิ่งกว่าอะไร ทำให้คิดเลยว่าเด็กคนนี้ไม่สมกับมาอยู่บ้านสลิธีรินจริง ๆ

เมื่อกี้เธอบอกว่าอยากฟังว่าอีกฝ่ายฟ้องอะไร?”

ใช่ค่ะ”

ยังจะถามอีกนะ!” อาจารย์มิลเกรดพูดขึ้นแล้วจ้องมองเด็กใหม่ตรงหน้าอย่างไม่ชอบใจ ได้ยินนามสกุลก็รู้เลยว่าสันดานเป็นยังไง!!”

โทษนะคะ ถึงหนูนามสกุลอะไรมันก็ขึ้นกับตัวหนู ไม่ได้อยู่ที่สันดานของครอบครัวหรอกนะ แล้วอีกอย่างมันไม่ได้เกี่ยวกับคุณสักนิด”

แก!!”

เด็ก ๆ บางคนต่างหลุดขำออกมากับคำเถียงของอบิเกล ทำให้อาจารย์มิลเกรดจ้องมองอย่างไม่ชอบใจ

พออาจารย์มิลเกรด คุณก็ผิดที่พูดแบบนั้นใส่เด็ก!”

ค่ะ...ศาสตราจารย์...” อาจารย์มิลเกรดรู้สึกขายที่โดนตำหนิ

เอาล่ะ คุณเมอร์รัล ได้ยินว่าหนูใช้ไม้กายสิทธิ์ของตนเองร่ายใส่ผู้อื่น ใช่หรือไหม?”

ใช่ค่ะ!”

เห็นไหมคะ?! เด็กนี้มันยอมรับแล้วว่าทำเด็กของฉันนะคะ ศาสตราจารย์มักกอนนากัล…”

แต่หนูมีเหตุผลค่ะ!” อบิเกลพูดขึ้นมาทันที

 

พวกผู้ใหญ่และรุ่นพี่ต่างมองเด็กหญิงกล่าว ศาสตราจารย์ใหญ่ได้ยินก็ยิ้มอย่างชอบใจที่เด็กน้อยนั้นมีเหตุผลของตนเอง แต่ทว่าพวกแม็กสันกับลุกลี้ลุกลนจนสะกิดอาจารย์มิลเกรดให้ห้ามเด็กนั้นพูดอะไรออกมา ถึงเด็กพวกนั้นไม่บอกเธอก็จะห้าม เพราะเธอไม่ชอบเจ้าเด็กนี้เหมือนกัน ก่อนจะหันไปทางศาสตราจารย์ใหญ่

 

ศาสตราจารย์ค่ะ...อย่าไปฟังเด็กมันดีกว่านะคะ พวกเด็กปีใหม่ ๆ”

เงียบซะ อาจารย์มิลเกรด!”

ค่ะ...” บริตนีย์ก้มหน้าทันที

พวกพรีเฟ็คเห็นก็ชอบใจที่อาจารย์ที่ชอบข่มเด็ก ๆ กำลังโดนอาจารย์ใหญ่ข่มบาง ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันมามองเด็กน้อยตรงหน้า

เหตุผลของเธอคืออะไร?”

ระหว่างที่พวกหนูกำลังตามรุ่นพี่พรีเฟ็คมาที่บ้านนั้นก็มีกลุ่มรุ่นพี่กลุ่มหนึ่งอยากเข้าบ้านก่อนรุ่นน้อง แล้วพอพวกพรีเฟ็คเขาดุไปพวกรุ่นพี่ เอ่อ...พวกรุ่นพี่แม็กสัน”

อบิเกลใช้สายตามองพวกที่กำลังจ้องมองเธอที่กำลังบอกความจริงกับศาสตราจารย์ใหญ่ เธอยกยิ้มอย่างชอบใจก่อนจะหันไปมองศาสตราจารย์ใหญ่ต่อ

แล้วรุ่นพี่แม็กสันก็พูดคำที่ไม่ดีออกมาอย่างเช่น พวกเลือดสีโคลนใส่รุ่นพี่พรีเฟ็คค่ะ”

จริงเหรอ?” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเงยหน้ามองพรีเฟ็คผู้หญิงทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า

ใช่ค่ะ อาจารย์ใหญ่”

พวกหนูเป็นพยานด้วยค่ะ!” ลูน่ายกมือขึ้นมาอย่างมุ่งมั่นทันที

ศาสตราจารย์ใหญ่ครับ...คือว่า...”

ศาสตราจารย์มักกอนนากัลค่ะ แต่คำให้ของเด็กพวกนี้อาจจะโกหกก็ได้นะคะ!!”

คุณจะหาว่าเราโกหกหรือไงกันคะ!? อาจารย์มิลเกรด!!”

