ตอนที่ 3 การพบหน้าที่โคตรอึดอัดใจ

คำเรียกที่คุ้นเคยจนติดหู ท่านรัฐมนตรี เป็นคำเรียกบุคคลที่มีตำแหน่งสูงมากๆ แล้วอบิเกลรู้จักตำแหน่งนี้เป็นผู้ดูแลกระทรวงเวทมนตร์ ท่านรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ เธอไม่เคยท่านผู้นี้มาก่อนเลย จนต้องค่อยๆ โผล่หน้าออกมาจากหลังของอาเพื่อดูใบหน้าของท่านรัฐมนตรี พอโผล่หน้าออกมามองเธอก็เห็นหญิงสาวที่ดูงดงามราวกับภาพวาดกำลังจ้องมองอาของเธอ อบิเกลเห็นอีกฝ่ายก็ดูสนใจคนคนนี้ขึ้นมา แต่สายตาของเธอก็ขยับไปเห็นเด็กชายกับเด็กหญิงที่มีสีผมสีเดียวกันรวมไปถึงชายที่อยู่ข้างๆ ที่มีผมสีแดงแล้วมีใบหน้าอันโกรธเคืองเมื่อจ้องมองสก็อตอย่างไม่ชอบใจ อบิเกลเงยหน้ามองอาของเธออย่างเป็นห่วง

 

‘อาสก็อต...’ อบิเกลคิด

 

สก็อตจ้องมองด้วยเขาด้วยสายตาที่ไม่สนใจว่าพวกเขาจะมองด้วยสายตาแบบไหน เพราะเขาชินชากับสายตานั้นแล้ว ตอนนี้เขาเลยนิ่งไม่สนใจว่าพวกเขาจะพูดอะไรหรือจะทำร้ายจิตใจเขาแค่ไหน ก่อนที่เขาจะเป็นคนพูดก่อนขึ้นมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายพาเด็กน้อยทั้งสองมาที่ร้านไม้กายสิทธิ์

 

“พาลูกชายกับหลานสาวมาเลือกไม้กายสิทธิ์สินะครับ”

“เห็นก็น่าจะรู้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขึ้น

“โทษทีถามไม่คิดครับ!” สก็อตกล่าวอย่างนิ่งๆ

“แล้วแกล่ะ!” เสียงชายอีกคนพูดขึ้น “มาทำอะไรที่นี่!”

สก็อตหันไปมองชายที่อยู่ข้างๆ เฮอร์ไมโอนี่ เขาจำใบหน้าอีกฝ่ายได้อย่างดีกับสายตาที่อีกฝ่ายไม่ไว้ใจเขา

“ฉันมาทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณหัวหน้ามือปราบมาร วิสลีย์” สก็อตเอ่ยพูดขึ้น แต่ประโยคสุดท้ายเขากับพูดเน้นคำออกมาเหมือนพาเรื่องอีกฝ่าย

“แก!”

“ใจเย็นๆ ที่รัก” เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองสามีของตน

“ชิ! ถ้าภรรยาฉันไม่ห้ามนะ ฉันเล่นงานนายแน่ๆ”

อบิเกลจ้องมองอาของเธอที่หาเรื่องอีกฝั่ง แต่เธอก็แอบขำสิ่งที่ฝั่งตรงข้ามพูด เหมือนชายผมแดงจะกลัวภรรยาของตนเองจนเธอเกิดหลุดขำออกมาเล็กน้อย

 

‘คิกๆ เหมือนสมัยก่อนเลยแฮะ...เอ๋...’

สิ่งกระตุกต่อมข้อสงสัยของอบิเกลขึ้นมา เธอประหลาดใจที่จู่ๆ ตัวเองคิดอะไรออกมา เธอไม่ได้รู้จักชายตรงหน้าสักหน่อย

‘ทำไมฉันถึงคิดแบบนั้นกัน?

 

ใบหน้าอันเล็กจ๋อยกับขมวดคิ้วอย่างสงสัยว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันคืออะไร จนผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ กับมองเธอสงสัยว่าทำไมเด็กน้อยถึงมีสีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไร จนเธอต้องเดินไปข้างๆ แล้วพร้อมกับกระซิบเบาๆ

“เป็นอะไรจ๊ะ? อบิเกล”

อบิเกลเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่รู้สึกหงุดหงิดความคิดของเธอหน่อยๆ “เดลล่า...หนูรู้จักพวกเขาหรือเปล่า?

