6 ตอน ตอนที่ 6 เวลาคัดสรร
โดย YukiCoCo
ตอนที่ 6 เวลาคัดสรร
ชายชรานามว่าแฮกริดได้นำทางเด็กนักเรียนใหม่ไปยังทางที่พวกเขากำลังจะไปกัน ตามเส้นทางนั้นเป็นป่าที่มืดพอตัว ระหว่างที่กำลังจัดกลุ่มนับจำนวนคนอยู่นั้น อบิเกลหันไปมองเหล่าเด็กที่มีอายุมากกว่าพวกเธอกำลังนั่งรถเลื่อนที่ไม่มีหลังคา แต่มีสิ่งบางอย่างที่ทำอะไรอบิเกลสงสัยว่ามันคืออะไร สิ่งมีชีวิตสี่ขาที่มีร่างกายผอมแห้งติดกระดูกร่างกายของมันเป็นสีดำคล้ายม้า มีปากคล้ายนก และมีปีกที่ดูไม่ค่อยมีผิวหนังให้เป็นตัวการในบิน แต่สิ่งมีชีวิตตัวนี้เธอไม่เคยเห็นเลย ยิ่งในหนังสือไม่ค่อยมีอีก ความสงสัยเต็มสมองไปหมดจนเธอหันไปหาแฮกริด
"คุณแฮกริด ตัวที่คล้ายม้าที่กำลังลากรถเลื่อนที่พวกรุ่นพี่กำลังนั่งกันคือตัวอะไรนะคะ?"
แฮกริดได้ยินก็ตาโตในทันใด เขาจ้องมองเด็กน้อยพร้อมกับมองสลับไปที่สิ่งมีชีวิตที่เด็กผู้ ทำเอาเขาคิดเลยว่าเด็กคนนี้เคยเจอเหตุการณ์อันน่าเศร้าด้วยหรือ
"เด็กน้อย เธอเคยเห็นคนตายหรือ?"
"คนตายเหรอ…อืม…ไม่รู้สิคะ…แต่แน่ ๆ ไม่เคยเห็นนะคะ"
"..." แฮกริดรู้สึกฟังไม่ขึ้นเลยว่าถ้าเด็กคนนี้ไม่เคยเห็นอย่างที่เขาถาม แล้วเธอจะเห็นได้ไง ก่อนที่เขาจะย่อตัวลงแล้วพูดกับเด็กน้อย "มันคือเธสตรอล เป็นม้า…ที่พูดคนจะบอกว่ามันเป็นม้าแห่งความโชคร้าย"
"ความโชคร้าย?"
"แค่ความเชื่อนะ ส่วนใหญ่คนเราจะไม่เห็นมันนอกจาก…"
"นอกจาก…?"
"นอกจากคนที่เห็นความตายเท่านั้นที่จะเห็นมัน ผู้คนถึงบอกว่ามันเป็นสัตว์โชคร้าย"
รูม่านตาของเด็กหญิงหดลงจนเหลือเพียงเท่าเม็ดถั่วกับคำพูดของชายชราที่บอกว่าสัตว์ที่เธอเห็นถึงสิ่งมีชีวิตตนนั้นจะดูน่ากลัว แต่กับทำให้รู้สึกว่าพวกมันนั้นเป็นมิตรกว่าที่ใคร ๆ เห็น หลังจากที่เธอคุยกับแฮกริด เขาก็สั่งให้เด็ก ๆ ให้เดินทางเพื่อเดินไปขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปสถานที่ที่พวกเขาจะไปกัน แต่ระหว่างเดินทางห่างออกไปนั้นก็เห็นภาพที่กำลังสว่างไสวอยู่ด้านหน้า จนทำให้เด็ก ๆ ต่างตกตะลึงที่ตอนแรกไม่มีแสงสว่าง แต่ตอนนี้ก็มีแสงสว่างขึ้น อบิเกลเงยหน้ามองสถาปัตย์กรรมอันสวยงามตรงหน้า ปราสาทหลังใหญ่ที่จะกลายเป็นโรงเรียนที่เธอต้องเข้าเรียนในไม่ช้า