ทำไมล่ะ!! พวกเธอจะหาว่าคุณโคลสันโกหกงั้นเหรอ?มิลเกรดชี้หน้ามาทางคามิว

ก็มันจริงนี้ค่ะ!! แล้วก็เป็นปกติด้วยที่คุณจะเข้าข้างเด็กของตนเองนะ แล้วโทษเด็กคนอื่นที่ไม่มีความผิดแต่อย่างใด!! อาจารย์มิลเกรด!!” คามิวชี้หน้าไปทางอาจารย์อย่างโกรธเคือง

แก! ไอ้เด็ก...” มิลเกรดพยายามจะหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมา

หยุดเดี๋ยวนี้! อาจารย์มิลเกรด”

ศาสตราจารย์ใหญ่ตะโกนขึ้นมาทันที เด็ก ๆ ต่างนิ่งเงียบกัน ร่วมถึงอาจารย์มิลเกรดที่รู้สึกว่าวันนี้ตัวเองทำอะไรไม่ได้คิดสักอย่าง ก่อนที่จะตัวสั่นมองศาสตราจารย์ใหญ่

ศาสตราจารย์ใหญ่...”

พอแค่นี้ล่ะนะ ดูเหมือนเด็ก ๆ จะเป็นพยานที่ดีให้คุณเมอร์รัลได้ล่ะนะ”

ไม่ใช่แค่เด็ก ๆ นะครับ”

เสียงของคูลูมัสดังขึ้นเขาเดินออกมาจากโซนหอนักเรียนชายกับพวกพรีเฟ็คปีหกและพรีเฟ็คปีห้า พวกเขาทั้งสามคนเดินตรงมาร่วมกับพวกคามิว

ยังพวกผมกับนักเรียนชายปี 1 อีกหลายคนที่เป็นพยานให้ได้ เพราะตอนที่เกิดเรื่องนั้นหลังจากที่พวกผมโดนด่า เมอร์รัลก็ด่าแม็กสันคืน แต่อีกฝ่ายไม่ชอบใจจนจับตัวรุ่นน้อง แล้วก็ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นมาจะสาปให้เธอเป็นหนูนะครับ ตอนนั้นคามิวก็เข้ามาขัดขวางจนเธอโดนแม็กสันถีบจนบาดเจ็บ เมอร์รัลเลยโจมตีกลับนะครับ”

อ๋อ...เรื่องเป็นแบบนี้เองสินะ”

ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันไปมองคนข้าง ๆ อาจารย์มิลเกรดกำมือของตนเองจนเล็บนั้นจิกลงเนื้อของเธอที่มีเด็กไม่ได้เข้าข้างเธอเลยสักคน ศาสตราจารย์มักกอนนากัลได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ

ไหนไม่เห็นเป็นอย่างที่คุณโคลสันแจ้งเลยนะ?”

เอ่อ...ศาสตราจารย์...พวกเรา...”

ศาสตราจารย์ใหญ่หันมามองพวกแม็กสันจนตอนนี้พวกเขานิ่งเงียบไปในทันใด ก่อนที่ศาสตราจารย์จะหันมาทางอบิเกล

เอาล่ะ...ฉันคงกวนเวลาพวกเธอมากไปแล้วล่ะ ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์อีกครั้งเด็ก ๆ”

ค่ะ ศาสตราจารย์ใหญ่” เด็กทุกคนต่างขานตอบพร้อมกัน

ศาสตราจารย์ใหญ่โค้งเล็กน้อยให้เด็ก ๆ ก่อนจะหันกลับมามองพวกที่สร้างเรื่องให้แก่พวกเขาสุด ๆพวกคุณโคลสันกับอาจารย์มิลเกรดตามฉันไปยังห้องครูใหญ่”

อ๊ะ!!!”

ฉันด้วยเหรอคะ!?” อาจารย์มิลเกรดถามอย่างตกใจ

แล้วฉันเรียกใครไหมทราบ!?”

คะ...ค่ะ...”

 

อาจารย์มิลเกรดถึงกับคอตกไปเลยที่โดนเข้าห้องครูใหญ่มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ พวกแม็กสันได้ยินก็กำหมัดอย่างไม่ชอบใจ จนสายตาของเขานั้นหันไปมองพวกเด็กปีหนึ่ง อบิเกลเห็นอีกฝ่ายหันมามองเธอก็แลบลิ้นใส่อีกฝ่าย เป็นการสมน้ำหน้าที่อยากมาหาเรื่องคนอื่นเข้าก่อน พวกเขาหมายหัวของอบิเกลไว้ในทันที แต่มีหรือว่าเธอจะสนใจ พอพวกเขาออกจากหอพักแล้ว พวกคามิวก็โล่งใจแล้วหันไปทางคูลูมัสที่กำลังเดินตรงมาทางพวกเธอ

 

ขอบใจที่ช่วยนะ ฉันนึกว่าจะแย่แล้ว” คามิวหันไปขอบคุณอีกฝ่ายที่เข้ามาช่วย

ฉันช่วยเท่าที่ช่วยได้นั้นล่ะนะ แต่ก็ดีที่อาจารย์นั้นโดนเข้าห้องครูใหญ่มั้ง คงโดนต่อว่าเยอะแน่ ๆ”