“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?

“ไม่รู้...หนูรู้สึก...เหมือนรู้จัก...แต่จำไม่ได้...”

เดลล่าได้ยินคำพูดของอบิเกล สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย ย่อตัวลงไปหาเด็กน้อยพร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าเด็กน้อยเบาๆ

“แอ็บบี้ ถ้าจำอะไรได้บอกฉันนะ...”

“จำ...หนูจะจำได้เหรอ?อบิเกลนึกถึงครั้งแรกที่เธอจำความได้ก็คือเธออยู่กับอาสก็อตมาตลอด เรื่องในอดีตนั้นเธอจำอะไรไม่ได้สักอย่าง

“สักวันหนูต้องจำได้ จำใบหน้าของพ่อแม่และพี่น้องหนูได้” เดลล่ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่เป็นกำลังใจให้เด็กน้อยของเธอ

อบิเกลเห็นรอยยิ้มนั้นเธอก็ยิ้มตอบ “ค่ะ!”

ทั้งสองคนต่างคุยกันโดยไม่ได้สนใจรอบข้างว่าจะมีคนสนใจพวกเธอไหม จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่เห็นเดลล่านั่งย่อตัวคุยกับใครที่อยู่ข้างหลังสก็อตทำให้เธอต้องพูดขึ้นอย่างระแวง

“เธอคุยกับใครนะ? เดลล่า”

“อ๊ะ!!” เดลล่าสะดุ้งขึ้นมาก่อนจะชะโงกหน้ามามองอีกฝ่ายที่เรียกตัวเธอ นั้นทำให้เธอรีบลุกขึ้นมาทันที “คือว่า...ไม่มีอะไรนะ ฉันแค่ผูกเชือกรองเท้านะ”

สายตาของเฮอร์ไมโอนี่มองลงตำที่รองเท้าอีกฝ่ายเป็นแบบสวมมันจะมีเชือกรองเท้าได้

“โกหกให้มันเนียนหน่อยได้ไหม? เดลล่า”

“อ๊ะ!! ฉัน...” เดลล่าถึงกับกังวลขึ้นมาจนตัวสั่น

อบิเกลเห็นเดลล่าประหม่าจนพูดไปต่อไม่ได้แล้ว ทำให้เธอคิดว่าจะต้องช่วยอีกฝ่ายสักหน่อย จนเธอค่อยๆ เดินออกมาจากหลังของอาสก็อต

“หนูเป็นคนที่คุยกับคุณแม่อยู่ค่ะ”

“แม่?เดลล่าหน้าแดงที่เด็กน้อยเรียกเธอว่าแม่

“แอ็บ!” สก็อตมองหลานสาวที่ออกมาโดยขัดคำสั่งของเขา

“!!”

สายตาทุกคู่จ้องมองอบิเกลเป็นตาเดียวกันอย่างตกใจกับใบหน้าของเด็กหญิงที่คล้ายกับใครบางคนที่ตระกูลวิสลีย์รู้จัก

”หนูชื่ออบิเกล เมอร์รัล” อบิเกลแนะนำตัวพร้อมกับจับกระโปรงถอนสายบัวให้ผู้ใหญ่ตรงหน้า เงยหน้ามาพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนโยน “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

เมื่อพวกเขาได้ยินชื่อเด็กน้อยก็ทำให้สองสามีวิสลีย์ตาโตขึ้นมาอย่างตกใจที่ชื่อเด็กน้อยยังคล้ายกับคนที่พวกเขารู้จักอีก

“อบิ...เกล...” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยชื่อเด็กอย่างอ้ำอึ้ง เธอไม่คิดว่าจะได้ยินชื่อนี้จากบุคคลใกล้ตัวของชายที่เธอรังเกียจที่สุด

“ก็อย่างที่หนูพูดนะคะ หนูกำลังคุยกับคุณแม่ แล้วพอดีคุณพ่อเขาบังตัวหนูไว้ เลยไม่ค่อยสะดวกในการคุยตรงๆ ถึงได้แอบคุยกันนะคะ คงไม่ว่าอะไรกันนะ?