"สวยจังเลยนะ…" สกอร์เปียสเอ่ยพูดขึ้น
"ใช่…ทั้งสวยและงดงามมาก สมกับเป็นปราสาทล่ะนะ" อบิเกลเห็นด้วยกับอีกฝ่าย แต่ก็มีมารมาพูดเสียดสีซะงั้น
"มีเด็กบ้านนอกอยู่แถวนี้ด้วยล่ะนะ!" เด็กชายผมแดงพูดขึ้น
อบิเกลกำหมัดแนบแน่นจนตอนนี้เธออยากชกหน้าเจ้าผมแดงนี้สักรอบสองรอบ แต่สกอร์เปียสช่วยกล่อมให้เธอใจเย็นลง ก่อนที่พวกเขาจะทำเป็นไม่สนใจ เด็กชายเห็นว่าสองคนนั้นไม่สนใจเขาก็ทำเอาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ทั้งสองไม่สนใจ แฮกริดเริ่มเรียกเด็ก ๆ ให้ขึ้นเรือแต่ละลำ อบิเกลไปนั่งเรือลำเดียวกับสกอร์เปียส ระหว่างที่กำลังลงเรือนั้นสายตาของอบิเกลก็มองไปยังน้ำทะเลที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำนอกจากเงาสีขาวจากการสะท้อน แต่พอดำแบบนี้ทำให้คิดเลยว่ามันจะลึกแค่ไหนกันจนเธอรู้สึกกลัวหน่อย ๆ ก่อนจะนั่งอย่างเรียบร้อย พอทั้งสองคนกำลังนั่งกันอย่างเงียบ ๆ ก็มีตัวกวนมานั่งรวมกับเรือที่เธอนั่ง อบิเกลหันไปเห็นข้างหลังก็เห็นเด็กชายผมแดงกับหญิงสาวผมแดงอีกคนมานั่ง
"นี่นาย!! ไปนั่งลำอื่นสิ!!"
"ทำไมฉันจะนั่งลำนี้ ผิดหรือไง!?"
"เจ้าบ้านี่!!" อบิเกลกำหมัดแน่นยิ่งกว่าเดิม จนทำเอาฝ่ามือเป็นรอยเล็บแล้ว
"ใจเย็นเมอร์รัล ไปอารมณ์เสียกับพวกบ้าก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ"
"นายว่าใครบ้ากัน! มัลฟอย!!"
"ก็ว่าไอ้หนูหัวแดงแถวนี้นะสิ!"
"ว่าไงนะ!!" เด็กชายผมแดงลุกขึ้นในทันใดจนเรือโคลงเคลงขึ้นมา
"นี่พวกเธอ!" แฮกริดตะโกนขึ้น
เสียงตะโกนของชายชราทำให้เด็กน้อยทั้งสี่ต่างตกใจจนหันไปมองแฮกริดที่ตะโกนเสียงดังขึ้นมา พวกเขาเห็นใบหน้าที่ดูเป็นมิตรมีความโกรธเล็กน้อยที่เห็นเด็กน้อยทั้งสี่ทะเลาะกัน
เด็กชายวีสลีย์จ้องมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางที่หวาดกลัว ก่อนจะเอ่ยเรียกอีกฝ่าย "ปู่แฮกริด…"
"พวกเธอ ไปนั่งลำเดียวกับฉันดีกว่านะ!"
“แต่ว่า…!” อบิเกลกำลังจะปฏิเสธ
“ไม่มีแต่ เอาล่ะลงจากเรือให้คนอื่นขึ้น แล้วตามฉันมา!”
“งื้อออ!!”