แต่ฉันกลัวจะมาหาเรื่องพวกเราอีกนะสิ อีกแค่ 1 ปี เราก็จะจบแล้วแท้ ๆ”

ทำไงได้ คนของยัยนั้นมาหาเรื่องเราก่อน”

ก็จริงนะ เอ่อ...งั้นฉันพารุ่นน้องไปหอพักดีกว่า เดินทางมาเหนื่อยล่ะ เดียวพรุ่งนี้ก็เริ่มเรียนวันแรกแล้ว”

ดีเลย ฉันไปพักมั้งดีกว่า โชคดีล่ะ”

โอเค บาย” คามิวบอกลาอีกฝ่ายก่อนจะไปหาน้อง ๆ ทุกคน ทุกคนตามพี่มาเร็ว ไปห้องพักของพวกเรากัน!”

ค่า~”

 

เหล่านักเรียนหญิงปีหนึ่งต่างพากันตามรุ่นพี่กันไปยังโซนหอพักหญิง ทุกคนตามหันไปนั้นก็มีห้องให้นักเรียนใหม่เข้านั้นเป็นห้องที่พวกพี่ปีเจ็ดเคยอยู่กัน บางคนนั้นรู้สึกไม่ดีเพราะไม่รู้ว่าห้องแต่ละห้องนั้นมีอะไรมั้ง พวกพรีเฟ็คก็ระแวงเช่นกัน จนเด็กบางคนต่างกรี๊ด เพราะเจอของเล่นที่รุ่นพี่ทิ้งไว้ให้กลัวกัน พวกพรีเฟ็คต้องรีบเข้าไปดูกัน อบิเกลรู้สึกว่าพวกรุ่นพี่ก็ไม่ดีจริง ๆ จบแล้วยังแกล้งรุ่นน้องอีก อบิเกลกับลูน่าต่างพากันหาห้องของตนเอง แต่ว่าพวกเธอไม่เจอห้องตัวเองจนมาหยุดห้องสุดท้ายที่มีชื่อของพวกเธออยู่หน้าห้อง

 

เราได้อยู่ห้องเดียวกัน!”

เย้!!”

 

ทั้งสองคนต่างดีใจที่ได้มาอยู่ด้วยกันทั้งสองคนต่างพากันเข้าไปข้างในภายในห้องนั้นที่ภายในห้องนั้นเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ละมุมนั้นมีเตียงละสองเตียงรวมเป็นหกเตียงทั้งหมดในห้องนี้ แล้วก็มีโต๊ะข้างเตียงคนละอัน ปลายเตียงก็มีหีบให้แต่ละคนได้ใช้กัน ยิ่งทำให้ อบิเกลเห็นก็พอชอบใจสภาพห้องล่ะนะ เพราะเธอชอบสีเขียวอยู่แล้ว แต่เธอก็อยากให้มีสีสว่างมากกว่าสีหม่น ๆ ของสีเขียวกับดำ ระหว่างที่เธอกับลูน่ากำลังดูรอบ ๆ อยู่นั้นก็มีอีกสามถึงสี่คนกำลังเดินเข้ามาจนตอนนี้ห้องของเธอนั้นครบทั้งหกคนแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้นั้นช่างเงียบสุด ๆ จนอบิเกลต้องเริ่มทักทายทุกคนอย่างเป็นมิตร

 

เอ่อ...ไง ทุกคน ตั้งแต่วันนี้เราต้องอยู่ด้วยกันไปอีก 7 ปี มาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเนอะ”

อืม!!” ลูน่าพยักหน้าอย่างแรง

อบิเกลเห็นว่าลูน่าพยักหน้าคนเดียวเธอก็เริ่มพูดต่อทันที เอ่อ...ทุกคนคงรู้จักฉันจากเรื่องก่อนหน้าล่ะนะ แต่ก็ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉัน อบิเกล เมอร์รัล ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

ยินดีที่ได้รู้จัก เมอร์รัล”

ทุกคนต่างทักตอบอบิเกลกันใหญ่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มนั้นทำให้เธอโล่งใจที่ทุกคนนั้นดูเป็นมิตรพอตัว ก่อนที่ลูน่าจะเดินไปหาคนมาใหม่สามคนที่อบิเกลยังไม่รู้จัก

สามคนนี้เป็นเพื่อนฉันนะ อบิเกล พอดีพ่อเราทั้งสามคนรู้จักกันตั้งแต่เข้าโรงเรียนฮอกวอตส์นะ” ลูน่าเข้าไปกอดคอเพื่อนที่มีผิวสีกับผิวขาวอย่างว่องไว

อ๋อ แบบนี้ก็สนิทกันมากเลยสิ” อบิเกลฟังก็พยักหน้า

ใช่แล้วล่ะนะ แต่ว่านะ เมื่อกี้เธอช่างทำตัวเก้ ๆ กัง ๆ จนล้มไปแบบนั้นเลยนะ ลูน่า”

เด็กหญิงผมน้ำตาลสั้น ใบหน้าของเธอนั้นมีกระฝ้าบนแก้มซ้ายไปยังแก้มขวา กำลังพูดทะเล้นกับลูน่าอย่างชอบใจ

ทำไงได้อ่ะ...ฉันประมาทไปหมดนี่น่า พวกเธอน่าจะรู้ดี...ถ้าไม่ได้อบิเกลช่วยไว้ ป่านนี้ฉันคงอยู่ห้องพยาบาลไปแล้วล่ะนะ!!”