สายตาอบิเกลจับจ้องพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่อยากให้พวกเขาถามอะไรเยอะจนน่ารำคาญใจ

“คุณแม่? คุณพ่อ?เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำที่เด็กน้อยเรียกสองคนตรงหน้าของเธอว่าพ่อแม่

“ค่ะ!” อบิเกลขานตอบทันที

 

ทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังเธอถึงกับหน้าแดงไปตามๆ กันที่เด็กน้อยเรียกพวกเขาว่าพ่อแม่ เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเด็กน้อยอย่างสงสัยและครุ่นคิดว่าทำไมความรู้สึกที่จ้องมองเด็กน้อยมันช่างคล้ายกับหลานสาวของเธอที่ตายไปขนาดนี้ แต่สามีของเฮอร์ไมโอนี่กับไม่พอใจที่อีกฝ่ายตั้งชื่อลูกตัวเองว่าอบิเกล

 

“แก...กล้าตั้งชื่อลูกสาวว่าอบิเกล! มันจะมากไปแล้วนะ!!” วิสลียืกำหมัดแน่นอย่างโกรธเกรี้ยว

สก็อตเห็นว่าอีกฝ่ายโกรธจังขึ้นมา เขารีบเอาตัวมาบังอบิเกลทันที “ถ้าพี่จะโกรธ พี่รอน!! มาลงที่ผมอย่ายุ่งกับเด็กคนนี้ ผมตั้งชื่อนี้ให้ เพราะเป็นชื่อที่ผมรัก พอๆ กับพวกพี่ที่รักพวกเขาเหมือนผม”

“หุบปากของแกไปเลย สก็อต! แล้วอย่ามาเรียกพวกเราที่ว่าพี่!!”

สก็อตถึงกับคอตกขึ้นมาทันที อบิเกลมองอาที่คอตกไปก็สงสารอาที่คนพวกนั้นทำร้ายจิตใจของอาจนเธอขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ เฮอร์ไมโอนี่เห็นใบหน้าเด็กน้อยมันยิ่งเหมือนคนรู้จักของเธอขึ้นทุกทีเวลาโกรธไม่พอใจใคร

 

‘แฮร์รี่!’ เฮอร์ไมโอนี่คิด

 

“ฉันล่ะ เกลียดขี้หน้านายมาตลอด ฉันบอกแฮร์รี่แล้วว่านายไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด!! แต่แฮร์รี่ก็เชื่อใจแก!!”

“พอได้แล้ว รอน!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนให้สามีตัวเองหยุดพูด

“จะให้มันลืมเหรอ?! เฮอร์ไมโอนี่!! มันได้มรดกของแฮร์รี่ไปหมด!! มันต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นด้วยแน่ๆ!! ที่ทำให้ครอบครัวพอตเตอร์ต้องตายไปนะ!!” รอนตะโกนชี้หน้าใส่สก็อตทันที

สก็อตถึงกับสตั๊นไปกับคำพูดอีกฝ่ายที่พูดถึงชายที่เขาอยากจะลืมแต่ลืมไม่ลง

“!!” อบิเกลได้ยินถึงกับตกใจกับคำพูดของชายผมแดง

 

เธอรู้ว่าครอบครัวพอตเตอร์คือครอบครัวของมหาจอมเวทอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์ ชายที่มีวีรกรรมที่กล้าหาญมากๆ แล้วครอบครัวพอตเตอร์ตายเหมือนหลายปีก่อน เพราะฝีมือของใครบางคน ข่าวลือมากมายกระจายไปทั่วว่าอาจจะเป็นพ่อมดดำที่ต้องการฆ่าแฮร์รี่ จึงฆ่าครอบครัวของเขาด้วยทำให้ครอบครัวฝ่ายภรรยาของแฮร์รี่เสียใจ อบิเกลพึ่งคิดได้ว่าครอบครัวของภรรยาเป็นคนนามสกุลวิสลีย์ เธอจ้องมองคนตรงหน้าถึงได้รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงโกรธอาของเธอ แต่ก้ยังสงสัยว่าอาของเธอเกี่ยวข้องอะไรด้วยกันแน่

 

“อาสก็อต...” อบิเกลเรียกอีกฝ่ายเบาๆ

“ฉันรู้ว่าพวกนายโกรธเคืองที่ฉันได้มรดกของพี่มา...แต่...ฉันก็ไม่เคยเอามาใช้ เพราะเหตุผลที่พี่เขาสั่งไว้...” สก็อตกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง เขาหลับตาลงพร้อมกับหันไปหาอบิเกล “พวกนายจะโกรธเกลียดฉันก็ได้...แต่เด็กคนนี้ไม่เกี่ยว!”