เด็กทั้งสี่ต่างมานั่งบนเรือเดียวกับชายชรากันอย่างเซ็ง ๆ ที่อยากนั่งกันอย่างสบาย ๆ แต่ก็โดนจับมานั่งกลุ่มใหญ่ซะงั้น เรือแต่ละลำเริ่มแล่นออกตัวเดินทางไปยังปราสาท อบิเกลเงยหน้ามองปราสาทที่จะเป็นโรงเรียนที่เธอต้องเรียน ตลอดหลายปีเธอก็เรียนรู้อะไรมาเยอะ ตั้งแต่เวทมนตร์คาถา สูตรปรุงยา โลกภายนอกที่เธอสัมผัสมีอะไรเยอะกว่าในกรอบโรงเรียนเสียอีก แต่ทำไงได้เธอต้องทำตามที่กระทรวงต้องการถึงจะไปทำงาน พอนั่งครบทุกลำแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางไปพร้อมกัน เสียงน้ำไหลไปตามเส้นทางที่เรือกำลังแล่นผ่าน อบิเกลมองน้ำที่สะท้อนกับท้องฟ้าที่สวยงาม แต่แล้วก็มีแสงบางอย่างสะท้อนกับน้ำ นั้นก็คือ ปราสาทที่พวกเขาเห็นตอนแรก พอเริ่มเข้าใกล้มากขึ้นก็ยิ่งรู้สึกอลังการกว่าเดิมที่จะได้เห็นปราสาทใหญ่ที่เป็นสถานที่สำหรับการเรียนหนังสือ เรือแต่ละลำกำลังแล่นผ่านลอดใต้ปราสาทไปยังทางขึ้นฝั่งที่บันไดอยู่ แฮกริดขึ้นก่อนเป็นคนแรก ก่อนจะพาเด็ก ๆ ขึ้นมาทีละคน อบิเกลขึ้นก่อนเป็นคนแรก ๆ ก็เลยได้รอเพื่อนของตัวเองที่กำลังขึ้นมา ก็เจอกับอีกคนที่เคยเจอกันที่ร้านมาดามมัลกิ้น
“อ๊ะ! ลูน่า!”
“หือ?” ลูน่าเงยหน้าก็เห็นเพื่อนใหม่ของเธอทันที “แงงงง อบิเกลลลลล!!”
ลูน่ารีบพุ่งเข้ามากอดอบิเกลพร้อมกับพูดซ้ำไปซ้ำมากว่ากลัวที่มืด ทำเอาเธอปลอบใจอีกฝ่าย
“งื้ออออ น่ากลัวอ่ะ...”
“ไม่ต้องกลัวนะ ไปด้วยกันนะ”
“อืมมมมมม”
ลูน่ากอดอบิเกลอย่างหวาดกลัวกับสภาพโรงเรียน เธอไม่นึกว่าสภาพตอนกลางคืนจะเหมือนกับบ้านผีสิงแบบนี้ สกอร์เปียสที่อยู่ข้าง ๆ ก็มองคนใหม่ที่เข้ามากอดอบิเกลอย่างสงสัยว่าเป็นใครกัน แล้วมาสนิทกับอบิเกลได้ไง
“ไปรู้จักกันตอนไหนนะ?”
“อ๊ะ!” ลูน่าสะดุ้งตกใจเสียงคนแปลกหน้า เธอก็เงยหน้าก็เห็นคนที่เธอไม่คาดคิดจะเจอก่อนจะแอบทันที “อบิเกล...ทำไม...คนบ้านมัลฟอยถึงอยู่กับเธอนะ...”