ก็จริงนะ ตอนนั้นเลือดออกด้วยเด็กหญิงผิวสีที่มีทรงผมหยิกมันข้างเอ่ยพูดขึ้น เธอยิ้มให้อบิเกลอย่างเป็นมิตร แต่ถือว่าเก่งสมกับเป็นมืออาชีพเลยนะ”

มืออาชีพ?” เด็กหญิงผมน้ำตาลยกคิ้วอย่างสงสัย

เอวา ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์ของกระทรวงสินะ”

ก็พ่อไม่ค่อยชอบให้อ่านนี่น่า อ๊า ฉันลืมแนะนำตัว ฉัน เอวา ฟินนิกัน ยินดีที่ได้รู้จัก”

เช่นกัน ฟินนิกัน” อบิเกลเอ่ยขึ้น

อย่าพูดทางการเลย เรียกเอวาก็ได้ อบิเกล”

อยากได้แบบนั้นก็ตามใจเลย”

แล้วที่เธอพูดแบบนั้นหมายความว่าไงนะ? แพนซี่”

ก็ อบิเกลเป็นคนดังของกระทรวง ก็เพราะเธอคือเด็กอัจฉริยะที่สอบ ส.พ.บ.ส. ที่อายุน้อยที่สุดนะ”

ว่าไงนะ!!”

ทุกคนต่างตกใจกับคำพูดของแพนซี่กันหมด เจ้าตัวที่โดนเอ่ยถึงก็ได้แต่เขิน ๆ เพราะตอนนั้นเธออายุเพียงเจ็ดขวบเองที่ไปทดสอบการสอบนั้น

อย่าพูดถึงเรื่องมันก็แค่การสอบนะ”

บ้าหรือไง!? อบิเกล!! เธอสอบส.พ.บ.ส หรือชื่อเต็มคือการสอบวัดระดับความรู้พ่อมดเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ผ่านเชียวนะ!!” ลูน่าเอ่ยด้วยสีหน้าแตกตื่น

จริงของลูน่า เธอสอบผ่านแบบนี้แล้วจะมาเรียนทำไมกัน!?”

เอ่อ...ก็...ทางกระทรวงอยากให้ฉันเรียนให้จบ ถือเป็นข้อตกลงสำหรับการทำงานล่ะ แต่ถ้ามีเรื่องฉุกเฉินที่ต้องไปทำงานก็คงต้องขออาจารย์ แล้วค่อยมาตามงาน แต่ฉันเชื่อได้ว่าอา...เอ่อ...พ่อฉันคงไม่ยอมให้ฉันขาดเรียกแน่ ๆ”

แบบนี้เอง...แบบนี้เธอก็รู้ข้อสอบของส.พ.บ.ส. สิ”

ก็นะ...แต่พวกเขาบอกว่าข้อสอบจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ นะ”

อ๊ากกกก งั้นตอนใกล้สอบช่วยเราติวด้วยสิ อบิเกล!!”

นี้ ๆ เอวา เรายังไม่ปี 7 เลยนะ อย่าพึ่งรีบสิ” เด็กหญิงที่มีผมยาวฟูและหน้าตาคล้ายเด็กที่มีชื่อว่าแพนซี่ เดินเข้ามาแตะไหลของเอวาบ่อย ๆ

อ๊ากกกก พอนึกถึงตอนปี 7 ก็เครียดแล้ว!!”

ขอโทษแทนเพื่อนเราด้วยนะ ยัยนี้ชอบคิดอะไรไปก่อนเกิดเรื่องแล้วนะ บางครั้งก็บ้า ๆ บอ ๆ นะ”

ฉันได้ยินนะ ฟาร่า” เอวาหันไปมองฟาร่าที่พูดแบบนั้น

คิก ๆ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลยสินะ ฉัน ฟาร่า โทมัส ส่วนทางนั้นพี่สาวฝาแฝดฉัน แพนซี่ โทมัส”

ไง” แพนซี่โบกมือให้อบิเกลทันที

ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฟาร่า แพนซี่”

สองแฝดต่างมองหน้ากันก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาอบิเกลกันอย่างใกล้ชิดก่อนจะจับมืออบิเกลขึ้นมาคนละข้าง

เอ๋?”

พวกเราทั้งสองดีใจมากที่ได้เจอคนดังอย่างเธอนะ!!”