“ไม่เกี่ยว! คิดงั้นเหรอ? หึ!” รอนจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่พอใจแล้วขบขันที่อีกฝ่ายพูด “อีกไม่นานใกล้ถึงวันเปิดเรียนวันนั้นคงได้เห็นล่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น!!”

“!!” สก็อตขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจทันที

“อ๋อ แล้วก็ใกล้ถึงวันแข่งขันของกระทรวงคงได้เห็นอะไรดีๆ อย่างการเห็นนายตัวแบนต่อหน้าฉันล่ะนะ”

“หือ!!” คำพูดอีกฝ่ายทำให้อบิเกลเคืองขึ้นมาทัน เมื่อเขาพูดว่าอาของเธอจะแพ้การแข่งกับเขา

“ใครกันแน่ที่จะแบนนะ? รอน ฉันจะรอดูใครจะแบนก่อนละกันนะ? นายหอยทาก!”

พอได้ยินว่านายหอยทาก ทำเอาใบหน้าที่เป็นสีขาวกับขึ้นแดงอย่างโกรธเคืองมากๆ

“แกเรียกใครว่านายหอยทากกัน!!” รอนหยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาในทันที

อบิเกลเห็นแบบนั้นก็รีบพุ่งมาตรงหน้าพร้อมกับหยิบไม้กายสิทธิ์ของตนเองออกมาโดยทันที จนพวกผู้ใหญ่ตรงน่าตกใจที่เด็กน้อยมีไม้กายสิทธิ์ได้

“ถ้าทำร้ายพ่อหนูแม้แต่นิดเดียว หนูจะเสกให้คุณกลายเป็นสัตว์เลยค่อยดู!”

พวกเขาจ้องมองเด็กน้อยถือไม้กายสิทธิ์ก็แอบตกใจที่ไม้นั้นหน้าตาคล้ายไม้ที่พวกเขาเคยเห็นว่ามันโดนทำร้ายไปแล้ว โอลิแวนเดอร์เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทุกอย่างเขาก็กระแอมขึ้นมาในทันที

“อึกฮืด!”

ทุกคนหันไปมองโอลิแวนเดอร์ในทันที

“นี่ร้านฉัน ฉันขี้เกียจซ่อมแซมกันใหม่นะ เจ้าหนูทั้งหลาย”

“ถึงเวลากลับ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับทุกคนก่อนจะพาเด็กๆ ออกไป

รอนเก็บไม้กายสิทธิ์ของตนก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับชนไหล่ของสก็อตหนึ่งครั้ง แต่ถึงโดนแบบนั้นสก็อตก็ไม่ตอบโต้แต่อย่างใด พอพวกเขาทั้งสี่ออกไป อบิเกลก็โวยวายออกมาทันทีอย่างไม่พอใจมากๆ

“อ๊า!! พวกนั้นคิดว่าตัวเองเป็นคนใหญ่คนโตแล้วจะเล่นงานคนอื่นได้เหรอ!? อาก็อีกคนไม่ต่อสู้อะไรเลย!!”

“ทำไงได้ล่ะ? ถ้าตอบโต้ เราก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบมากกว่านะ”

“อ๊าาาาาาาาา!! ไอ้พวกมีอำนาจเว้ย!!!” อบิเกลตะโกนลั่นร้านไม้กายสิทธิ์

พวกผู้ใหญ่แอบขำท่าทางของเด็กน้อยที่กำลังโวยวายผู้ใหญ่ โอลิแวนเดอร์มองเด็กน้อยอย่างเอ็นดู ก่อนที่เขาจะถามพวกเขาทั้งสามคน

“แล้วพวกเธอมาทำอะไรกันนะ?

“โทษทีรบกวนคุณโอลิแวนเดอร์ พอดี...” สก็อตเดินมาที่เคาน์เตอร์ พอกับหันสายตาไปมองอบิเกล

โอลิแวนเดอร์มองเด็กน้อย เขาก็หยิบขึ้นมาทันที “ไง สาวน้อยโตขึ้นเยอะเลยนะ”

“สวัสดีค่ะ คุณตาโอลิแวนเดอร์”

“หนูมาทำอะไรนะ”

“คุณอาเขาอยากให้หนูได้ไม้ใหม่เป็นตัวแทนไม้อันเดิมเวลาเรียนหนังสือนะคะ”

“โอ้...สมควรอย่างยิ่ง งั้นรอสักครู่นะ” โอลิแวนเดอร์ เดินออกจากตรงนั้นไปหาไม้กายสิทธิ์

“ไม่เรียกอาว่าพ่อแล้วเหรอ?สก็อตแอบแซวหลานสาวสักหน่อย

อบิเกลได้ยินถึงกับหันหน้าหนีด้วยใบหน้าที่เขินแดง “หึ!! ไม่มีวัน! น้าไม่แต่งงานหนูก็ไม่เรียกพ่อเด็ดขาด!!”