“เรารู้จักกันตอนอยู่ที่รถไฟนะ ก็เป็นเพื่อนชายคนแรกของฉันนะ” อบิเกลแนะนำสกอร์เปียสให้ลูน่ารู้จัก
สกอร์เปียสได้ยินว่าตัวเองเป็นเพื่อนชายคนแรกของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาหน้าแดงขึ้นมานิดหน่อย ลูน่าเห็นท่าทางอีกฝ่ายที่มีต่ออบิเกลด้วยดวงตาที่ดูอ่อนโยนนั้น ทำให้สงสัยว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่บอกว่าบ้านมัลฟอยเป็นคนไม่ดี มันต่างจากที่เธอรู้จริง ๆ เหมือนกับตอนของอบิเกลไม่มีผิด
“เอ่อ...ฉัน ลูน่า ลองบัตท่อม...ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ลูน่าแอบมองอย่างเขิน ๆ
“ฉัน สกอร์เปียส มัลฟอย ยินดีที่ได้รู้จักนะ คุณลองบัตท่อม”
“ค่ะ...” ลูน่าแอบหลังของอบิเกล เพราะเธอเป็นคนขี้อายพอตัว
ระหว่างที่ทั้งสามคุยกันก็มีสายตาไม่พอใจที่เด็กหญิงผมดำดูมีความสุขมากกว่าสิ่งใด โดยที่ไม่รู้ว่าอาของเธอนั้นทำอะไรไว้มั้ง แฮกริดพานักเรียนใหม่ขึ้นฝั่งกันหมดแล้ว เขาก็นำทางพวกเด็กขึ้นไปยังข้างบนเพื่อตรงไปยังห้องอาหารใหญ่ พวกเขาขึ้นบันไดแต่ละขั้นกันมาอย่างตื่นเต้น ภาพบนกำแพงที่มีบุคคลอยู่ภายในบ้าน แล้วกำลังเคลื่อนไหวนั้นพวกเขาต่างพากันยินดีที่มีนักเรียนชั้นใหม่มาเยี่ยงยังโรงเรียน ทุกคนต่างพากันเดินจนมาถึงประตูบานใหญ่ แฮกริดให้เด็ก ๆ ยืนอยู่กับที่ก่อนจะเดินไปเคาะประตูบานใหญ่ แล้วหมุนตัวมาหาพวกเด็ก ๆ
“เหล่าปี 1 ทั้งหลาย ยินดีต้อนรับสู่ฮอกวอตส์!”
แฮกริดพูดจบประตูตรงหน้าก็เปิดกว้างขึ้น เด็ก ๆ ต่างพากันตาโตอย่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้าที่มีเพดานที่มีท้องเมฆ เทียนลอยอยู่ อบิเกลเคยอ่านว่าโรงเรียนนี้มีเพดานเวทมนตร์ด้วย แต่เธอไม่นึกว่าจะอลังการแบบนี้จนเธอเอ่ยในใจว่าสวย สวย สวย และก็สวยอย่างเดียว ทุกคนต่างเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเห็นมีโต๊ะยาวสี่แถว พวกนักเรียนที่ดูจะเป็นรุ่นพี่นั้นใส่ชุดนักเรียนที่มีสีต่าง ๆ สำหรับอบิเกลที่เคยอ่านและได้ยินจากอาของเธอว่าฮอกวอตส์นั้นมีทั้งหมดสี่บ้านตั้งแต่เรเวนคลอสีน้ำเงิน กริฟฟินดอร์สีแดง ฮัฟเฟิลพัฟสีเหลือง และบ้านสุดท้ายสลิธีรินสีเขียว อบิเกลบ้านสีเขียวนั้นก็มีแต่บุคคลที่ดูมืดมน คงสมกับที่เป็นบ้านที่มีแต่คนเคยเป็นพ่อมดแม่มดดำอยู่บ้านนั้น
‘น่าสงสารบ้านเขียวชอบกล...’ อบิเกลคิด
เหล่านักเรียนใหม่ต่างเดินกันจนมาถึงลานกว้างที่ทุกคนต่างเดินกันมาเรียงแถวยืนออกันเป็นกลุ่มใหญ่ ตรงหน้ามีโต๊ะยาวที่มีผู้ใหญ่นั่งกันอยู่ แต่ละคนนั้นต่างดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ อบิเกลกำลังมองพวกผู้ใหญ่อยู่นั้นลูน่าก็ยิ้มและโบกมือให้คนคนหนึ่ง อบิเกลหันไปมองก็มองคนที่แอบโบกมือให้ลูน่า ทำเอาอบิเกลคิดเลยว่าต้องเป็นใครที่อีกฝ่ายรู้จัก แต่ใบหน้าก็พอเดาออกนั้นล่ะ
“คุณพ่อเหรอ?”
“อ๊ะ...อืม...”