เหอะ ๆ คนดังอะไรกัน...ฉันไม่ได้ดังขนาดนั้นนะ”

ไม่ดังได้ไง! ที่เรารู้ว่าเธอคือเด็กอัจฉริยะของกระทรวงก็เพราะหนังสือพิมพ์เขียนเรื่องเธอเมื่อ 4 ปีก่อนเลยนะ!!”

เอ๋!? มีออกหนังสือพิมพ์ด้วยเหรอ?” อบิเกลตะลึงกับคำพูดอีกฝ่ายว่าการสอบของเธอนั้นออกข่าวด้วยงั้นเหรอ ทำไมเธอถึงไม่รู้อะไรเลย

ใช่ แต่ว่าตอนนั้นรู้สึกหนังสือพิมพ์จะโดนซื้อไปหมดของวันเลยล่ะ ทางเดลี่พรอเฟ็ตก็ต้องหยุดตีพิมพ์ของวันนั้นเลยล่ะนะ พ่อฉันได้มาแค่ฉบับเดียวเองตอนนั้น”

พูดจริงสิ เหมือนโดนคนเหมาไปหมดเลยนะ”

อืม ๆ”

ไม่รู้สินะ” แพนซี่ยักไหล่อย่างไม่รู้อะไร

สุดยอด...”

หือ?”

ทุกคนได้ยินเสียงของใครคนใดคนหนึ่งก่อนจะหันไปเห็นเด็กหญิงผมน้ำตาลลอนกำลังกุมมือตัวเองด้วยสีหน้าประทับ

เป็นทั้งเด็กอัจฉริยะ เป็นทั้งคนของหน่วยสัตว์วิเศษ เป็นทั้งเพื่อนร่วมบ้าน และเป็นทั้งเพื่อนร่วมห้อง ฉันช่างโชคดีที่ได้เจอคนสุดยอดอย่างเมอร์รัลที่สุดเลย!!”

อบิเกลได้ยินก็ตะลึงกับความรู้สึกของอีกฝ่ายที่ดูจะประทับใจในตัวเธอเยอะเกินไปกว่าสองคนแรกอีก

เอ่อ...เธอคือ...”

อ๊ะ...ขอโทษที...ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเลย!” เด็กหญิงผมลอนเอ่ยพูดขึ้น ฉันชื่อ เจนน่า สคามันเดอร์ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”

หือ? สคามันเดอร์” อบิเกลได้ยินนามสกุลอีกฝ่ายก็รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนได้ยินที่ไหนก่อนจะครุ่นคิดสักครู่

ยินดีที่ได้รู้จัก เจนน่า แต่...เอ๋...ทำไมนามสกุลของเธอมันคุ้น ๆ หูชอบกล?” เอวาเอ่ยถามอย่างสงสัย

อบิเกลครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็นึกถึงหนังสือที่เคยซื้อก่อนหน้าก็จำชื่อผู้แต่งได้ในทันที อ๋อ! จะไม่คุ้นได้ไง? เอวา นามสกุลของเจนน่าอยู่ในหนังสือเรื่องสัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ไงล่ะ!”

โอ้! จริงด้วย!! ฉันชอบเล่มนั้นนะ ความรู้เยอะดี เธอเป็นอะไรกับคนแต่งนะ?”

เขาเป็นปู่ฉันนะ...นิวตัน อาร์เตมิส ไฟโด สคามันเดอร์ หรือฉันจะเรียกท่านว่าปู่นิวท์นะ”

ชื่อปู่เธอยาวสุด ๆ เลยนะ” เอวาบ่นออกมาอย่างรู้สึกไม่ชอบใจกับการต้องมาจำชื่อนี่ล่ะ

ก็นะ...แต่ถ้าท่านได้ยินคำชมหนังสือท่าน ท่านคงมีความสุขน่าดูเลยล่ะนะ” เจนน่ายิ้มอย่างร่าเริงที่มีคนชมสิ่งที่ปู่ของเธอพยายามอย่างมากในการศึกษาพวกสัตว์วิเศษ

แล้วก็...ฉันชื่อ ลูน่า ลองบัตท่อมนะเจนน่า เผื่อเจนน่ายังไม่รู้จักฉันนะ”

อ๋อ...อืม ไม่ต้องห่วง รู้จักตั้งแต่ตอนที่ลูน่าล้มที่ลานหน้าห้องแล้วล่ะนะ”

อ๊ะ!!” ลูน่าได้ยินก็หน้าแดงขึ้นมาทันที อ๊ายยยยยยย!! อย่าพูดถึงเรื่องนั้นอีกเลยนะ!! น่าอายสุด ๆ”

ทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างชอบใจกับท่าทางของลูน่ากันยกใหญ่จนเอวานึกถึงบางอย่างขึ้นมาทันทีก่อนที่เธอจะพูดขึ้น

ทำให้คิดถึงเลยนะ ตั้งแต่เราเกิดมาก็รู้จักกันแล้วน่านะ ลูน่าก็เป็นเด็กขี้แยตลอดเลยล่ะนะ”

อย่าเอาคนอื่นเผาสิ! เอวา!!”