“หือ?สก็อตได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปชั่วขณะ

 

เดลล่าที่ได้ยินก็แอบคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะแต่งงานเนี่ยนะ สีหน้าเธอก็เศร้าหมองถ้าอีกฝ่ายแต่งงาน สก็อตยืนตัวตรงพร้อมกับหันหน้ามามองหญิงสาว เดลล่าที่กำลังคิดบางอย่างอยู่ก็หันมาสบตากับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าสงสัยว่าเขามองเธอทำไม จนสก็อตหันกลับมามองหลานสาวของเขา

 

“สัญญาแล้วนะว่าถ้าอาแต่งงานเราจะเรียกอาว่าพ่อนะ”

“หาคนที่อาอยากจะแต่งก่อนเถอะ! แต่คนแบบอาคงจะยากล่ะนะ”

“เหรอ? งั้นอาขอเดลล่าแต่งงานด้วยละกัน”

“เอ๋!?เดลล่าได้ยินถึงกับหน้าแดงในทันที

“เอ๋!!?อบิเกลหันหน้าไปมองอาของตนเองที่พูดแบบนั้นออกมา เธอถีบขาของอาทันที “จะบ้าหรือไง! มาพูดขอแต่งงานง่ายๆ แบบนี้ได้ไง! อารักเดลล่าหรือไง!? ไม่ได้รักอย่ามาพูดแบบนั้นนะ!!”

สก็อตดึงคอเสื้อด้านหลังของหลานสาวพร้อมกับตะโกนออกมา “รักสิ!”

คำคำนั้นของสก็อตทำเอาอบิเกลกับเดลล่าพากันอึ้งกันไปเลยจริงๆ สายตาของอบิเกลนั้นหันไปมองเดลล่าที่อึ้งจนจะช็อกกับคำพูดของฝ่ายชาย

“รัก...รักมากๆ ทำให้ฉันสงสัยมาตลอดว่า...ตัวเองกล้าปฏิเสธเธอได้อย่างไร” สก็อตพูดพร้อมกับหันไปมองเดลล่า

“บะ...บะ...บ้า! คนบ้า!! ทำไม…ทำไมถึงกล้าสารภาพออกมาแบบนั้น” เดลล่าพูดตะกุกตะกักจนสับสนไปหมด สก็อตวางหลานสาวลงพร้อมกับเดินไปหาอีกฝ่าย ”ตอนฉัน...ตอนฉันสารภาพกับนาย...ฉันใช้เวลา...แถมตาย...”

เขาเดินมาถึงตัวอีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าอีกฝ่ายเบาๆ “โทษนะที่ฉันเป็นพวกซื่อบื้อที่จะทำอะไรก็จะทำ โดยไม่สนใจอะไร แล้วก็...ฉันนะลำบากมาทุกครั้งก็มีเธออยู่ข้าง ฉันถึงพึ่งรู้ว่า...”

“รู้ว่า...”

“การมีเธอข้างๆ นั้นฉันมีความสุขแค่ไหน”

“อ๊า!” ใบหน้าของเดลล่าแดงก่ำขึ้นมาในทันที

“เฮ้อ...กว่าจะสารภาพรักกันได้ ใช้เวลาจังเลยนะคะ อาสก็อต” อบิเกลกอดเอวจ้องมองผู้ใหญ่สองคนกำลังอยู่ในมุมโมเมนต์แห่งความรัก

“อ๊ะ! แอ็บบี้! หรือว่าเธอ!!” สก็อตมองหลานสาวเหมือนรู้สึกว่าหลานวางแผนให้เขาสารภาพรักกับคนที่เขารัก

“หนูอบิเกล...”