“ไม่นึกว่าพ่อของเธอจะเป็นอาจารย์ด้วยนะ”
“อืม ครั้งที่แล้วฉันไม่ได้บอกนะ อย่างเข็มกลัดนี้นะ พ่อฉันให้ก่อนที่จะเข้าเรียนนะ”
“ถึงได้รักมากสินะ ตอนนั้นถึงพยายามจะหยิบให้ได้นะ”
“ใช่แล้วล่ะ” ลูน่ายิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะกอดแขนของอบิเกลอย่างสนิทสนม
คนเป็นพ่อมองลูกสาวที่กำลังกอดแขนกับเพื่อนใหม่ เขาก็ยิ้มอย่างดีใจที่ลูกสาวนั้นได้เพื่อนใหม่เร็วแบบนี้ ก่อนที่หญิงชราคนหนึ่งจะลุกขึ้นเด็ก ๆ ทุกคนต่างพากันมองหญิงชราที่ใส่ชุดเดรสยาวสีดำและทรงผมต่ำมัดเป็นซาลาเปา
“สวัสดีเหล่านักเรียนใหม่ ทุกคน ฉันเป็นศาสตราจารย์ใหญ่ของโรงเรียนฮอกวอตส์ มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล”
‘คนนี้เหรอ? ศาสตราจารย์ใหญ่...ดูเป็นหญิงชราที่ดูสง่างามจัง...’ อบิเกลคิด
สายตาของเธอจับจ้องศาสตราจารย์ใหญ่มิเนอร์ว่าอย่างหลงใหลความสง่างามของอีกฝ่าย ทำเอาคนที่โดนจ้องเลื่อนสายตามองเด็กน้อยที่มองเธอด้วยสายตาที่ทำให้เธอเขินเล็กน้อย แต่ไม่แสดงออกก่อนจะยิ้มอ่อน ๆ ให้เด็กน้อย อบิเกลเห็นแบบนั้นก็หันหน้าหนีอีกฝ่ายทันที
‘ศาสตราจารย์ใหญ่มองมาที่เราด้วย...เขินจัง...’
“ยินดีต้อนรับพวกเธอทุกคนที่มาสู่รั่วโรงเรียนแห่งนี้ กฎของโรงเรียนจงทำตาม ข้อห้ามก็มีหลายอย่าง แต่ที่เน้น ๆ ก็คือห้ามเข้าไปในป่าต้องห้ามเด็ดขาด ขอให้เข้าใจกันด้วยนะ เด็ก ๆ”
“ครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะ งั้นรองศาสตราจารย์บลัดเวิร์ทช่วยดำเนินต่อด้วย”
“ครับ ศาสตราจารย์ใหญ่” ชายที่ถูกเรียกว่ารองศาสตราจารย์มีใบหน้าอันหล่อเหลาทรงผมเรียบ ทำเอาเด็ก ๆ ที่เห็นถึงกับหลงใหล ก่อนที่เขาจะเอ่ยพูดขึ้น ”นำสิ่งนั้นเข้ามา”
สิ้นเสียงก็มีคนกำลังถือเบาะที่มีบางอย่างวางอยู่นั้นก็คือหมวกแม่มด ทำเอาอบิเกลมองอย่างสนใจ เพราะหมวกนั้นคือหมวกคัดสรรที่อาสก็อตเคยเล่าว่ามันจะบอกได้ว่าใครจะอยู่บ้านไหน ก่อนที่คนถือจะมาหยุดอยู่ข้าง ๆ รองศาสตราจารย์
“สวัสดีเด็ก ๆ ฉันบาสเตียน บลัดเวิร์ทเป็นรองศาสตราจารย์ของที่นี่ ฉันจะเรียกชื่อคนใดคนหนึ่งออกมา แล้วเราจะให้หมวกคัดสรรเลือกบ้านให้พวกเธอ ใครถูกเรียกก็มานั่งที่เก้าอี้ตรงนี้เลยนะ” บาสเตียนยิ้มให้เด็ก ๆ พร้อมกับกางม้วนกระดาษออกมาเพื่ออ่าน “เอาล่ะงั้นขอเริ่มเลยนะ”