แล้วก็นะกลุ่มเราที่จริงมีทั้งหมดมีมากกว่า 4 คนล่ะนะ”

แล้วที่เหลือ?”

อยู่ต่างบ้านกับ...เอ่อ...” แพนซี่กำลังจะเอ่ยบางอย่าง แต่เธอก็ไม่กล้าเท่าไหร่

กลุ่มเรามีคนชื่อคล้ายอบิเกลนะ แต่เธอเสียไปตั้งแต่เมื่อ 8 ปีก่อนแล้วนะ”

เอ๋?”

พอ ๆ อย่าพูดถึงอีกได้ไหม? คนตายไปแล้วเขาไม่ฟื้นขึ้นมาหรอกนะ เราต้องอยู่เพื่อใช้ชีวิตแทนสิ!!” ลูน่าพูดออกมาด้วยสีหน้าเหมือนอย่างจะร้องไห้ออกมา

โทษที...” พวกเอวานิ่งเงียบไปเลย

 

แต่อบิเกลได้ยินแบบนั้นเธอก็รู้ว่าพวกเอวานั้นหมายถึงใคร เพราะเธอเคยไปดูในรายชื่อของคนในกระทรวง ก่อนมาที่นี่ครอบครัวของอาเธอ แล้วหนึ่งในนั้นชื่อคล้ายเธอนั้นก็คือ อบิเกล พอตเตอร์ เธอสงสัยว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นหน้าตายังไง เพราะว่าเธอไม่เคยเห็นหน้าตาของเด็กคนนั้น แต่เธอจะไปคิดมากทำไม ก่อนที่จะส่ายหัวเบา ๆ แล้วดูเวลาว่าตอนนี้เวลาอะไร แต่เห็นว่าดึกแล้วก็หันไปหาทุกคนทันที

 

งั้นเลิกคุยกันแล้วเตรียมตัวอาบน้ำดีกว่าจะได้ไปพักผ่อนกัน พรุ่งนี้มีเรียนตั้งแต่วันแรกด้วย”

จริงด้วยนะ”

เข้าใจแล้ว!”

ไปอาบน้ำกัน!”

 

พวกอบิเกลเตรียมตัวที่จะไปอาบน้ำกัน ออกจากห้องก็เจอคนอื่น ๆ ออกมาเช่นกันก็มีบางคนไม่ชอบขี้หน้ากลุ่มพวกเธอกับบางคนที่พอจะคุยด้วยได้ พี่พรีเฟ็ดเห็นเด็ก ๆ ก็พาไปยังห้องอาบน้ำหญิงในทันที เวลาไม่นานนั้นพวกอบิเกลก็กลับมายังห้องนอนกันด้วยชุดนอนแสนสบาย พอพวกเธอมาถึงก็มีความคิดอยากนอนด้วยกันเพื่อพูดคุยกันก่อนนอน พวกเธอหันมาทางอบิเกลกันหมดจนเธอรู้ว่าพวกนี้ต้องการอะไรจากเธอ ไม่นานนักเตียงของแต่ละคนก็เรียงกันยาวหน้ากระดาน พวกเอวานเห็นก็กระโดดขึ้นเตียงของตนเองกัน อบิเกลเห็นก็สายหน้าแล้วปีนขึ้นเตียงของเธอ พวกเธอก็นอนเล่นกันพูดคุยกันไปเรื่อยจนเอวาพูดถึงครอบครัวของเธอเอง

 

ที่บ้านฉันนะ พ่อชอบทำอะไรให้ระเบิดตลอดเลยล่ะนะ ก่อนหน้าก็ทำเอาครัวระเบิดไปที แม่ด่าจนพ่อหูชาเลยล่ะนะ

ฮ่า ๆ พ่อของเอวาทำอีกแล้วเหรอ!?”

ครั้งก่อนก็ทำเอางานปาร์ตี้กองทัพดัมเบิลดอร์วุ่นวายเลยนี่น่า”

กองทัพดัมเบิลดอร์?” อบิเกลได้ยินสิ่งที่เธอไม่เคยได้ยินทันที

เป็นกองทัพที่พวกคุณพ่อเขาก่อตั้งตอนอยู่ปี 6 นะ เป็นกองทัพเพื่อต่อกรจัดการกับคนที่เรารู้ว่าใครนะ”

จ้าวแห่งศาสตรามืด...”

อ๋อ...เหตุการณ์เมื่อ 19 ปีก่อนสินะ”

ใช่ ตอนนั้นเห็นว่ามีคนตายนับหลายสิบคน...ช่างน่าเศร้านะ...”

อืม...น่าเศร้านะ...”

พอ ๆ ทำไมเอวาชอบเข้าโหมดเศร้าตลอดจริง ๆ”

อ๊ะ! โทษที ๆ อารมณ์ชอบพาไปตลอดเลยอ่ะ” เอวารีบขอโทษทันที

แล้วพ่อเธอล่ะ แพนซี่ ฟาร่า”

พ่อพวกเราเหรอ...อืม...เขาก็วาดรูปขายไปเรื่อย ๆนั่นล่ะนะ ครั้งก่อนก็ขายออกไปได้หลายล้านอยู่นะ”

จริงดิ!”