“จะไปจดทะเบียนสมรสกันก่อนก็ได้นะ หนูจะเลือกไม้ ถ้าไม้เอลเดอร์เขายอมล่ะนะ”

“ไม่ต้องพูดประชดเลยนะ!” สก็อตเดินไปหาหลานสาวพร้อมกับจับหัวหลาน “อย่าลืมที่สัญญานะ ถ้าอาแต่งงานแล้วหลานต้องเรียกอาว่าพ่อนะ”

“ห๊า?อบิเกลขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกับจับมืออีกฝ่ายที่กำลังจับหัวเธอ “ไหน? ใบสัญญาล่ะ?

“อ๊ะ?สก็อตอึ้งกับคำพูดของหลานสาว “หมายความว่าไง?

“ก็ถ้าไม่มีใบสัญญาก็แปลว่าหนูไม่ได้พูดนี่น่า?

“ห๊า!! หลานยังพูดเมื่อกี้เลยนะว่าถ้าอาแต่งงานจะเรียกว่าพ่อนะ”

“เอ๋? ไม่มีพยานซะหน่อยนะ” อบิเกลทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เดลล่าเห็นการกัดกันของอาหลานคู่นี้ก็ขำขึ้นมา เธอเดินเข้าไปหาพร้อมกับเสนอตัวเป็นพยาน

“ฉันก็ได้ยินนะ อบิเกล”

“อ๊ะ! เดลล่า!” อบิเกลหันไปมองอีกฝ่ายอย่างตกใจที่อีกฝ่ายเสนอเป็นพยานซะงั้น “เดลล่ามาเป็นพยานไม่นับ”

“งั้นฉันก็ได้นะ” โอลิแวนเดอร์กลับมาพร้อมกับกล่องไม้กายสิทธิ์หลายกล่อง “เพราะฉันอยู่ในร้านเสียงมันก็ดังไปทั้งร้านนะ”

“...” อบิเกลจ้องมองอย่างวิตกกังวล

สก็อตฉีกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมาพร้อมกับหันหัวของหลานมามองเขา “เอาไงจ๊ะ ลูกรัก”

ใบหน้าของอบิเกลถอดสีทันทีที่อีกฝ่ายยิ้มแบบนั้น ทำเอาตัวเธอไปไม่พูดจริงๆ “งื้อออออออออ!! ก็ได้ เรียกพ่อก็พ่อ!!”

“หึๆ อยู่ด้วยกันมานานครั้งแรกเลยที่หลานเรียกอาว่าพ่อนะ” สก็อตตบหัวหลานสาวเบาๆ

 

อบิเกลกอดอกอย่างไม่ชอบใจที่ไม่ได้ชนะพนัน แต่ก็แอบดีใจที่อาทั้งสองคนคบกันได้สักที ระหว่างที่มองสองคู่รักใหม่กำลังเขินอายต่อกัน อบิเกลต้องมานั่งเลือกไม้สำหรับการเรียน เจอไม้แรกก็หักในทันที ทำเอาเธอเกลียดเลยว่าจะทำไงดีกับพลังบางอย่างที่มันทำให้เธอไม่สามารถใช้ไม้อื่นได้ เธอหันไปมองไม้ประจำตัวของเธอที่กำลังเลือกมากในการเลือกไม้ให้ เธอหยิบมันขึ้นแล้วพูดบางอย่างกับไม้

 

“ได้โปรดเถอะ ไม้เอลเดอร์ ถ้าแกไม่ให้ฉันเลือกไม้ แกอาจจะต้องโดนแย่งออกจากฉันก็ได้นะ ถ้าไม่ชอบอันไหนโปรดขยับก็พออย่าทำให้หัก ถ้าชอบก็อยู่นิ่งๆ ได้โปรดให้ฉันสามารถเลือกไม้ที่เหมาะสมกับฉันด้วยเถอะนะ!!”

อบิเกลพูดคุยกับไม้กายสิทธิ์จบ เธอวางมันลงพร้อมกับเลื่อนมือไปเลือกไม้กายสิทธิ์ตรงหน้าต่อ พวกผู้ใหญ่ตั้งใจดูสิ่งที่เด็กทำ

“ถ้าเด็กคนนี้โตขึ้นอาจจะได้เป็นช่างทำไม้กายสิทธิ์ก็ได้นะ”

“ไม่มีทาง คุณโอลิแวนเดอร์ หลานผมต้องได้เป็นสิ่งที่เขาอยากเป็นเช่นมือปราบมารก็ได้”

“พนันกับฉันไหมล่ะ เจ้าหนู”

“เอางั้นก็ได้นะ”

“ไม่ต้องมาพนันเรื่องหนูเลยนะ หนูโตขึ้น...” อบิเกลหันไปมองผู้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เธอจับจ้องมองอาของเธอก่อนจะหันหน้าหนีด้วยความเขิน “หนูจะเป็นเจ้าหน้าที่สัตว์วิเศษ!!”