เด็กปีหนึ่งต่างพากันตื่นเต้นกับการคัดเลือกนี้ว่าตัวเองจะอยู่บ้านไหนกัน แต่อบิเกลไม่รู้สึกแบบนั้น เธอกังวลมากกว่าว่าถ้ามีคนรู้นามสกุลของเธอจะมีคนเกลียดเธอแค่ไหนกัน เสียงของรองศาสตราจารย์ดังอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเสียงของหมวกคัดสรรที่ตอนแรกอบิเกลไม่นึกว่ามันจะขยับได้และพูดได้ด้วย ทำเอาอบิเกลมองอย่างสงสัยว่ามันทำงานด้วยเวทมนตร์ชนิดไหนจนถึงชื่อของลูน่า ทำเอาเธอสะดุ้งจนตัวสั่นไหมหมด
“ตา...ตาฉัน...แล้ว...” น้ำเสียงของลูน่าสั่นกลัวยิ่งกว่าอะไร
อบิเกลหันไปมองอีกฝ่ายที่ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าอะไรจนเธอลูบหลังอีกฝ่ายเบา ๆ “ไม่ต้องกังวลหรอก รีบไปจะได้เสร็จ ๆ นะ”
“อืม...” ลูน่าพยักหน้าพร้อมกับเดินไปตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พอเดินไปข้างหน้านั้นเธอก้าวขาไปข้างหน้าก็สะดุ้งขั้นบันไดซะงั้น “กรี๊ดดดด!!”
ตึง!!
เสียงล้มดังก้องไปทั้งห้องโถงใหญ่นั้น ทำเอาทุกคนต่างอึ้งกับสิ่งที่เกิด แต่ก็มีบางคนแอบขำอย่างสนุก แต่ก็มีบางคนไม่ชอบใจกับการหัวเราะแบบนั้น เช่นอบิเกลที่เห็นเพื่อนของเธอล้มไปแบบนั้น
“ลูน่า!!” อบิเกลรีบออกจากตรงนั้นแล้วไปหาเพื่อนทันที
“สาวน้อยไม่เป็นไรนะ!” บลัดเวิร์ทถามเด็กน้อยอย่างสงสัย
“ลูน่า!!” คนเป็นพ่อรีบออกจากโต๊ะพร้อมกับวิ่งไปหาลูกสาว “ลูกไม่เป็นอะไรนะ!?”
ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็ต่างพากันซุบซิบว่าอาจารย์ตรงหน้าเป็นพ่อของเด็กสาวที่ล้มงั้นเหรอ ลูน่าได้ยินเสียงพ่อก็ค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นอย่างช้า ๆ
“เจ็บ อ๊า~” ลูน่าพูดพร้อมน้ำตาไหลไปด้วย
“ลูน่าไม่ได้เป็นอะไรนะ?”
“ไม่รู้สินะ...แต่...แสบ ๆ ที่หน้าผากนะ...” ลูน่าเงยหน้ามามองอบิเกลนั้น
อบิเกลกับพ่ออีกฝ่ายเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจทันทีว่าหน้าผากอีกฝ่ายนั้นมีเลือดซึมออกมา
“ลูน่า ลูก...มีเลือดไหล!!”
“เลือด?” ลูน่าได้ยินแบบนั้นก็ค่อย ๆ เอามือยกขึ้นสัมผัสหน้าผากของตนเอง แล้วยกลงมาดูก็เห็นเลือดที่เลอะมือของเธอ “ละ...เลือด...”