อิจฉาพวกลูกจิตรกรจริง ๆ”

ฮ่า ๆ อย่าคิดแบบนั้นดีกว่านะ บางทีก็ไม่มีงานเข้ามานะ”

จริงเหรอ?”

ฮ่า ๆ ก็นะ...”

พ่อแม่แต่ละคนก็ต่างกันออกไปล่ะนะ ของฉันนั้น พ่อจะสอนเสมอว่าถึงร้องไห้ก็ใช่ว่าจะร้องได้ตลอด ต้องเข้มแข็งอย่างยอมแพ้ต่อสิ่งที่ยังไม่กระทำ”

เป็นคำสอนที่ดีนะ” อบิเกลเอ่ยชมคำสอนของพ่ออีกฝ่าย

จริงด้วย ๆ” เอวาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะลุกพยุงมองเจนน่าที่นอนอยู่ริมสุดของกำแพง แล้วเจนน่าล่ะ ครอบครัวเธอเป็นยังไงนะ?”

ครอบครัวฉันเหรอ? ก็พวกท่านทำงานกับกระทรวง...เอ่อ...ทำงานกับคุณสก็อต เมอร์รัลนะ”

เอ๋ ทำงานกับพ่อเหรอ?!” อบิเกลสะดุ้งขึ้นมามองเจนน่า

อืม พวกท่านอยู่แนวรวบรวมนะ”

แบบนี้เอง...ส่วนใหญ่ฉันจะจำชื่อมากกว่านามสกุลด้วยสิ...ไว้ครั้งหน้าฉันไปหาพ่อแม่เธอดูว่าอยู่จุดไหนของหน่วยเราน่านะ”

แหม ๆ ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้นะ อบิเกล”

ทำไงได้ล่ะนะ พ่อแม่ได้รู้ว่าลูกเขาอยู่บ้านเดียวกับเจ้าหน้าที่หน่วยด้วยกัน พวกเขาก็โล่งใจล่ะนะว่าลูกสาวจะไม่เจอเรื่องแย่ ๆ นะ”

ก็จริงนะ กว่าพ่อแม่จะกลับมานั้นเป็นเดือน ๆ ฉันอยู่กับแค่คุณตาคุณยายเท่านั้น พอพวกท่านกลับมาก็กลับมาพร้อมขนมและของเล่น ยิ่งพ่อฉันกลับมาก็อ้อนกอดฉันอย่างเดียวด้วยความคิดถึงล่ะนะ”

น่าอิจฉาจังนะ...เป็นคุณพ่อเห่อลูกเนี่ย” ลูน่าพูดพร้อมกับยื่นขนมให้กับเจนน่ากิน

เธอก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? พ่อเธอเห็นเธอบาดเจ็บก็รีบวิ่งมาเลยนะ”

ใช่ ๆ”

พอ ๆ อย่าเอาเรื่องฉันมาพูดสิ!!”

แล้วพ่อแม่ของอบิเกลล่ะ เล่าให้พวกเราฟังมั้งสิ!!” ฟาร่ากล่าวออกมาอย่างสนใจ

ทุกคนต่างหันมามองอบิเกลที่อยู่กึ่งกลางเตียง อบิเกลหยุดนิ่งไปชั่วขณะคำพูดของทุกคนนั้นทำให้เธอครุ่นคิดไปอยู่ชั่วครู่ว่า พ่อแม่ของเธอนั้นเป็นใคร แล้วพวกนั้นมีนิสัยอย่างใด ทุกคนเห็นว่าอบิเกลเงียบไปจนแพนซี่ที่อยู่ข้าง ๆ เข้ามาใกล้ ๆ อบิเกล

อบิเกล...เป็นอะไรหรือเปล่า?”

อ๊ะ...โทษที...กำลังคิดอะไรอยู่นิดหน่อยนะ”

คิดว่าจะอธิบายถึงพ่อแม่ยังไงนะเหรอ?” เอวาแอบแซวหน่อย ๆ

เอ่อ...ก็นะ...เพราะว่า...ฉันไม่รู้จักพวกท่านเลยนะ”

เอ๋!?”

ทุกคนต่างได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปชั่วขณะ เจนน่าได้ยินแบบนั้นเธอก็นึกคำพูดของพ่อแม่ว่าอบิเกลนั้นไม่มีพ่อแม่ ทำเอาเธอต้องลุกขึ้นมานั่งทันที

อบิเกล...”

ฉันรู้ว่าทุกคนจะพูดยังไง...ทำไงได้ล่ะนะ...ฉันไม่เหมือนคนอื่น ๆ ฉันไม่มีพ่อและแม่...มีก็แค่...อาสก็อตคนเดียว...”