“อ๊ะ...!” สก็อตอึ้งกับคำพูดของหลานสาวที่อยากเป็นเหมือนเขา ทำให้น้ำตาของเขาไหลออกมาจนต้องรีบเช็ด

 

อบิเกลไล่มือไปตามไม้กายสิทธิ์ที่เธอจะเลือก พอจะแตะอันไหนไม้กายสิทธิ์อันเดิมของเธอนั้นเอาแต่สั่ยไปมา จนกระทั่งเธอไปจับอันหนึ่งแล้วไม้มันไม่สั่นอีก เธอหยิบขึ้นมาไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอลองหันปลายไม้ไปที่หนังสือพร้อมกับสะบัดไม้ไปมา หนังสือก็ลอยขึ้นมาในทันที บ่งบอกว่าไม้กายสิทธิ์อันนี้ เธอสามารถใช้ไม้นี้ได้โดยไม่มีข้อกังขาอะไร

 

“ไม้มันได้เจ้าของใหม่แล้วสินะ”

อบิเกลได้ยินก็ต่างหันไปยิ้มให้พวกผู้ใหญ่ทันที “ค่ะ!!”

 

เวลาผ่านไปไม่ช้า สก็อตกับเดลล่าก็พาอบิเกลกลับบ้านโดยไม่ได้เลือกสัตว์เลี้ยงประจำตัวสำหรับไปโรงเรียนให้อบิเกล เพราะว่าเด็กน้อยมีสัตว์เลี้ยงเยอะอยู่แล้วที่บ้านของเธอตั้งแต่สัตว์ธรรมดาจนไปถึงสัตว์วิเศษ ก่อนกลับบ้านก็แวะที่หนึ่งที่สก็อตกับเดลล่าอยากไปให้มันเสร็จ นั้นก็คือสำนักทะเบียนเพื่อจดทะเบียนสมรสถึงจะแค่นัดหมายวันที่ต้องมาจดก็ทำให้อบิเกลมีความสุขแล้ว พวกเขาเคลื่อนย้ายกลับมาที่บ้าน อบิเกลเดินไปกอดพวกเขาทันที

 

“อีกไม่นานแล้วจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะคะ!!”

“ไม่ใช่ว่าเราเป็นมานานแล้วเหรอจ๊ะ? อบิเกล”

“ไม่รู้สินะ แม่เดลล่า”

“ฮิๆ” เดลล่ายังรู้สึกจั๊กจี้กับคำพูดอีกฝ่ายที่เรียกเธอว่าแม่

“อบิเกล...” สก็อตเรียกหลานสาวด้วยเสียงเบาๆ

“จริงสิ หนูว่าหนูไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่า อาสก็อต...เอ๊ย ไม่สิ พ่อสก็อต สั่งพิซซ่าให้หนูหน่อยนะ!”

“ตายแล้วสองคนนี้กินของไร้ประโยชน์อีกแล้วนะ”

“แต่มันก็อร่อยดีน่า หนูไปล่ะ!” อบิเกลรีบเดินขึ้นไปข้างบนชั้นสองของบ้านในทันใด

สก็อตมองหลานสาวด้วยสีหน้าเศร้าๆ เขาเดินไปข้างในห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆ เดลล่าอีกฝ่ายเดินคอตกเข้าไปข้างใน เธอเลยเดินตามเข้าไปพร้อมกับถามอีกฝ่าย

“สก็อต...เป็นอะไรเหรอ?

“ฉันรู้สึก...แย่นะ...ที่เด็กคนนั้นได้ยินที่พี่รอนพูดแล้ว กลับไม่ถามอะไรฉันเลยว่า...ฉันเกี่ยวข้องยังไงกับเรื่องที่พวกเขาพูดกัน...?”

“สก็อต...”

“ฉันไม่กล้าบอกเลยจริงๆ เดลล่า...ว่าฉันกับแฮร์รี่เกี่ยวข้องยังไง...”

 

จบตอนที่ 3 โปรดติดตามตอนที่ 4 ต่อไป