“เดียวพ่อรักษาให้นะ!!” คุณลองบัตท่อมกำลังจะหยิบไม้กายสิทธิ์แต่เขาลืมไปว่าวางไว้ที่โต๊ะ
อบิเกลรีบหยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอออกมา “รองศาสตราจารย์บลัดเวิร์ทค่ะ หนูขอรักษาเพื่อนหนูก่อนนะคะ”
“เอ๊ะ...!” บลัดเวิร์ทมองอย่างสงสัยว่าเด็กน้อยพูดอะไรนะ
อบิเกลไม่ฟังคำอนุญาตก็ร่ายคาถาออกมา “เอพิสกี้ (Episkey) ”
เวทมนตร์เริ่มทำงานแผลบนหน้าผากของลูน่าก็ค่อย ๆ สมานอย่างช้า ๆ ทำเอาทุกคนที่อยู่ตรงนั้นทั้งหมดต่างพากันตกใจจนอุทานออกมา
“เอออออออออ๋!?”
อบิเกลหันไปมองอย่างสงสัยว่าทำไมต้องอุทานกันเสียงดังแบบนั้น มันก็แค่คาถารักษาเอง คุณลองบัตท่อมมองอย่างสงสัยเลยว่าเด็กหญิงคนนี้ทำไมถึงใช้คาถาได้อย่างดีแบบนั้น จนรองศาสตราจารย์ที่อยู่ตรงนั้นถึงกับเอ่ยถามขึ้น
“นี่เธอ...ร่ายคาถานั้นได้ไงกัน?”
“เอ๋?” อบิเกลเงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างสงสัย “ก็...เวทพื้นฐานไม่ใช่เหรอคะ?”
“เด็กน้อย...ใครบอกเธอว่าเป็นเวทพื้นฐานกัน?”
“เอ๋?”
“เพราะเวทที่เธอใช้นั้น ต้องฝึกตั้งแต่อยู่ปี 4 ขึ้นไปนะ สาวน้อย...”
“เอ๋!?” อบิเกลถึงกับอ้ำอึ้งยิ่งกว่าอะไร “เออออออออออ๋!?”
“ไว้ค่อยคุยกันดีกว่านะ” มักกอนนากัลเอ่ยขึ้น เธอจ้องมองมาทางเด็ก “เราค่อยคุยกันดีกว่านะ ตอนนี้ยังมีเด็กต้องได้รับการคัดเลือกอีกนะ”
“อ๊ะ...ครับ...งั้นคุณลองบัตท่อมขึ้นมานั่งได้เลย”
“คะ...ค่ะ...”
“ลูกไม่เป็นอะไรแน่นะ?”
“ค่ะ...หนูดีขึ้นแล้ว พ่อไปนั่งที่เหมือนเดิมเถอะค่ะ...”
“งั้นก็ได้…” ลองบัตท่อมมองหน้าลูกสาว เขาลุกขึ้นแล้วหันไปหาเด็กหญิงที่ช่วยลูกเขา “ขอบคุณเธอนะที่ช่วยลูน่า”
“แค่นี้เองค่ะ”
ลูน่าเห็นพ่อกับขอบคุณอีกฝ่าย เธอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปหาอบิเกล “ขอบคุณนะ...”
“อืม ทำที่พอช่วยได้ล่ะนะ”
“คิก ๆ” ลูน่ายิ้มอ่อน ๆ แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้
อบิเกลเดินกลับมาที่เดิมของเธอ ทำเอาคนอื่น ๆ ต่างมองเธออย่างกับคนดัง ทำเอาอบิเกลรู้สึกเกร็ง ๆ แต่แล้วเสียงของหมวกคัดสรรก็ทำให้มีเสียงฮือฮาเกิดขึ้น
“คัดไปอยู่สลิธีริน!!”
“โอ้!!!”
“เอ๋!!” ลูน่าได้ยินถึงกับอึ้งกับคำตอบนั้น “มันต้องผิดแน่ ๆ ฉัน...ฉันอ่อนแอจะตายไป!! ฉันไม่ได้เหมาะกับบ้านสลิธีรินเลยนะ!”
“โทษทีสาวน้อย การคัดเลือกของฉันเป็นธรรมที่สุด ขอให้โชคดีกับการอยู่บ้านสลิธีริน!”