ถึงได้...ก่อนหน้าจะเรียกอา แต่เปลี่ยนเป็นพ่อแทนนะ” ลูน่าจำสังเกตอบิเกลพูดถึงสงสัยมาตั้งนานว่าทำไมเรียกอาว่าพ่อ

ฉันพยายามเรียกอาว่าพ่อนะ...เพราะว่า...ฉันเสียจำความได้แค่ตอนอายุ 4 ขวบเท่านั้นว่าอาเป็นคนดูแลฉัน...ถึงจะถามเรื่องพ่อแม่ ท่านก็บอกได้แค่ว่าพวกเขาเป็นคนดี...แล้วก็...พวกเขาเสียไปตั้งแต่ฉันอายุ 3 ขวบเท่านั้น”

น่าเศร้าจริง ๆ เธอคงเจ็บปวดที่ไม่รู้จักพ่อแม่สินะ” แพนซี่ที่อยู่ข้าง ๆ ถึงกับน้ำตาซึมขึ้นมา

อบิเกล เธอยังมีฉันอยู่ข้าง ๆ นะ” ลูน่าพูดทั้งน้ำตาแล้วเข้าไปกอดอบิเกลทันที

จริงด้วย เธอยังมีพวกเรานะ!!” เอวาก็ลุกขึ้นมาใบหน้าของเธอมีน้ำตาอาบแก้มไปหมดแล้ว

ขอบใจนะทุกคน แต่ว่าถึงเวลานอนแล้วล่ะนะ นอนกันเถอะ เดียวพรุ่งนี้ต้องไปเรียนกันนะ”

 

พออบิเกลสั่งแบบนั้นทุกคนก็ต่างพากันนอนบนเตียงพร้อมกับกล่าวราตรีสวัสดิ์กันอย่างพร้อมเพียงก่อนจะหลับกันไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่อบิเกลตาสว่าง เธอมองเพดานอย่างครุ่นคิดถึงสิ่งที่เธอเคยโหยหาอย่างพ่อแม่ แต่เธอก็มีอากับเดลล่าอยู่แล้ว แต่ก็ยังรู้สึกขาดสิ่งที่ขาดหายไป สักวันเธอจะต้องรู้ให้ได่ว่าพ่อแม่เป็นใครกัน พอเวลาผ่านไปอบิเกลก็ค่อย ๆ หลับตาลงจนกระทั่งหลับสู่ห้วงแห่งนินทาไป

 

อบิเกล!’

เสียงปริศนาเอ่ยเรียกเธออย่างอ่อนโยน มันทั้งดูอบอุ่นและละมุมยิ่งกว่าอะไร จนอบิเกลสงสัยว่าเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร

เสียงใครกัน...’ อบิเกลคิด

อบิเกล...ลูกแม่...’

 

เสียงอันอ่อนนุ่มของหญิงสาวเรียกเธอว่าลูกสาว ภายในอกมันจุกไปหมดจนกระทั่งเธอรู้สึกถึงความผิดปกติ ทำให้เธอสะดุ้งตื่นด้วยสีหน้าอันตกใจใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดใหญ่กำลังไหลลงใบหน้าเธออย่างช้า ๆ แต่นอกจากอบิเกลที่สะดุ้งตื่นนั้นก็มีคนตกใจที่อีกฝ่ายลุกขึ้นพรวดพราดขึ้นมา

 

ตกใจหมด...อบิเกล...”

อบิเกลได้ยินเสียงแต่ไม่เห็นคนตรงหน้าเพราะความมืด เธอหยีตามองอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้น

ฟาร่า...?”

เอ่อ...ไม่ใช่นะ...ฉัน แพนซี่...” แพนซี่เดินเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับแก้ต่างชื่อของตัวเอง

อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองข้างตัวเธอที่ไร้วี่แววร่างของแพนซี่ โทษที...”

ไม่เป็นไร อยู่ไปนาน ๆ ก็จำได้เอง...แต่เมื่อกี้ฝันร้ายเหรอ?”

เปล่านะ...เอ่อ...นอนต่อดีกว่านะ”

อืม” แพนซี่พยักหน้า ก่อนจะปีนขึ้นเตียงมานอนที่ของเธอ ฝันดีนะ อบิเกล”

ฝันดี”

 

อบิเกลตอบอีกฝ่ายไป เธอหันพลิกตัวนอนหันข้างไปอย่างเงียบ ๆ จนเธอคิดว่าเสียงนั้นเป็นเสียงใคร เป็นเสียงของแม่เหรอ เธอนึกถึงเสียงนั้นแต่มันก็ลืมไปแล้ว ความรู้สึกบางอย่างเหมือนปิดกั้นไม่ให้เธอจำได้ว่าเสียงนั้นเป็นยังไง แต่เธอก็หลับตาลงเพื่อที่จะได้ฝันถึงเสียงนั้นต่อ

 

จบตอนที่ 8 โปรดติดตามตอนที่ 9 ต่อไป