ลูน่าหันไปหาคนเป็นพ่อที่อยู่ด้านหลัง เขามองด้วยสีหน้าที่ขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าลูกของตนเองทำไมไปอยู่บ้านสลิธีรินได้ ลูน่าเห็นสีหน้าของพ่อก็ทำเอาเธอหน้าซีดอย่างบอกไม่ถูกว่าพ่อเธอเหมือนไม่พอใจที่เธอได้อยู่บ้านสลิธีริน เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นไปทั้งหน้าตาหงอย ๆ ไปยังบ้านสลิธีริน อบิเกลสงสารอีกฝ่ายที่ดูเหมือนไม่ชอบที่จะต้องอยู่บ้านสลิธีริน แต่ดันกลายเป็นตัวเองไปอยู่บ้านที่ไม่ชอบซะงั้นและแล้วชื่อที่เธอไม่อยากได้ยินก็ดังขึ้น
“ฮิวโก้ วีสลีย์!”
“หึ ๆ ไม่ต้องเดาเลย ฉันได้อยู่บ้านกริฟฟินดอร์แน่ ๆ”
ฮิวโก้เอ่ยพูดพร้อมกับเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อน ๆ พร้อมกับเอาไหล่จนพวกอบิเกล ทำเอาเธอมองตาขวางใส่อีกฝ่าย
“ไอ้หมอนี้!!”
ฮิวโก้เดินตรงไปข้างหน้าแล้วนั่งลงอย่างชอบใจ บลัดเวิร์ทวางหมวกบนหัวของฮิวโก้ หมวกคัดสรรครุ่นคิดไม่นานก็ประกาศออกมาทันใด
“กริฟฟินดอร์!!”
เสียงตบมือของบ้านกริฟฟินดอร์ดังอย่างชอบใจพร้อมกับมีพี่น้องผมแดงอยู่บ้านหลังนั้นเช่นกัน อบิเกลหันไปมองก็ไม่ชอบใจท่าทางที่ดูมั่นหน้าแบบนั้นของอีกฝ่าย ไม่นานนักชื่อต่อไปก็เป็นชื่อของคนข้าง ๆ
“สกอร์เปียส มัลฟอย!”
ทุกคนต่างพากันนิ่งเงียบเมื่อได้ยินนามสกุลนั้น ทุกคนต่างจ้องมองด้วยสายตาไม่ชอบใจกับคนนามสกุลนี้ สกอร์เปียสค่อย ๆ เดินออกไปอย่างช้า ๆ ก็มีคนซุบซิบว่ามองยังไงลักษณะของสกอร์เปียสก็คือคนบ้านมัลฟอย เพราะสีผมที่เป็นจุดเด่นของบ้านมัลฟอย อบิเกลได้ยินแบบนั้นก็สงสัยเลยว่าครอบครัวอีกฝ่ายมีคนสีผมอ่อนแบบนั้นกี่คน สกอร์เปียสนั่งลงไม่นานพอรองศาสตราจารย์บลัดเวิร์ทวางหมวกลงหมวกคัดสรรก็ตะโกนทันที
“สลิธีริน!!”
“โห!!!”
ทุกคนถึงกับตะลึงว่าวางหมวกไม่ถึงนาที หมวกคัดสรรก็ประกาศอย่างรวดเร็ว อบิเกลถึงกับอึ้งเลยที่เพื่อนเธอสองคนไปอยู่บ้านหลังนั้นไปแล้ว ทำเอาเธออยากไปอยู่บ้านหลังนั้นมั้งเลย คนก็ค่อย ๆ หายไปทีละคนสองคนจนกระทั่งถึงเธอเป็นคนสุดท้ายซะงั้น ทำเอาเธอเกร็งไปหมดที่ทุกคนต่างมองด้วยความสนใจที่เด็กสาวที่มีความสามารถในเวทมนตร์คาถาจะไปอยู่บ้านไหน รองศาสตราจารย์บลัดเวิร์ทเห็นชื่ออีกฝ่ายก็ยิ้มอย่างชอบใจ ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้น
“คนสุดท้าย อบิเกล เมอร์รัล!”
จบตอนที่ 6 โปรดติดตามตอนที่ 7 ต่อไป
Comments (0)